เมล์ & เกย์
ผมตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง ผมได้แต่ถามตัวเอง
ผมนั่งตัวแข็งทื่อ ลมหายใจรุ่มร้อนที่ถูกกลั่นกรองออกมาจากความใคร่เคลื่อนตัวมาแตะสัมผัสแก้มของผม ความเร่าร้อนแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้า
พี่ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างยิ้มอย่างอ่อนโยน ใบหน้าขาว โครงหน้าเรียวและแว่นกรอบหนาสีดำทำให้ผู้คนรอบข้างหลงใหล ผมคงจะชื่นชมในเสน่ห์ที่เขามีเช่นกัน
ถ้าเขาไม่ได้นั่งแนบชิดกับผมขนาดนี้
ผมพยายามถอยห่าง แต่เขายังคงรุกเข้าราวกับข้าศึกที่บุกทำลายป้อมปราการสูงชัน
ผมคือป้อมปราการที่กำลังพังทลายลง
“นี่ เขยิบหนีพี่ทำไมเหรอ”เขาถามพร้อมกับรอยยิ้มเบาบาง เพียงแค่รอยยิ้มก็ทำให้ผมขนลุกชูชันได้ทั้งตัวแล้ว
ผมพยายามนึกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ นึกไปถึงต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด
ในตอนนั้น ผมกำลังนั่งรถเมล์กลับจากศูนย์ฝึกโรงเรียนรักษาดินแดน ระหว่างที่ผมกำลังเหม่อมองออกไปไกลแสนไกล ผมก็สังเกตเห็นชายคนหนึ่งเดินชนผู้คนที่เบียดเสียดอยู่ด้านล่าง ในตอนนั้นผมไม่ทันเอะใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่สัญชาตญาณความเป็นชายของผมกลับเต้นเร่าโดยไม่ทราบสาเหตุ มันกระซิบบอกผมว่ากำลังจะมีเรื่องเลวร้ายบางอย่างเกิดขึ้น
ชายคนนั้นเดินขึ้นรถเมล์มาด้วยความเหนื่อยล้า เขาหายใจหอบอยู่ครู่หนึ่งพลางมองหาที่นั่งที่ยังว่างอยู่ ช่วงหัวค่ำคือช่วงเวลาที่รถเมล์สายนี้ปลอดผู้คน แต่ชายคนนี้กลับมองไปรอบๆ สรรหาที่นั่งที่เหมาะสม
ทันใดนั้น เขาก็มองมาทางด้านหลังสุดของตัวรถ เขายิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินตรงมาที่ผมโดยไม่ลังเล ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดี ผมเลยคิดขึ้นได้ว่าเขาคงชอบที่นั่งกว้างๆ
เขาเดินตรงเข้ามา นั่งลงตรงกลาง ก่อนจะเคลื่อนไปด้านซ้ายอย่างช้าๆเขยิบเข้ามาใกล้จุดที่ผมนั่งอยู่
“น้องครับๆ”เขาทัก“ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ”
ผมยกแขนขึ้น มองไปที่นาฬิกาสีเงินบนข้อมือขวา
“สองทุ่มครับพี่”ผมตอบไปอย่างสุภาพ เขาพยักหน้าตอบรับพร้อมกับรอยยิ้ม
“ขอโทษนะน้อง พอดีนาฬิกาของพี่ตายน่ะ”
ผมยิ้มตอบ แม้สถานการณ์จะดูปกติ แต่เบื้องลึกของหัวใจกลับกรีดร้อง มีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
พี่ชายเขยิบเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น แม้ผมจะไม่ได้คิดอะไร แต่ร่างกายกลับแสดงออกโดยอัตโนมัติ เคลื่อนตัวออกห่างด้วยความรวดเร็ว
“บ้านน้องอยู่แถวไหนเหรอ”ลมหายใจของเขาแรงยิ่งขึ้น
“เอ่อ ก็ใกล้ๆ แถวนี้ละครับ”ผมตอบ ทำไมคำถามทั่วไปแบบนี้กลับทำให้ผมรู้สึกขนลุกซู่
“บ้านพี่ก็อยู่แถวนี้เหมือนกัน”เขายิ้ม“พี่อยู่เลยออกไปจากป้ายนี้ซักห้าป้าย ของน้องนี่อีกกี่ป้ายเหรอ”
“อีกซักสามป้ายครับพี่”
เขายิ้ม นั่งไขว่ห้างพลางนำมือทั้งสองข้างมาประสานกันไว้ที่ตัก เขาเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ยื่นใบหน้ามาที่หูของผม
“น้องๆ”เสียงของเขาเบาราวกับเสียงกระซิบ ลมหายใจอุ่นเคลื่อนตัวมาแตะสัมผัสแก้มของผม“น้องชอบผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ”
ทันใดนั้น สัญชาตญาณของผมก็กรีดร้อง ขนทุกเส้นชูชัน กล้ามเนื้อทุกมัดเต้นเร่า ในที่สุดผมก็เข้าใจความหมายของรอยยิ้มอ่อนโยนในตอนนั้น
ผมคือที่นั่งสำหรับเขา
ผมพยายามเคลื่อนตัวออกห่างเพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่าผมไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ แต่เขากลับเคลื่อนเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น ผมพยายามหนี แต่ก็ไร้ประโยชน์ ต้นแขนของผมชิดติดขอบหน้าต่างของตัวรถ ผมรู้ได้ทันทีว่าผมถูกต้อนจนมุม
ผมคือกระต่ายตัวน้อยที่ถูกหมาป่าหิวกระหายไล่ล่า
ภาพจินตนาการวิ่งพล่านอยู่ในหัว ผมเห็นตัวเองถูกฉีกทึ้ง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว เขามองผมด้วยดวงตาหวานเยิ้ม ภายในอัดแน่นไปด้วยความใคร่ รอยยิ้มเผยให้เห็นความมั่นใจ
เขาคงมั่นใจว่าเหยื่อไม่มีทางหนีรอด
ใบหน้าของผมแข็งเกร็ง ผมส่งยิ้มให้กับเขา เป็นรอยยิ้มของเด็กที่กำลังอ้อนวอนผู้ใหญ่ในตอนที่ตัวเองกำลังจะถูกลงโทษ
“ช...ชอบผู้หญิง....ครับพี่”น้ำเสียงของผมสั่นเครือ เขาใช้ศอกพิงโครงเหล็กที่ยึดเบาะเก้าอี้ ประสานมือทั้งสองข้างระดับลำคอ ก่อนจะวางคางลงบนหลังมือ
“ตอนเด็กๆ น้องน่าจะหน้าตาน่ารักนะ”เขามองลงด้านล่างพร้อมกับรอยยิ้ม ผมรู้ทันทีว่าน้องชายของผมอาจไม่รอดไปจนถึงพรุ่งนี้เช้า“ดูจากโครงหน้าของน้องแล้วเนี่ย พี่บอกได้เลย
“อ...เอ่อ พี่ครับ”ผมหันออกไปทางหน้าต่าง “ว่าแต่...พี่ถามคำถามเมื่อกี้ทำไมเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก”เขายิ้ม น้ำเสียงแสดงการเชื้อเชิญ “พี่แค่ชอบที่จะมีเพื่อนเพิ่มขึ้นน่ะ คนเราอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้หรอกนะ”
“ง...งั้นเหรอครับ”ผมหัวเราะฝืด เขาพยักหน้าตอบรับ
“อ๊ะ ป้ายหน้าก็ถึงบ้านน้องแล้วนี่”เขามองออกนอกหน้าต่าง “ไม่ไกลจากบ้านพี่มากนี่”
“ช...ใช่ครับ”
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว”เขาหันมาทางผม ฉีกยิ้มกว้าง“สนใจไปห้องพี่หรือเปล่า”
ผมหันมองเขาด้วยความรวดเร็ว ดวงตาเบิกกว้าง นี่คือการเผด็จศึก พี่ชายคนนี้จู่โจมผมอย่างไร้ปรานี มีเพียงชัยชนะเท่านั้นที่ฉายแววอยู่ในดวงตาของเขา เขาเลียริมฝีปาก มั่นใจว่าผมไม่มีทางหนีรอด
สีเหลือง ทุกอย่างถูกย้อมไปด้วยสีเหลืองทองอร่าม
“อ...เอ่อ”ผมลุกขึ้นยืน หันไปทางประตูรถด้วยความร้อนรน
“พ...พี่ ผมต้องไปแล้วพี่”ผมฝืนยิ้มก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูด้วยความรวดเร็ว เขามองตามด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ผมกดออด ภาวนาให้ถึงป้ายเร็วๆ
รถเมล์หยุดลง เสียงอัดฉีดของอากาศลั่นดัง ประตูเหล็กเบื้องหน้าเปิดออกช้าๆ แม้ตอนนี้จะเป็นตอนกลางคืน แต่เบื้องหน้า ผมกลับเห็นแสงสว่างแห่งอิสรภาพ
ผมรีบวิ่งลงจากรถด้วยความรวดเร็ว รถออกตัวช้าๆ ก่อนจะวิ่งขึ้นสะพานด้านหน้าไป แต่ระหว่างที่รถกำลังข้ามสะพานนั้นเอง ผมก็สังเกตเห็นเงากำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่กระจกหลังของรถ
ชายคนนั้นโบกมือลา ส่งรอยยิ้มและแววตาหวานเยิ้มมาทางผม ผมมองดูด้วยความตกตะลึง ก่อนจะวิ่งกลับบ้านไปด้วยความโล่งอก
ผมรอดจากค่ำคืนนรกนี้แล้ว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมมองดูที่หน้าจอ เห็นเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
ผมกดปุ่มรับ หยิบโทรศัพท์แนบหู
ปลายสายยังคงเงียบ ผมเอียงคอด้วยความสงสัยใครกันที่โทรมาหาผมในตอนนี้ ผมคิด
ความเงียบดำเนินอยู่ครู่หนึ่ง ผมถือสายรอเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท แต่ไม่ว่าจะรอยังไง ก็ไม่มีเสียงพูดมาจากปลายสายเลยผมจึงตัดสินใจที่จะวางสายไป
ระหว่างที่ผมกำลังจะกดปุ่มตัดสายนั้นเอง เสียงผู้ชายก็ดังมาจากอีกฟากฝั่ง เส้นขนทั่วตัวลุกซู่ กล้าเนื้อทุกมัดกรีดร้อง ผมได้ยินเสียงหัวใจเต้นอย่างทุกข์ทรมานไปพร้อมกับเสียงจากปลายสาย มันคือเสียงที่ผมจะไม่มีวันลืมอีกเลยในชีวิต
“ฮัลโหล นี่พี่เองนะ”เขาพูด
“พ...พี่เหรอครับ”ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“พ...พี่ไปเอาเบอร์มาจากไหนครับ”
“จุ๊ๆๆ”เขาหัวเราะ“แค่หาเบอร์น้องแค่นี้ ไม่ยากหรอก”
“พี่...อย่าพูดเล่นอย่างนี้สิพี่ไปเอาเบอร์ผมมาจากไหน”
“อย่าโกรธไปเลยน่า”น้ำเสียงจากปลายสายทำให้รู้ว่าผู้พูดยิ้มอยู่ เขาเคาะบางอย่างกับหูโทรศัพท์“จำได้มั้ยที่พี่บอกว่าตอนเด็กน้องน่าจะหล่อนะ”
“จ...จำได้ครับ”ผมตอบ รู้สึกว่ามีก้อนเนื้ออัดแน่นอยู่ในลำคอ
“พี่พูดแบบนั้น ไม่ใช่เพราะพี่เดาได้หรอก”เขาหัวเราะ“พี่เห็นรูปน้องตอนเด็กจากกระเป๋าเงินน้องไง”
“หา!”ผมร้องออกมาเสียงดัง มึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ทันใดนั้น ภาพความทรงจำก็พรั่งพรูเข้ามา ในตอนนั้น ผมรีบหนีลงจากรถด้วยความรุกรี้รุกรนจนลืมสังเกตว่ากระเป๋าของตัวเองตกอยู่ที่เบาะ ปกติผมมักจะมองดูเบาะรถเมล์ก่อนลงจากรถเสมอ
ผมเอามือก่ายหน้าผาก ความกลัวทำให้ผมประมาท ความประมาทในครั้งนี้ได้นำพาความหายนะอย่างใหญ่หลวงมาให้
“งั้น...”เขาเคาะนิ้วกับหูโทรศัพท์
“น้องสนใจจะมาห้องพี่หรือยังล่ะ”
- 👁️ ยอดวิว 1332
แสดงความคิดเห็น