บทที่ 212: การต่อสู้แย่งชิงความโปรดปราน
ในตอนกลางคืน มู่ไป๋ไป่ถูกโยนทิ้งไว้ในกระโจมเล็ก ๆ หลังหนึ่ง
ข้างในมีฟืนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทรุดโทรมเช่นนี้ ดังนั้นมันจึงทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดา
แต่แม่ทัพหลี่ได้กำชับกับคนอื่น ๆ โดยเฉพาะว่า “จับตาดูนางให้ดี”
เพราะนั่นเป็นคำสั่งของแม่ทัพหลี่ เหล่าทหารจึงคิดว่าตัวองค์หญิงของแคว้นศัตรูมีบางอย่างผิดปกติ และพวกเขาก็คอยจับตาดูนางอย่างแข็งขัน
กลางดึกคืนนั้น มู่ไป๋ไป่นอนไม่หลับเพราะสภาพแวดล้อมที่เธออยู่มันแย่มาก
พอถึงเช้าวันรุ่งขึ้น คนตัวเล็กที่รู้สึกง่วงนอนก็ค่อย ๆ ผล็อยหลับไป
แต่แม่ทัพหลี่จงใจเข้ามาปลุกเธอให้ตื่นแต่เช้า
“พระองค์จะต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ไม่ใช่หรือ?” ชายชราตั้งใจเน้นย้ำเรื่องนี้ขึ้นมา
มู่ไป๋ไป่มองสายตาเย็นชาของแม่ทัพหลี่และเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร นั่นทำให้เธอไม่พอใจที่เขาจงใจผลักเธอให้เข้าไปในหลุมพรางที่เธอวางไว้
แต่เด็กหญิงก็ยังพยายามฝืนยิ้มตอบอีกฝ่ายว่า “แน่นอนว่าข้าจำได้”
หลังจากคนตัวเล็กกล่าวเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของชายแก่ก็ดูเหมือนจะแข็งทื่อยิ่งขึ้น
ดูท่าฝ่าบาทของเขาจะชอบเด็กผู้หญิงคนนี้มาก แต่เมื่อมองดูหน้าตาน่ารักขององค์หญิงน้อย เขาก็รู้สึกว่าใครก็ตามที่ได้เห็นใบหน้านี้ก็จะถูกนางหลอกได้ง่าย ๆ
แต่แทนที่จะปล่อยให้คนอื่นถูกเจ้าเด็กแสบนี่หลอก เขาปล่อยให้มันสกปรกมอมแมมจะดีกว่า
ด้วยวิธีนี้ องค์หญิงจอมเจ้าเล่ห์ก็จะใช้หน้าตาหลอกคนอื่นไม่ได้อีก
มู่ไป๋ไป่ไม่รู้ว่าแม่ทัพหลี่คิดจะทำอะไรกับเธอ จนกระทั่งเธอถูกพาไปอีกด้านหนึ่ง ก่อนที่ใบหน้าขาวผ่องจะถูกทาด้วยขี้เถ้า
ส่งผลให้ในขณะนี้ตัวเธอกลายเป็นเหมือนเด็กที่คลานออกมาจากกองถ่าน
แม่ทัพหลี่ที่เห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะชี้หน้ามู่ไป๋ไป่แล้วพูดว่า “ดูสิ ตอนนี้พระองค์จะทำให้คนมัวเมาด้วยใบหน้านั้นได้อีกหรือไม่”
ฮ่องเต้เป็นคนที่มีนิสัยรักสะอาดมาโดยตลอด เขาไม่ชอบเด็กที่เนื้อตัวสกปรก ด้วยรูปลักษณ์ปัจจุบันขององค์หญิงน้อย เขาเกรงว่าบุคคลนั้นคงจะพยายามอยู่ห่างจากนางทันทีที่ได้เห็นสภาพของนาง
และมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมเล่นกับเด็กหญิงอีก
มู่ไป๋ไป่ที่หันหน้าไปมองเงาตัวเองในน้ำก็เพิ่งได้เห็นสภาพหน้าของตน ดังนั้นเธอจึงคิดจะล้างรอยเปื้อนบนใบหน้าออกไปให้หมด
ทว่าชายชรากลับอุ้มเธอขึ้นพร้อมกับพูดว่า “พระองค์ควรรู้เอาไว้ว่าฝ่าบาทของเรานั้นไม่ชอบการรอคอย พระองค์จะปล่อยให้ฝ่าบาทรอเช่นนั้นหรือ?”
เขาพูดประหนึ่งว่าเธอกำลังทำให้เขาเสียเวลา ทั้ง ๆ ที่เป็นเขาเองที่จงใจเล่นงานเธอ
แต่มู่ไป๋ไป่ที่ตั้งตัวไม่ทันก็คิดอะไรไม่ออก อีกทั้งตอนนี้เธอยังไม่สะดวกลงมือจัดการกับอีกฝ่ายด้วย
“ฝ่าบาท กระหม่อมพาองค์หญิงน้อยมาเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” พอมาถึงหน้ากระโจมหลวง แม่ทัพหลี่ก็รายงานต่อคนข้างใน
ฮ่องเต้ที่ได้ยินเสียงจึงตะโกนออกไปอย่างตื่นเต้น “เข้ามาเลย รีบเข้ามาเร็วเข้า!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เมื่อชายแก่ได้ยินเสียงกระตือรือร้นของนายเหนือหัว เขาก็รู้ว่าฝ่าบาทชอบเด็กผู้หญิงคนนี้มากเพียงใด
นั่นทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้นในใจของเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วมู่ไป๋ไป่ก็ไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป แต่นางเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยหลง
ในทางกลับกัน ดูเหมือนว่าตอนนี้ฝ่าบาทจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งเขาก็ไม่สามารถตั้งคำถามกับฝ่าบาทได้เช่นเดียวกัน
หลังจากที่เขาพามู่ไป๋ไป่เดินเข้าไปด้านใน เขาก็เห็นฝ่าบาทมองเด็กน้อยด้วยสายตารังเกียจ
“ท่านพาขอทานน้อยคนนี้มาทำอะไรที่นี่?” เดิมทีฮ่องเต้หนานซวนชอบรูปลักษณ์ที่สะอาดสะอ้านของคนตัวเล็ก แต่พอเห็นเนื้อตัวสกปรกของอีกฝ่าย เขาก็แทบอยากไล่นางออกไปให้ไกล
ทันทีที่มู่ไป๋ไป่ได้ยินชายตรงหน้าเรียกตัวเองว่าขอทาน เธอก็ย่นหน้าด้วยความไม่พอใจ
เธอพูดเสียงลอดไรฟันออกไปว่า “พระองค์นั่นแหละขอทาน แคว้นหนานซวนของพวกพระองค์มีแต่พวกสกปรกโสโครก”
แต่นี่ก็ไม่ได้ช่วยระบายความโกรธของเธอได้มากนัก ตอนนี้เด็กหญิงโมโหจนคิดไม่ออกว่าควรทำอะไรต่อไป
“รีบเอาตัวนางออกไปซะ!” ดูเหมือนว่าความสนใจของฮ่องเต้หนานซวนจะหายไปในพริบตาหลังจากได้เห็นมู่ไป๋ไป่ในสภาพสกปรก
แม่ทัพหลี่ไม่คิดว่ากลอุบายของเขาจะได้ผลขนาดนี้ นั่นทำให้เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวาน ไม่เช่นนั้นเจ้าเด็กนี่คงไม่มีทางได้ดูหมิ่นศักดิ์ศรีของเขา
ก่อนหน้านี้เขาเป็นกังวลมากเพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของมู่ไป๋ไป่กับฝ่าบาทจะดีขึ้น
“ฮึก ฮือออออ!” ก่อนที่ชายสูงวัยจะทันได้ภูมิใจในตัวเอง เขาก็ได้ยินเสียงเด็กในอ้อมแขนร้องไห้
น้ำตาของเด็กน้อยไหลลงมาทีละหยดซึ่งทำให้คนที่ได้พบเห็นอดสงสารไม่ได้แม้ว่าจะเกลียดเด็กคนนี้มากแค่ไหนก็ตาม
เมื่อเด็กหนุ่มเห็นว่ามู่ไป๋ไป่เนื้อตัวสกปรกและร้องไห้เสียงดัง เขาจึงรีบโบกมือไว ๆ โดยอยากจะสั่งให้แม่ทัพหลี่รีบเอาตัวนางออกไปให้เร็วยิ่งขึ้น
แต่คนตัวเล็กฉวยโอกาสให้ตัวเองได้เก่งมาก “ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากอาบน้ำ”
พอฮ่องเต้หนานซวนได้ยินดังนี้ เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เขาเป็นถึงฮ่องเต้ การที่เขาต้องมาดูแลปัญหาเรื่องการอาบน้ำขององค์หญิงแคว้นศัตรูนั้นช่างดูไร้สาระยิ่งนัก
ทันทีที่มู่ไป๋ไป่เห็นปฏิกิริยาเย็นชาจากอีกฝ่าย เธอก็ตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น แต่เธอก็ยังพยายามต่อไป
มีเพียงทำให้ฮ่องเต้หนานซวนผ่อนคลายลงเท่านั้นเธอจึงจะมีโอกาส
“องค์หญิงน้อย ที่นี่ไม่ใช่แคว้นเป่ยหลงของพระองค์ พระองค์ถึงจะสามารถทำทุกอย่างตามใจนึกได้” แม่ทัพหลี่เริ่มข่มขู่มู่ไป๋ไป่อีกครั้ง
พอพูดจบแล้วเขาก็กราบทูลนายเหนือหัวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมจะรีบพานางออกไปเดี๋ยวนี้”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับโดยไวพร้อมกับเอ่ยปากว่า “รีบพานางออกไปซะ เสียงร้องไห้ของนางทำให้ข้าปวดหัวไปหมดแล้ว!”
พอมู่ไป๋ไป่ได้ยินดังนั้น เธอก็แค่นเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ
“คนของแคว้นหนานซวนช่างขี้เหนียวยิ่งนัก ถ้าเกิดหม่อมฉันอยู่ในแคว้นเป่ยหลง นักโทษจะไม่มีทางได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมใคร ๆ ถึงเอาแต่พูดว่าชาวหนานซวนไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้”
มู่ไป๋ไป่บ่นออกไปด้วยความโมโห
ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้หนานซวนที่ได้ยินองค์หญิงน้อยด่าทอกลับไม่สนใจ แต่พอได้ยินคนพูดถึงแว่นแคว้นของเขาไม่ดี เขากลับรู้สึกโกรธมาก
“เราไม่ได้ทำร้ายเจ้าเลย เจ้ายังต้องการอะไรอีก?!” เด็กหนุ่มดุเด็กน้อยเสียงดัง
มู่ไป๋ไป่เหลือบมองเด็กหนุ่มตรงหน้าเงียบ ๆ ปัจจุบันในสายตาของเธอ ฮ่องเต้คนนี้ดูจะเปลี่ยนไปแล้ว เพราะเธอรู้สึกว่าการกระทำดังกล่าวสมกับการที่เป็นผู้ปกครองแว่นแคว้น
แต่เมื่อเทียบกับท่านพ่อของเธอ มันก็ยังต่างกันราวฟ้ากับเหว
“มันไม่ใช่ความจริงหรือ? หม่อมฉันเป็นถึงองค์หญิง แต่แม้แต่น้ำจะล้างหน้าก็ยังไม่มีให้หม่อมฉันด้วยซ้ำ ใบหน้าของหม่อมฉันถึงได้สกปรกเช่นนี้ หม่อมฉันคิดว่าแม่ทัพหลี่จงใจทำ พอเห็นว่าเมื่อวานหม่อมฉันเล่นสนุกกับฝ่าบาทมาก เขาจึงจงใจทำให้หม่อมฉันสกปรก เพราะเขาต้องการแย่งชิงความโปรดปรานกับหม่อมฉัน”
พอเห็นว่ามู่ไป๋ไป่เป็นเด็ก มันก็ไม่มีใครรู้สึกขุ่นเคืองกับคำพูดไร้สาระของเธอ อีกทั้งพวกเขากลับรู้สึกว่ามันดูน่ารักเสียด้วยซ้ำ
หลังจากที่ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนี้ เขาก็หันไปมองแม่ทัพหลี่แล้วเอ่ยถามว่า “ท่านตั้งใจทำดังเช่นที่นางพูดหรือไม่?”
ชายชราไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะพูดแบบนี้ต่อหน้านายเหนือหัว มันทำให้หัวสมองของเขาว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง
“ฝ่าบาท หม่อมฉันจะไม่เล่นกับพระองค์อีกแล้ว หม่อมฉันไม่ควรเล่นกับพวกท่านชาวหนานซวนอีก” มู่ไป๋ไป่พูดเสียงเย็น
ซึ่งมันบังเอิญที่ฮ่องเต้พระองค์นี้เป็นคนที่ชอบเอาชนะคนอื่น พอถูกพูดยั่วยุ เขาก็หันไปถามแม่ทัพหลี่เสียงแข็งว่า “ท่านทำสิ่งที่น่าละอายนี้จริง ๆ หรือ?”
เดิมทีฮ่องเต้หนานซวนไม่อยากจะมองใบหน้ามอมแมมของมู่ไป๋ไป่ แต่ตอนนี้เขากลับจ้องมองผงถ่านที่เลอะอยู่บนหน้านาง
ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร มันก็ดูเหมือนเป็นการละเลงถ่านบนใบหน้าของคนตัวเล็ก ซึ่งมันดูจงใจมากเกินไป
“แม่ทัพหลี่ คนในวัยเช่นท่าน มันจะไม่ไร้สาระเกินไปหน่อยหรือที่มาแข่งขันแย่งชิงความโปรดปรานกับเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง?”
เนื่องจากเด็กหนุ่มคล้อยตามคำพูดของมู่ไป๋ไป่ เขาจึงหันไปกล่าวหาคนของตน นั่นทำให้แม่ทัพหลี่ถึงกับพูดไม่ออก
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เจอฮ่องเต้แคว้นศัตรูทำตัวเด็กน้อยแบบนี้หรือว่าจะคดีพลิก?!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 57
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น