ความภูมิใจเล็กๆ ในมุมเล็กๆ
จากการที่ผมทำเว็บ Blind living (blindliving.club) มาเกือบๆสามปีเจ็ดเดือน
สิ่งที่ได้รับเลยคือ ความปลื้มอกปลื้มใจเล็กๆ (ที่ยิ่งใหญ่)
ตอนที่เริ่มเขียนบทความให้ความรู้เกี่ยวกับคนตาบอดครั้งแรกๆ ผมแค่คิดว่า ข้อมูลที่เกี่ยวกับคนตาบอดในไทยจริงๆ มีน้อยเอามากๆ แถมไม่รวมศูนย์อีกต่างหาก คือไม่ใช่ว่าไม่มีข้อมูลอะไรเลย แต่ข้อมูลมันก็พอมี แต่มันกระจัดกระจายกันไปหมด หาเว็บที่เน้นนำเสนออะไรพวกนี้เลยตรงๆ ไม่มี หรือมี แต่ข้อมูลน้อยจนหน้าสงสาน
ตอนนั้นถามตัวเองตลอด ว่าเขียนไปแล้ว ทำเว็บนอกกระแสแบบนี้ไปแล้ว มันจะมีคนอ่านไหมวะ มันจะมีคนเห็นไหม เขียนไปแล้วมันจะช่วยเหลือสังคมได้จริงๆ หรือเปล่า
ผลปรากฏว่า มันมีคนสนใจจริงๆ มันทำให้คนในสังคมเข้าใจคนตาบอดมากขึ้นจริงๆ บทความที่ผมเขียนถูกแชร์ต่อๆ กันไปพอสมควร (ทั้งมีอ้างอิงและไม่มี) มีคนให้ความสนใจกันอยู่บ้าง ทั้งคนตาดีและตาบอดเองก็ด้วย
มันทำให้ผมรู้เรื่องหนึ่งว่า ขอแค่เรามีข้อมูลเผยแพร่ออกไป มันต้องมีสักคนแหละที่สนใจ คนตาดีก็ได้เข้าใจคนตาบอดมากขึ้น ส่วนคนตาบอดที่ไม่กล้าพูด หรืออธิบายอะไรไม่เก่ง ก็จะได้เอาข้อมูลตรงนี้แหละ ไปแชร์ให้กับคนอื่นๆ รอบตัวกันได้ต่อไป
นอกจากนี้แล้ว ก็มีหลายครั้งมาก ที่มีผู้ดูแลคนพิการทางด้านสายตาติดต่อเข้ามาสอบถามเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องโรงเรียนคนตาบอด เรื่องการเลี้ยงดูเด็กที่พิการทางสายตา บางทีมีคนตาบอดเขียนเข้ามาระบายปัญหาชีวิตก็มี เขียนเข้ามาชมก็มี มีแม้กระทั่งเขียนเข้ามาด่า เพราะบางอย่างผมก็เขียนตรงเกินไป จนทำให้ตาบอดดูไม่ดีในบางแง่ (แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ มันสไตล์การนำเสนอของผมนี่หว่า)
บางทีก็มีครู/อาจารย์ มาถามเกี่ยวกับเรื่องการทำสื่อที่คนตาบอดเข้าถึงได้ หรือไม่ก็มาสอบถามข้อมูลเพื่อนำไปประกอบข้อมูลงานวิจัย
ถ้าถามว่า ผมได้กำไรจากการทำตรงนี้ไหม ตอบเลยว่าไม่เลย มีแต่จะเข้าเนื้อด้วยซ้ำ ส่วนไอ้โฆษณาที่ขึ้นในเว็บ ถ้า Blind living มีรายได้ถึงเดือนละ 2 USD เดือนนั้นลุกตู่ประกาศลาออกจากการเป็นนายกแน่นอน
นั่นคือสิ่งที่ผมพูดในแง่ของกำไรที่เป็นตัวเงิน
แต่ถ้าพูดถึงกำไรในแง่ความรู้สึก ผมว่าผมมีกำไรนะ แถมเยอะเลยด้วย
ทั้งกำไรในเรื่องความภูมิใจที่มาทำอะไรตรงนี้ ทั้งความภูมิใจที่ได้ช่วยคนอื่นๆ แก้ปัญหาที่เขาไม่รู้ (เช่นเรื่องที่ผู้ดูแลคนพิการสอบถามเรื่องนั้นเรื่องนี้มา) ทั้งความภูมิใจว่า ข้อมูลที่เรากำลังทำ มันไม่มี หรือมีในอินเทอร์เน็ตเมืองไทยน้อย ถ้าเราไม่ทำ ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ที่จะมีคนมาทำ ดังนั้นเราทำตรงนี้ เลยรู้สึกดีเป็นพิเศษ
อย่างล่าสุดนี้ ก็มีคุณแม่มือใหม่สอบถามเข้ามา เกี่ยวกับเรื่องดูแลเด็กตาบอดอายุสามขวบ ว่าควรเลี้ยงดูประมาณไหน พอผมตอบคำถามเคสนี้เสร็จ มันทำให้เรารู้สึกว่า เออ เราก็ทำอะไรแบบนี้ได้นี่หว่า ถ้าอันไหนเราตอบไม่ได้ เราก็แนะนำให้เขาไปติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาอีกที
เมื่อเราพูดถึงเรื่องช่วยเหลือสังคม หลายคนมองไปที่โครงการใหญ่ๆ ระดับรัฐ ทั้งที่จริงแล้ว แค่เราได้ทำอะไรเล็กๆ อยู่ในมุมเล็กๆ ของเราไป แค่นั้นมันก็โอเคแล้วนะ สำหรับผม ส่วนใครจะเห็น หรือไม่เห็น ใครจะเข้าใจ หรือไม่เข้าใจ อันนั้นก็ช่างมัน
แสดงความคิดเห็น