อักษรแห่งการฟาดฟัน
มีเสียงบางอย่าง เหมือนอะไรที่กำลังท่องอากาศด้วยความเร็ว พอหันไปมองจึงเห็นว่าเป็นลูกบอลไฟสีส้มที่ล็อกเป้าที่ซาคาเรียสที่กำลังลุกขึ้น มือเปล่าที่ยื่นออกไปรับพลังอันเกรี้ยวกราดไว้ก่อนที่เสียงกรีดร้องจะดังกลบทุกอย่างในห้องพร้อมกับความโกลาหลของนักเรียนที่ลุกหนีจากที่นั่ง
“เกิดอะไรขึ้น ฝ่าบาท?!!” บาร์เกนซีลุกขึ้น เห็นมือของโทมัสที่กำลังมีไอขาวพวยพุ่งออกมาจึงสั่งให้ข้ารับใช้หยิบผ้าซับน้ำแล้วใช้มันพันมือของโทมัสผู้กำลังมีสายตามองตรงไปที่ที่หนึ่ง “ใคร!! ใครบังอาจคิดร้ายกับฝ่าบาท!!” บาร์เกนซีตะโกนออกมาด้วยความโมโหสุดขีด “ผมเองครับ!!” เสียงประกาศดังขึ้นพร้อมเสียงจานอาหารที่ตกแตก โทมัสจ้องเขม็งไปที่เจ้าของเสียงซึ่งก็คือซีสจ์
“ซีสจ์?!! นี่ลูกออกมาได้ยังไง?!!” บาร์เกนซีเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ “ท่านพ่อคิดว่ามีอะไรที่ผมทำลายไม่ได้บ้างหรือครับ?” ซีสจ์ยิ้มอย่างภูมิใจ “ลูกคิดจะทำอะไรกันแน่?!” บาร์เกนซีตวาดเสียงดัง “…ผมก็แค่...อยากทักทายเจ้าชายคนโปรดของผมก็เท่านั้น” ใบหน้าของซีสจ์แสดงถึงความลังเลและกลัว
“ดีเหมือนกันนะครับเพราะผมเองก็อยากเจอคุณอยู่พอดีครับ” ซาคาเรียสลุกขึ้นยืน ซีสจ์เปลี่ยนเป้าสายตามามองที่ซาคาเรียส รอยยิ้มแสดงออกถึงความกระหายอยาก “โอ้ คงรู้ใช่ไหมขอรับว่าการสนทนาด้วยปากไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะทำกับพระองค์?” ไฟลุกไหม้ที่บ่าของซีสจ์เสมือนดั่งแตรศึกที่ถูกป่าวประกาศแล้ว “ผมเองก็เช่นกัน” ซาคาเรียสเลื่อนมือไปแตะที่ปลายด้ามดาบ “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ซีสจ์!!!” แค่ได้ฟังเสียงของผู้เป็นพ่อก็สามารถสยบความคะนองดิบของซีสจ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ลูกรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่!!?” ซีสจ์ตีหน้ามึนและไม่ยอมตอบบาร์เกนซีแต่ความจองหองนั้นยังคงอยู่ที่เดิมเพราะสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะได้จัดการกับชายผู้อยู่ตรงหน้า “ท่านบาร์เกนซี ผมคิดว่าบุตรชายของท่านคงอยากจะประลองฝีมือกับเจ้าชาย ไม่เห็นเป็นเรื่องเสียหายแต่อย่างใดเลยไม่ใช่หรือครับ?” นิโคลัสกล่าวสิ่งที่เรียกความสนใจของโทมัสและเพื่อนร่วมโต๊ะให้หันไปมอง “คุณนิโคลัส ทำไมถึงกล่าวเช่นนั้นล่ะครับ!!” วิลเลี่ยมกล่าวขึ้นเป็นคนแรก ไม่มีทางที่เขาจะเห็นดีเห็นงามกับความคิดแบบนี้เพราะรู้ทั้งรู้ว่ายังไงเพื่อนก็ไม่มีวันที่จะชนะจอมอาละวาดอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าต้องต่อสู้โดยมีนักเรียนชั้นปีเดียวกันเป็นผู้ชมแล้วเกิดแพ้ขึ้นมาจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของกลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิลเสียหายหรือไงกัน? วิลเลี่ยมคิดแบบนั้นแต่ก็ไม่กล้าจะพูดออกไปตรงๆ
“ผมรับคำท้าครับ” ซีสจ์และทั้งหมดที่ได้ยินต่างหันไปมองที่เจ้าของเสียง นั่นไม่ใช่ซาคาเรียสแต่เป็นโทมัสที่เปล่งเสียงนั้นออกมา “คุณโทมัส??!!/ฝ่าบาท??!!” ทั้งวิลเลี่ยมและซาคาเรียสต่างอุทานพร้อมกันแต่สิ่งที่ซาคเรียสพลั้งปากออกมานั้นทำให้บาร์เกนซีและซีสจ์ต่างขมวดคิ้ว “แกเป็นใคร?” ซีสจ์เปลี่ยนเป้าสายตามามองที่โทมัส “ผมคือองครักษ์ของเจ้าชายฟรานซิสโก้ ผมไม่คิดว่าฝีมือระดับคุณจะจำเป็นต้องให้ฝ่าบาทเสียเวลา” ซีสจ์เบิกตากว้างขึ้นด้วยความโกรธที่ปะทุออกมาอย่างฉับพลัน ชั่ววินาทีนั้นไม่มีใครเร็วพอที่จะเห็นการเคลื่อนไหวดั่งปีศาจที่พุ่งเข้าหาชายปากพล่อยแต่แล้วก็บังเกิดมวลแสงขนาดใหญ่ที่กระจายไปโดยรอบตามด้วยเสียงร่วงหล่นของจาน
“ใครวะ!!!” ซีสจ์ที่ล้มลงไปข้างทางเพราะการขัดแข้งขัดขาของใครสักคนตะโกนขึ้น เรียกหาตัวคนร้ายที่หลบซ่อนอยู่ “ผมเองครับ” นิโคลัสเดินตรงเข้ามา มือข้างหนึ่งถือปืนพกลำกล้องยาวพอประมาณ มีควันที่ลอยจากรูกระสุนที่ดูใหญ่ผิดธรรมชาติ “ถ้างั้นการแข่งขอให้เริ่มวันพรุ่งนี้เช้าส่วนสถานที่ ผมรบกวนคุณบาร์เกนซีเป็นผู้เลือกก็แล้วกันครับ” ท่ามกลางความสับสนและงุนงง นั่นคือสิ่งที่นิโคลัสกล่าวขึ้นมาก่อนจะหันไปหาบาร์เกนซี “…ถ้านิโคลัสและฝ่าบาทต้องการเช่นนั้น กระผมก็คงต้องทำตามแม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม” บาร์เกนซีถอนหายใจเสียงแผ่ว
โรงนอนชั่วคราวถูกจัดเตรียมสำหรับนักเรียนโรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้ มีเพียงแต่โทมัสและซาคาเรียสผู้ถูกเชิญให้ใช้ห้องนอนในคฤหาสน์ ดึกสงัดภายในห้องนอนขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยหรู โทมัส บาร์เกนซีและซาคาเรียส ชายต่างวัยทั้ง 3 นั่งร่วมโต๊ะรับรอง ใบหน้าแต่ละคนถ้าไม่เย็นชาก็แสดงออกอย่างตึงเครียด “ทรงต้องการเช่นนั้นจริงๆ หรือขอรับฝ่าบาท?” บาร์เกนซีเอ่ยถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเป็นกังวล “ครับ” เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังออกมาในทันที “เข้าใจแล้วขอรับฝ่าบาท” บาร์เกนซีลุกขึ้นและทำความเคารพอย่างสุภาพแต่อยู่ๆ ก็เอียงหน้ากลับมา “กระผมและบุตรชาย รวมถึงวงศ์ตระกูลโฮเวิร์ดทุกคนล้วนแต่จงรักภักดีต่อราชวงศ์ฟรานซิสโก้ ไม่มีวันไหนที่พวกเราจะหันคมดาบให้พระองค์ผู้เป็นเจ้าของผืนแผ่นดินนี้ โปรดทรงเชื่อพระทัยในตัวของกระผมและบุตรด้วยเถิดขอรับฝ่าบาท”
ดึกสงัดคืนนั้น ดวงตาของร่างที่กำลังนอนเหยียดกายอยู่บนเตียงนุ่มไม่อาจถูกข่มให้ปิดลงและกำลังกลอกตาไปมา เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมลุกตัวนั่งบนเตียงแต่สักพักก็ทิ้งตัวลงและข่มตาหลับอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จเมื่อความง่วงไม่มากพอที่จะทำให้หลับได้ โทมัสเดินลงจากเตียง ไปที่ประตูห้อง ตาเหลือบมองพี่ชายต่างสายเลือดผู้กำลังนอนหลับข้างเตียงก่อนจะแง้มประตูออกและเดินไปตามทางที่ปรากฏแสงไฟสลัวจากตัวกำแพง เดินไปได้สักระยะก็เจอเข้ากับบานประตูที่มีลักษณะแตกต่างจากประตูบานอื่นเพราะทำจากเหล็กกล้าที่ให้ความรู้สึกแข็งแรงแต่มีรูขนาดใหญ่ที่กึ่งกลาง คล้ายกับโดนหลอมละลายมากกว่าการถูกกระทุ้งจากภายใน ด้านล่างมีเศษโซ่ตรวน บางส่วนคงสภาพดีและบางส่วนเป็นคราบแห้งเกรอะกรังบนพื้นหน้าประตู โทมัสมาถึงด้านหน้าของคฤหาสน์ องครักษ์ที่ได้เห็นในยามวิกาลตกใจแต่ไม่ได้คิดห้าม กลับกันที่พวกเขาติดตามเพื่อคุ้มกันภัยอันตรายในรัตติกาลให้กับชายที่ในวันรุ่งขึ้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของคุณหนูของพวกเขา
แสงสว่างจากคมดาบที่ถูกยืมมาจากองครักษ์ส่องประกายท่ามกลางความมืดมิด จิตใจไม่ได้จดจ่ออยู่ที่คมดาบแต่กำลังนึกถึงเหตุการณ์บนโต๊ะอาหารในช่วงเวลาก่อนการแยกย้ายเข้านอน “ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้!! พวกเราไม่ยอมให้คุณโทมัสดวลกับคุณโฮเวิร์ดอย่างเด็ดขาด!!” น้ำเสียงของวิลเลี่ยมดูจริงจังเกินกว่าทุกครั้ง “ให้ผมลงแข่งแทนเถอะขอรับฝ่าบาท” ซาคาเรียสกล่าวเสียงแข็ง “ไม่ได้ครับ!! จะต้องไม่มีพวกคุณคนไหนไปลงแข่งในศึกที่ไม่มีวันชนะครับ!!” วิลเลี่ยมกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจในผลลัพธ์ “ผมไม่ได้มองว่าคุณโทมัสหรือพี่ซาคาเรียสไม่มีฝีมือนะครับแต่สำหรับหนึ่งใน 4 สัตว์ร้ายแห่งกลุ่มฟอร์เทร็ซเซส ยังถือว่าเสี่ยงเกินไปและอีกอย่างถ้าหากแพ้ขึ้นมา จะยิ่งจะทำให้ชื่อเสียงของกลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิลเสียหายไปด้วยนะครับ” ซาคาเรียสเริ่มเข้าใจถึงเหตุผลของวิลเลี่ยมส่วนรูบี้ยังคงนั่งก้มหน้าเงียบ ไม่ออกความคิดเห็นใดๆ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความตึงเครียด “แต่ถ้าผมชนะ กลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิลก็จะโด่งดังขึ้นกว่าปัจจุบันใช่ไหมครับ?” โทมัสกล่าว ทำเอาวิลเลี่ยมหน้าถอดสีด้วยรู้ว่ามันคือความจริงที่เป็นเหมือนการพนัน เกมอันตราย
เม็ดเหงื่อเริ่มปรากฏให้เห็นในขณะที่มือกวัดแกว่งเพลงดาบอันแสนร้ายกาจซึ่งเมื่อผสานเข้ากับไฟที่ลุกไหม้บนผิวดาบยิ่งทำให้มันดูสวยงามราวกับตัวเขาคือจิตรกรผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะผ่านการตวัดตัดรัตติกาลเพื่อชโลมสีแห่งความสดใหม่ องครักษ์ทั้ง 2 นายยืนดูศิลปะการต่อสู้อันเกรี้ยวกราดของโทมัสด้วยความชื่นชมในความสง่างามจนไม่รู้ว่าดาบที่เหน็บอยู่ที่ข้างเอวถูกใครบางคนดึงออกไปและกำลังพุ่งตัวเข้าหาร่างที่กำลังระบำดาบ ไม่ให้รู้ตัว เสียงปะทะดังสนั่น เรียกสติขององครักษ์ นัยน์ตาเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเป็นนายน้อยผู้เอาแต่ใจ “กลัวแพ้ขนาดที่ต้องมาฝึกเลยรึ??” แสงจากไฟทำให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และโรคจิตของซีสจ์ โทมัสออกแรงดันดาบจนซีสจ์กระเด็นออกไปยืนตั้งหลักใหม่ “ผมกำลังอยากได้คู่ซ้อมดาบพอดีเลยครับ” ซีสจ์ขบฟันอย่างฉุนเฉียว “ชนะแกไปก็ไม่ได้ทำให้ฉันสนุกขึ้นมาหรอกนะ ไอ้สวะ” สิ้นเสียงดูถูกนั้นเท้าของเขาก็พุ่งเข้าใส่โทมัสในทันใด
เช้าตรู่ของวันพุธ ลานกว้างสีดำสนิทหน้าคฤหาสน์ถูกเนรมิตให้เป็นลานประลองอันทรงเกียรติระหว่างว่าที่ผู้นำตระกูลและองครักษ์ประจำตัวของเจ้าชายแห่งโนซาล์บ ผู้ชมในวันนี้ทั้งนักเรียนโรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้และข้ารับใช้ตระกูลโฮเวิร์ด ทั้งหมดนั่งประจำที่บนพื้นสีดำมีรอยสีส้มคล้ายเส้นเลือดลาวาที่ไหลเวียนอยู่ก้นบึ้ง นิโคลัสกับปืนตัวเก่งยืนอยู่บนลานประลองเพียงลำพัง “สวัสดีครับ นักเรียนทุกคน ดูจากหน้าตาของพวกคุณในวันนี้แล้วผมยิ่งมั่นใจเลยว่าพวกคุณกำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าใช่ไหมครับ?” นิโคลัสกล่าวอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนพานให้วิลเลี่ยมมีสีหน้าตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “คุณนิโคลัส ถ้าไม่ห่วงคุณโทมัสก็ช่วยแสดงความกังวลต่อผลที่อาจตามมากับกลุ่มสักนิดก็ยังดีแต่นี่ดูจะสบายใจเกินไปแล้วนะครับ” วิลเลี่ยมตัดพ้อพลันถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ “ผมเชื่อว่าคุณนิโคลัสมีเหตุผลที่ทำแบบนั้นครับ” ซาคาเรียสกล่าวอย่างเชื่อมั่น
“ขอเรียนเชิญผู้ประลองทั้ง 2 ที่ด้านหน้าของผมได้เลยครับ” โทมัสและซีสจ์ต่างเดินเยื้องย่างขึ้นมาบนสนามประลอง แรงกดดันที่ปรากฏผ่านแววตาของพวกเขาคือสุญญากาศที่ไม่อนุญาตให้มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ภายในนั้น “ก่อนการดวลผมขอตรวจสอบความพร้อมของไอเทมพลังจิตตัวตายตัวแทนก่อนครับ” นิโคลัสหันมองไปที่สถานที่แห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากวงนอกสุดของนักเรียนคนสุดท้าย ที่นั่นแคปิตอล คอปกว่า 20 นายยืนประจำที่อย่างเป็นระเบียบและหุ่นฟางขึงอยู่บนไม้กางเขน 2 ตัว “หุ่นฟางพวกนั้นมันอะไรหรือครับ?” ซาคาเรียสกระซิบถามวิลเลี่ยม “มันคือไอเทมพลังจิตระดับสูงที่จะเป็นตัวแทนของผู้ทำสัญญาซึ่งจะรับความเจ็บปวดและบาดแผลที่เกิดขึ้นกับผู้ทำสัญญาให้ตกอยู่กับตัวไอเทมแทน ส่วนใหญ่จะถูกใช้ในการประลองครับ” ซาคาเรียสและวิลเลี่ยมขนลุกขนชันไปตามกันเพราะมันเป็นเสียงของนิโคลัสแต่เพียงชั่วขณะที่สมองกำลังประมวลผลสิ่งที่ได้ยินและปราศจากซึ่งเสียงเตือน เขาได้ยินเสียงปืนแตกก่อนจะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องที่ดังอย่างไล่เลี่ยและเสียงที่หลุดออกมาโดยไม่รู้ตัวของซาคาเรียส “ฝ่าบาทททททท!!!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 255
แสดงความคิดเห็น