ตำนานแม่มดผู้ปราบมังกร
กาลครั้งหนึ่ง มีพ่อมดอยู่คนหนึ่งจับมังกรมาทดลอง ผลลัพธ์ที่ออกมาคือมังกรเกิดอาการแปลกประหลาด บางส่วนกลายพันธุ์ บางส่วนพิการ และอย่างเลวร้ายสุดคือตาย พ่อมดยังคงไม่หยุดการทดลองสุดเลวร้ายกับสัตว์ไร้ทางสู้ เขายังคงออกไปจับมาทดลองอยู่เรื่อยๆ
การกระทำทารุณสัตว์แบบนั้นไม่เป็นเรื่องแปลกประหลาด เพราะผู้ใช้เวทไม่ต่างจากนักวิทยาศาสตร์ที่อยากรู้อยากเห็น ชอบทดลองสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอด จนกว่าได้คำตอบสมดังใจหวังแล้วนั่นแหละถึงเลิกสนใจ
จนกระทั่งมาถึงวันหนึ่ง มีมังกรเกล็ดสีแดงตัวหนึ่งหลุดออกมาจากที่คุมขัง มันพยายามหาทางออกไปจากปราสาทที่เปรียบดั่งโรงเชือด แต่เพราะมันไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน เลยหลงเข้าไปในห้องปรุงยา
ร่างกายขนาดเท่าช้างของมันถูกชั้นวางยาจนล้ม แต่ไม่ล้มเพียงแค่ชั้นเดียว ยังล้มไปถูกชั้นวางยาอื่นที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ทำให้เกิดเหตุการณ์เหมือนปฏิกิริยาลูกโซ่ ชั้นวางยาเกือบทั้งหมดล้มระเนระนาด
ยาหลายหมื่นหลายล้านขวดที่แตกกระจาย ทำให้น้ำยาผสมกันจนแยกไม่ออก ยาบางตัวผสมกันแล้วทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ บางตัวผสมกันแล้วทำให้เกิดน้ำแข็ง บางตัวผสมกันแล้วทำให้เกิดประกายไฟเหมือนพลุ
มังกรตกใจกลัว แต่ไม่ทันได้หนีออกไป น้ำยารวมตัวกันกลายเป็นเหมือนหมึกยักษ์ หนวดยืดมาจับตัวแล้วกระชากเข้าไปในใจกลางก่อน
มังกรดิ้นทุรนทุราย พยายามว่ายออกไปจากหมึกยักษ์ประหลาด แต่มันไม่สามารถทำได้ ขณะเดียวกันหมึกยักษ์เริ่มซึมเข้าร่างกาย มอบความรู้สึกเหมือนถูกเข็มที่มีชีวิตนับล้านชอนไช แน่นอนว่าสร้างความเจ็บปวดให้มากมายมหาศาล มังกรอยากจะตายเพื่อหนีความเจ็บเดี๋ยวนี้
กว่าพ่อมดจะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติและมาถึงห้องปรุงยา หมึกยักษ์ประหลาดนั้นซึมเข้าไปในร่างของมังกรหมดแล้ว
เมื่อพ่อมดได้เห็นความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้เขาเกิดความโกรธมาก จนต้องระบายด้วยการร่ายเวทเพื่อฆ่ามังกร ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะต้องร่ายเวททำลายผนังแทนเพื่อระบายอารมณ์
“เจ้า... ตาย !”
พ่อมดไม่ทันร่ายเวทจนจบ ชะงักแข็งเพราะตกตะลึงก่อน มังกรตัวนั้นสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ เสียงของมันนั้นบ่งชี้ว่าเป็นบุรุษ ยังฟังน่าเกรงขาม
ในช่วงเวลาที่พ่อมดยังไม่ได้สติกลับมา มังกรคว้าโอกาสนี้ กระโจนหาพ่อมด อ้าปากงับแล้วกลืนเข้าไปทั้งตัว
นอกจากมังกรเกิดมีสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ ยังมีความสามารถพิเศษอีกอย่างที่น่ากลัว พ่อมดไม่มีโอกาสได้รับรู้ นั่นคือความสามารถเอาความสามารถจากสิ่งที่กินมาเป็นของตัวเอง แต่ยังไม่เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากนัก เพราะนี่เป็นความน่ากลัวแค่ระดับพื้นฐาน ของจริงคือมันสามารถเพิ่มความสามารถขึ้นไปได้เรื่อยๆ ไม่มีจำกัด หากจะให้เปรียบเทียบ มันไม่ต่างอะไรไปจากถุงกระสอบที่สามารถขยายได้ไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งถูกเติมเท่าไร น้ำหนักของมันยิ่งเพิ่มตาม จนกระทั่งไม่มีใครสามารถยกมันได้ไหวอีกต่อไป
สติปัญญาที่เกิดขึ้นมาทำให้มันเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันเกิดทั้งความเกลียดชังและความเคียดแค้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ และนี่คือจุดเริ่มต้นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปี มังกรตัวนั้นสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้ใครหลายคน ทุกอาณาจักรจึงต้องร่วมมือกันเพื่อปราบมัน ไม่เว้นแม้แต่อาณาจักรที่เป็นศัตรูกัน
เข้าถึงปีที่ห้า มนุษย์เริ่มรู้สึกสิ้นหวัง เพราะเหลืออยู่เพียงอาณาจักรเดียวที่เป็นที่มั่นสุดท้ายของมนุษย์ แม้ยังหาวิธีปราบมังกรไม่ได้ แต่เหล่าผู้กล้าหาญ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ นักรบ หรือแม้กระทั่งชาวบ้าน ยังคงเลือกสู้จนลมหายใจสุดท้าย เพราะถ้าพวกเขาไม่สู้ คนอ่อนแอที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ผู้แก่ชรา ทารกน้อย คนป่วย และคนพิการ ซึ่งเป็นคนที่พวกเขารัก จะไม่มีใครรอด
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของมนุษย์นั้น ในสายตาของมังกรแดง ไม่ต่างจากฝูงมดตัวเล็กๆ หาญสู้เทพเจ้า
มังกรแดงขยายร่างให้ใหญ่ปานภูเขา ตะลุยเข้าไปอยู่กลางกองทัพมนุษย์ ทั้งตบ พ่นไฟ ร่ายเวททำลายล้าง ฆ่ามนุษย์อย่างสนุกสนาน
การฆ่าฝ่ายเดียวอย่างนี้ ทำให้มนุษย์รับรู้แล้วว่าไม่อาจเอาชนะ ความสิ้นหวังเลยก่อตัวกลายเป็นความกลัวตาย
มังกรแดงสังเกตมนุษย์ที่เริ่มวิ่งหนีไปละทิศละทาง หากตามไล่ฆ่าทีละคนต้องเป็นเรื่องยุ่งยากและเสียเวลาไม่น้อย ดังนั้น ร่ายเวทมนตร์บทใหญ่ เปลี่ยนสนามรบให้เป็นทะเลเพลิง มังกรหัวเราะอย่างสะใจ ออกแรงครั้งเดียว ตายเรียบ !
แต่ทว่าคิดอย่างนั้นจะเป็นการเข้าข้างตัวเองเกินไป
มังกรแดงหันขวับไปตามทิศทางเสียงควบม้า เห็นแม่มดรุ่นประจำเดือนไปเกิดใหม่ ขี่ม้าสีดำมุ่งมาหา แกไม่มีความหวาดกลัวแสดงออกมาทางแววตาให้เห็นแม้แต่น้อย มีแต่ความมุ่งมั่นและความกล้าหาญ
มังกรไม่รอคอย มันกระพือปีกแล้วมุ่งไปหาแทน
เมื่อมังกรมาถึง ตอนแรกคิดว่าจะได้หัวเราะ เพราะคิดว่าม้าต้องตกใจจนยกขาหน้าตะกุยตะกายอากาศ ทำให้แม่มดตกลงไปตายอย่างอเนจอนาถ แต่ความจริงตรงข้ามจากความคิด ม้าสีดำตัวนั้นนิ่งมาก เหมือนไม่เห็นมังกรตัวใหญ่ในสายตา
แต่ความแปลกใจมีไม่นาน เมื่อม้าตัวนั้นค่อยๆ แตกตัวกลายเป็นหมอกสีดำ มังกรหายสงสัยทันใดว่าเหตุใดม้านั้นไม่แสดงอาการตกใจตามประสาสัตว์ประเภทนี้ นั่นเพราะไม่ใช่ม้าจริงๆ อย่างที่เห็น
ระหว่างม้าแตกตัวกลายเป็นหมอก มันค่อยๆ ส่งแม่มดลงพื้นอย่างนิ่มนวล จนกระทั่งเท้าของแม่มดถึงพื้น รูปกายม้ากลายเป็นหมอกอย่างรวดเร็ว แล้วลอยหายเข้าไปใต้กระโปรงของแก
“เจ้ามังกรชั่วร้าย !” แม่มดจ้องมองอย่างน่ากลัว มือข้างหนึ่งยื่นออกไปด้านข้าง เรียกคทาวิเศษให้ปรากฏ “หากเจ้ายังไม่หยุดการฆ่า ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าฝันร้ายเป็นอย่างไร”
“อย่างเจ้าจะทำอะไรข้า” มังกรแดงหัวเราะลั่นราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดที่เคยได้ยินมา “เจ้าคงจะไม่รู้ ข้ากินผู้ใช้เวทมามากจนนับไม่ถ้วน อำนาจของข้ามีมากมายจนเจ้าคาดไม่ถึง หากเจ้าคิดจะใช้เวทมนตร์สู้กับข้า จะไม่ต่างอะไรไปจากปาไข่ใส่ก้อนหิน”
“ข้าเตือนเจ้าแล้ว !” แม่มดคำราม คทาปักลงพื้น ก้อนหินบนยอดคทาเริ่มเปล่งแสงระยิบระยับ
“เจ้าจะแสดงแสงสีงานเลี้ยงให้ข้าดูรึ” มังกรยังคงหัวเราะดูถูก “เจ้าต้องการทำสิ่งใดจงทำให้เต็มที่ ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทำอะไรข้าได้”
เสียงหัวเราะจากมังกรพลันขาดหาย ดวงตาของมันมองแม่มดอย่างงงงวย ตอนแรกคิดว่าแกจะร่ายเวทมนตร์เหมือนผู้ใช้เวทคนอื่นๆ แต่ที่แกทำเป็นเรื่องไกลจากความคิด แกปล่อยคทา เปลี่ยนถลกกระโปรงแทน
“เจ้ามังกรชั่ว จุดจบของเจ้ามาถึงแล้ว !” เมื่อยายแก่แม่มดถลกกระโปรงมาถึงหัวเข่า แกเปิดพึ่บ อ้าขากว้างพร้อมกับแอ่นมาข้างหน้า
นอกจากกางเกงในสีแดงแจ๋ สภาพเปื่อยยุ่ยเหมือนถูกใช้งานมาตั้งแต่บรรพบุรุษ สิ่งที่อยู่ระหว่างขาของแกคือหัวม้าตัวเมื่อครู่นี้ ลักษณะเป็นหมอกที่รวมตัวกัน แต่ภาพนั้นมีให้เห็นไม่นาน มันแตกตัวกลายเป็นหมอก ภายในมีจุดแสงระยิบระยับลอยอยู่มากมาย ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
แม้มังกรไม่รู้ว่านั่นคืออะไร แต่มันเดาได้ว่านั่นคือเวทมนตร์ชนิดใหม่ แล้วมันเชื่อว่าต้องเป็นอย่างนั้น
จุดแสงเหล่านั้นเริ่มหมุนเป็นวงกลม จากช้าๆ พัฒนาไปเร็วมากขึ้น
การหมุนนั้นทำให้เกิดแรงดึงดูด สังเกตได้จากลมและขี้ฝุ่นรอบตัวถูกดูดเข้าไปภายใน
ทุกเสี้ยววินาทีที่ผ่านไป แรงดึงดูดนั้นยิ่งเพิ่มมากขึ้น มาถึงวินาทีที่สอง หินก้อนเล็กๆ เริ่มกลิ้งแล้วพุ่งหายเข้าไป มาถึงวินาทีที่สี่ หินที่หนักหลายปอนด์เริ่มกลิ้ง จากนั้นไม่ต่างจากหินก้อนเล็กก้อนน้อยที่ถูกดูดหายเข้าไปก่อนหน้านี้
มังกรแดงรู้สึกถึงภัยอันตรายในวินาทีที่เจ็ด เพราะว่ามันเริ่มทรงตัวอยู่กลางอากาศไม่ได้
“เจ้ามนุษย์ ข้าจะไม่เล่นกับเจ้าแล้ว !” มังกรยกเท้าหน้าแล้วชี้แม่มด ที่ปลายกรงเล็บของมันปรากฏลูกไฟขนาดเท่าลูกตา แต่อยู่ขนาดนั้นไม่นาน ลูกไฟขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว ถ้าเอาลูกไฟนี้ไปเปรียบเทียบกับขนาดแม่มด จะไม่ต่างจากไข่ไก่และมดตัวจิ๋ว
ยายแก่แม่มดไม่มีแสดงออกว่าหวาดกลัวแม้แต่น้อย แกยังคงอ้าขาอยู่อย่างนั้น
“เจ้าจงตาย !” มังกรสั่งให้ลูกไฟพุ่งออกไป
มังกรตาถลนอย่างตกตะลึง ตอนแรกจินตนาการว่ายายแก่นั่นต้องหายไปภายใต้ลูกไฟขนาดใหญ่ยักษ์ แต่กลับไม่เกิดขึ้น ลูกไฟนั้นถูกดูดหายเข้าไปอย่างมหัศจรรย์ เหมือนดูฉากหมึกตัวเขื่องมุดเข้าไปภายในรูหนู
ยายแก่แม่มดยิ้มอย่างเย้ยๆ ขณะเดียวกันจุดแสงเล็กๆ ที่อยู่ในหมอกนั้นกระจายออกมา ส่งเสียงใสกังวานปิ๊งๆ ราวกับกระดิ่ง
เกล็ดหลังคอของมังกรลุกตั้งราวขนลุก เมื่อสัญชาตญาณตะโกนเตือนถึงภัยอันตรายดังลั่น หากมันยังคงอยู่ที่แห่งนี้ มันอาจต่อต้านแรงดึงดูดไม่ไหวอีกต่อไปและต้องเหมือนกับลูกไฟนั้น มันจึงหันตัวกลับแล้วกระพือปีกหนีอย่างเร็วที่สุด
“เจ้าไม่มีทางหนีรอด !”
ผมหงอกของยายแก่แม่มดปลิวสะบัดไปทางด้านหลัง ไม่เว้นเครื่องนุ่งห่มที่แกสวมอยู่ มันดูเป็นภาพขัดแย้งแรงดูดมหาศาลเบื้องล่างยิ่งนัก อย่างไรก็ดี มันทำให้แกดูเท่สุดๆ
มังกรกระพือปีกตาลีตาเหลือก ไม่ใช้แค่กำลังกายอย่างเดียว ยังใช้เวทมนตร์สารพัดที่คิดออก เอามาเสริมความเร็วในการหนีให้มากขึ้น
ยายแก่แม่มดร้องย้าก อ้าขากว้างมากกว่าเดิม แรงดึงดูดเบื้องล่างเพิ่มมากขึ้นหลายพันเท่าต่อเสี้ยววินาที เหมือนนั่นกลายเป็นหลุมดำพิศวงไปแล้ว !
“ไม่ ไม่ ไม่ !” มังกรเหลียวมองแล้วเกิดความหวาดผวา เพราะเห็นกางเกงในสีแดงแจ๋ยืดออกมากระพือไปตามทิศทางแรงดึงดูด ดูท่าจะหลุดในไม่ช้านี้
“เตรียมพบฝันร้ายที่สุดได้แล้วเจ้ามังกรชั่ว !”
“ม่ายยยยยย~ !”
เป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างยิ่ง หมอกนั้นสามารถดูดมังกรตัวใหญ่หายเข้าไปได้ทั้งหมด
ทันทีที่แม่มดปล่อยกระโปรง แรงดึงดูดมหาศาลนั้นกลับหายไปฉับพลัน เหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์สะเทือนฟ้าสะเทือนแผ่นดินเกิดขึ้นที่แห่งนี้มาก่อน
แม่มดจับคทาวิเศษ เงยหน้าพร้อมหลับตาช้าๆ ร่างกายของแกเปล่งแสงสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่กี่ลมหายใจต่อมา ร่างของแกพลันหายไปจากตรงจุดนั้น
ในเมื่อทุกคนในสนามรบตายหมดแล้ว ความจริงต้องไม่มีใครเห็นความกล้าหาญของวีรสตรีผู้นี้และไม่มีวันได้รู้ว่ามังกรหายไปไหน แต่เนื่องด้วยคทาวิเศษของเหล่าผู้ใช้เวททุกคนมีคุณสมบัติพิเศษ มันสามารถส่งภาพทุกสิ่งทุกอย่างกลับไปที่ฐานสุดท้ายของมนุษย์ได้ เพื่อให้คนที่เหลือได้ค้นหาจุดอ่อนของมังกรและตั้งรับได้ถูก ทุกคนถึงได้รู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีใครรู้ว่าวีรสตรีผู้นั้นเป็นใครและมาจากไหน
แม้ไม่มีใครรู้ แต่ทุกคนที่เหลือรอดก็ช่วยกันสร้างรูปปั้นแกขึ้นมาเป็นอนุสรณ์ ยังเขียนเป็นหนังสือให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ความกล้าหาญของแก มีทั้งเวอร์ชันแนวรักน้ำเน่าในสนามรบ เวอร์ชันระเบิดภูเขา เผากระท่อม ตอนกลางคืนย่างไก่ ตอนเช้ากินกาแฟ ส่วนเวลาที่เหลือเดินป่า ไม่ต่างจากมหากาพย์เรื่องหนึ่ง ทว่า... คนรุ่นหลังไม่มีใครรู้ความจริงเกี่ยวกับวิธีการปราบมังกรชั่ว เนื่องจากคนโบราณกลัวว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของวีรสตรีเสื่อม ความจริงนั้น แกเพียงแค่มาถลกกระโปรงแล้วอ้าขา
- 👁️ ยอดวิว 993
แสดงความคิดเห็น