กระดาษใบที่ 19 และแล้วประตูเหล็กดัดนั่นก็ได้เปิดออก
สีแดงฉานต่างเลอะไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงชุดนักเรียนสีขาวที่ตอนนี้มันกลายเป็นสีแดง
ลมเย็นพัดมาสัมผัสกับใบหน้า พร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่คล้ายกับกลิ่นสนิมบนเหล็ก ยามที่มันถูกทิ้งให้ตากฝนมาเป็นเวลานาน
เด็กหนุ่มคนนั้น คนที่ชื่อของเขาเหมือนเขาวงกตที่เมื่อได้รู้จักแล้ว ก็แทบหาทางออกไม่ได้อีกเลย แต่ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว…ฉันคิดถึงร่างที่จมกองเลือดในห้องน้ำชั้น 5
มีดคมตอนนี้มันอยู่ในมือของฉัน มันเย็นเฉียบแต่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว เลือดสีแดงเลอะไปทั่วตั้งแต่ด้ามจับจนไปถึงใบมีด
ฉันค่อยๆ เดินอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคงไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าสแตนเชียร์สูงแห่งนั้น ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่ชั้นบนสุด
ฉันจ้องมองมันอยู่นาน ในใจก็ใคร่ครวญสงสัยถึงการกระทำของตัวเอง ตระกอนความรู้สึกมากมายเกิดขึ้น โดยที่ฉันไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือสิ่งใด ดีใจก็ไม่เชิง เสียใจก็ไม่ใช่…แต่มันคงจะเป็นความสงบ
ตึกสีเขียวมันช่างตัดกันได้ดีกับเลือดสีแดงที่เปรอะอยู่ทั่วร่างฉัน เวลาในที่แห่งนี้มันได้หยุดนิ่งไปนานเท่าไรไม่มีใครทราบ มีเพียงเด็กหนุ่มคนนั้นที่ตอนนี้ไม่มีตัวตนอีกแล้วที่รู้
ฉันเหลือบมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่ที่ตัวอาคารด้านซ้ายมือมันที่มันหยุดนิ่งมานานแล้ว แต่ด้วยความอัศจรรย์ใดๆ ก็ตาม ฉันว่าฉันได้ยินเสียงเข็มวินาทีมันกลับมาเคลื่อนไหว
และมันก็เป็นจริงดังที่คาด เข็มวินาทีเรียวแหลมตอนนี้มันกำลังเดินไปข้างหน้าพร้อมกับการเคลื่อนไหวของกาลเวลาในอากาศรอบตัว มันกลับมาไหลเชี่ยวคล้ายกับสายน้ำเย็น
“ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะยอมอยู่ในที่แห่งนี้นานขนาดนี้…หลังจากนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
ฉันพยายามคิดถึงใบหน้าเด็กหนุ่มที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด แต่ฉันกลับคิดถึงใบหน้าเขาไม่ออก มีเพียงภาพสีแดงของเลือดที่กระเซ็นเป็นน้ำพุจากอกของเขา เลือดมหาศาลของเด็กหนุ่มมันทำให้ห้องน้ำชั้น 5 กลายเป็นห้องสีแดงโดยสมบูรณ์
และแล้วสายลมเอื่อยมันก็นำพาความคิดหนึ่งเข้ามาในหัว ฉันว่าฉันให้เขามีอิทธิพลกับชีวิตฉันมากเกิน มันถึงเวลาต้องบอกลาที่แห่งนี้แล้ว ฉันคิดถึงห้องศิลปะ ฉันคิดถึงสแตนเชียร์ ฉันคิดถึงระเบียงทางเดินชั้น 5 แต่ทั้งหมดมันก็แค่…คิดถึง
รู้ตัวอีกทีฉันก็มายืนอยู่หน้ารั้วประตูโรงเรียน มันทำมาจากเหล็กเส้นหนาที่ดัดโค้งไปมาคล้ายควันไฟ สายตาฉันพยายามเพ่งมองลอดช่องว่างของมันออกไปด้วยอยากรู้ว่าข้างนอกนั่นมีอะไรรออยู่
แสงสว่างวาบจนแสบตามันลอดผ่านช่องว่างจากรั้วเหล็กดัดยามที่ฉันนำเอาดวงตาไปใกล้กับมัน…ฉันมองไม่เห็นสิ่งใดเลย
และในวินาทีนั้นความรู้สึกกลัวมันก็วิ่งเข้ามาฉับพลัน ฉันเริ่มกลัวสิ่งที่อยู่นอกรั้วนั่น
ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกปล่อยออกมาคล้ายกำลังจัดการกับความคิดของตัวเอง มันคงไม่มีอะไรจะแย่เท่ากับการสูญเสียอิสรภาพอย่างที่ผ่านมาแล้ว การรักใครบางคนจนความรักนั้นเหมือนโซ่ตรวนผูกรั้งไม่ให้ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน
ในวินาทีนั้นเองฉันหยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ใบหูอาบเลือดของเด็กชายคนนั้น ตอนแรกฉันหวังเพียงจะเก็บมันไว้เผื่อวันหนึ่งฉันถูกความเปลี่ยวเหงาเล่นงาน ฉันจะได้หยิบออกมาเป็นยาทุเลาอาการเหงาได้บ้าง
‘ฉันว่ามันไม่จำเป็น…ฉันไม่จำเป็นต้องพึ่งมัน’
ความคิดในตอนนี้มันบอกฉันเช่นนั้น ถ้าคิดจะเริ่มใหม่มันก็ต้องเป็นการเริ่มใหม่อย่างแท้จริง
ไม่รอช้าฉันหยิบใบหูของเด็กหนุ่มขึ้นมาแล้วจุมพิตเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อบอกลาก่อนจะโยนมันทิ้งไปที่พุ่มไม้ข้างๆ อย่างไม่ใยดี
ไม่มีความลังเลใดอีกต่อไปแล้ว ฉันออกแรงทั้งหมดที่มีเปิดประตูรั้วโรงเรียนแห่งนี้ ก่อนจะก้าวเท้าออกไปเผชิญกับสิ่งที่อยู่ข้างนอก หมดเวลาให้กับสถานที่แห่งความทรงจำ หมดเวลาให้กับเด็กหนุ่มบนสแตนเชียร์ชั้นบนสุด หมดเวลาให้กับอดีต ถึงเวลาของปัจจุบัน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 62
แสดงความคิดเห็น