จดหมายลอยตามลม ฉบับสอง: เรื่อง "กฎแห่งกรรม" ที่เธอรู้เป็นอย่างนี้ไหม?

-A A +A
จดหมายลอยตามลม ฉบับสอง: เรื่อง "กฎแห่งกรรม" ที่เธอรู้เป็นอย่างนี้ไหม?

จดหมายลอยตามลม ฉบับสอง: เรื่อง "กฎแห่งกรรม" ที่เธอรู้เป็นอย่างนี้ไหม?

สวัสดีเคียงรัก เพื่อนรักสุดสายลมถึง

      ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เธอสบายดีอยู่หรืออย่างไรเคียงรัก สำหรับฉัน ชีวิตก็มีทั้งสุขทุกข์ปนเปกันไปในแต่ละวัน แต่ดีที่ทุกข์นั้นไม่แสนสาหัส จึงพอประคองใจ กาย ให้ผ่านพ้นมาได้จนถึงตอนนี้ สุขทุกข์มันอยู่ที่ใจ แต่ปัจจัยภายนอก เช่น สภาพแวดล้อม ผู้คนที่พบปะ และเหตุการณ์ต่างๆนานาที่ต้องเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้นั้น ก็เป็นสาเหตุสำคัญไม่น้อยที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเราๆคนธรรมดาจริงมั้ย แล้วเธอเคยสงสัยรึเปล่าว่าอะไรคือเบื้องหลังที่กำหนดให้พวกเราเจออะไรมากมายเหล่านี้

      หลายคนบอกว่าเชื่อในวิทยาศาสตร์ เพราะวิทยาศาสตร์มีความเป็นเหตุ เป็นผล พิสูจน์ได้ แต่ทำไมบางทีเขาก็เลือกจะคิดว่า อะไรบางอย่างที่บันดาลให้คนเราเจอเรื่องแบบนั้น แบบนี้ มันคือความบังเอิญ ซึ่งค่อนข้างจะหาเหตุผลเป็นที่ประจักษ์ไม่ได้ ถ้าจักรวาลนี้เป็นวิทยาศาสตร์ ก็น่าที่จะมีคำตอบให้สิ

      อันที่จริง จักรวาลมีคำตอบในตัวมัน อยู่ที่ว่าใครจะสังเกต เรียนรู้ จนประจักษ์แจ้ง จะว่าไป โลกใบนี้ก็มีหลายชุดความรู้ที่ต่างอ้างกันว่า ความรู้ของฉันนี้สิจริงแท้ แต่เคียงรัก ถ้าเธอกำลังสงสัยอย่างที่ฉันกำลังต้องการให้เธอคิดตาม ฉันก็มีชุดความรู้หนึ่งที่คิดว่าน่าสนใจทีเดียว ฉันแค่มาเล่าให้ฟังนะ ส่วนเธอจะเห็นคล้อยตามกับความรู้เหล่านี้มั้ย ก็สุดแต่วิจารณญาณของเธอนะ

      ชุดความรู้หนึ่ง ให้เครดิตว่า เราเป็นผู้กำหนดชีวิต หมายถึงเราทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น ซึ่งถ้าคิดดีๆ เธอคงเห็นตามได้จากตัวเธอเอง เธอเลือกเองว่าจะรับอะไรเข้าสู่ใจ กาย ไม่ว่าชุดความคิด ความเชื่อ การอุปโภคบริโภคการเสพสื่อ การคบเพื่อน  เป็นเธอเองที่พาตัวไปอยู่ในที่ต่างๆ สิ่งที่เธอตัดสินใจเองทั้งหมดจะนำมาสู่สิ่งที่เธอต้องได้รับ กล่าวคือ เมื่อเลือกเชื่อว่าการเอาชนะโดยไม่สนกฎเกณฑ์เป็นสิ่งที่ทำได้ ก็จะเกิดการทำร้ายคู่แข่งแบบไม่นึกถึงความเมตตา สิ่งที่ตามมาคือการแก้แค้นกันไม่จบสิ้น  เมื่อเลือกอยู่บ้าน อยู่ที่พัก ทำงาน ไม่ออกไปเที่ยวกลางคืน สิ่งที่ได้รับก็คือ การได้สะสางงาน มีงานส่งตามกำหนด ไม่ถูกตำหนิ หักคะแนน หรือถ้าเป็นวัยทำงาน ก็ไม่ถูกหักเงินเดือน ปลอดภัยจากภัยกลางคืนต่างๆ เรื่องที่ยกตัวอย่างมานี้ เธอคงยอมรับว่ามันจริงใช่มั้ยเคียงรัก เธอพิสูจน์ได้จากการกระทำของเธอเอง และมันเป็นสากล เมื่อทุกคนเลือกเชื่อ เลือกทำอย่างไร ย่อมต้องมีผลตามมาเสมอเหมือนกันทั้งสิ้น ซึ่งชุดความรู้ที่อธิบายแบบนี้ นั่นก็คือ หลักคำสอนในพุทธศาสนา เรื่องการทำงานของกฎแห่งกรรม นั่นเองเคียงรัก

      คราวนี้สิ หลายคนที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องการทำงานของกฎแห่งกรรมมักไม่เข้าใจกับเรื่องเหนือคาด เรื่องที่ควรเป็นไปตามกฎ แต่ทำไมถึงไม่เป็นตามนั้น เช่น ทำดีแทบตายไฉนไม่ได้ดีสักที

      เธอเคยประสบอะไรแบบนี้มาก่อนมั้ยเคียงรัก แต่เท่าที่ฉันรู้ มีหลายคนมักตัดพ้อกับชีวิตแบบนี้ เอาอย่างนี้ดีกว่า ฉันยกตัวอย่างเรื่องของทำชั่วได้ดีก่อนแล้วกัน ฉันไม่รู้นะ ว่าคนที่คิดว่าทำดีไม่ได้ดี เขาจะคิดว่าทำชั่วแล้วได้ดีกันรึเปล่า ถ้าเขาคิด ฉันก็สงสัยว่า เอ แล้วทำไมบทสรุปสุดท้ายของคนไม่ดีคือความทุกข์ล่ะ ดูอย่างคนเจ้าชู้ คนนิสัยเสีย คนไม่รู้จักรักคนอื่น ใครก็ว่าทำไมเขาจึงได้คนดีๆเป็นแฟน ไม่หรอก สุดท้ายก็ไม่มีใครทนเขาได้จริงๆ ถ้าคนที่อยู่เคียงข้างเขาไม่เหลืออด ทิ้งไป เขาก็ต้องลงมือทำร้ายคนใกล้ชิดให้พินาศ ไม่ตาย ก็เลี้ยงไม่โตนั่นแหละ ผลที่ตามมาคืออะไร ถ้าไม่จบด้วยการฆ่าตัวตายตาม หรือติดคุก ติดคุกออกมาเริ่มใช้ชีวิตใหม่หางานยากอยู่นะ ยิ่งคดีร้ายแรง คนในสังคมจะให้โอกาสดีๆอีกครั้งซักเท่าไหร่ คราวนี้จะอยู่ยังไง ไม่เครียดแย่หรือ  อย่างคนรวยบางคน โกงได้ โกงเอา กดขี่ได้ กดขี่เอา ทำไมยังมีความสุขอยู่ได้ในสังคมโก้หรู ฉันก็สงสัยนะว่า ที่ใครๆเห็นน่ะ แค่ภาพรึเปล่า ชีวิตจริงที่เขาไม่เปิดเผยให้ใครเห็นนั้นสุขสบายจริงหรือ คนแบบนี้มีหรือจะให้คนเห็นความอ่อนแอของตัวเอง เขาอาจเหนือกว่าเรา แต่คนที่เหนือกว่าเขาและคอยบีบคั้นเขาอยู่ก็มี เวทีของคนชั่ว ไม่มีหรอกเพื่อนที่หันหน้าจริงใจ ไร้เคี่ยวเล็บใส่กัน คิดหรือว่าเขาจะไม่ทุกข์เพราะต้องระแวงและคอยวางเชิงข่มไม่ให้ใครทำร้ายเขาได้ ขนาดชีวิตคนธรรมดาเดินอยู่ทั่วไป ไม่ได้เดินอยู่ในดงเสือสิงห์ ก็ยังถูกพวกนั้นทำร้ายบ้างเลย นับประสาอะไรกับพวกที่อยู่ท่ามกลางสัตว์กินเนื้อ มีสัญชาตญาณดุร้ายเล่า

      ตอนนี้เธอคงมองเห็นอะไรอีกมุมมองขึ้นนะเคียงรัก

      เมื่อพูดเรื่อง ทำชั่วได้ดีมีจริงหรือ ก็ต้องพูดถึงเรื่องทำดีได้ชั่วมีจริงมั้ยบ้างสินะ จากความรู้ ทำดีได้ชั่วไม่มีจริง ทำดีต้องได้ดี แต่ที่ทำดีแล้วเห็นว่าได้ชั่วนั้น ฉันขอกล่าวถึงสาเหตุแบบทั่วไปก่อนนะ

*ทำถูกคน ถูกเวลา ถูกสถานที่ ถูกวิธีการ หรือไม่?

  • ถูกคน หมายถึง ทำกับคนมีคุณธรรมหรือเห็นค่าความดีมากแค่ไหน คนมีคุณธรรมมากจะเห็นคุณค่าของสิ่งดีที่เราทำ จะรู้จักทำดีตอบแทน
  • ถูกเวลา หมายถึงเวลาที่เหมาะสมแก่การจะทำความดี เช่น เวลาที่เราสามารถช่วยใครได้โดยไม่เดือดร้อนตนเองมากนัก เวลาที่คนคนนั้นมีสติพอจะเปิดใจรับสิ่งดีที่เราให้ คือเขาจะต้องไม่กำลังมีอคติแรง เมา โกรธจัด หลงผิดมากอยู่ เป็นต้น
  • ถูกสถานที่ หมายถึงที่ที่มีคนมีคุณธรรมหรือสามารถมองเห็นสิ่งดีของเราได้อยู่ ไม่ใช่สถานที่ที่มีแต่อันตราย สถานที่ที่มีคนชั่ว การกระทำชั่ว
  • ถูกวิธี หมายถึงเป็นการกระทำที่ส่งผลดีต่อตนเองและผู้อื่น ไม่ใช่แบบที่เราคิดว่าดีฝ่ายเดียว แต่ผู้อื่นเดือดร้อน กล่าวคือ ตั้งอยู่บนฐานของมนุษยธรรม

แต่หากให้กล่าวในทางพุทธ ต้องบอกก่อนว่า ทำดีส่วนทำดี ทำชั่วส่วนทำชั่ว แต่ขึ้นอยู่ว่า ณ เวลานั้น แรงของกรรมดีหรือกรรมชั่วมากกว่ากัน แรงแบบไหนมากกว่า แรงนั้นจะมีอิทธิพลกับชีวิตเราขณะนั้นเด่นชัดที่สุด เปรียบการสร้างความดีเหมือนการสร้างผู้ช่วยดีๆขึ้นมา หากทำดีมากๆ ก็จะเติมพลังให้กับผู้ช่วยของเรา ให้เขาสามารถช่วยเหลือ และพาไปพบความสุข แต่เมื่อใดที่ก่อความชั่วขึ้น ก็เปรียบสร้างศัตรูมาทำลายชีวิตตนเอง ยิ่งทำชั่วมากเท่าไร ก็จะเพิ่มพลังให้เขาเท่านั้น และศัตรูที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อเกิดจากความชั่ว ก็จะทำลายเราให้ตกทุกข์ตามวิสัยฝ่ายชั่ว เมื่อชาติหนึ่งของชีวิตคนทั่วไป ย่อมทำได้ทั้งดีและชั่ว ก็เหมือนเราสร้างทั้งผู้ช่วยและศัตรูขึ้นมาด้วยกัน อยู่ที่ว่าเราเติมพลังให้ฝ่ายไหนมากกว่า เมื่อพลังฝ่ายไหนมากกว่า ย่อมกระทำต่อเราได้มากกว่า กล่าวคือ เมื่อเราทำให้ฝ่ายทำลายมีพลังมากกว่าฝ่ายช่วยเหลือ ฝ่ายทำลายก็จะเข้ามาขับไล่ฝ่ายช่วยเหลือให้ออกห่างเรา ในระยะที่ช่วยเราได้ยากขึ้น แต่ฝ่ายช่วยเหลือถ้าพอมีกำลังบ้าง ก็จะหาโอกาสแว้บเข้ามาช่วยบ้างตามความสามารถ แต่เธออาจบอกว่า ชาตินี้ฉันทำดีมาตลอด ก็ต้องย้อนให้เธอสำรวจตนเองดีๆ ว่าไม่เคยเลยหรือที่จะพลาดทำชั่วโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม บางอย่างก็อาจลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยทำไว้ ทีนี้ ถ้าสำรวจตนเองดีแล้ว ก็ยังเห็นว่าไม่มีการกระทำใดของเธอที่สามารถให้พลังฝ่ายชั่วได้มากขนาดนั้น ก็จะมีเรื่องของการกระทำเมื่อชาติที่แล้วมาเกี่ยวข้อง คือ เธอเคยหลงผิดสร้างพลังความชั่วหนักไว้ ทำให้พลังของฝ่ายทำลายเธอสูงมาก และเคยได้ยินที่พระท่านว่ามั้ย บุญบาปจะตามเราไปทุกที่ ไม่ว่าเราจะจำได้หรือไม่ว่าสร้างพวกเขาตั้งเมื่อไหร่ หรือสร้างด้วยวิธีไหน นั่นจึงเป็นสาเหตุว่า ฝ่ายทำลายที่เธอเคยให้พลังเขาไว้ จะมีอำนาจมาจนถึงตอนนี้ วิธีบรรเทา คือต้องเติมพลังให้ฝ่ายช่วยเหลือให้มากเท่าหรือมากยิ่งกว่าฝ่ายตรงข้าม แม้ฝ่ายช่วยเหลือจะมีอำนาจมากกว่า ก็ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายทำลายจะหายไป แค่ตอนนั้นเขาไม่มีกำลังจะฝ่าด่านผู้ช่วยเหลือเราเข้ามาทำร้ายเราได้สะดวกเท่านั้น และแม้ตอนนั้นจะไม่สามารถทำอะไรเรามากนัก แต่ฝ่ายทำลายก็ยังคงรอจังหวะและโอกาสของเขาเสมอ จังหวะที่ผู้ช่วยเหลืออ่อนกำลังลง เพราะพลังถูกใช้เกื้อกูลเราไปมากแล้ว ถ้าเราประมาทไม่ก่อกรรมดีเสมอๆ ตอนนั้นแหละที่ผู้ทำลายจะฝ่าการคุ้มครองของผู้ช่วยเหลือเข้ามา และอาจต้องรอจนกว่าพลังที่ใช้สร้างปัญหามากมายแก่เราของเขาอ่อนกำลังลง ที่ผู้ช่วยเหลือจะสามารถประสบโอกาสเข้ามาประคองเราไว้ได้บ้าง

      เอาล่ะเคียงรัก เรื่องของ พุทธศาสนา ที่ฉันนับถือนั้นยังอีกยาว ฉันคิดว่าเธอค่อยๆพิจารณาไปทีละน้อยคงจะดีกว่า ถ้าอย่างนั้น ในจดหมายฉบับนี้ ฉันขอจบเรื่อง กรรม ไว้เท่านี้ ถ้าเธออยากฟังชุดความรู้ที่ฉันเคารพ เพื่อเป็นการเปิดโลกให้กว้างขึ้นอีก ฉันจะมาเล่าให้เธอฟังในจดหมายฉบับต่อไปนะเพื่อนรัก

 

 

ดินประกอบ

 

ปล.ขอบพระคุณที่ปรึกษาบทความ: พระครูบาไตรภพ วัดป่าศิริสมบูรณ์ มูลนิธิวิศวาธารอโรคยาธรรมศาล จ.บุรีรัมย์

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.