ตอนที่ 709 ร่างกล
ตอนที่ 709 ร่างกล
วัตถุโบราณทุกชิ้นต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สามารถทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสนใจได้อย่างแน่นอน และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พบกับวัตถุโบราณใด ๆ จริง ๆ แต่การเดินทางไปยังสถานที่ลึกลับแห่งนั้นก็ยังถือว่าเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากมากอยู่ดี
เซี่ยเฟยเป็นพวกขี้สงสัยมาโดยตลอด เขาจึงตั้งตารอที่จะเดินทางไปสำรวจสนามรบโบราณที่ทั้งสองเผ่าพันธุ์ได้ใช้ในการห้ำหั่นกันด้วยตาของตัวเอง
“ถึงแม้ว่าสนามรบโบราณจะไม่ได้ถูกใช้งานอีกต่อไปแล้ว แต่ตัวสนามรบก็ยังคงถูกเปิดออกทุก ๆ 10 ปีอยู่เหมือนเดิม เข็มทิศมิติชิ้นนั้นเป็นสมบัติที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ และในยุคปัจจุบันมันก็มีเหลืออยู่ไม่มากแล้ว”
“ผู้ที่ถือครองเข็มทิศมิติที่จะนำไปสู่สนามรบโบราณเหลือเพียงแค่ตระกูลขนาดใหญ่เท่านั้น และทุก ๆ 10 ปีทุก ๆ ตระกูลก็จะระดมกองกำลังเข้าไปสำรวจสนามรบโบราณ เพื่อหวังว่าพวกเขาจะได้พบสมบัติที่ถูกทิ้งเอาไว้ตั้งแต่ในสมัยโบราณ”
“อุปกรณ์หลาย ๆ ชิ้นที่นักรบในสมัยโบราณใช้มีความซับซ้อนมาก และถ้าหากว่าใครได้พบวัตถุโบราณพวกนั้น มันก็อาจจะทำให้พวกเขาได้รับสมบัติประจำตระกูลชิ้นใหม่มาได้เลย แต่เดิมพวกเราชาวไลอ้อนฮาร์ทมีเข็มทิศมิติของสนามรบโบราณอยู่ทั้งหมด 7 ชิ้น แต่อยู่มาวันหนึ่งพวกเราก็ถูกซุ่มโจมตีจนเหลือเข็มทิศมิติชิ้นนี้เพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น” โอโร่กล่าว
“นี่คือเหตุผลที่คุณต้องการให้ผมคืนเข็มทิศมิตินี้ไปที่ตระกูลของคุณสินะ เพราะถ้าหากเข็มทิศมิตินี้หายไป ตระกูลไลอ้อนฮาร์ทก็จะไม่สามารถเข้าสู่สนามรบโบราณได้อีกต่อไป แต่มันมีเรื่องบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ คุณเป็นหนึ่งในจอมมารชั้นสูงไม่ใช่เหรอแล้วทำไมคุณถึงจะต้องสนใจสนามรบโบราณเล็ก ๆ แบบนี้ด้วย?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“เรื่องบางอย่างนายก็ควรจะต้องเห็นด้วยตาของตัวเองนายถึงจะเข้าใจ” โอโร่กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างลึกลับ
เซี่ยเฟยพยายามสรุปเรื่องที่โอโร่บอก แล้วเขาก็ได้ค้นพบว่าสนามรบโบราณน่าจะเป็นสถานที่ที่ลึกลับมากและมันก็เป็นสถานที่ที่สำคัญสำหรับราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ท
น่าเสียดายที่ช่วงเวลาการเปิดสนามรบโบราณยังมาไม่ถึง เขาจึงยังไม่สามารถเปิดใช้งานเข็มทิศมิติชิ้นนี้ได้ เขาจึงเก็บเข็มทิศมิติสีเงินเข้าไปไว้ในแหวนมิติก่อน หลังจากนั้นเขาก็ได้จ้องมองไปยังคริสตัลกลืนโลหิต
‘เอาล่ะ ได้เวลาพัฒนาไปเป็นราชากฎสักที’ เซี่ยเฟยคิดอย่างตื่นเต้นภายในใจ
—
เกาะลอยฟ้าของควินซี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการฝึกฝน เซี่ยเฟยจึงเปิดใช้งานเข็มทิศมิติเพื่อนำพาตัวเขากับเซธตรงไปยังดินแดนลับของพวกหุ่นยนต์
การเดินทางไปยังแดนเนรเทศในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ประสบความสำเร็จมาก เพราะนอกเหนือจากเขาจะโน้มน้าวให้พวกซุยเซนมาทำงานให้กับเขาได้แล้ว เขายังสามารถสังหารควินซี่และพาทาสระดับราชากฎกลับมาได้อีกด้วย
“นี่มัน... ที่ไหน?” เซธอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เมื่อเขาได้เห็นบ้านเมืองที่เจริญรุ่งเรือง
ภายในเมืองเต็มไปด้วยการตกแต่งอย่างมากมาย และมีหุ่นยนต์สัญจรผ่านไปผ่านมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งตลอดชีวิตที่ผ่านมาเซธก็ไม่เคยเห็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบนี้มาก่อน
“นายจะต้องอยู่ที่นี่ไปจนกว่าฉันจะมอบหมายงานใหม่ให้กับนาย” เซี่ยเฟยกล่าวออกคำสั่ง
ความแข็งแกร่งของเซธไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรเขาได้มากนัก และในก่อนหน้านี้ที่เขาได้พาทาสคนนี้ไปด้วย นั่นก็เพราะว่าเซธคือคนประจำถิ่นของแดนเนรเทศ แต่เมื่อเขาต้องออกเดินทางไปยังสถานที่แห่งอื่นชายฉกรรจ์คนนี้จึงมีความสำคัญลดน้อยลง
เมื่อได้ยินข่าวการกลับมาของเซี่ยเฟย แอวริล, โซฟี, มอร์โรว์และวอร์สตาร์ต่างก็รีบเข้ามาทักทายชายหนุ่มในทันที แต่เซี่ยเฟยกลับไม่สังเกตเห็นอันธอยู่ท่ามกลางคนที่รีบเข้ามาต้อนรับเขาด้วย
“เขาชื่อเซธ เป็นทาสคนใหม่ของฉันเอง พวกนายช่วยจัดการหาที่อยู่ให้กับเขาหน่อยได้ไหม? ส่วนเรื่องที่เหลือเดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดการเอง” เซี่ยเฟยหันไปพูดกับวอร์สตาร์
วอร์สตาร์พยักหน้ารับก่อนที่จะพาเซธออกไปเพื่อเปิดทางให้เซี่ยเฟยพูดคุยธุระสำคัญได้อย่างสบายใจ ซึ่งชายฉกรรจ์ก็รู้ดีว่าเรื่องบางเรื่องทาสแบบเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้
หลังจากนั้นไม่นานวอร์สตาร์ก็กลับมาพร้อมกับความประหลาดใจที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ทาสของคุณมีพลังระดับราชากฎเลยงั้นเหรอ?” วอร์สตาร์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ใช่ เซธมีพลังระดับราชากฎและเขาก็เชี่ยวชาญในการใช้กฎแห่งสสาร” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
คำตอบของเซี่ยเฟยทำให้แอวริลชะงักค้างไปเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะมองไปที่ชายหนุ่มด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่อยากให้ผู้ชายของตัวเองประสบความสำเร็จ และการที่เซี่ยเฟยเอาทาสระดับราชากฎกลับมาได้ มันก็สามารถพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าแฟนหนุ่มของเธอคนนี้มีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังมีกองทัพหุ่นยนต์หลายร้อยล้านตัวอยู่ภายใต้การปกครอง ซึ่งถ้าหากจะวัดกันในเรื่องของฐานอำนาจจริง ๆ ในตอนนี้ไทสันที่เป็นประธานพันธมิตรมนุษย์ก็คงจะมีอำนาจเทียบกับเซี่ยเฟยไม่ได้
“ทาสระดับราชากฎมีประโยชน์มาก ถ้าหากว่าคุณเดินทางออกไปจากที่นี่ก็อย่าลืมเอาเขาเดินทางไปช่วยด้วยล่ะ” มอร์โรว์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่กังวล
มอร์โรว์เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีความคิดที่ค่อนข้างรอบคอบ และความกังวลของเขาก็เกิดขึ้นมาจากความแข็งแกร่งของทาสคนนี้
ท้ายที่สุดถ้าหากเซธเกิดอาละวาดขึ้นมา แม้แต่วอร์สตาร์ก็ไม่มีทางที่จะหยุดชายฉกรรจ์คนนี้เอาไว้ได้ และถึงแม้ว่าพวกหุ่นยนต์จะไม่หวาดกลัวความตาย แต่แอวริลที่อาศัยอยู่ในดินแดนลับแห่งนี้ก็มีความสำคัญแตกต่างจากพวกเขา
“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก ในเมื่อฉันกล้าพาเขามาที่นี่ ฉันก็กล้ารับประกันได้ว่าเขาจะไม่มีวันสร้างปัญหาให้กับทุกคน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ว่าแต่คุณมีแผนที่จะจัดการกับทาสคนนั้นยังไง?” มอร์โรว์กล่าวถามหลังจากหยุดคิดอยู่ชั่วครู่
“ฉันว่าจะส่งเขาไปหาชาร์ลี เพราะถึงแม้ราชากฎจะไม่ค่อยมีบทบาทสำคัญในดินแดนกฎเท่าไหร่นัก แต่สำหรับบริษัทควอนตัมเขาก็น่าจะเป็นบอดี้การ์ดที่ดีพอสมควร” เซี่ยเฟยกล่าว
“ที่นี่มีกองกำลังชั้นยอดคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา แต่ทางฝั่งของชาร์ลีมีการป้องกันที่เบาบางกว่ามาก ถ้าคุณส่งเซธไปช่วยคุ้มกันเขา ฉันก็เชื่อว่าทั่วทั้งพันธมิตรมันจะไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องบริษัทควอนตัมของคุณอีกต่อไป” วอร์สตาร์กล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ถึงแม้ว่าจะไม่มีเซธคอยปกป้อง แต่ตอนนี้มันก็ไม่มีใครกล้าที่จะสร้างปัญหาให้กับบริษัทควอนตัมอยู่แล้ว นอกจากนี้พวกเรายังแฝงสายลับอยู่ทั่วทั้งพันธมิตร หากมันมีอะไรเกิดขึ้นพวกเราก็พร้อมที่จะช่วยเหลือชาร์ลีได้ตลอดเวลา”
“ฉันคิดว่าคุณควรจะมอบเซธเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้กับคุณหนูแอวริลมากกว่า อย่างน้อยคุณหนูก็จะได้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น” มอร์โรว์กล่าวเสนอแผนการขึ้นมาใหม่
ท้ายที่สุดเขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่เซี่ยเฟยให้ความสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของแอวริล เขาจึงคิดว่าการที่เซธไปเป็นบอดี้การ์ดของแอวริลน่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า
“ไม่ว่ายังไงฉันก็จะพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อปกป้องแอวริลอยู่แล้ว ตราบใดก็ตามที่ฉันยังอยู่เธอก็ไม่มีทางที่จะได้รับอันตรายใด ๆ หรอก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
คำตอบของชายหนุ่มทำให้บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นตกอยู่ภายใต้ความเงียบงันในทันที แม้แต่โซฟีที่ไม่เข้าใจเรื่องความรักก็ยังสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่ชายหนุ่มได้แสดงออกมา
แอวริลก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมกับหยดน้ำตาหลายสายที่เริ่มไหลรินออกมา ก่อนที่เธอจะรีบเอาใบหน้าไปซุกเข้ากับหน้าอกของเซี่ยเฟยด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความสุข
—
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะรักแอวริลมากแต่เขาก็มักที่จะยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเองอยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องการที่จะปรึกษาเรื่องการใช้คริสตัลกลืนโลหิตกับอันธก่อน ซึ่งแอวริลก็คุ้นเคยกับเรื่องนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เธอจึงไม่คิดที่จะเหนี่ยวรั้งชายหนุ่มเอาไว้
“เดี๋ยวฉันไปบ้านโซฟีแป๊บหนึ่ง เธอรอฉันก่อนนะ” เซี่ยเฟยกล่าวกับแอวริล
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะเตรียมบะหมี่ผัดของโปรดของนายเอาไว้ให้” แอวริลกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ฉันกำลังหิวอยู่พอดี ถึงแม้ว่าฉันจะเคยกินอาหารมาหลายชนิดแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีอะไรสู้บะหมี่ผัดได้จริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่เซี่ยเฟยเดินทางไปจนถึงบ้านของโซฟีแล้ว ร่างจำลองของเทพธิดาแห่งเหล่าหุ่นยนต์ก็หันมาพูดกับชายหนุ่มว่า
“บางครั้งฉันก็อิจฉาคุณกับแอวริลจริง ๆ ทำไมพ่อของฉันถึงไม่เขียนโปรแกรมจำลองความรักมาให้กับพวกเราด้วยนะ?”
“ความรักมันไม่ใช่ความรู้สึกที่จะเขียนโปรแกรมขึ้นมาง่าย ๆ หรอกนะ ความรักมันเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนมาก จนแม้แต่ฉันก็คงจะไม่สามารถเขียนโปรแกรมที่จำลองความรักขึ้นมาได้” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
“ความรักมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนขนาดนั้นเลยเหรอ?” โซฟีถามด้วยความสับสน
“ใช่ มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก” เซี่ยเฟยกล่าวตอบง่าย ๆ และไม่ต้องการที่จะพูดคุยเรื่องความรักกับโซฟีอีกต่อไป
“ว่าแต่เธอกับอันธกำลังทำอะไรกันอยู่ ทำไมเขาถึงยังไม่ออกมา?” เซี่ยเฟยถามเปลี่ยนเรื่อง
“เรื่องนั้นเดี๋ยวคุณก็รู้เอง” โซฟีกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้นเซี่ยเฟยกับโซฟีก็เดินมาจนถึงห้องพักของโซฟี ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปยังด้านในอย่างคุ้นเคย
“อันธ นายอยู่ไหน?”
หุ่นยนต์ไม่จำเป็นจะต้องพักผ่อน ห้องพักของโซฟีจึงเป็นเหมือนกับห้องที่เอาไว้สำหรับทำการวิจัยมากกว่า ภายในห้องจึงเต็มไปด้วยเครื่องจักรอุปกรณ์และกล่องวัสดุอย่างมากมาย เพื่อเอาไว้ให้เธอได้หยิบใช้เพื่อทำการทดลองในเรื่องที่เธอกำลังสนใจอยู่ในขณะนั้น
เซี่ยเฟยพยายามมองหาร่างของอันธทั่วห้อง แต่เขาก็ไม่เห็นเงาของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แต่ในทันใดนั้นเองเขาก็ได้พบกับหุ่นยนต์ร่างผอมบางที่มีความสูงไม่ถึง 1 เมตร แต่หุ่นยนต์ตัวนี้กลับมีกลิ่นอายที่น่ากลัวแผ่ออกมาจากร่างกายของมัน
เซี่ยเฟยเดินเข้าไปสังเกตหุ่นยนต์ร่างนั้นอย่างระมัดระวัง ขณะที่โซฟียืนมองชายหนุ่มจากประตูด้วยรอยยิ้ม
“นี่เธอสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะเข้ากับเครื่องจักรได้แล้วงั้นเหรอ? เฮ้! อันธ!! ทำไมนายถึงไม่พูดกับฉันล่ะ?” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากตรวจสอบหุ่นยนต์ที่อยู่ตรงหน้า
ก๊อง ๆ ๆ
ชายหนุ่มยื่นมือออกไปเคาะหัวหุ่นยนต์เบา ๆ แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่เหมือนเดิม
“จากข้อมูลที่พวกเรามีฉันกับอันธเลยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีหลอมรวมวิญญาณขั้นต้นได้สำเร็จ แต่เทคโนโลยีนี้มันยังคงห่างไกลจากความสมบูรณ์ ดังนั้นถึงแม้ว่าอันธจะหลอมรวมเข้ากับร่างของหุ่นยนต์ได้ แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถพูดคุยหรือขยับตัวในระหว่างที่อยู่ในร่างของหุ่นยนต์ได้อยู่ดี” โซฟีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ท้ายที่สุดอันธก็เป็นทั้งเพื่อนและเป็นทั้งที่ปรึกษาที่เขาสนิทใจมากที่สุด ซึ่งถ้าหากว่าอดีตนักฆ่าคนนี้มีร่างกายเป็นของตัวเอง อันธก็คงจะช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ เขาได้อีกเยอะมาก
อย่าลืมว่าอันธคือนักปรุงยาที่เก่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอ ดังนั้นถ้าอันธคอยปรุงยาให้กับเขาในเวลาว่าง มันก็เท่ากับว่าเซี่ยเฟยจะมีนักปรุงยาชั้นยอดมาคอยให้บริการเป็นการส่วนตัว
ถ้าหากว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องเสียเวลาไปให้กับการปรุงยาแล้ว เขาก็จะสามารถนำเวลาพวกนั้นไปอุทิศตัวให้กับการฝึกฝนได้ นอกจากนี้สาขาวิชาที่เขาเลือกฝึกฝนยังเป็นสาขาวิชาที่หลากหลายเป็นอย่างมาก สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในปัจจุบันนั่นก็คือเวลาที่ต้องจัดสรรไปฝึกฝนในเรื่องต่าง ๆ นั่นเอง
“เฮ้! นี่อย่าบอกนะว่านายกำลังติดอยู่ในร่างนั้นและไม่สามารถออกมาคุยกับฉันได้?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างจริงจัง เมื่อเห็นร่างของอันธยังคงนิ่งเฉยไม่ไหวติง
***************
อ้าว อย่าบอกนะว่าเข้าไปแล้วออกไม่ได้?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 301
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น