บทที่ 3...3/3
คืนแรกในบ้านที่เคยเป็นของพ่อกับแม่ผ่านไปด้วยดี ธามิณีคิดว่าตัวเองน่าจะฝันร้ายหลังจากพบเรื่องราวที่ทำให้หัวใจสลาย แต่กลายเป็นว่าเธอหลับสนิทและไม่ฝันอะไรเลย พอตื่นแล้วธามิณีเก็บของใส่กระเป๋าเดินทางใบเดิมแล้วถอดสร้อยทองที่ใส่ติดตัวเอาไว้ตลอด ตอนนี้เธอคงต้องขายมันเสียแล้ว
หลายๆ อย่างที่ธามิณีไม่เคยทำในชีวิตเกิดขึ้นในวันนี้ เธอนำสร้อยทองไปขายเพราะเลิกหวังล้มๆ แล้งๆ แล้ว หากลุงกับป้ารู้สึกอาทรเธอสักนิดคงโทรมาตั้งแต่เดินทางไปถึงญี่ปุ่น อากับน้าคงไม่คิดให้เธอไปอยู่ด้วยตั้งแต่แรก ไม่มีใครโทรหาธามิณีแม้แต่คนเดียว เธอเจ็บปวดใจเกินกว่าจะโทรหาญาติเพื่อพบกับความว่างเปล่า มันไม่ผิดหรอก ทุกคนบนโลกนี้ใครบ้างไม่คิดถึงตัวเองเอาไว้ก่อน ตอนนี้คงถึงเวลาที่เธอต้องพึ่งพาตัวเองสักที
การเข้าโรงรับจำนำครั้งแรกเป็นความรู้สึกกังวลและประหม่า แต่ธามิณีต้องทำไม่อย่างนั้นจะเอาเงินที่ไหนไปจัดการชีวิตของตัวเอง เธอวางสร้อยทองเพื่อให้เจ้าหน้าที่นำไปตรวจ มีการสอบถามอยู่หลายคำ หลังจากนั้นธามิณีก็ได้เงินมาและเอกสารอีกแผ่น
“ขอบคุณมากนะคะ” ธามิณีเอ่ย หากต่อไปเธอมีเงินมากพอแล้วสร้อยเส้นนี้ยังอยู่ เธอจะมาไถ่สร้อยเส้นนี้คืน
ธามิณีเดินออกมาจากโรงรับจำนำ แล้วเริ่มหาหอพักด้วยการค้นหาทางอินเตอร์เน็ตก่อน เธอเดินหาอยู่หลายที่จนกระทั่งพบหอพักแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากโรงเรียน นั่งรถเมล์ไม่กี่ป้าย เธอตกลงทำสัญญาแล้วกลับมาที่บ้านหลังเดิมของพ่อกับแม่เพื่อเก็บของ
พอมองบ้านและสิ่งต่างๆ ที่เหมือนจะยังคงเดิมแล้ว ธามิณีก็รู้สึกเสียดายหากวันหนึ่งบ้านหลังนี้มีเจ้าของคนใหม่ แล้วหลายอย่างถูกทำให้เปลี่ยนแปลงไป ตอนนี้เธอมีเงินสำหรับใช้ดำเนินชีวิตในระยะสั้นๆ เท่านั้น จึงยากเหลือเกินที่จะหาเงินมาซื้อบ้านหลังนี้คืน
...ถ้าไปจากบ้านหลังนี้แล้ว ธามไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้กลับมาอีกไหม แต่พ่อกับแม่ดูธามไว้นะ ธามจะกลับมาซื้อบ้านหลังนี้ให้ได้
ธามิณีลากกระเป๋าทุกใบออกมาจากบ้าน แล้วขึ้นรถแท็กซี่ไปที่หอพัก การเริ่มต้นใหม่ของเธอเกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว เธออยู่ในห้องเพียงลำพัง โดดเดี่ยว ไม่มีใครในโลกนี้นอกจากตัวเอง
ธามิณีหางานพิเศษทำระหว่างปิดเทอม บางครั้งเธอหวังว่าป้ารัดเกล้าจะโทรมาแล้วบอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีเลย ไม่มีใครสักคนในครอบครัวนั้นโทรมาหาเธอ มันจึงกลายเป็นคำตอบจากความเงียบอีกครั้งว่าเธอถูกทอดทิ้งแล้วจริงๆ
แต่ความโชคร้ายยังไม่จบ โทรศัพท์ของธามิณีหายทำให้ต้องซื้อเครื่องใหม่ ดังนั้นเธอเลยเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไปด้วยเพื่อเป็นตัวแทนของการเริ่มต้นใหม่ โชคดีคงกลับเข้ามาในชีวิตของเธอสักวัน อย่างน้อยเธอยังมีเพื่อนจากโรงเรียนเก่าที่ติดต่อกันมาตลอด พอเธอเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น คำถามแรกจากกัลยาก็แทบทำให้ธามิณีที่เข้มแข็งมาได้ตลอดร้องไห้ กัลยาขับรถมาหาธามิณีที่หอพักทันที
“อยู่ได้แน่นะธาม มาอยู่บ้านของกัลก่อนไหม” กัลยาถาม ความที่ไม่ได้เจอกันที่โรงเรียนเหมือนแต่ก่อน ทำให้เธอได้คุยกับเพื่อนน้อยลง แต่ไม่เคยขาดการติดต่อ พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เธอยิ่งเป็นห่วงเพื่อน
ธามิณียิ้มทั้งที่น้ำตาคลอ การมีใครสักคนห่วงใยมันรู้สึกดีจนอยากหยุดเวลาแบบนี้ไว้
“สบายมาก แค่ที่กัลมาหาธาม ธามก็ดีใจมากแล้วล่ะ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้กัลมาช่วยธามแต่งห้องนะ” กัลยาอยากช่วยไม่ใช่แค่แต่งห้อง แต่จะหาซื้อพวกของใช้มาให้เพื่อนด้วย เธอรู้ธามิณีเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แม้หลายอย่างในชีวิตเปลี่ยนไป แต่ห้องที่แทบไม่มีเครื่องใช้อะไรเลย ธามิณีคงลำบากมาก แต่คนอย่างธามิณีไม่มีทางเอ่ยปากออกมา
“ขอบใจมากนะ ทุกอย่างเลย”
ธามิณีเดินไปส่งกัลยาที่รถด้วยความรู้สึกดี พรุ่งนี้เพื่อนจะกลับมา ไม่ใช่การไปแล้วหายจากชีวิตอย่างที่พบเจอมา ธามิณีกลับมาที่ห้อง ตอนที่เธอเดินผ่านกระจก เธอเห็นตัวเองที่เปลี่ยนแปลงไปเพียงระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ ความคิด มุมมองและการใช้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดฝัน
หลังจากเที่ยงคืนของวันนี้ไป เธอจะอายุ 17 ปีแล้ว แม้ไม่อยากเป็นผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้เธอต้องเป็นแล้ว มันไม่ได้แย่ แต่มันเหงา ทุกปีของค่ำคืนที่จะก้าวไปสู่วันคล้ายวันเกิด พ่อกับแม่จะเคาะประตูห้องแล้วเข้ามาพร้อมกับขนมเค้กและเทียนหนึ่งเล่ม หลังจากนั้นเธอจะเป่าเทียน แล้วกอดพ่อกับแม่ที่จะเอ่ยคำอวยพร แต่ว่าในปีนี้ วันนี้...ไม่มีพ่อแม่อีกแล้ว
00:01 ธามิณีหลับอยู่บนเตียงโดยที่ไม่ฝันถึงสิ่งใด ความสบายเบาเหมือนกำลังอยู่บนปุยเมฆคงเป็นแบบนี้เองสินะ เธอไม่รู้สึกถึงความนุ่มของที่นอน ราวกับกำลังลอยอยู่ในอากาศ ลมเย็นๆ พัดใส่ทำให้ผมปลิวเบาๆ ปลายเท้าของเธอเย็นเฉียบเหมือนได้เหยียบลงบนก้อนน้ำแข็ง เธอไม่ควรรู้สึกแบบนี้ใช่ไหม หากว่านอนอยู่บนเตียงและห่มผ้าไว้อย่างเคย หญิงสาวลืมตามองด้วยความสับสน แต่กลับตกใจเพราะเธอไม่ได้นอนอยู่บนเตียง
แต่กำลังลอยอยู่บนเตียงต่างหาก!
พอขยับมองไปข้างหน้าตรงประตูห้อง ธามิณีเห็นชายคนนั้นกำลังมองมา ทว่าเขาไม่ได้มองเธอ แต่เป็นด้านหลังของเธอ
“คุณ...อีกแล้ว” ธามิณีถามพร้อมกับจะหันไปมองข้างหลัง น่าแปลกที่เธอสมควรกลัว แต่กลับไม่กลัวเพราะมีเขาอยู่ที่นี่
“อย่าพยายามมอง ไม่ต้องหาคำตอบว่ามันคืออะไร หลับตาเสีย เธอไม่อยากเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหรอก”
ธามิณีหันกลับมามองชายคนนั้นอีกครั้ง “มันน่ากลัวมากหรือคะ...”
“ใช่”
ก็ได้ เธอจะหลับตาลง ในความมืดนั้นธามิณีได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวน ดังกังวานราวกับ ‘สิ่งนั้น’ มีมากกว่า 1 หญิงสาวกำมือแน่นพยายามไม่กลัว ทว่าเสียงนั้นฟังแล้วกรีดแทงใจจนบางครั้งเธออยากจะลืมตาแล้วหันไปมอง แต่ถ้ามันน่ากลัวอย่างที่เขาบอก การไม่เห็นย่อมดีกว่า แม้ว่าเธอจะสงสัยไปตลอดก็ตาม
“ลืมตาได้แล้ว”
ธามิณีลืมตาแล้วมองไปข้างหลังทันที แต่กลับไม่เห็นอะไรพร้อมๆ กับที่เธอหล่นลงบนเตียงของตัวเอง ศนิคว้าข้อมือของหญิงสาวไว้ แล้วรอให้เธอยืนได้เองจึงปล่อยข้อมือ ธามิณีก้าวลงมาจากเตียง แล้วมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง เธอไม่เห็นอะไรหรือใครอื่นอีก เขาจัดการ ‘สิ่งนั้น’ ไปหมดแล้วใช่ไหม
“มันคืออะไรหรือคะ ผี วิญญาณ หรือ...”
“ถ้าเธอยังจำสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองในวันเกิดอายุ 16 ปีได้ ตอนนี้ก็อย่าเดาเลย” ศนิเอ่ย การไม่รู้อาจดีกว่าการรู้ว่าเธอต้องพบกับอะไรในวันเกิดของตัวเองทุกปี ผลึกกาลจะอ่อนกำลังลงในวันเกิดของเธอ ฉะนั้นการฆ่าเจ้าของร่างเพื่อช่วงชิงผลึกกาลย่อมเป็นสิ่งเชิญชวนของอมนุษย์มากมาย
ธามิณีขมวดคิ้วกำลังนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในวันเกิดอายุ 16 ปี เงาสีดำพวกนั้นที่พุ่งเข้ามาราวกับหมายจะเอาชีวิต สิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับเธอในทุกวันเกิดใช่ไหม ทำไมถึงเป็นแบบนั้น
“เรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับธาม การที่คุณปรากฏตัวให้ธามเห็นมันเป็นเพราะอะไรหรือคะ”
หากธามิณีจะสงสัยทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเองย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องอธิบาย เธอเป็นแค่มนุษย์บนโลกที่เขาไม่เห็นความจำเป็นใดที่ต้องมาแยแสใส่ใจ เหตุผลเดียวที่เขามาช่วยเธอในคืนนี้เพราะคำสัญญาที่ให้ไว้กับมาสุเท่านั้น
“ยื่นมือมาสิ”
ธามิณีคิดไว้อยู่แล้วว่าจะไม่ได้คำตอบ แต่เธอต้องอยู่กับคำถามพวกนี้ไปอีกนานเท่าไหร่
“แลกกันค่ะ ถ้าคุณยอมบอกว่าเป็นใคร ทำไมต้องมาช่วยธาม ธามจะยอมยื่นมือให้ตามที่คุณขอ”
ศนิเม้มปาก ถอนใจ แล้วคว้ามือของธามิณีมาเสียเอง ก่อนจะสวมกำไลทองคำขาวซึ่งมีสิ่งสำคัญที่จะปกป้องธามณีได้อยู่ด้วยให้อย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้โวยวายด้วยซ้ำ
“ใส่ไว้ อย่าถอด แต่ถึงเธอพยายามถอดมันจะไม่หลุดออกไปจากข้อมือของเธอได้ หากฉันไม่ได้เป็นคนถอดให้เอง”
ธามิณีค้อนใส่ แม้ไม่รู้ชื่อของเขา แต่เธอคิดว่าทำแบบนี้ได้ แค่ชื่อที่มีอักษรไม่กี่ตัว ทำไมเขาต้องปกปิดอย่างกับเป็นความลับขนาดนั้น เขากลัวเป็นเหมือนยักษ์จินนี่หรือไงที่ถูกเรียกชื่อแล้วต้องมา ถ้าอย่างนั้นเธอต้องถูกำไลก่อนเรียกชื่อของเขากระมัง
“ทำไมธามต้องใส่มันด้วยล่ะคะ คุณจินนี่”
“ฉันไม่ได้ชื่อนั้น แล้วไม่ต้องคิดว่าจะถูกำไลแล้วเอ่ยชื่อฉัน สิ่งเหล่านี้มีเพียงแค่ในนิทานเท่านั้น” เขาเดาจากสีหน้าของธามิณี มนุษย์ผู้นี้ช่างมีความคิดพิเรนทร์นัก
“ทำไมไม่เป็นกำไลทองฝังเพชรล่ะคุณ เผื่อธามจะเอาไปจำนำได้ ตอนนี้ธามจนมากนะ อะไรเอาไปแลกเป็นเงินได้ ธามจัดการขายหมดเลยค่ะ” ธามิณีหัวเราะตัวเอง ทำไมเธอถึงคิดเรื่องแบบนี้ได้ก็ไม่รู้
“ฉันเพิ่งบอกไปว่าถอดออกไม่ได้ เพราะฉะนั้นเธอเอากำไลวงนี้ไปขายไม่ได้หรอก” ศนิขมวดคิ้วใส่ก่อนเอ่ยเสียงจริงจัง “ต่อไปนี้เธอต้องดูแลตัวเอง ฉันคงหายไปสักพัก”
ธามิณีฟังแล้วใจหายวูบ “สักพักคือนานเท่าไหร่คะ”
“ไม่รู้สิ อาจจะหลายปี หรือเป็นสิบปี” ศนิตอบ ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาต้องย้ายที่อยู่อีกแล้ว มนตราลืมเลือนของเขาเคยมีอายุตลอดไป แต่ 200 ปีที่ผ่านมา มนตราลืมเลือนของเขากลับมีอายุแค่ 10 ปี มันเป็นผลพวงจากการทำผิดกฎสวรรค์ในตอนนั้น “แต่เธอไม่ต้องกังวลหรอก กำไลนั่นจะปกป้องเธอจากสิ่งน่ากลัวแทนฉันได้”
ธามิณียิ้มก่อนจะเงยหน้าพยายามไม่ให้น้ำตาไหล การที่ใครสักคนกำลังจะหายไปจากชีวิตเมื่อเริ่มคิดว่ามันก็ยังดีนะที่มีใครอีกคนอยู่ตรงนี้ มันเศร้าจนเหนื่อยกับความว่างเปล่า
“ขอบคุณที่ปกป้องธามนะคะ แม้ว่าธามจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ชื่ออะไร แต่ธามก็ดีใจที่มีใครอีกคนให้นึกถึง”
สีหน้าของศนิเรียบเฉย มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้ว่าสีหน้าและคำพูดของธามิณีมีผลต่อความรู้สึกของเขานั่นคือหัวใจที่เต้นแรงขึ้น การจากลามาพร้อมน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ สิ่งนี้เขาเพิ่งเคยได้รับจากมนุษย์ แต่อีกไม่นานเธอจะลืมเขาไปเอง ชายหนุ่มเดินไปที่ประตูห้องเพื่อเปิดออกแล้วเดินจากไป แทนการหายตัวเพราะมันคงเป็นความทรงจำเดียวที่เขาจะให้เธอได้
ลาก่อน...ธามิณี
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 167
แสดงความคิดเห็น