บทที่ 3...2/3

ขอเพียงรักนี้นิรันดร
คุณกำลังอ่าน: ขอเพียงรักนี้นิรันดร

-A A +A

บทที่ 3...2/3

ช่วงปิดเทอมปีนั้น เตชิตบอกกับลูกๆ และหลานว่าเขาได้เลื่อนตำแหน่งและต้องเดินทางไปประจำสาขาที่ญี่ปุ่น กาญเกล้าดีใจกว่าเตวินที่แค่พยักหน้าแล้วไปนอนต่อ กาญเกล้าบอกว่าจะได้เอาไปบอกเพื่อนๆ รัดเกล้าเองก็ต้องทำเรื่องย้ายโรงเรียนให้ลูกสาวกับลูกชาย กาญเกล้าเหลืออีกเพียงเทอมเดียวก็จะเรียนจบมัธยมปลาย เตวินเพิ่งถูกมหาวิทยาลัยพักการเรียนเพราะมีเวลาเรียนไม่ครบ อีกทั้งยังสอบไม่ผ่านหลายวิชา เรื่องนี้เองที่ทำให้เตชิตแทบจะตัดพ่อตัดลูกกับลูกชาย แต่ให้อย่างไรผู้เป็นพ่อก็ตัดลูกชายไม่ขาดจะพาไปญี่ปุ่นด้วยกัน เตวินจึงวางแผนว่าจะไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น แล้วค่อยหาทางว่าจะเรียนอะไรต่อ ส่วนธามิณีต้องไปอยู่กับญาติผู้น้องของเตชิต เธอเข้าใจทุกอย่างและเริ่มเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง

รัดเกล้าเดินตามหลานเข้ามาในห้อง ก่อนจะนั่งลงมองหลานพับเสื้อผ้า เสียงถอนใจของรัดเกล้าทำให้ธามิณีพอจะมีความสุขได้บ้างว่าอย่างน้อยยังมีป้าที่ห่วงเธอจากใจจริง แต่ความเป็นสามีและภรรยาของเตชิตกับรัดเกล้าทำให้อย่างไรก็ต้องเลือกครอบครัวก่อนสิ่งใด เธอเป็นคนนอกจึงไม่ควรคาดหวังอะไร แค่ที่เตชิตหาที่พักพิงหลังใหม่ให้เธอไว้ก่อนเดินทางก็นับว่าดีมากแล้ว

“ขอโทษนะธามที่ป้าพาธามไปด้วยไม่ได้” รัดเกล้าก็จนใจ หากนางจะพาธามิณีไปด้วย เตชิตคงไม่ยอมและทะเลาะกันอีก

ธามิณีเตรียมใจมาแล้ว การที่เตชิตหาที่อยู่ใหม่ให้เธอได้แล้วย่อมเป็นสิ่งที่เธอควรขอบคุณเขา อย่างน้อยลุงกับป้าก็ไม่ได้ทอดทิ้งเธอ

“ไม่เป็นไรค่ะป้ารัด ธามอยู่ได้ค่ะ”

“ขอบใจนะธามที่เข้าใจป้า  ถ้าขาดเหลืออะไรบอกป้าได้นะ” ถึงจะพูดไปแบบนั้นและธามิณียอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คนเป็นป้าอย่างนางก็รู้สึกผิดอยู่ดี “ป้าจะโอนค่าใช้จ่ายมาให้ธามทุกเดือนเหมือนเดิมนะ ธามไม่ต้องห่วง”

ธามิณียกมือไหว้ผู้เป็นป้า การไม่เหลือพ่อแม่แล้ว จากนี้ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เธอต้องเผชิญแล้วผ่านไปให้ได้เอง

“ขอบคุณนะคะป้ารัด ธามยังโชคดีที่ยังมีป้ารัดกับลุงเต”

รัดเกล้ากอดธามิณีด้วยความรู้สึกสงสาร แต่นางทำได้เพียงเท่านี้ หากนางตามเตชิตไป นางเองก็ต้องลาออกจากงานเหมือนกัน แต่เพื่ออนาคตของสามีและครอบครัว รัดเกล้าจึงต้องยอม ธามิณีเข้าใจทุกอย่างและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ทั้งหมด ขอเพียงแค่ทุกคนที่บ้านคุณน้าคุณอายินดีต้อนรับให้เธอไปอยู่ด้วยกัน เธอยังคิดหวังว่าสิ่งดีๆ กำลังรออยู่

 

บ่ายวันเสาร์ก่อนเตชิตจะเดินทางไปทำงานที่ญี่ปุ่นพร้อมกับครอบครัว เขาเป็นคนขับรถพาธามิณีซึ่งมีกระเป๋าเดินทางอีก 3 ใบสำหรับการย้ายไปอยู่บ้านของอา ส่วนรถยนต์ของมาสุที่ตอนนี้เป็นของธามิณี เธอได้นำไปฝากกับทนายวาทินที่เป็นเพื่อนของพ่อเพราะเตชิตบอกว่าบ้านของญาติผู้น้องไม่ได้มีพื้นที่มากมายนัก หากนำรถไปจอดอีกคันคงไม่สะดวก

ธามิณีนั่งมองทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเตชิตจอดรถตรงป้ายรถเมล์ซึ่งห่างจากบ้านมาหลายกิโลเมตร เธอมองอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นว่าผู้เป็นลุงนำกระเป๋าเดินทางของเธอลงมาวางไว้ที่ฟุตบาท

“ธามรอตรงนี้ก่อนนะ อีกสักประเดี๋ยวนิจจะมารับธามไปอยู่ด้วย พอดีว่าใกล้เวลาเดินทางแล้ว ลุงจำเวลาผิดไปหน่อย คงไปส่งธามที่บ้านของนิจไม่ได้แล้วนะ” เตชิตบอกเมื่อขนกระเป๋าของธามิณีลงมาจากรถทั้งหมดแล้ว

ธามิณีฟังแล้วไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร ถ้าหากเดินทางไปสนามบินช้าแล้วเตชิตไม่ทันขึ้นเครื่องคงแย่แน่ ตอนนี้ป้ารัดเกล้า กาญเกล้าและเตวินได้นั่งรถแท็กซี่ล่วงหน้าไปพร้อมกระเป๋าเดินทางแล้ว

“อย่างนี้นี่เอง ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวธามรออานิจอยู่ตรงนี้ก็ได้”

เตชิตส่งเงินให้ธามิณี 1 พันบาท ผู้เป็นหลานยกมือไหว้แล้วยืนมองเตชิตที่ขับรถออกไปจากตรงป้ายรถเมล์ เธอหาที่นั่งเพื่อรออานิจที่จะมารับ ข้างตัวมีกระเป๋าเดินทาง 3 ใบและกระเป๋าเป้สะพายหลัง เธอมองรถที่แล่นไปแล่นมาคิดว่าอีกประเดี๋ยวคงมีรถคันหนึ่งจอด แล้วเธอขนกระเป๋าทั้งหมดขึ้นไปบนรถ ต่อจากนั้นอีกไม่นานก็ถึงบ้านที่เธอต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างจะเป็นไปได้อย่างดี แม้ว่าธามิณีจะต้องดำเนินชีวิตต่อไปในบ้านของญาติที่ไม่เคยพบหน้า แต่มันคงดีกว่าเธอไม่มีใครเลย

ทว่าหลังจากรอมา 30 นาทีแล้วยังไม่มีใครมารับ ธามิณีจึงต้องโทรหาลุงเตชิตสลับกับอานิจ แต่ไม่มีใครรับสายสักคน เธอโทรหาป้ารัดเกล้าแทน แต่คนที่รับสายกลับเป็นเตวิน

“ฝากบอกป้ารัดหน่อยพี่วิน ว่าอานิจยังไม่มารับธามเลยค่ะ” ธามิณีบอกพลางมองไปรอบตัวเผื่อว่าญาติคนนั้นจะมาพอดี

“อืม พี่จะบอกแม่ให้”

แล้วเตวินก็กดวางสายไปทันที ธามิณีมองถนนสลับกับมองโทรศัพท์ของตัวเอง ไม่มีใครมารับและรัดเกล้ายังไม่โทรกลับมา ไม่มีอะไรทั้งนั้น ธามิณีโทรหารัดเกล้าอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีสัญญาณไปแล้ว เช่นเดียวกับเตชิต เธอลองโทรหาเตวินกับกาญเกล้าซึ่งเธอโทรติด แต่ทั้งสองคนกลับไม่รับสาย จงใจไม่รับสายหรือว่ายังรับสายไม่ได้กันแน่นะ 

ธามิณีรู้สึกได้ถึงความผิดปกติแล้ว แต่ยังหวังลมๆ แล้งๆ ว่าบางทีอานิจอาจจะกำลังเดินทางมา ครอบครัวของเตชิตขึ้นเครื่องแล้วเลยไม่รับโทรศัพท์ แต่ทุกอย่างเป็นเพียงการหลอกตัวเองทั้งนั้น ธามิณีมีคำตอบให้ตัวเองเมื่อโทรหาอานิจไม่ได้ราวกับเขาปิดโทรศัพท์ไปแล้ว การถูกทอดทิ้งและหลอกลวงมันเจ็บปวดเกินกว่าจะยอมรับได้

หลังจากรอมาจนครบ 1 ชั่วโมง ธามิณียังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่มีใครมารับ เช่นเดียวกับเธอโทรหาใครก็ไม่รับสายกันสักคน การรอคอยทอดยาวต่อไปเรื่อยๆ จนครบ 2 ชั่วโมง ความว่างเปล่าค่อยๆ บอกคำตอบที่ชัดเจนของมันเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้หมายความว่าอย่างไร

ธามิณีเงยหน้ากะพริบตาถี่เพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา มือทั้งข้างกำแน่นก่อนจะกอดตัวเองไว้ ไม่ว่าใครจะทิ้งเธอไป ตลอดมาเธอยังมีตัวเองอยู่ตรงนี้ กอดตัวเองอยู่ตอนนี้ การต้องอยู่คนเดียว จากจุดเริ่มต้นใน 2 ชั่วโมงแรกช่างโดดเดี่ยว แต่อีกไม่นานเธอคงจะชินไปเองใช่ไหม

ทำไมโลก ไม่สิ โลกไม่ได้ใจร้าย แต่คนทำไมถึงใจร้ายกับเธอเหลือเกิน

ธามิณีลุกขึ้นแล้วโบกมือเรียกแท็กซี่ที่จอดแล้วช่วยยกกระเป๋าเดินทางไปกระโปรงท้ายรถ เด็กสาวบอกปลายทางที่ต้องการไปในวันนี้ เธอหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าใบเล็ก โชคดีที่เธอไม่ได้ทิ้งมันไป ตอนนี้เธอคงต้องไปอยู่ที่นั่นชั่วคราว แม้จะต้องหลบๆ ซ่อนๆ สักพัก แต่ว่ามันเป็นบ้านของพ่อกับแม่ ไม่สิ มันเคยเป็นต่างหาก ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอีกแล้ว

 

ธำรงค์กำลังขับรถตามแท็กซี่ที่เขาหมายตาไปเรื่อยๆ แม้ว่าหน้าที่นี้จะมีคนขับรถทำแทนได้ แต่เขาอยากออกมากับท่านเพราะอยากรู้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งหากเขาช่วยธามิณีได้ก็พร้อมจะทำ ถ้ามันเป็นคำสั่งของท่าน แต่ว่าการติดตามดำเนินไปจนกระทั่งรถแท็กซี่คันนั้นจอดหน้าบ้านที่ธำรงค์จำได้จากเอกสารของนักสืบที่เขาสั่งให้หาความเกี่ยวข้องกับธามิณีทั้งหมด บ้านหลังนี้ถูกธนาคารขายทอดตลาดมาสักพักแล้ว แต่ยังไม่มีคนมาซื้อ ธามิณีกำลังไม่มีที่ไปจึงมาที่บ้านหลังเดิมสินะ เขาหันไปมองท่านที่กำลังมองธามิณีไขประตูบานเล็กของรั้วบ้าน ก่อนจะขนกระเป๋าเดินทางเข้าไปอย่างทุลักทุเล

          “ทำไมท่านถึงยังไม่ช่วยเด็กคนนั้นล่ะครับ” ธำรงค์ถามขึ้นหลังจากเห็นว่าธามิณีเข้าไปในบ้านได้แล้ว แต่การอยู่ที่นั่นถาวรคงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ

          “นี่คือชีวิตของธามิณี หากไม่ถึงเวลาที่ผมต้องยื่นมือเข้าไปช่วย ผมจะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น การเข้าไปทำให้ชะตากรรมของมนุษย์สักคนเปลี่ยน ผมไม่รู้ว่าจะมีอะไรตามมา ดีงามหรือว่าเลวร้าย”

          ธำรงค์เข้าใจจึงไม่เกิดคำถาม สิ่งใดก็ตามที่ท่านตัดสินใจแล้วย่อมไม่อาจเปลี่ยนได้ เพียงแต่เขารู้ว่าท่านต้องช่วยธามิณีแน่นอนในหนทางอื่น ท่านรับปากสหายเก่าผู้นั้นแล้วว่าจะดูแลธามิณี ย่อมไม่มีทางผิดคำพูด         

 

ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ

อัมราน_บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.