ตอนที่ 710 แผนการอันโหดร้าย
ตอนที่ 710 แผนการอันโหดร้าย
“เฮ้! นี่อย่าบอกนะว่านายกำลังติดอยู่ในร่างนั้นและไม่สามารถออกมาคุยกับฉันได้?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างจริงจัง เมื่อเห็นร่างของอันธยังคงนิ่งเฉยไม่ไหวติง
ถ้าหากว่าอันธไม่สามารถเคลื่อนไหวและไม่สามารถสื่อสารหลังจากหลอมรวมวิญญาณเข้ากับร่างได้ ปัญหานี้มันก็จะกลายเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก เพราะมันจะหมายความว่าเขาต้องสูญเสียผู้ช่วยคนสำคัญไปกว่าเทคโนโลยีการหลอมรวมร่างนี้จะถูกพัฒนาจนสมบูรณ์
“อีก 7 นาทีเดี๋ยวเขาก็ออกมาจากร่างกลร่างนั้นเอง อีกหนึ่งปัญหาที่พวกเราพบเจอคือเทคโนโลยีนี้จะหลอมรวมร่างเข้ากับวิญญาณอมตะเป็นเวลา 3 ชั่วโมงพอดิบพอดี ไม่สามารถเข้าหรือออกจากร่างก่อนเวลา 3 ชั่วโมงนี้ได้” โซฟีส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
โซฟีสงสัยมาโดยตลอดว่าเทคโนโลยีที่ลินนิจใช้ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะเข้ากับร่างกลมันคือเทคโนโลยีอะไร เธอจึงได้ทำการทดลองเทคโนโลยีนี้ร่วมกันกับอันธอยู่อย่างลับ ๆ และถึงแม้ว่าในปัจจุบันเธอจะพอพัฒนาเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาได้สำเร็จบ้างแล้ว แต่ความสำเร็จมันก็ยังคงห่างไกลจากการใช้งานจริง ซึ่งเธอกับอันธก็คงจะต้องค่อย ๆ พัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไป
เวลา 7 นาทีผ่านไปในพริบตา ร่างกลของอันธค่อย ๆ ผ่อนคลายลง โซฟีจึงเปิดหน้าอกของร่างกลนั้นและหยิบหินมัวร์สีแดงไปยื่นให้กับเซี่ยเฟย
“ให้ตายเถอะ! ฉันรู้สึกเหมือนกับตัวเองหายใจไม่ออกเลย หลังจากหลอมรวมเข้ากับร่างกลแล้วฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเข้ามาควบคุมตัวของฉันอยู่ เซี่ยเฟยนายช่วยดูทีสิว่ามันมีอะไรผิดพลาดตรงไหน? ทำไมฉันถึงพูดกับนายในระหว่างที่ฉันอยู่ในร่างกลไม่ได้?”
เมื่อได้เห็นอาการโวยวายของอันธ ซี่ยเฟยก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะถ้าหากอีกฝ่ายสามารถโวยวายออกมาได้แบบนี้ เทคโนโลยีการหลอมรวมร่างก็คงจะไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้กับวิญญาณตนนี้มากนัก
อันที่จริงอันธก็อยากจะได้รับร่างกลร่างนี้มาก เพราะหลังจากที่เขาได้กลายเป็นวิญญาณมาเป็นเวลานาน ช่วงเวลาแต่ละวินาทีมันจึงเต็มไปด้วยความน่าเบื่อมาก เพราะนอกเหนือจากการพูดคุยกับเซี่ยเฟยแล้ว เขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้อีกเลย
ด้วยเหตุนี้เองเมื่อเขามีโอกาสได้รับร่างกายร่างใหม่ เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก และถึงแม้ว่าร่างกายนั้นจะเป็นเพียงแค่ร่างกลของหุ่นยนต์ แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังคงทำให้อันธรู้สึกพึงพอใจอยู่ดี
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจที่จะช่วยเหลืออันธให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เพราะการช่วยวิญญาณตนนี้ก็เป็นเหมือนกับการที่เขาได้ช่วยตัวเองด้วยเช่นกัน ไม่ว่ายังไงอันธก็คือผู้ช่วยที่เขาไว้วางใจมากที่สุด การที่ผู้ช่วยของเขามีร่างกายเป็นของตัวเองจึงเป็นเรื่องที่มีแต่ประโยชน์สำหรับเขา
“ช่วยเอาแบบแปลนมาให้ฉันดูหน่อย เดี๋ยวฉันจะช่วยดูให้ว่ามันมีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้บ้างหรือเปล่า” เซี่ยเฟยกล่าว
—
เซี่ยเฟยทำงานจนลืมเวลา ซึ่งกว่าที่เขาจะออกมาจากห้องของโซฟีเวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านมานานกว่า 10 ชั่วโมงแล้ว
ระหว่างทางกลับเขาก็เพิ่งนึกออกว่าจุดประสงค์หลักที่เขาออกไปตามหาอันธ นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการจะปรึกษาเรื่องการใช้คริสตัลกลืนโลหิตเพื่อพัฒนาไปเป็นราชากฎ
“นี่ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง! ช่างมันเถอะตอนนี้อันธกับโซฟีน่าจะกำลังยุ่งอยู่ เอาเป็นว่าคราวนี้แก้ปัญหาด้วยตัวเองไปก่อนก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยส่ายหัวคิดกับตัวเองภายในใจ
แอวริลกับกระป๋องทำอาหารรอเซี่ยเฟยอยู่แล้ว เมื่อชายหนุ่มเดินทางกลับมาอาหารก็ถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะในทันที
ระหว่างมื้ออาหารแอวริลนั่งเท้าคางมองเซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้ม เพราะเธอรู้สึกว่าการดูชายหนุ่มเพลิดเพลินไปกับอาหารของเธอเป็นเรื่องที่ทำให้เธอมีความสุขมาก และตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอก็พยายามเรียนรู้เพื่อที่จะเป็นภรรยาที่ดีของชายหนุ่มในอนาคต
—
“นี่เธอยังไม่เลิกพูดเรื่องผู้หญิงคนอื่นอีกงั้นเหรอ? พวกเราเลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
แอวริลยื่นนิ้วออกไปปิดปากชายหนุ่มเอาไว้ไม่ให้เซี่ยเฟยพูดต่อ
“ว่าแต่เธอฝึกฝนพลังกฎที่ฉันมอบให้ไปถึงไหนแล้ว?” เซี่ยเฟยถามเกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งชีวิต เพราะมันเป็นพลังที่จะทำให้หญิงสาวมีชีวิตยืนยาว ชายหนุ่มจึงค่อนข้างที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้พอสมควร
“ฉันผ่านขั้นแรกไปได้แล้ว” แอวริลกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
“เยี่ยมไปเลย! ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะให้รางวัลใหญ่กับเธอก่อนที่ฉันจะออกเดินทาง” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตื่นเต้น
“นี่นายจะไปอีกแล้วเหรอ?” แอวริลกล่าวถาม
“อืม ฉันจะออกเดินทางพรุ่งนี้” เซี่ยเฟยตอบ
ทีมซุยเซนจะเริ่มปฏิบัติการในวันพรุ่งนี้แล้ว และด้วยข้อจำกัดของระบบเรดาร์แบล็คแบทที่สามารถเชื่อมต่อการสื่อสารได้ภายในพื้นที่ดินแดนกฎเท่านั้น เขาจึงจำเป็นจะต้องกลับไปที่แดนเนรเทศเพื่อคอยฟังความคืบหน้าของปฏิบัติการ
นอกจากนี้เขายังวางแผนที่จะค้นหาสถานที่อันเงียบสงบ เพื่อทำการฝึกฝนระหว่างรอพวกซุยเซนจัดการเรื่องนี้ไปอีกด้วย
—
ดินแดนเนรเทศมีขอบเขตที่กว้างใหญ่มาก และหลาย ๆ พื้นที่ก็เป็นพื้นที่ที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ เซี่ยเฟยจึงเลือกหุบเขาอันเงียบสงบแห่งหนึ่งเพื่อเตรียมพร้อมจะเลื่อนขั้นขึ้นสู่ระดับราชากฎ
เซี่ยเฟยเลือกถ้ำแห่งหนึ่งที่ปากถ้ำถูกปกคลุมไปด้วยพุ่มไม้ ซึ่งหลังจากที่เขาปูเบาะนั่งบนพื้นดินแล้วเขาก็นั่งลงเพื่อเตรียมพร้อมจะทะลวงระดับครั้งสำคัญ
“ถ้ำนี้มีขนาดใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว พื้นถ้ำก็แข็งแรงมาก อากาศภายในถ้ำก็มีการระบายที่ค่อนข้างดี ถือว่าถ้ำนี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการทะลวงระดับของนายในครั้งนี้เลย”
“ขั้นตอนหลังจากนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก และนายก็ไม่มีโอกาสที่จะผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย ฉันคิดว่านายควรทำสมาธิให้ดี ๆ แล้วขจัดความกังวลทุกอย่างออกไปก่อนเริ่มทำการฝึกฝนดีกว่า ในระหว่างที่นายกำลังทะลวงระดับมันจะได้ไม่มีเรื่องอะไรเข้ามากวนใจนาย” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยคิดอยู่พักหนึ่งและเขาก็ได้พบว่าสิ่งที่เขากำลังกังวลอยู่ในขณะนี้คือความคืบหน้าของพวกซุยเซน ที่เขาไม่รู้ว่าพวกนั้นเตรียมการไปจนถึงขั้นไหนแล้ว ชายหนุ่มจึงหยิบระบบเรดาร์แบล็คแบทขึ้นมาเพื่อทำการติดต่อไปยังคาเซะ
เมื่อภาพของเครื่องสื่อสารสว่างขึ้นมันก็เผยให้เห็นภาพของร่างชายชราที่ผมเผ้าเป็นสีขาว บนใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่นเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน เขาจึงรู้ได้ในทันทีว่าร่าง ๆ นี้จะต้องเป็นร่างที่คาเซะกำลังปลอมตัวอยู่อย่างแน่นอน
“ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหน?” เซี่ยเฟยถาม
“อยู่ในโรงแรมของตระกูลหยู” คาเซะกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปด้านหลังเผยให้เห็นห้องพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน
“พิธีมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลน่าจะเป็นวันพรุ่งนี้ ตอนนี้พวกคุณเตรียมตัวกันพร้อมแล้วหรือยัง?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ตระกูลหยูไม่ใช่ตระกูลใหญ่และพวกเขาก็อาศัยอยู่บนยานรบ การป้องกันภัยของพวกเขาจึงแย่กว่าที่กลุ่มดาวม้าขาวมาก ตอนนี้คนของเราเตรียมการทุกอย่างพร้อมจนหมดแล้ว และคืนนี้พวกเราก็จะเริ่มดำเนินการตามแผนที่วางเอาไว้” คาเซะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเชื่อว่าหยูจินกับหยูเผิงคงจะไม่คิดอะไร แต่หยูฮัวเป็นพวกระมัดระวังตัวสูงมาก จำเอาไว้ว่าแผนการทุกอย่างต้องดำเนินไปอย่างระมัดระวัง” เซี่ยเฟยพยายามเน้นย้ำอีกครั้งว่าให้ระวังหยูฮัวเอาไว้ให้ดี ๆ
“ไม่ต้องห่วง พวกเราได้เตรียมแผนรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ เอาไว้หมดแล้ว ครั้งนี้พวกเราพร้อมที่จะพลิกแผ่นดินออกมาเพื่อตีกระต่ายที่ซ่อนอยู่ในรู” คาเซะกล่าว
เซี่ยเฟยมีคติประจำใจที่ว่าใครก็ตามที่ทำให้เขาไม่มีความสุข คนคนนั้นก็จะต้องไม่มีความสุขเหมือนกับเขาด้วย เมื่อพวกหยูฮัวทำให้เขากับแอวริลต้องหลบซ่อนตัวจนออกไปไหนอย่างเปิดเผยไม่ได้ เขาก็พร้อมที่จะทำให้หยูฮัวรู้สึกอับอายในช่วงเวลาสำคัญมากที่สุดเช่นกัน
ใช่แล้ว! แผนการครั้งนี้มันไม่ใช่แผนการสังหาร แต่มันเป็นแผนการที่จะทำให้หยูฮัวต้องอับอายขายขี้หน้า
เซี่ยเฟยอดทนรอวันนี้มานานมาก ซึ่งถ้าหากว่าเขาเริ่มลงมือในก่อนหน้านี้เขาก็สามารถสร้างความอับอายให้กับหยูฮัวได้ด้วยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามความอับอายในวันก่อนหน้านั้นมันก็จะไม่ใช่ความอับอายในระดับสูงที่สุด เขาจึงตั้งใจวางแผนที่จะลงมือในวันที่หยูฮัวกำลังจะขึ้นครองตำแหน่งเป็นผู้นำของตระกูล
เมื่อเซี่ยเฟยนึกถึงใบหน้าของหยูฮัวที่จะถูกเปิดเผยออกมาในวันพรุ่งนี้ เขาก็อดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้
“การพลิกแผ่นดินเป็นเรื่องง่าย ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกคุณสามารถตีกระต่ายได้หรือเปล่า ถ้าฉันเดาไม่ผิดปฎิบัติการครั้งนี้พวกเราคงจะไม่ได้ตีโดนกระต่ายเท่านั้น แต่มันคงจะมีพวกสัตว์อื่น ๆ ที่หลบอยู่ในรูได้รับผลกระทบไปด้วย”
“จำเอาไว้ว่าแผนการครั้งนี้การพลิกแผ่นดินไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด แต่จุดหมายสำคัญของพวกเราคือการตีกระต่ายที่ชอบซ่อนตัวอยู่ในรูต่างหาก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากให้คำแนะนำเพิ่มเติมเซี่ยเฟยก็ตัดการเชื่อมต่อไปพร้อมกับนั่งคิดเรื่องในคราวนี้อยู่สักพัก
“นายมีหลักฐานอะไรที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้งั้นเหรอ? แล้วถ้าหากว่านายมีหลักฐานทำไมนายถึงไม่เอามันมาเปิดเผยเร็วกว่านี้?” โอโร่ถามอย่างสงสัย
“นี่คุณลืมไปแล้วหรือว่าชุดเกราะต่อสู้ทุกชุดต่างก็มีกล้องความเร็วสูงติดตั้งเอาไว้ เพื่อช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถศึกษารายละเอียดการเคลื่อนไหวของตัวเองได้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นี่ฉันลืมเรื่องแบบนี้ไปได้ยังไง ชุดเกราะชาร์ปเลสของนายคงจะบันทึกเหตุการณ์ทุกอย่างเอาไว้ทั้งหมด และนายก็คงคิดจะใช้หลักฐานนี้ในการตบหน้าพวกมันกลับไปสินะ…”
“อ่า… นายนี่มันร้ายกาจจริง ๆ แท้ที่จริงนายก็จงใจซ่อนหลักฐานเอาไว้นานแล้ว และรอที่จะเปิดเผยหลักฐานพวกนั้นออกมาในวันที่หยูฮัวคิดว่าแผนการทุกอย่างกำลังจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี”
“การที่หลักฐานถูกเปิดเผยในวันที่เขากำลังจะก้าวเท้าขึ้นตำแหน่งผู้นำตระกูล มันคงจะทำให้เขารู้สึกเหมือนกับการถูกถีบตกลงมาจากสวรรค์ในวินาทีสุดท้าย คราวนี้ฉันว่าหยูฮัวคงจะเกลียดนายไปจนตาย เผลอ ๆ แม้แต่ลูกหลานของนายก็คงจะถูกเขาสาปแช่งไปชั่วกัปชั่วกัลป์” โอโร่กล่าวอย่างขนลุกเมื่อตระหนักได้ถึงแผนการอันชั่วร้ายของชายหนุ่ม
“ผมไม่เคยไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใครก่อน แต่ถ้าหากว่าใครมาสร้างความเดือดร้อนให้กับผม ก็อย่าหาว่าผมไร้ปรานีก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
***************
อื้อหือ หยูฮัวรอรับของแสดงความยินดีจากพี่เฟยได้เลย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 259
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น