บทที่ 227: โสมมาถึงแล้ว
ยามที่แมลงตัวเล็ก ๆ กำลังจะบินไปเกาะตัวของมู่ไป๋ไป่ ในตอนนั้นเอง มีเข็มเงินพุ่งแหวกอากาศเข้ามาทำให้ถูกตรึงไว้กับผนังในพริบตา
เด็กหญิงที่สังเกตเห็นก็รีบก้าวหลบออกไปทันทีโดยพยายามรักษาระยะห่างจากฮ่องเต้หนานซวนเอาไว้ “พระองค์คิดจะวางยาหม่อมฉันหรือ! แม้แต่เด็กก็ยังไม่เว้นเชียวหรือ?”
“เด็กอย่างนั้นหรือ?” ผู้เป็นฮ่องเต้กล่าวพลางยักไหล่ “แน่นอนว่าข้าไม่มีวันปล่อยเด็กที่มีค่าอย่างเจ้าไปแน่”
“นี่พระองค์!” คนตัวเล็กเริ่มหมดความอดทนกับอีกฝ่ายไปทุกที ๆ
“ใครใช้ให้เจ้ามาที่นี่เพียงลำพัง?” เซียวถังอี้เดินเอามือไพล่หลังเข้ามา แล้วเหลือบมองฮ่องเต้หนานซวน จากนั้นจึงหันไปสั่งสอนมู่ไป๋ไป่ “เจ้าลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปแล้วหรืออย่างไร?”
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เด็กหญิงไม่มีทางยอมอยู่เฉย เธอต้องเถียงกลับเขาไปแน่นอน
ทว่าหลังจากเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เธอก็รู้ว่าตนเป็นคนผิด ดังนั้นเธอจึงก้มหน้ายอมรับความผิดของตัวเองแต่โดยดีโดยไม่เถียงเขาสักคำ
“ข้าเพียงแค่ร้อนใจ” มู่ไป๋ไป่ดึงชายเสื้อของคนตัวสูงกว่าพลางพูดเสียงอ่อย “ข้าเป็นห่วงท่านพี่รัชทายาท ก็เลยอยากจะมาขอยาแก้พิษจากเขา… ข้าขอโทษ ครั้งหน้าข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”
“...” เซียวถังอี้ก้มหน้าลงมองเด็กน้อยเงียบ ๆ
เจ้าตัวเล็กนี่อยู่ดี ๆ ก็ว่านอนสอนง่ายจนเขาทำตัวไม่ถูก
“ช่างเถอะ” เด็กหนุ่มเสตามองไปทางอื่นแล้วโบกมือให้อีกคน “เจ้าไม่จำเป็นจะต้องมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
“เสด็จอา” มู่ไป๋ไป่ก้าวไปข้างหน้า 2 ก้าว ก่อนจะหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับไปพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านต้องเอายาแก้พิษมาให้ได้!”
“ตอนนี้ความเป็นความตายของท่านพี่รัชทายาทอยู่ในมือท่านแล้ว”
เซียวถังอี้ขมวดคิ้ว ก่อนจะตอบอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้”
เจ้าตัวเล็กนี่ขยันสร้างเรื่องเสียจริง
หลังจากเด็กหญิงได้ยินคำตอบของเจ้าสัตว์ประหลาด เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอรู้ดีว่าถึงแม้ว่าเซียวถังอี้ที่ดูผิวเผินจะเป็นคนเหลาะแหละ แต่จริง ๆ แล้วเขาเชื่อถือได้มากกว่าใคร ๆ
ขอเพียงแค่เขาเอ่ยปากสัญญาอะไรสักอย่าง เขาจะทำมันให้สำเร็จอย่างแน่นอน
“เซียวถังอี้” ฮ่องเต้หนานซวนมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยดวงตาที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา “เราชื่นชมท่านมานานแล้ว”
“พระองค์รู้จักข้าด้วยหรือ?” เซียวถังอี้เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้โดยที่ไม่สนใจฐานะระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย
“เราจะไม่รู้จักท่านได้อย่างไร” ผู้เป็นฮ่องเต้กัดฟันพูด “3 ปีที่แล้ว เสด็จพ่อของเราสิ้นพระชนม์ด้วยน้ำมือของท่าน ท่านลืมไปแล้วหรือ?”
เซียวถังอี้ที่กำลังเทชาให้ตัวเองชะงักไปชั่วครู่ เขาพยายามคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าแล้วตอบว่า “ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องแบบนั้นอยู่ด้วย ย้อนกลับไปตอนนั้น เสด็จพ่อของพระองค์กำลังบังคับขืนใจสตรีนางหนึ่งที่ชายแดน ข้าบังเอิญไปพบเข้าจึงได้ลงโทษเขา”
ถึงอย่างไร อดีตฮ่องเต้หนานซวนก็ปล่อยให้ทุกอย่างทรุดโทรมลงเพราะความเจ้าสำราญของตนเอง ก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้ทำอะไร อีกฝ่ายก็หวาดกลัวจนตายไปเสียเอง
การสิ้นพระชนม์ของอดีตฮ่องเต้หนานซวนนั้นน่าอับอายมากจนทำให้เหล่าขุนนางพยายามหาเหตุผลมารักษาหน้าตาของตัวเองไว้
โดยพวกเขาอ้างว่าอดีตฮ่องเต้หนานซวนสิ้นพระชนม์ในสนามรบ
ซึ่งแน่นอนว่าฮ่องเต้หนานซวนองค์ปัจจุบันก็เชื่อคำพูดเหล่านี้
“ท่านพูดว่าอะไรนะ?” ฝ่ายที่ได้ยินคำบอกเล่ามองชายตรงหน้าด้วยสายตาไม่พอใจ พร้อมกับความสงสัยที่ผุดขึ้นในใจว่าตนหูฝาดไปเองหรือไม่ “เสด็จพ่อของเราจะไปบังคับขืนใจหญิงชาวบ้านได้อย่างไรกัน เขาเป็นถึงฮ่องเต้หนานซวน มีผู้หญิงคนไหนในแผ่นดินบ้างไม่ต้องการ—”
“เช่นนั้นหรือ?” เซียวถังอี้เอามือเท้าคางขณะกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตอนนั้นข้าเองก็รู้สึกประหลาดใจมาก ตอนแรกข้าก็อยากจะถามเขาเพื่อความมั่นใจ แต่ก่อนที่ข้าจะทันได้ถามอะไร เขาก็ตกใจตายไปเสียก่อน”
“...” ฮ่องเต้หนานซวนนิ่งอึ้งพูดไม่ออก
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เขาใช้ชีวิตโดยมีเป้าหมายเพื่อล้างแค้นให้กับอดีตฮ่องเต้หนานซวนเสมอมา
เพื่อที่จะแก้แค้นให้สำเร็จ เขาไม่ลังเลเลยที่จะเลี้ยงแมลงกู่และใช้คนเป็น ๆ ในการทดลองโดยไม่สนความผิดชอบชั่วดีหรือศีลธรรมใด ๆ เขาเพียงแค่ต้องการบรรลุเป้าหมายเท่านั้น ไม่ว่าจะต้องทำเรื่องโหดร้ายแค่ไหนเขาก็ยอม
แต่เมื่อเขากำลังจะทำตามแผนสำเร็จ เขากลับพบว่าสาเหตุการตายของเสด็จพ่อของตนนั้นเป็นเพียงเรื่องโกหก มันทำให้เขาสับสนเป็นอย่างมาก
“เป็นไปไม่ได้…” เด็กหนุ่มถึงขั้นซวนเซถอยไปด้านหลัง “เราไม่เชื่อ ท่านจะต้องโกหกเราแน่ ๆ เราจะไม่มีวันถูกท่านหลอก!”
“ไม่ว่าพระองค์จะเชื่อหรือไม่มันก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า” เซียวถังอี้ลุกขึ้นยืนทันทีที่พูดจบ “ข้ามาที่นี่ก็แค่อยากบอกพระองค์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะถึงอย่างไรพระองค์ก็คงไม่สามารถถอนพิษของมู่จวินฝานได้”
ในเวลาเดียวกัน กลุ่มทหารจากเมืองหลวงก็ได้เดินทางมาถึงค่ายทหารเป่ยหลงแล้ว โดยที่พวกเขานำโสมที่ซูหว่านบรรจุเองกับมือมาด้วย
เดิมทีเซียวถังอี้อยากจะบอกข่าวดีเรื่องนี้แก่มู่ไป๋ไป่ แต่เมื่อเขามาที่นี่ เขาก็เห็นฮ่องเต้หนานซวนกำลังจะวางยาพิษคนตัวเล็กพอดี
แล้วเรื่องราวต่อจากนั้นก็เกิดขึ้นจนกระทั่งปัจจุบัน
“อะไรนะ!” ฮ่องเต้หนานซวนเบิกตากว้าง “เป็นไปไม่ได้! เราเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่สามารถถอนพิษแมลงกู่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะถอนพิษแมลงกู่ได้โดยไม่มียาถอนพิษของเรา”
“บนโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน” เซียวถังอี้หันหลังเดินออกไปแล้วพูดทิ้งท้ายว่า “ข้าขอให้พระองค์คิดหาวิธีที่จะเอาชีวิตรอดต่อไปเถอะ”
ในกระโจมขององค์รัชทายาท
ทันทีที่มู่ไป๋ไป่เดินเข้ามา เธอก็ได้รับแจ้งจากหลัวเซียวเซียวว่าคนของวังหลวงมาถึงแล้ว
“เซียวเซียว เจ้าช่วยหยิกข้าทีเถอะ” คนตัวเล็กพูดพลางยื่นแขนให้อีกฝ่าย “ไม่อย่างนั้นข้าคงจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันไปอยู่แน่”
ก่อนหน้านี้เธอหมดหวังมาก แต่พอหันกลับไปมองคนของวังหลวงที่ปรากฏตัวในค่ายทหารพร้อมกับโสม เธอก็เหมือนพบกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อันมืดมิด
“องค์หญิงหก นี่เป็นเรื่องจริงเพคะ!” หลัวเซียวเซียวรู้สึกขบขันกับท่าทีของผู้เป็นนาย แล้วนางก็เข้าไปกุมมือเล็กเพื่อลดแขนอีกคนลง “ท่านหมอเจียงกำลังรักษาองค์รัชทายาทอยู่ข้างใน”
“แต่คนพวกนั้นบอกว่าหว่านผินได้ฝากของมาให้องค์หญิงด้วยเพคะ”
“นั่นใช่ของอร่อยหรือไม่?” จื่อเฟิงที่โผล่มาจากไหนไม่ทราบโพล่งขึ้นมา “ข้าคิดถึงอาหารฝีมือหว่านผินมาก”
“ท่านนี่มันรู้จักแต่กิน!” หลัวเซียวเซียวกลอกตามองอีกฝ่าย “ช่วงนี้ท่านทำอะไรบ้าง?”
“ข้าเองก็เข้าร่วมการต่อสู้กับศัตรูด้วยเช่นกัน” เด็กหนุ่มกล่าว “องค์หญิงถูกคนเลวโยนลงจากหลังม้า แล้วทหารพวกนั้นเกือบจะกัดพระองค์แล้ว แต่ข้าก็ช่วยเตะมันออกไป!”
จากนั้นเขาก็ยืดอกอย่างภาคภูมิใจ
“นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่?” มู่ไป๋ไป่หันไปหาหลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิง ก่อนจะหยิกแก้มตัวเองแล้วรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องจริง “ยอดไปเลย ท่านพี่รัชทายาทรอดแล้ว!”
“สมแล้วที่องค์รัชทายาทเป็นบุตรของโอรสสวรรค์ ด้วยการคุ้มครองของสวรรค์ย่อมไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาแน่นอนเพคะ” หลัวเซียวเซียวกล่าวพร้อมกับกอดแขนของอีกฝ่าย “องค์หญิง ตั้งแต่กลับมาจากหนานซวน พระองค์ยังไม่ได้พักผ่อนเลย พระองค์กลับไปพักผ่อนสักหน่อยเถิดเพคะ”
“ท่านหมอเจียงเพิ่งบอกว่าต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการขจัดพิษออกจากร่างกายขององค์รัชทายาท”
ตอนแรกมู่ไป๋ไป่คิดอยากจะปฏิเสธ แต่พอได้ยินสิ่งที่สหายตัวน้อยพูด เธอก็ตอบตกลงแบบไม่อิดออด ก่อนที่จะออกไปเธอก็ได้กำชับจื่อเฟิงซ้ำ ๆ ว่าให้เขามาแจ้งข่าวเธอทันทีที่พี่ชายคนโตตื่น
หลังจากที่เธอถูกลักพาตัวไปที่หนานซวน มู่จวินฝานยังคงส่งคนไปทำความสะอาดกระโจมของเธอทุกวัน
ดังนั้นพอเด็กหญิงกลับมา กระโจมที่พักจึงสะอาดสะอ้านเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
คนตัวเล็กล้มตัวลงนอนบนเตียงอันแสนคุ้นเคยและเพิ่งรู้ตัวว่าเธอเหนื่อยมากแค่ไหน
วันนี้เธอได้ประสบพบเจอกับสิ่งที่น่าตื่นเต้นท่ามกลางสนามรบ อีกทั้งเธอเกือบจะต้องตายเป็นครั้งที่ 2 เมื่อได้เอนตัวลงพักผ่อนแล้ว ความรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งหมดก็เข้ามาปกคลุมร่างกายทำให้เธอผล็อยหลับไปในเวลาเพียงครู่เดียว
หลัวเซียวเซียวที่เห็นเช่นนั้นก็ถอยออกจากกระโจมไปเงียบ ๆ ก่อนจะไปเจอกับเจ้าส้มที่โผล่มาจากที่ใดก็ไม่อาจทราบได้ “ยอดไปเลย ในที่สุดองค์หญิงก็กลับมาแล้ว”
“เจ้าส้ม ไม่กี่วันก่อนเจ้าหายตัวไปเหมือนกัน เจ้าไปหาองค์หญิงมาเช่นนั้นหรือ?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 58
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น