ผมเป็นคนขี้อาย

คุณเคยเป็นไหมเวลาที่ครูเรียกเรามายืนหน้าชั้นเรียนแล้วเราก็นิ่ง ไม่รู้ว่าจะพูดเนื้อหาอะไรดี บางคนก็ม้วนอายแบบไม่ค่อยกล้าพูด บางคนก็บอกกับตัวเองว่า ‘การเข้าสังคมมันน่าเบื่อที่สุด’ คุณคิดผิดแล้ว การเข้าสังคมนั้นมันดีต่อเราๆ ถ้าเราเรียนจบในระดับมหาวิทยาลัยถ้าเราไม่กล้าเข้ากลุ่มกับเพื่อนๆ เราจะพลาดในการทำงานเป็นทีม ในวัยทำงานกันพอดี ถ้าใครเป็นคนกล้าแสดงออกในวัยเด็ก พอโตมาคนนั้นก็จะดีและมีอัธยาศัยดี ผมเองในชีวิตในวัยเด็กผมเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูดกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนแบบถ้าพูดปุ๊บเหมือนดอกพิกุลจะร่วงยังไงยังงั้น ผมจำได้ดีตอนประถมผมเคยออกไปยืนอยู่หน้าผู้คนแทนที่ผมจะแนะนำชื่อตนเองว่าชื่อจริง และนามสกุล เลขที่ อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่… แต่ผมกลับเงียบเฉยจนครูคิดว่าผมเป็นใบ้หรอ จริงๆ ผมไม่ค่อยกล้าต่างหาก ผมเคยคิดนะว่าครูอาจจะเป็นใบ้หูหนวกมากกว่า ผมไม่ค่อยมั่นใจและไม่มีความกล้าที่จะพูดคุยกับเพื่อนๆ ในห้องเลยผมเองก็เคยพลาดเพื่อนเพราะเข้ากับเขาไม่ค่อยได้ ผมเลยไปค้นหาวิธีการแก้ขี้อาย ว่ามีทั้ง 8 วิธีบ้าง 10 วิธีบ้าง ผมจะมาพูถึงเรื่องวิธีการแก้ขี้อายกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

1. เป็นตัวของตัวเอง เราต้องตั้งเป้าหมายว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเราต้องเป็นคนใหม่ที่กล้าเผชิญหน้ากับคนอื่น เช่นวันนี้เราจะทำให้ดีกว่าเมื่อวาน เมื่อวานเราเป็นคนขี้กลัวและขี้อายวันนี้เราจะต้องไม่อายใคร กล้าได้และกล้าที่จะยอมรับเราต้องพังกำแพงในการขี้อายของเรา

2. พยายามเริ่มต้นบทสนทนา  ถ้าหากคิดว่าจะเริ่มต้นที่จะพูดคุยกับใครสักคนคุณลองหาเนื้อเรื่องที่จะพูดต้องเตรียมข้อมูลที่จะคุย เช่น การแนะนำตัวเองตอนเข้าโรงเรียนใหม่ หรือย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอื่น ผมก็เคยมีประสบการณ์ย้ายโรงเรียนบ่อยนี่คือสาเหตุที่ผมไม่ได้รับราชการ ย้ายไปเรียนที่ปัตตานี 4 ปีแล้วก็ย้ายมาเรียนที่นครพนม อีก 1ปี แล้วก็ย้ายไปเรียนอยู่ที่ยโสธร 5ปี สุดท้ายปรับตัวกับเขาไม่ทัน เพราะฉะนั้นแล้วถ้าใครอยากเริ่มบทสนทนาให้เริ่มพูดกับเพื่อน ถ้าสนิทสนมก็เป็นการเปิดเผยคนขี้อายไปเลยครับ

3. การนับถือตัวเอง เราต้องแน่ใจจะว่าเรามีสถานะเป็นแบบไหน เราพร้อมที่จะมีความมั่นใจหรือยัง เรามีศิลปะในการพูดกับเพื่อนๆ ในชั้นเรียนหรือยัง เราพร้อมที่จะมีเพื่อนในระดับมหาวิทยาลัยหรือยังถ้าเรายังไม่พร้อมก็ต้องฝึกพูดคุยหน้ากระจกเพื่อให้คุ้นเคยกับตัวเองก่อนถึงค่อยไปคุยกับคนรอบข้าง เราต้องมองข้อนี้ให้ได้และสำคัญด้วย

4. ให้ความช่วยเหลือคนที่ขี้อาย ผมก็ได้เจอเพื่อนของผมคนหนึ่งเขาคอยช่วยเหลือผมอยู่ตลอด ผมเองก็อยากจะบอกนะครับว่า เพื่อนในห้อง เพื่อนร่วมงานเขาคงอยากจะช่วยเหลือผมอยู่แล้ว คนขี้อายเขาไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใคร ถ้าเพื่อนๆ คนไหนเห็นว่า ‘เพื่อนเราเคว้งคว้างนี่’ เราควรจะช่วยเหลือเขาเช่น เพื่อนไม่มีกลุ่มเข้าเราก็ต้องให้เพื่อนเข้ากลุ่มและมอบหมายให้เขาช่วยกันจำไว้นะครับ

5. ค้นหาสิ่งที่พวกเขาสนใจ เราควรจะให้พวกเขาได้ค้นพบและค้นหาสิ่งที่พวกเชาสนใจด้วย เช่น นายเอ็มเบื่อเล่นเกมและหันไปฟังเพลงเล่นเครื่องดนตรี กีต้าร์ หรือ อูคูเลเล่ มาเล่น บางคนก็ชอบทำอาหาร บางคนก็ชอบดูหนัง บางคนก็ชอบตัดต่อภาพถ่าย ทำภาพให้เก่าและดูคลาสสิค หรืออาจจะหาเรื่องซุบซิบดาราดังมาเป็นประเด็นพูดอีกครั้งในการพูดคุยกัน

6. การเรียกชื่อคนๆ นั้น ในบางครั้งเราก็ได้รับการชื่นชมจากคนๆ นั้น  และคำขอบคุณและตามด้วยชื่อคนนั้นพร้อมประโยคเชิงบวกอาจทำให้พวกเขาทลายเปลือกนอกด้วย ‘ขอบคุณมากครับคุณบี’ บอกขอบคุณก่อนส่งยิ้มให้ด้วยไมตรีจิต

7. การแนะนำในเชิงบวก ส่วนใหญ่คนขี้อายมักจะอึดอัดใจ ผมเองก็อึดอัดใจไม่ต่างกับคนหลายๆ คนอยู่เหมือนกันที่จะต้องไปพบปะและรู้จ้กกับคนใหม่ๆ เช่น เพื่อนร่วมงานใหม่ เพื่อนในโรงเรียนคนใหม่ และบ่อยไปที่พวกเขาไม่อยากจะมีส่วนร่วม ถ้าหากผู้อ่านอยากให้คนขี้อายได้แนะนำให้คนใหม่ๆ ได้รู้จักนี่เป็นการแนะนำในเชิงบวก และรู้สึกสบายใจและรู้สึกดีขึ้น

8. ให้คนอื่นเริ่มก่อน นี่คือสิ่งที่ยากที่สุดของคนขี้อายต้องทำเพื่อเป็นการแนะนำตัวเองเป็นเรื่องปกติที่ต้องกระงนกระวายเมื่อล้อมรอบไปด้วยคนที่เราไม่ได้รู้จัก หากว่าคุณมีเพื่อนเป็นคนขี้อาย คุณก็ต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นการสนทนาก่อน และแนะนำต่อให้บทสนทนาให้เพื่อนของคุณ โดยที่เขาไม่เคอะเขิน

การเล่ามาจากใจ

ผมยอมรับว่าตลอดระยะเวลา เกือบจะ 30 กว่าปี ผมเองก็ยอมรับนะว่าเป็นคนขี้อายและมักจะเคยพลาดเพื่อนเพราะผมเองไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย แต่ถ้าถามว่าผมกล้าไหม ตอนยังเด็กผมเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจไปจนถึงขาดความมั่นใจเลย จนมาเรียนในสายอาชีวะผมก็มองคนรอบข้างนั่นคือ ‘เพื่อน’ เขามักจะยื่นมือเข้ามาช่วยผมอยู่ตลอดมักจะมาพูดมาคุย เช่นวีรกรรมในวัยเด็กออกงานโรงเรียนบ่อย งานวันเด็กบ้าง แต่พอย้ายไปเรียนทางภาคใต้คือผมนั้นกลับกลายเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง เคยมองโลกในแง่ลบ ผมเป็นคนไม่กล้าพูดกับคนอื่น จนผมนั้นขี้อายจริงๆ แบบหมดความมั่นใจไปเลย ถ้าผมได้ย้อนเวลาเหมือนหนัง Back to the future ได้ผมก็จะขอย้อนเวลากลับไปในวัยเด็ก แล้วไปทำความเข้าใจตัวเองและแก้ไขชีวิตตัวเองไปในทางที่ดี  และจะกล้าแสดงออกด้วย ผมคงทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุดครับ