บทที่ 213: ฮ่องเต้เผชิญหน้ามู่ไป๋ไป่
ขณะนี้ใบหน้าของแม่ทัพหลี่ดูบิดเบี้ยวกว่าปกติ ส่วนมู่ไป๋ไป่กลับรู้สึกโล่งใจมากยิ่งขึ้น
“ฝ่าบาท พระองค์คิดว่าแม่ทัพหลี่รังแกเด็กเช่นนั้นหรือเพคะ?”
หลังจากฮ่องเต้หนานซวนฟังคำพูดของเด็กหญิง เขาก็พยักหน้าและมองชายชราด้วยสายตาคมดุ “แม่ทัพหลี่ เมื่อวานเรามีรับสั่งให้ท่านพานางมาหาเราที่นี่ แล้วดูสิ ท่านพานางมาที่นี่ด้วยวิธีการใด”
เมื่อชายสูงวัยเห็นว่านายเหนือหัวของตนตกหลุมพรางขององค์หญิงจอมเจ้าเล่ห์ เขาก็นิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก
เดิมทีเขาแค่หวังว่าฝ่าบาทจะเข้าใจว่าคนบางคนไม่สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น แต่ใครจะไปรู้ว่านอกจากฝ่าบาทจะไม่เข้าใจเรื่องนี้แล้ว อีกฝ่ายยังช่วยศัตรูโจมตีเขาอีกด้วย
ในขณะนี้แม่ทัพหลี่ไม่มีอะไรจะพูด แต่ภาระอันหนักอึ้งบนบ่าของเขาทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ
มู่ไป๋ไป่ที่เห็นชายแก่ต้องแบกรับความอัปยศอดสูรวมถึงภาระมากมายบนบ่า เธอก็รู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมาเล็กน้อย เพราะการที่เขาได้รับใช้ฮ่องเต้ผู้โง่เขลา เขาจึงทำได้เพียงยอมรับความโชคร้ายของตนเพียงเท่านั้น
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเธอไม่อาจเป็นมิตรกันได้ ดังนั้นเด็กหญิงจึงไม่มีความเห็นอกเห็นใจพวกเขามากนัก
“หม่อมฉันคิดว่าแม่ทัพหลี่จงใจละเลยฝ่าบาท บางทีแม่ทัพหลี่อาจจะมีนิสัยเช่นนี้และสนใจเพียงเรื่องในสนามรบเท่านั้น” มู่ไป๋ไป่ทำท่าเหมือนเป็นคนจิตใจดีโดยที่พูดเพื่อช่วยชายชรา แต่ความจริงแล้วมันเป็นการเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟอย่างแนบเนียน
และคำพูดเหล่านั้นก็ทำให้ฮ่องเต้หนานซวนยิ่งหวาดระแวงมากขึ้น เขาไม่ได้อยากมาที่นี่ตั้งแต่แรก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความพากเพียรของแม่ทัพหลี่ที่บอกว่าการที่เขามาที่นี่ด้วยจะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับกองทัพ
ตอนนี้ยามที่เขาอยู่ในสนามรบ ในที่สุดเขาก็ได้พบกับความสุขนั่นก็คือการเล่นกับมู่ไป๋ไป่ แต่ชายแก่ก็ยังพยายามขัดขวาง
“ทำไมท่านยังทำเช่นนี้ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเราจะไม่พอใจ แบบนี้มันทำให้เราเห็นเจตนาของท่านชัดเจนยิ่งขึ้น” ผู้เป็นฮ่องเต้มองแม่ทัพหลี่ด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
มู่ไป๋ไป่ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะโกรธขนาดนี้ ทางด้านชายสูงวัยเองก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นว่านายเหนือหัวโมโหมาก ดังนั้นเขาจึงก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
“ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหลี่เห็นว่าฮ่องเต้มีท่าทีเช่นนี้ เขาจึงทำได้เพียงเอ่ยปากยอมรับความผิด
ในตอนแรกมู่ไป๋ไป่คิดว่าตัวเองหูฝาดไป เธอไม่คาดคิดว่าชายชราจะยอมจำนนง่ายถึงเพียงนี้
ขณะนั้นแม่ทัพหลี่เหลือบมองเด็กหญิงด้วยสายตาอาฆาต แต่เนื่องจากตอนนี้เขายังอยู่ต่อหน้าฝ่าบาท เขาจึงไม่ได้ระบายความโกรธออกมา
“ออกไป เราไม่อยากเห็นหน้าท่าน!” ฮ่องเต้หนานซวนออกคำสั่งเสียงกร้าว
แน่นอนว่าชายสูงวัยยังไม่อยากออกไป แต่เขาก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของฝ่าบาท สุดท้ายเขาจึงทำได้เพียงคำนับเป็นการบอกลาคนตรงหน้า
ทันทีที่มู่ไป๋ไป่เห็นแม่ทัพหลี่ออกจากกระโจมไป เธอก็เงยหน้าถามฮ่องเต้แห่งแคว้นหนานซวนว่า “ฝ่าบาท พระองค์ทรงกริ้วหรือเพคะ?”
เมื่อเด็กหนุ่มถูกตั้งคำถามต่อหน้าตามตรงเช่นนี้ เขาก็จ้องเด็กน้อยแล้วถามกลับว่า “มันยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?”
ดวงตาไร้เดียงสาที่มู่ไป๋ไป่ใช้มองฮ่องเต้หนานซวนเบิกกว้างหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด
ในตอนที่เธอกำลังจะพยักหน้าและตอบกลับไป อีกฝ่ายก็พูดขึ้นอย่างฉุนเฉียว “ตาแก่ผู้พวกนี้พยายามควบคุมเราอยู่ตลอดเวลา พวกเขาคงว่างมากสินะ เราแค่อยากแสดงให้พวกเขาเห็นว่าใครกันแน่เป็นผู้ครองบัลลังก์”
มู่ไป๋ไป่ที่ได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่มอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้
แม่ทัพหลี่ต้องคอยดูแลเขาเอาไว้ตลอดเวลาเพราะฮ่องเต้พระองค์นี้โง่เขลาจนเกินไป
ชายชราไม่รู้เลยว่าฮ่องเต้พระองค์นี้นอกจากจะผิดต่อความหวังดีของเขาแล้ว ฝ่าบาทยังอยากทำให้เขาต้องอับอายและอยากจะต่อกรกับขุนนางคนสำคัญอีกด้วย หากสิ่งนี้รู้ไปถึงหูของเหล่าทหารละก็…
มู่ไป๋ไป่คิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ
ทางด้านฮ่องเต้หนานซวนไม่คิดว่าการกระทำของตนผิดแปลกตรงไหน ในทางกลับกัน เขารู้สึกพอใจกับสิ่งที่เขาทำลงไปก่อนหน้านี้มาก
“แม่ทัพหลี่ดูเหมือนจะทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองนะเพคะ” มู่ไป๋ไป่ยังคงเติมเชื้อไฟลงไปไม่หยุด
ถ้อยคำขององค์หญิงตัวน้อยส่งผลให้สีหน้าของผู้เป็นฮ่องเต้แย่ลงไปอีก เขาถลึงตามองอีกคนพร้อมกับพูดว่า “ท่านแม่ทัพบอกว่ามันก็เพื่อผลประโยชน์ของเราเอง แต่เราก็คิดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเพื่อประโยชน์ของพวกเขาต่างหาก”
มู่ไป๋ไป่ซึ่งได้ยินคำพูดที่ออกจากปากฮ่องเต้หนานซวนกลับรู้สึกพูดไม่ออก
คนพวกนี้กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อประเทศชาติของตัวเอง หากไม่มีกลุ่มคนอย่างแม่ทัพหลี่ ด้วยความสามารถของฮ่องเต้อายุน้อย เขาคงไม่มีทางอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
พอเด็กหนุ่มเห็นสีหน้าขุ่นเคืองของเด็กน้อย ความหยิ่งยโสที่เขาเคยแสดงออกมาก็พลันหายไป ก่อนที่เขาจะถามนางว่า “เราพูดอะไรผิดไปหรือ?”
คำถามเพียงประโยคเดียวทำให้มู่ไป๋ไป่ยืนทำตาปริบ ๆ ไม่ใช่ว่าเขาพูดผิด แต่ในฐานะฮ่องเต้เขาเพียงแค่งี่เง่า โง่เขลา และไร้ความสามารถเท่านั้น
แม้ว่าเด็กหญิงจะมาจากแคว้นศัตรู แต่เธอก็ยังต้องนิ่งอึ้งเมื่อเห็นฮ่องเต้ปฏิบัติกับผู้อื่นเช่นนี้
โชคดีแล้วที่ท่านพ่อของเธอเป็นคนฉลาด!
“เหตุใดเจ้าจึงมองเราเช่นนี้?” จู่ ๆ เด็กหนุ่มก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าเช่นนั้นขององค์หญิงน้อย
มู่ไป๋ไป่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจเพราะเธอกำลังมองเขา และเธอก็เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเองเป็นอย่างดี ถ้าเธอเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา เธอก็อาจจะถูกฆ่าได้โดยง่าย
“ฝ่าบาท ใบหน้าของหม่อมฉันสกปรกเลอะเทอะ และหม่อมฉันก็รู้สึกเหนียวไปทั้งตัวเลยเพคะ” คนตัวเล็กแสร้งทำเป็นรู้สึกไม่ดีที่ตัวเองอยู่ในสภาพน่าอับอาย
สิ่งที่เธอพูดเป็นผลให้สีหน้าของฮ่องเต้หนานซวนอ่อนลงทันที
แต่เขาก็ยังพูดบางอย่างเพื่อระบายความโกรธออกมาว่า “แม่ทัพหลี่คนนี้ชอบสร้างปัญหาให้เราอยู่เรื่อย”
มู่ไป๋ไป่ได้ยินดังนั้นก็ได้แต่นิ่งเงียบ
หากเธอเป็นฮ่องเต้ผู้ล่วงลับไปแล้ว เธอจะเป็นคนแรกที่จะรัดคอลูกชายกบฏคนนี้ตั้งแต่คลอดออกมาเพื่อไม่ให้อนาคตเขาได้เติบโตมาสร้างปัญหา
แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น เพราะไม่มีใครสามารถรู้อนาคตข้างหน้าได้
“หม่อมฉันอยากจะรีบไปล้างเนื้อล้างตัวให้เร็วที่สุดเพคะ” มู่ไป๋ไป่ไม่อยากคุยกับอีกฝ่ายไปมากกว่านี้ เธอบอกเขาเพียงว่าอยากจะทำความสะอาดร่างกาย
พอคนตัวเล็กเอ่ยปากเช่นนั้น ฮ่องเต้หนานซวนจึงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวว่า “เราจะให้คนไปเรียกแม่ทัพหลี่มาพาเจ้าไปล้างเนื้อล้างตัว”
แค่มู่ไป๋ไป่คิดถึงแม่ทัพหลี่ เธอก็ไม่อยากเห็นขี้หน้าเขาแล้ว เธอจึงรีบห้ามอีกฝ่ายที่กำลังจะอ้าปากเรียกทหารเอาไว้ “ไม่เพคะ”
“ทำไมล่ะ?” คนถูกห้ามหันมามองเด็กน้อยอย่างหมดความอดทน
มู่ไป๋ไป่แค่นเสียงในลำคอแสดงออกว่าตนไม่พอใจในขณะที่พูดว่า “หม่อมฉันไม่รู้ว่าเขาจะทำร้ายหม่อมฉันอีกหรือไม่?”
“แต่ในแผ่นดินนี้มีน้อยคนนักที่จะกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของเรา” เด็กหนุ่มกล่าวพลางยืดอกอย่างภาคภูมิ
เด็กหญิงแอบเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “แต่แม่ทัพหลี่พยายามขัดพระประสงค์ของพระองค์อยู่ตลอดเวลา”
ฮ่องเต้หนานซวนที่ถูกองค์หญิงแคว้นศัตรูโต้กลับเช่นนั้นก็ชักสีหน้า “นั่นเป็นข้อยกเว้น เรามีวิธีมากมายที่จะทำให้คนอื่นเชื่อฟัง”
แน่นอนว่าหลังจากพูดจบ เขาก็เปิดกระโจมออกไปทันที
มู่ไป๋ไป่ที่ทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่เดินตามหลังเขาไปติด ๆ
“เจ้ามานี่”
ทหารที่รออยู่ด้านนอกกระโจมเมื่อเห็นนายเหนือหัวออกมา เขาก็รีบเข้ามาทำความเคารพ
“ฝ่าบาท พระองค์มีเรื่องจะรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ราชองครักษ์ถามอย่างระมัดระวัง
ฮ่องเต้หนานซวนซึ่งเห็นท่าทางเคารพของราชองครักษ์ก็หันไปมองมู่ไป๋ไป่อย่างภาคภูมิใจ ราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเรามีอำนาจมากเพียงใด?’
ในขณะนี้คนตัวเล็กยิ่งรู้สึกพูดไม่ออกมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่คาดคิดเลยว่าฮ่องเต้แห่งแคว้นหนานซวนจะทำตัวเป็นเด็กน้อยได้ถึงเพียงนี้
เขาดูเด็กกว่าเธอที่อายุ 4 ขวบครึ่งด้วยซ้ำ!
ไม่ว่ามู่ไป๋ไป่จะคิดอย่างไรเธอก็ไม่เข้าใจอีกฝ่าย เพื่อพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของตัวเอง เจ้าตัวถึงขั้นเดินออกมาสั่งราชองครักษ์ด้วยพระองค์เอง
“เจ้าพานางไปล้างเนื้อล้างตัว” ขณะที่ออกคำสั่ง ฮ่องเต้ชี้ไปที่มู่ไป๋ไป่ด้วยสีหน้ารังเกียจ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 63
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น