Chapter 5 คำให้การจาก แมวสีน้ำตาล
ช่วงสายของวันที่ผมรู้สึกไม่สบายตัวสักเท่าไรเพราะข้อมูลที่สับสนปนเปกันในหัว ไม่มีเรื่องของใครจะไปในทิศทางเดียวกันเลย ตอนนี้ผมแทบไม่รู้แล้วว่าชายหนุ่มผู้สาบสูญคนที่ผมกำลังสืบหาชีวิตจริงเขาเป็นอย่างไรกันแน่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้ารั้วสีขาวที่ตัดกับสีเขียวของสนามหญ้าและต้นไม้น้อยใหญ่ ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าบ้านของเขาอีกครั้ง โดยผมได้ขออนุญาตคู่สามีภรรยาที่เป็นเจ้าของบ้านเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนี้พวกเขาไม่อยู่บ้านเพราะกำลังไปทำงานตามปกติ เขาจึงจะทิ้งกุญแจบ้านไว้ให้ผมในกระถางดอกลิลลี่สีขาวด้านซ้ายของรั้ว
ไม่รอช้าผมกวาดสายตามองหากระถางดอกลิลลี่สีขาวและในไม่กี่วินาทีผมก็เจอมัน เป็นไปตามคาดข้างในกระถางลิลลี่มีกุญแจบ้านโบราณที่ทำมาจากทองแดงซ่อนอยู่ ผมหยิบมันก่อนจะไขเข้ารั้วสีขาวไป ด้านหน้าผมเป็นสนามหญ้าสีเขียวสั้นเตียนที่ด้านหลังเป็นตัวบ้าน รอบข้างของบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ที่ถูกตัดแต่งดูแลอย่างดีบ่งบอกถึงความใส่ใจของเจ้าของบ้าน ผมเดินเข้าไปใกล้กับสนามหญ้าสีเขียวมากขึ้น ก่อนจะมีซากศพนกสีน้ำเงินขนกระจุยกระจายนอนตายไร้วิญญาณอยู่บนนั้น ผมพยายามมองไปบริเวณรอบข้างเพื่อหาต้นเหตุของการตายที่ผมเพิ่งเห็น ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเจ้าแมวตัวสีน้ำตาลอ้วนที่ผมเห็นมันในเย็นวันแรกที่ผมมาที่บ้านหลังนี้ มันกำลังนอนแผ่หราสบายใจอยู่บนชิงช้าที่ผูกไว้กับกิ่งไม้ใหญ่ด้านขวาของตัวบ้าน ไม่รอช้าผมเดินตรงดิ่งไปหามัน
ไม่ผิดแน่เจ้าแมวอ้วนตัวนี้คงเป็นฆาตกรที่ฆ่าเจ้านกสีน้ำเงิน เพราะขนนกยังคงติดอยู่ที่ปากมันอยู่เลย สีน้ำเงินจากขนนกในยามที่เคลื่นไหวตามแรงแกว่งของชิงช้าส่องกระทบกับแสงแดดระยิบระยับจนเหมือนอัญมณีสีน้ำเงินเข้มประดับอยู่บนตัวเจ้าแมว ไม่กี่ช่วงหายใจเจ้าแมวอ้วนก็รู้ตัวว่ากำลังมีคนมองมันอยู่ มันลืมตาขึ้นก่อนที่จะรีบพลิกตัวจากท่านอนหงายโชว์หน้าท้องสีขาวกลับมาอยู่ในท่านั่งคล้ายขนมปังก้อนกลม สายตาบาดคมแต่แฝงไว้ด้วยความขี้เล่นของมันจ้องตรงมายังผม ในระหว่างนั้นเองผมกำลังจะเอื้อมมือไปลูบหัวมันด้วยความเอ็นดู แต่ก็ต้องชะงักไว้เสียก่อน เพราะมันส่งเสียงกวนประสาทในโทนเสียงต่ำของมัน
“มองอะไร?”
เจ้าแมวน้ำตาลตัวนี้มันกำลังพูดกับผม หนวดยาวของมันขยับขึ้นลงในยามที่มันขยับปาก แต่ผมกลับไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะพอทราบมาบ้างว่าแมวบางตัวมันสามารถพูดได้ จนบางทีก็ต้องกำนัลด้วยอาหารเปียกหลายซองเพื่อทำให้มันหยุดพูด
“นายฆ่านกตัวสีฟ้าบนสนามหญ้าใช่ไหม?”
“เราเล่นกันนิดหน่อย”
คราวนี้มันพูดพลางยกขาหน้าของมันเลียทำความสะอาดใบหน้าทำให้ขนนกสีฟ้าที่มุมปากของมันหลุดปลิวออกไป
“แล้วนายไม่กินมันเหรอ เหลือทิ้งไว้ทำไม?”
แมวน้ำตาลหน้าตาเบื่อหน่าย มันหยุดเลียทำความสะอาดใบหน้า ก่อนมันจะมองค้อนด้วยสายตาเหยียดหยามผมอย่างถึงที่สุด
"ป่าเถื่อน! พวกเราไม่กินของดิบหรอก มันก็แค่ของเล่น"
แล้วมันก็กลับไปเลียทำความสะอาดใบหน้าของมันต่อ
ด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ผมคิดว่าเจ้าแมวตัวสีน้ำตาลตัวนี้อาจเป็นหนึ่งผู้ให้ข้อมูลของผมได้ ผมจึงหย่อนตัวนั่งลงบนพื้นหญ้าข้างชิงช้าตัวนี้ ผมรู้สึกได้ถึงความชื้นบนยอดหญ้าที่ตอนเช้ามันคงถูกลดน้ำด้วยตัวสามีเจ้าของบ้าน ไอแดดช่วงสายเริ่มคลุ้งไปกับกลิ่นเขียวของต้นไม้อย่างพอดิบพอดี เช่นเดียวกับที่เจ้าแมวอ้วนสีน้ำตาลเพิ่งเลียทำความสะอาดตัวเองเสร็จ ไม่รอช้าผมซักไซร้ถามมันถึงชายคนนั้น มันจึงเล่าให้ผมฟังว่าชายคนนั้นเป็นเจ้าของมันเอง มันสนิทกับเขาที่สุดในบ้าน ช่วงเวลานอนมันก็จะขึ้นไปนอนบนเตียงของชายหนุ่มคนนั้น พร้อมเอาพุงอุ่นของมันซุกกับแขนของเจ้าของมันเพื่อให้เกิดความอบอุ่น คล้ายผ้าห่มหนาในค่ำคืนอันหนาวเหน็ด
“เขาช่างเป็นคนที่นุ่มนวลที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบ”
เจ้าแมวมองตรงไปที่สนามหญ้าอีกครั้งเพราะตอนนี้มีนกตัวสีน้ำเงินตัวใหม่บินวนอยู่แถวนั้น
“แล้วนายพอรู้ไหมว่าตอนนี้เขาไปไหน?”
“ไม่รู้…และไม่อยากจะรู้ด้วย”
สิ่งหนึ่งที่เจ้าแมวอ้วนตัวนี้รู้สึกรักและเทิดทูลเจ้าของของมันอย่างสุดหัวใจก็เพราะเขาไม่ต่างอะไรไปจากแมวอย่างมัน คาดเดาไม่ได้ น่ารัก ขี้เล่น และ มีอิสระ แมวอ้วนเล่าให้ฟังว่าทุกวันอังคารตัวมันกับเจ้าของจะวิ่งซ่อนหากันในสวนแห่งนี้ ก่อนที่มันจะพบเจอเขาในเวลาไม่นาน เพราะสัญชาตญาณนักล่าที่มีมากกว่าเจ้าของของมันเป็นเท่าตัว ตามด้วยคืนวันพุธที่มันจะนั่งมองเจ้าของวาดรูปอยู่ริมหน้าต่างห้องนอน ในขณะที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่มุมห้องกำลังขับกล่อมเพลงเก่าเก็บ ที่ต่อให้เวลาในเท่าไรก็ไม่อาจลบเลือนความไพเราะและเรื่องราวเบื้องหลังบทเพลงเหล่านั้นลงไปได้ มันคิดถึงดนตรีในจังหวะช้าที่มีเครื่องสายเป็นพระเอก คิดถึงค่ำคืนที่ดวงจันทร์สว่างวาบจนทำให้บ้านสวนแห่งนี้สามารถเรืองแสงได้ในที่มืด
“ถ้าเขาจะมา เขาก็จะมา ถ้าเขาจะไป เขาก็จะไป…นั่นเป็นสิ่งที่แมวจะทำ อิสระจากทุกสิ่ง!”
“แล้วเจ้าของนาย เขามีความสุขดีไหม?”
ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะเสียมารยาทในการฟังเรื่องที่เจ้าแมวเล่า ผมเพียงต้องการให้เรื่องที่ผมอยากรู้ไม่ถูกเฉไฉออกทะเลไป เจ้าแมวอ้วนมันหันมาทางผมอย่างเชื่องช้า ก่อนที่มันจะระเบิดเสียงหัวเราะในย่านความถี่สูงออกมา จนผมรู้สึกแสบหู
“นายพูดอะไรตลกสิ้นดี! เจ้านายฉันเป็นมนุษย์ที่มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว…ไม่มีใครจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบเท่ากับเขาอีกแล้ว”
นี่เป็นอีกครั้งที่คำให้การของคนรอบตัวเจ้าหมอนั่นไม่ตรงกัน แต่เอาเถอะผมชักจะเริ่มชินกับความสับสนนี้เสียแล้ว ผมจึงไม่ขัดอะไรปล่อยให้เจ้าแมวอ้วนเล่าเรื่องของมันต่อ
ความรัก เจ้าแมวอ้วนอยู่ๆ ก็ยกประเด็นที่ชวนคลื่นไส้ออกมาเป็นประเด็นการพูด มันว่าว่าเจ้านายมันเป็นมนุษย์หนึ่งคนที่คู่ควรกับคำนั้นมากที่สุด รอบกายของเขาที่ไม่ว่าใครได้อยู่ใกล้ก็จะรู้สึกไออุ่นของความรักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนมันเป็นอากาศรอบตัวเขา มันหอมฟุ้งจนเป็นสาเหตุให้ดอกไม้ทั้งสวนนี้เบ่งบานแข่งกัน นกสีน้ำเงินนั้นก็เช่นกัน เหตุผลที่มันมักจะลงมาที่สนามหญ้าทุกเช้าก็เพราะมันมาจิกกินละอองของความรักที่เจ้านายทำหล่นไว้ในขณะที่เขาเยื้องกายเดินไปรอบบ้าน
“นายจะรังเกียจไหมถ้าช่วยไปหยิบชามอาหารที่ด้านหลังบ้านให้ที พอดีว่ามันถึงเวลากินข้าวเที่ยงของฉันแล้ว”
หลังจบประโยคแววตาสุกใสก็พุ่งตรงเข้ามาในการมองเห็นของผม นั่นคงจะเป็นทักษะพิเศษที่มีเฉพาะแมวสำหรับการออดอ้อนต่อมนุษย์ และมนุษย์ก็มักตกหลุมพรางแววตานั้นอย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน ผมลุกขึ้นรับคำสั่งของมันอย่างจำยอมโดยที่ความชื้นจากน้ำบนยอดหญ้ายังคงฝังแน่นอยู่ที่กางเกงของผม ผมเดินลัดเลาะรอบบ้านเพื่อจะไปครัวด้านหลัง รอบบริเวณบ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ หลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายสายพันธุ์ หลากหลายสีสัน ทั้งพุ่มกุหลาบสีแดงที่ผลิบานดั่งดวงอาทิตย์ ดอกลิลี่สีออกชมพูที่ส่งกลิ่นหอมเย็นชวนให้สดชื่น ดอกแก้วสีขาวต้นไม้เขตร้อนที่ขึ้นแซมระหว่างดอกไม้เมืองหนาวอย่างผิดธรรมชาติ จนไปถึงต้นกระบองเพชรที่แช่อยู่ในอ่างน้ำร่วมกับดอกบัว เถาไม้เลื้อยที่เดาว่าน่าจะเป็นเถาองุ่น มันพันเกี่ยวตามผนังบ้านจนเสมือนเสื้อผ้าของบ้านหลังนี้ ทุกอย่างมันช่างลงตัวสวยงาม รู้ได้เลยว่าเจ้าของบ้านคงตั้งใจและทุ่มเทให้กับบ้านหลังเพื่อให้มันกลายเป็นบ้านในความฝัน ดั่งสวรรค์บนดิน แต่อะไรกันที่ทำให้ใครคนหนึ่งอยากหนีไปจากที่นี่
ในที่สุดผมก็เดินมาถึงข้างหลังบ้านพร้อมกับเห็นจานข้าวของแมวตัวสีน้ำตาลวางอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าห้องครัว ผมเดินตรงไปเพื่อจะก้มหยิบมันแต่ก็ต้องชะงักค้างเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากในบ้าน ผมเงยหน้าขึ้นพยายามลอบมองดูผ่านช่องหน้าต่าง ในตอนแรกก๊อกน้ำที่อ่างล้างจานและมุ้งลวดหน้าต่างมันบดบังการมองเห็นของผม แต่เมื่อพยายามเพ่งให้ดีภาพที่ผมอยู่ตรงหน้าก็แทบทำให้หัวใจผมหยุดเต้น ภาพของผมในอดีตวันที่มาที่บ้านหลังนี้ครั้งแรก ผมกำลังคุยกับตัวภรรยาที่ชั้นวางถ้วยรางวัลโถงทางเดินที่เชื่อมห้องครัวกับห้องนั่งเล่น ทุกอย่างมันเล่นซ้ำสองเหมือนถูกกรอเทปโดยมีผมคนปัจจุบันกำลังเฝ้ามอง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่วันนั้นผมไม่เห็น ที่บริเวณหน้าตู้เย็นซึ่งติดกับบันไดขึ้นชั้น 2 ผมเห็นตัวสามีกำลังยืนแอบฟังอยู่ ผมค่อนข้างประหลาดใจเพราะผมคิดว่าตัวสามีไม่ได้สนใจใยดีลูกของตัวเองสักเท่าไร ผมคาดการณ์จากท่าทางเย็นชาและคำดูถูกของเขาในวันนั้น แต่ภาพที่ผมในตอนนี้มันต่างออกไป เขากำลังยืนร้องไห้แอบฟังเรื่องที่พวกเราคุยกัน ยิ่งตัวภรรยาพูดถึงลูกชายที่สาบสูญมากขึ้นเท่าไร หยดน้ำตาของเขาก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น สองมือเขากุมปิดป้องไว้ที่ปากคล้ายกลัวว่าเสียงคร่ำครวญของเขาจะดังลอดออกมา แต่ไม่นานความอดทนของเขาก็หมดลง เขาเดินตรงดิ่งมาที่ประตูหลังบ้าน ไม่รอช้าผมรีบเบี่ยงตัวหาที่ซ่อนแต่มันคงสายเกินไป เขาได้เปิดประตูออกมาแล้ว ในตอนแรกผมคิดว่าผมคงจะโดนจับได้ที่กำลังแอบดูพวกเขาอยู่ แต่ทุกอย่างไม่เป็นเช่นนั้น ตัวสามีเดินผ่านผมไปเหมือนกับว่าเขามองไม่เห็นผม แล้วเขาก็เดินไปข้างบ้านฝั่งต้นไม้ใหญ่พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้โยก
ตอนนี้มันบ้าเกินไปแล้ว ผมไม่รู้สักนิดว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น เวลาทับซ้อน เวทมนต์ หรือ ปาฏิหาริย์ ผมรีบเดินกลับไปหาเจ้าแมวตัวสีน้ำตาลที่นั่งอยู่บนชิงช้า มันยังคงทำสีหน้าเบื่อหน่ายเช่นเดิม ต่างจากความคิดของผมที่กระเจิดกระเจิงเหมือนเกสรดอกไม้ที่ปลิวกระจัดกระจายไปตามพายุ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น! นายรู้เรื่องนี้ใช่ไหม?”
มันยังคงนิ่งเฉยในขณะที่ท้องฟ้าช่วงสายที่แสงแดดจ้า ตอนนี้มันกลับเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าสีส้มคล้ายดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า
“ฉันบอกนายแล้ว เจ้านายฉันต่างโอบล้อมไปด้วยความรัก”
ผมหยุดนิ่งไปชั่วครู่เพราะจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก
“ทำไมทุกคนถึงพูดไม่เหมือนกัน นี่เขากำลังพูดถึงคนคนเดียวกันหรือเปล่า! ตัวจริงชายคนนั้นเป็นอย่างไรกันแน่!”
เสียงตวาดของผมแผดออกมา ไม่ใช่เพราะความโกรธเคืองต่อโลก คู่สามีภรรยา เพื่อนสนิท เจ้านาย คนรัก หรือเจ้าแมวของชายผู้สาบสูญคนนั้น แต่ผมกำลังตวาดให้กับความสับสนที่กำลังเกิดขึ้นในใจของผม มันเหมือนกำลังมีสงครามเกิดขึ้นในหัวจนยากที่จะควบคุม แต่ไม่ทันไรเสียงหัวเราะในย่านความถี่สูงของเจ้าแมวก็ดังขึ้นอีก มันหัวเราะคล้ายกับผมเป็นคนโง่ที่กำลังโบยตีตัวเอง
“ยังเหลืออีกคนที่นายยังไม่ได้ไปถามนะ! เจ้าพิมพ์ดีดไง ไม่แน่นายอาจจะเจอความจริงที่นายกำลังตามหาอยู่ก็ได้”
แล้วเจ้าแมวสีน้ำตาลก็ลุกขึ้นจากชิงช้า มันกระโจนลงมาบนพื้นดินพร้อมกับบิดขี้เกียจยืดตัวยาว ก่อนที่มันจะเดินจากผมไปด้วยอุ้งเท้าเล็กๆ ของมัน เจ้าแมวเดินผ่านสนามหญ้าหน้าบ้านโดยที่มันไม่สนใจซากศพนกตัวสีน้ำเงินแม้แต่น้อย ผมเดินตามมันไปติดๆ คอยสังเกตุทุกการกระทำของมัน จนสุดท้ายมันก็เดินไปทิ้งตัวลงนอนใกล้กับเก้าอี้โยกใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ตัวสามีนั่งอยู่ ในวินาทีนั้นเองแสงสีทองแสงสุดท้ายของวันก็ฉายตรงมาที่พวกเขา ทั้งกับตัวสามีและเจ้าแมวน้ำตาลต่างจ้องมองไปที่มันก่อนจะหลุดหายไปในความคิดตัวเอง มันทั้งอบอุ่น โหยหา และเป็นสัจธรรม
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 74
แสดงความคิดเห็น