เด็กชายหลงทาง

-A A +A
เด็กชายหลงทาง

เด็กชายหลงทาง

หมวดเรื่องสั้น: 

ชายคนหนึ่งเดินไปเรื่อยๆ ริมแม่น้ำสายหลักของเมือง เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่ากำลังจะเดินไปไหน รู้เพียงว่าขายังคงบงการให้เขาก้าวต่อไป เพื่อให้ความเหนื่อยล้าในสมองกลายเป็นหน้าที่ของขาแทน

ลมเย็นบ่งบอกว่าหน้าหนาวกำลังใกล้มาถึง ในวินาทีนั้นลูกบอลสีน้ำเงินแกมเขียวกลิ้งมาหยุดที่ปลายเท้าชายหนุ่ม ก่อนที่สายตาเขาจะสบกับร่างเล็กที่วิ่งตามลูกบอลมา

เด็กหนุ่มตัวเล็กจิ๋ว คาดว่าคงไม่โตเกินช่วงอนุบาล แววตาแป๋วจ้องมองตรงมาไม่ไหวติงต่อหน้าคนตัวโตกว่า

ชายหนุ่มเดาว่าเด็กน้อยคงไม่กล้าพอที่จะพูดกับคนแปลกหน้า แม้ว่าเขาอยากได้ลูกบอลคืนมากแค่ไหนก็ตาม คนตัวโตกว่าจึงก้มตัวเก็บลูกบอล ก่อนจะยื่นให้เด็กน้อยที่เอาแต่ก้มหน้า

ในวินาทีที่วัตถุทรงกลมที่ต้องการอยู่ตรงหน้า แววตาเด็กน้อยก็กลับมาสดใสอีกครั้ง เขารีบเดินเข้ามารับลูกบอลไปจากมืออย่างลิงโลด

“รีบกลับไปหาพ่อแม่ มาเล่นคนเดียวแบบนี้ เดี๋ยวเค้าเป็นห่วง”

“หาไม่เจอ! ไม่รู้อยู่ไหน?”

แล้วแววตาไร้เดียงสาถูกเปลี่ยนเป็นแววตาความกังวล ชายหนุ่มคิดว่าเด็กคนนี้น่าจะพลัดหลงกับพ่อแม่อย่างแน่นอน เขาจึงค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า พยายามปั้นหน้าให้เป็นมิตรกับเด็กมากที่สุด

“งั้นมากับพี่ เดี๋ยวพาไปหาพ่อแม่นะ”

แม้ตอนแรกเด็กน้อยออกจะกล้าๆ กลัวๆ ที่ต้องเดินตามชายหนุ่มไป แต่สุดท้ายเท้าเล็กๆ ก็เดินตามเท้าแข็งแรงไปจนได้ ระหว่างทางแทบไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นนอกจากเสียงก้อนกรวดบนทางเท้า

ชายหนุ่มสังเกตว่าเขารู้สึกคุ้นเคยกับเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูก ไม่สามารถบอกที่มาของความรู้สึกนี้ได้ มันเพียงมีเส้นบางๆ ที่ล่องหนเชื่อมความรู้สึกของทั้งสองไว้ก็แค่นั้น

“จำได้มั้ยว่าเห็นพ่อแม่ครั้งสุดท้ายที่ไหน?”

เด็กน้อยนิ่งคิดไปสักครู่ก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่อยู่ๆ เด็กน้อยก็หยุดเดินชะงักคล้ายกับมีบางอย่างเข้ามาในหัว

”พ่อแม่ไปแล้ว…ไม่รอ“

เสียงสั่นเล็กดังในลำคอก่อนที่น้ำตาและเสียงร้องไห้จ้าจะเกิดขึ้นตามมา ชายหนุ่มค่อนข้างตกใจกับการกระทำที่เดาไม่ได้ของเด็กน้อย เขาจึงรีบทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมกับลูบหลังอย่างเบามือ

”พ่อแม่ไม่หนี ไม่มีใครหนี พี่ก็เคยหลงทาง“

ประโยคสุดท้ายฟังดูหนักแน่น จนเด็กน้อยถึงกับหยุดร้องไห้พร้อมหันหน้ากลับมามองชายหนุ่ม ดวงตาโตแบ๋วเคล้าน้ำใสจ้องคล้ายต้องการคำยืนยันจากสิ่งที่ชายหนุ่มพูดว่ามันเป็นเรื่องจริง ซึ่งแน่นอนคนโตกว่าพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปาก

“แต่สุดท้ายพี่ก็เจอพวกเขานะ”

“แล้วต้องทำยังไง?”

“พยายามนึกให้ได้ว่าเจอกันล่าสุดที่ไหน?”

เด็กน้อยก้มหน้าต่ำลง เขาใช้ความคิดอย่างหนักหน่วงจนหว่างคิ้วขมวดกันเป็นปม คนโตกว่าอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้กับภาพที่เห็น

“หยุดคิดมากได้แล้ว ดูสิคิ้วจะผูกกันเป็นปมแล้ว”

อยู่ๆ เสียงหวานของหญิงวัยกลางคนก็ดังเขามาแทรกในหัว พร้อมกับแรงบีบมือในจินตนาการก็เกิดขึ้นทับซ้อนกับปัจจุบัน ชายหนุ่มยังจำวันนั้นได้ดี วันแรกของโรงเรียนใหม่ที่เขาเพิ่งย้ายมากลางเทอม แม่ของเขากุมมือเขาไว้ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียน

สมัยเรียนชายหนุ่มย้ายโรงเรียนบ่อยจนแทบไม่มีเพื่อน มีเพียงแม่ของเขาที่อยู่ข้างเขาตลอด คอยทำให้หัวเราะในวันที่เขาเครียดจนคิ้วแทบขมวดเป็นปม (แม่ชอบพูดแบบนั้น)

“จำได้แล้ว!“

แต่แล้วเสียงเล็กใสของเด็กน้อยก็ดังดึงเข้าออกมาจากความทรงจำ ชายหนุ่มหันไปมองร่างเล็กที่กำลังดึงชายเสื้อให้เขาเดินตามไป

สองเท้าของคนที่ตัวสูงกว่าพยายามวิ่งให้พอดีกับแรงดึงที่ชายเสื้อไม่ให้ช้าหรือเร็วเกินไปจนสะดุดเด็กน้อยล้มลง จะว่าไปเขาก็รู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศรอบตัวที่วิ่งตามเด็กน้อยอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่เพียงเพราะเขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เริ่มทำงาน แต่คุ้นเคยจนกระทั่งบรรยากาศและอุณหภูมิของวันนั้น และแสงของช่วงเวลาใกล้ดวงอาทิตย์ตกดินที่ไม่มีวันใดเหมือน จนคล้ายกับเขากำลังย้อนกลับไปในวันนั้นโดยสมบูรณ์

“เดี๋ยวพ่อเตะ หนูใช้เท้ารับให้ได้นะ”

คราวนี้เป็นเสียงแหบห้าวของผู้ชายผู้เป็นพ่อก่อนที่จะออกแรงเตะไปที่ลูกบอล ลูกบอลสีน้ำเงินแกมเขียวค่อยๆ กลิ้งตามแรงเตะ ก่อนที่มันจะกลิ้งผ่านช่วงขาสั้นๆ ของเด็กไป ชายหนุ่มจำได้แล้วว่าตอนเด็กเขาเคยมาที่แห่งนี้ พ่อและแม่พาเขามาเดินเล่นริมแม่น้ำและพ่อก็ชวนเขาเล่นฟุตบอล วันนั้นทุกอย่างมันลงตัวไปหมด อุณหภูมิที่เย็นสบาย เสียงหัวเราะของเราทั้งสามคน และวันที่ไม่ต้องเร่งรีบใดๆ

ชายหนุ่มในร่างเด็กน้อยวิ่งตามลูกบอลไปเรื่อยๆ พอหันมาอีกทีเขาก็ไม่เจอใครแล้ว มีเพียงความว่างเปล่า และเงาใครบางคนเดินมาทางเขาพอดี

“ตรงนั้นๆ”

เด็กน้อยที่ตอนนี้หยุดวิ่ง พร้อมกับชี้ไปที่รถยนต์ซึ่งจอดอยู่ริมทางเข้าของสวนสาธารณะ ชายหนุ่มเพ่งมองตรงไปจนเห็นร่างของชายหญิงที่เดินกระวนกระวายเรียกชื่อของเขาดังจนได้ยินเสียงสะท้อนก้องทั่วบริเวณ

นั่นคือพ่อแม่ของเขา! …ต้องใช่แน่ๆ!

ไม่ทันไรเด็กน้อยคนนั้นก็วิ่งตรงดิ่งเข้าไปหาบุคคลทั้งสอง ก่อนที่จะมีอ้อมกอดของผู้เป็นแม่และเสียงปลอบโยนของผู้เป็นพ่อเป็นการต้อนรับกลับมา

ชายหนุ่มมองภาพนั้น พร้อมกับความแน่ใจที่เกิดขึ้นในหัวว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันได้เกิดขึ้นมาแล้ว ตอนเด็กเขาเคยหลงทางและก็มีใครบางคนมาช่วยไว้ แต่ต่อให้นึกเท่าไรก็นึกหน้าไม่ออกเสียที

เขามองพ่อกับแม่ที่ตอนนี้ดูหนุ่มสาวมากกว่าครั้งล่าสุดที่ได้เจอ และก่อนที่ความตายจะพรากพวกเขาไปตามธรรมดาของมนุษย์ ในตอนนี้เองชายหนุ่มไม่มีคำถามใดอีกต่อไปแล้ว เขามีเพียงความคิดถึงที่ก่อตัวแน่นหนาแต่ก็บางเบาอยู่ที่หัวใจ

“ใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มที่สุดนะ ก่อนกาลเวลาจะพรากทุกอย่างไป”

เขาเพียงพึมพัมกับตัวเอง ในขณะมองร่างเล็กในอ้อมกอดคนที่เขาคิดถึงแต่ไม่มีโอกาสได้เป็นของเขาอีก

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.