ชายผู้สืบทอดอำนาจ
กระสุนนัดที่ 2 ยิงทะลุขาซีสจ์ ความวุ่นวายเริ่มขึ้นเมื่อซาคาเรียสพุ่งตัวเข้าหาโทมัส ถกแขนเสื้อข้างที่ถูกยิงขึ้นแต่ไม่เห็นแผลแม้แต่จุดเดียว “ผมบอกแล้วไงครับว่ามันคือไอเทมพลังจิตตัวตายตัวแทน พวกเขาไม่มีวันบาดเจ็บในการต่อสู้หากไม่ทำลายหุ่นฟางนั่นทิ้งจนไม่เหลือซากเสียก่อนครับ...!!?” นิโคลัสเบิกตากว้างกับกำปั้นที่พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วแต่แม้จะกระชั้นชิดเพียงใด โทมัสก็สามารถรับมือกับมันได้ไวกว่าและคว้ามันได้ทัน “ปล่อยผม…..” นิโคลัสยกปืนขึ้นจ่อหน้าซาคาเรียส วินาทีนั้นทุกอย่างมันเงียบไปหมด ทั้งความกระชั้นชิด ความไม่แน่นอน ทุกอย่างมันรวมอยู่ในป่องกระสุนในระยะเผาขนแต่ทุกอย่างมันผิดพลาดไปหมดเพราะอยู่ๆ ซาคาเรียสก็เงียบไปและยอมเดินกลับไปนั่งที่เดิมอย่างว่านอนสอนง่ายจนโทมัสเกิดความสงสัย ยิ่งเมื่อเห็นลูกแก้วสีแดงที่ปลายด้ามจับปืน มีความลับบางอย่างที่น่าสนใจไม่น้อย
“เริ่มกันเลยดีไหมครับ?” นิโคลัสพยักหน้าให้กลุ่มแคปิตอล คอป ก่อนที่ 1 ในนั้นทำอะไรบางอย่างกับหุ่นทั้ง 2 คล้ายกับการร่ายมนต์หรือท่องอะไรสักอย่างก่อนจะใช้มือแตะไปที่พวกมันและยืดออกไปข้างหน้า มีเหรียญทองแดงหล่นจากมือ 2 เหรียญ “ตาฉันบ้างล่ะนะ!!!” ซีสจ์ชูวัตถุทรงสี่เหลี่ยมขึ้นเหนือฟ้า มันเปล่งแสงสว่างสีทองออกมา “ฉันโฮเวิร์ด ซีสจ์ ทายาทผู้สืบทอดโดยชอบธรรมแห่งตระกูลโฮเวิร์ด ขอท้าองครักษ์หลวงแห่งเจ้าชายฟรานซิสโก้ โทมัส นอกจากนั้น...” ซีสจ์แสยะยิ้มพลันพื้นลานประลองบังเกิดการสั่นสะเทือนและเกิดรอยแยกที่ปรากฏแสงสีทองลอดผ่านออกมา “เอายังงี้เลยหรือครับเนี่ย?” นิโคลัสยังคงอยู่ในอาการสงบแม้ในขณะที่เห็นพื้นลานกว้างงอกหินแหลมชันขึ้นราวกับฟันฉลาม “แบบนี้แกจะได้ไม่ใช้วิธีขี้ขลาดได้ล่ะนะ” โทมัสไม่แสดงสีหน้าวิตกกังวลซึ่งมันทำให้ซีสจ์รู้สึกหมันไส้อย่างที่สุด
การยืนประจันหน้าของคนทั้ง 2 เกิดเป็นแรงกดดันมหาศาลจนผู้ชมรู้สึกอึดอัดแทน ดาบยาวและค้อนตีอาวุธถูกเลือกใช้ในการดวลแต่ก่อนที่จะมีเท้าใดได้เคลื่อนตัวออกจากจุดที่ยืน เป็นซาคาเรียสผู้กลับมามีสติอีกครั้งและกำลังเดินตรงมาที่เวที หลายคนที่เห็นต่างคิดไปต่างๆ นาๆ ถึงพฤติกรรมของเจ้าชายป่วนคนนี้ตั้งแต่ไม่กี่นาทีก่อน โทมัสเดินไปหาซาคาเรียส “ฝ่าบาท” โทมัสกล่าวเพียงสั้นๆ “เอาดาบมาให้ผมครับ” แม้ตอนนั้นจะสงสัยกับคำพูดของอีกฝ่ายแต่โทมัสก็ยอมทำตามแต่โดยดี เมื่อดาบที่เขาถือถูกส่งไปให้ ดาบอีกเล่มก็ถูกส่งกลับมา มันคือการแลกเปลี่ยนแห่งจิตวิญญาณ “ด้วยดาบเล่มนี้เท่ากับว่านายต่อสู้ในฐานะขององครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ของเรา” ซาคาเรียสเอียงหน้าพอให้มอองเห็นซีสจ์ที่กำลังมีสีหน้าสับสนแต่พอลองใช้ความคิดดูดีๆ ก็ทำให้รู้ว่าการกระทำนี้มีความหมายแฝงอยู่
ที่สุดแล้วการต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้น ซีสจ์เป็นฝ่ายรุกเช่นเคย เท้าวิ่งออกไปข้างหน้าในขณะที่มือเหวี่ยงค้อนทำลายหินงอกที่ขวางทางอย่างบ้าคลั่ง โทมัสยกดาบขึ้นตั้งท่าเตรียมรับมือ นัยน์ตาปิดลงเพื่อรวบรวมสมาธิ ในขณะที่หูได้ยินเสียงที่ดังใกล้เข้ามาในทุกวินาทีและเมื่อเสียงของลมเปลี่ยนไป เสียงกระแทกอาวุธดังขึ้นตาม ซีสจ์เบิกตาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าการโจมตีเมื่อครู่ของเขาไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายกระเด็นถอยหลัง
“โอ้!!” ไฟสีแดงครอบคมดาบของโทมัสผู้กำลังดันเจ้าของค้อนจนกระเด็นออกอีกครั้ง “แข็งแรงใช้ได้เลยนี่....” โทมัสกระโดดถอยหลังเล็กน้อย ตวัดดาบตัดอากาศ แรงลมผสมเข้ากับเปลวไฟเกิดเป็นคมดาบเผาไหม้ที่ถูกคลื่นลมของซีสจ์ผู้ตวัดค้อนไปในทิศทางเดียวกัน ปะทะและสลายไปทั้งคู่ ฉับพลันนั้นซีสจ์ก็ได้พุ่งไปข้างหน้า โทมัสยกมือที่ลุกไหม้ขึ้น มันกลายสภาพเป็นมังกรตัสจิ๋วนับ 100 ที่พุ่งเข้าโจมตีซีสจ์แต่กลับถูกไฟที่หุ้มร่างนั้นดูดซับจนหมด ค้อนถูกเหวี่ยงด้วยแรงมหาศาล โทมัสเบี่ยงตัวหลบและยื่นมือออกไปด้านหน้าของซีสจ์ก่อนจะปล่อยคลื่นไฟใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างจังก่อนจะถอยห่างออกมา “หึหึ ฮ่าฮ่าๆ!!!” ไม่มีอาการบาดเจ็บจากอีกฝ่าย การโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่โดนโทมัสแม้แต่ครั้งเดียว
เสียงปะทะอาวุธดังสลับกับเสียงเผาไหม้ เสียงเหนื่อยหอบและเหงื่อที่ผุดขึ้นตามร่างกายของซีสจ์ในขณะที่โทมัสแสดงออกเพียงเล็กน้อย “อย่าได้ใจไปนัก!!” ซีสจ์ใช้ค้อนทุบพื้นสนามอย่างแรง คลื่นกระแทกส่งเศษหินที่กองกระจัดกระจายในตอนแรกรวมกับหินย้อยพุ่งขึ้นกลางอากาศ ไม่ต่างจากคมดาบนับ 100 ทำให้โทมัสที่กระโดดตัวหลบแรงกระแทกอยู่กลางอากาศไม่สามารถปัดป้องได้ทั้งหมด “เสร็จฉันล่ะ!!” ซีสจ์เหวี่ยงค้อนใส่โทมัสแต่ถูกดาบต้านไว้ เป็นจังหวะเดียวกับที่คลื่นไฟพุ่งเข้าใส่ ส่วนตัวเขากระเด็นด้วยแรงกระแทกอันมหาศาล
ซีสจ์ยืนในสภาพที่ทั้งตัวสั่นเทา ไม่อาจยืนตัวตรงได้อีกต่อไป อีกด้านคือโทมัสที่กำลังลุกขึ้นยืนโดยใช้ดาบปักลงพื้นเพื่อพยุงตัวเอง มือที่กำด้ามดาบสั่นจนต้องให้มืออีกข้างกำมันไว้จึงสงบลง “เล่ห์เหลี่ยมเยอะเสียจริง” เสียงของซีสจทำให้โทมัสจ้องมองออกไปและเห็นความผิดปกติบนใบหน้านั้น ตา 2 ข้างของหมูป่าถูกผนึกโดยสมบูรณ์แล้ว “แย่หน่อยนะที่ฉันมันโง่จนจับกลยุทธ์กระจอกไม่ออก” โทมัสเดินตรงไปหาซีสจ์ผู้ไร้อาวุธ ถือเป็นโอกาสที่หายากนัก ปลายแหลมของคมดาบยกขึ้นชี้ไปที่หน้าผากนั้น “จงยอมแพ้เสีย โฮเวิร์ด ซีสจ์” ดวงตาสีเงินยังคงไม่ละสายตาไปจากซีสจ์ “ยอมแพ้....” ดาบของเขาถูกจับโดยอย่างฉับพลัน ดวงตาทีเงินที่เบิกกว้างเพราะมองเห็นฝ่ามืออีกข้างที่กำลังลุกไหม้ด้วยไฟสีเหลืองอยู่ต่อหน้าเขา “อย่าทำให้ขำหน่อยเลยว่ะ!!!” ดวงตาที่คิดว่ามืดบอดบัดนี้กำลังจ้องมาที่โทมัสด้วยแววตาเยาะเย้ย มองดูร่างที่ถูกคลื่นไฟคลอกและล้มลง
“เอ้าๆ ผลแพ้ชนะออกแล้วนะเว้ย!! ทำไมยังไม่ตัดสินวะ?!” ซีสจ์หันไปหานิโคลัส ไม่มีคำตอบอะไรนอกจากรอยยิ้มที่มุมปาก เพียงชั่วขณะที่เหลิงระเริงกับชัยชนะจอมปลอม ดวงตาเขาเบิกกว้าง มองเห็นปลายดาบที่ทะลุออกจากส่วนท้องของตนเอง เขาหันกลับไปมองเจ้าของดาบที่ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ “นี่แก...ทำไมถึงยัง?” ความสงสัยของซีสจ์หมดลงเมื่อเห็นร่างของโทมัสปรากฏเปลวไฟสีส้ม “อย่างงี้นี่เอง นี่แกเองก็สร้างเกราะไฟได้เหมือนกันสินะ ฮ่าๆๆๆ!!” อยู่ๆ ก็ทำให้โทมัสรู้สึกกังวลอย่างน่าประหลาดกับสายตาอันดุดันของชายที่กำลังล้มลงกับพื้น หมดสภาพแต่เพียงชั่วครู่ เขาสังเกตเห็นความผิดปกติบนดาบที่กำลังเปลี่ยนสีเป็นสีส้มด้วยความร้อนขนาดหลอมละลาย แต่จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไรในเมื่อซีสจ์ในตอนนี้ไม่ได้กำลังลุกไหม้ ‘อะไร?’ เขารู้สึกขนลุกมากกว่าเดิมกับการเปลี่ยนสภาพจากของแข็งเป็นของเหลวในชั่วอึดใจ
“สังหรณ์ใจไม่ดีเลย” วิลเลี่ยมรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่แล่นเข้าสู่จิตใจ เหมือนกับกำลังมีบางอย่างที่ไม่ดีมากมากจะเกิดขึ้นบนสนามประลองในอีกไม่ช้าและมันจะต้องเป็นไม้ตายก้นหีบที่จะสามารถพลิกสถานการณ์ทางฝั่งซีสจ์ให้กลับมาได้เปรียบเหนือโทมัสอีกครั้ง
“ถ้าแกคิดว่าฉันมีดีแค่พละกำลังแล้วละก็....แกคิดผิดแล้ว” ซีสจ์ย่อตัวนั่งยองๆ มือทั้ง 2 สัมผัสพื้น ทันใดนั้นรอยแตกทั้งหมดปรากฏแสงสีเหลืองลอดผ่าน ลางสังหรณ์ของโทมัสสั่งให้เขาหยุดการกระทำของซีสจ์ คลื่นไฟสีส้ม กำลังมากเทียบเคียงกับเกราะไฟที่ซีสจ์สร้างป้องกันตัวแต่ในขณะที่มันเข้าใกล้ซีสจ์ พวกมันกระจายตัวออกราวกับมีกระจกที่มองไม่เห็นขวางอยู่ ในความตกใจนั้นเขาหางตามองเห็นค้อนเหล็กข้างตัวซีสจ์ที่กำลังหลอมละลายกลายเป็นของเหลวสีเงิน ระเหยหายไปในอากาศ เกราะไฟสีส้มถูกสร้างขึ้นจากภัยคุกคามที่มองเห็นได้ “Eruption!!!” ซีสจ์ตะโกนสุดเสียง เสาไฟสีเหลืองสว่างขนาดมหึมาพวยพุ่งออกมาจากกึ่งกลางของลานประลองก่อนที่มันจะสร้างเสาไฟแยกย่อยออกมาอีกกว่า 10 เสาและใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจก็ทำให้พื้นที่ทั้งหมดจมอยู่ในคลื่นไฟอันมหาศาล หุ่นฟางตัวหนึ่งปรากฏไฟสีเหลืองลุกท่วมและมอดไหม้เป็นจุณในไม่กี่วินาที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าของใคร
อำนาจของเปลวไฟเมื่อขึ้นสู่จุดสูงสุดก็ค่อยๆ อ่อนกำลังลงและดับมอดไปในที่สุด เหลือเพียงร่างของคน 2 ที่ 1 ในนั้นนอนฟุบหน้าแน่นิ่งในขณะที่อีกคนยืนด้วยขาทั้ง 2 แม้จะมีร่างกายที่เอียงเอนมากแล้วก็ตาม “ชิ มดอย่างแกทำให้ฉันเสียเวลาได้ขนาดนี้” ซีสจ์ชำเลืองมองไปที่ซาคาเรียส หากนั่นคือการส่งข้อความก็คงจะเป็นประมาณว่าเขาคือรายต่อไป
นิโคลัสตรวจสอบอาการของโทมัสด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ผู้ชนะได้แก่.....” บางอย่างที่น่าขนลุกหยุดคำพูดของเขาไว้ พื้นสนามและเศษหินเกิดการสั่นสะเทือนเป็นช่วงเวลาสั้นๆ มันเกิดขึ้นแค่บนลานประลองเท่านั้น นิโคลัสได้ยินเสียงตะโกนจากกลุ่มแคปิตอล คอป เสียงที่แสดงถึงความตกใจของพวกเขาทำให้ตาของเขาเบิกตากว้างตามด้วยความตกตะลึง ใจความสำคัญนั้นคือการคืนสภาพของหุ่นฟางที่ดำเป็นตอตะโกของโทมัส นิโคลัสหันมองที่ร่างที่นอนแน่นิ่งแต่อยู่ๆ ก็ขยับตัวและลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ใบหน้าก้มต่ำ “คุณโทมัส....?!” ไฟสีม่วงกระจายออกจากจุดที่ร่างนั้นยืนและขยายออกไปอย่างรวดเร็วและวินาทีที่มันถึงขอบสนาม กำแพงไฟสีม่วงขนาดมหึมาก็ได้พวยพุ่งขึ้นจากจุดต่ำสุดไปยังขอบฟ้า ปิดล้อมทัศนวิสัยของผู้ที่อยู่นอกสนามประลองไม่ให้มองลอดเข้ามายังภายในได้ “ไฟสีม่วง?!!” ซีสจ์กัดฟันแน่น แม้จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่แขนและขาไม่ยอมทำตามคำสั่งแล้วในตอนนี้ ซีสจ์สร้างเกราะไฟสีเหลืองเพื่อคุ้มกันอำนาจความร้อนแต่ไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวัง ร่างกายของเขาสาหัสเกินไป แม้แต่นิโคลัสก็ยังรู้สึกได้ถึงความร้อนที่รุนแรงเกินกว่าที่มนุษย์ทั่วไปจะอาศัยอยู่ได้ ที่สุดซีสจ์ก็หมดสติไป ยังดีที่เขามีไอเทมพลังจิตช่วยจึงทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ แตกต่างจากนิโคลัสที่กำลังรู้สึกถึงผิวที่กำลังแห้งเหี่ยวอยย่างรวดเร็ว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 236
แสดงความคิดเห็น