เพื่อนกันทำกันได้

-A A +A
เพื่อนกันทำกันได้

เพื่อนกันทำกันได้

ความชอบของคนเรานั้นมันต่างกัน บางคนชอบเรียน บางคนชอบเล่นกีฬา บางคนชอบเล่นดนตรี แต่คนที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรนั้นมักจะเป็นคนดูดีในสายตาคนอื่นๆ เสมอ เช่น เพื่อน ผู้ใหญ่ และคุณครู ส่วนคนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ก็มักจะถูกมองแบบตรงกันข้าม เช่นตัวของโน่

 

เขานั้นเป็นคนที่เรียนอยู่ในห้องเรียนแบบไม่มีอะไรเด่น ตื่นมาก็ไปเรียนแบบไม่รู้ว่าจะไปทำไม

 

สำหรับตัวของผม ผมไปโรงเรียนเพราะผมอยากจะไปหาหนังสืออ่าน แต่โน่เขาถามผมว่า

 

“ถ้าเราไม่ได้ถูกบังคับให้ต้องไปโรงเรียน เราจะไปไหม”

 

มันเป็นคำถามที่เขาถามผมในวันหนึ่งที่ผมกับเขาไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหาร เขาบอกผมว่า

 

“เราก็ชอบโรงเรียนนะ แต่ไม่ชอบตอนที่ต้องโดนครูถามในห้องเรียน โดยเฉพาะเรื่องที่เราเรียนไม่รู้เรื่อง”

 

ด้วยความหวังดีผมเลยถามว่า

 

“บอกเราก็ได้นะ ถ้าเราช่วยติวให้ได้เราก็จ่ช่วย”

 

เขาได้ยินดังนั้นเขาก็ทำหน้าเบื่อ และเปลี่ยนเรื่องสนธนาทันที

 

เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนที่ผมสนิทกับเขามาก มีอยู่วันหนึ่งเขาส่งข้อความมาหาผมว่า เขาไม่อยากอยู่ห้องที่เรียนอยู่ เพราะห้องนี้มีแต่คนเก่ง ไม่เป็นเด็กเรียนก็เป็นเด็กกิจกรรม

 

ผมบอกเขาว่าไม่ต้องคิดมาก และชวนเขาคุยเรื่องอื่น

 

 

วันหนึ่งมีครูที่สอนวิชาแนะแนวมาถามเขาว่า เวลาว่างเขาชอบทำอะไร เขาตอบครูว่า

 

“นั่งและคิดอะไรก็ได้ในหัวตัวเองครับ”

 

ตอนที่ผมได้ยิน ผมก็งงกับคำตอบของเขาเหมือนกับครู แต่ครูก็ถามต่อ

 

“คิดอะไร นี่คือคิดเรื่องอะไรในหัว”

 

เขาตอบว่า

 

“ผมก็คิดภาพและเรื่องในหัวแหละครับ”

 

ครูคนนั้นทำหน้าเข้าใจ เขาเลยบอกว่า

 

“งั้นหนูลองไปเขียนนิยายดูไหมลูก”

 

“ไม่เอาดีกว่าผมไม่ชอบอ่านนิยาย”

 

“งั้นวาดรูปหละ”

 

“ไม่เคยครับ แต่จะลองดู”

 

 

ตกเย็นเขาก็เริ่มซื้ออุปกรณ์วาดภาพ และลองไปวาดที่บ้านของเขา แต่เขาก็เบื่อ

 

ตอนแรกผมเห็นเขาเอาอุปกรณ์วาดรูปมาโรงเรียนทุกวัน แต่ต่อมาเขาก็บอกว่าเบื่อ เลยไม่ได้วาดรูปอีก

 

ต่อมาเพื่อนคนนี้ก็บอกว่าเขาเจอสิ่งที่เขาอยากจะทำแล้ว ผมพยายามถามเขาแต่เขาก็ไม่บอก เขาพูดด้วยความมั่นใจว่า

 

“ถ้าเราจะจบ ม. ต้น แกจะรู้เอง”

 

ผมอยู่กับเขาจนจบ ม.ต้น

 

ตัวของเขาบอกผมว่า เขาอยากจะไปเป็นช่างเขาเลยไม่ได้เรียนโรงเรียนเดิมอีก

 

 สำหรับผมก็รู้สึกเสียใจ  เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ผมสนิทมากที่สุดในโรงเรียนตอนนี้ แต่ผมก็ไม่พูดอะไรเพราะคิดว่ามีอะไรก็คุยกันได้เหมือนเดิมแหละ

 

 

ผมเริ่มเรียม. ปลาย ตอนนั้นผมมีเรื่องหลายอย่างให้ทำเยอะมาก ตอนนั้นผมยังไม่ได้เขียนนิยาย แต่ผมชอบเริ่มอ่านหนังสือวรรณคดีต่างๆมากขึ้น และเริ่มหาความฝันของตัวเองบ้าง เช่น ลองไปเล่นกีฬา ไปเขียนโปรแกรม ไปเล่นดนตรี ผมไม่ได้ติดต่อกับโน่อีก 

 

จนอยู่มาวันหนึ่ง ผมกลับบ้านและมองเห็นเขาเดินผ่านหน้าผมไป ผมเรียกเขาแต่เขาไม่หันกลับมามอง แต่เขาพูดกับผมว่า

 

“กูรีบ มึงอ่านแชทกูบ้างนะ”

 

ผมบอกเขาว่ามีอะไรก็บอกมาเลย แต่เขาก็รีบเดินไปอย่างรวจเร็ว

 

               ผมกลับบ้านและดูว่าเขาส่งอะไรมา อันที่จริงผมก็ไม่เข้าใจหรอกเพราะสิ่งที่เขาส่งมามันคือแผงวงจอนอะไรสักอย่าง

 

ผมถามเขากลับไป โน่ก็พิมพ์บอกว่าให้อ่านข้อความให้จบ และอ่านตั้งแต่แรก

 

พออ่านผมจึงรู้ว่าโน่เขาต้องการให้ผมไปช่วยเขียนโปรแกรมเพื่อที่จะใช้ในการทำหุ่นยนต์ ผมบอกเขาว่าผมยังไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม แต่ก็สนใจที่จะทำดู

 

แต่จู่ๆโทรศัพท์ของผมก็สั่น บนหน้าจอนั้นแสดงให้เห็นว่าเป็นเบอร์หัวหน้าห้องของผม

 

“สวัสดีเราปอนะ เธอจะมางานศพของโน่ไหม”

 

“งานศพใครนะ” ผมถามด้วยความไม่มั่นใจ เพราะโน่ก็พิมพ์คุยกับผมอยู่หยกๆ

 

“โน่เขาเสียแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้” เธอเงียบไปอึดใจ ก่อนจะอธิบายเพิ่มเติม “เราเพิ่งหาเบอร์เธอเจอ เราบอกเพื่อนในแชทกลุ่มแล้วแต่เธอไม่ได้อยู่ในกลุ่ม”

 

“มันจะตายได้ไง เรายังเจอมันอยู่เลย”

 

“โน่เขาถูกรถชนตาย”

 

ผมแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินแต่ก็ต้องเชื่อเพราะผมรู้ว่าปอเป็นคนที่จริงจังและไม่ค่อยพูดเล่นกับผม

 

ปอพยายามถามผมซ้ำ แต่ตอนนั้นสติผมไม่อยู่กับตัวแล้ว  ผมใช้เวลาตั้งสติและตกลงไปงานในวันพรุ่งนี้ทันที

 

ยามดึกสงัดสายลมพัดผ่านหน้าต่าง หลังจากผมฟังปอพูดผมก็นอนไม่หลับได้แต่รอเวลาให้ถึงตอนเช้าแล้วจะได้ไปงานศพของโน่ ผมพยายามเล่นเกมที่ไม่ได้เล่นมานาน แต่ด้วยความหิวผมจึงไปหาซื้ออะไรกินที่เซเว่น

 

พอซื้อเสร็จผมก็รีบเดินกลับบ้าน แต่ในระหว่างเดินกลับผมก็เห็นโน่ เขากำลังวิ่งมาหาผม ด้วยความกลัว ผมจึงรีบวิ่งหนีทันที

 

“หยุดก่อน” โน่ตะโกนเรียกผม

 

“เรามีเรื่องจะบอก”

 

“โน่ อย่ามาหลอกมาหลอนฉันเลย ฉันขอโทษที่ไม่ได้อ่านแชทแก” ผมพูดด้วยความกลัว

 

“แกก็อ่านแล้วไง ตอนเย็นเรายังคุยกันอยู่เลย”

 

พอผมได้ยินดังนั้นผมก็หยุดและเริ่มคิด

 

‘หรือโน่ยังไม่ตาย’ ผมหยุดรอโน่เดินเข้ามา พอผมมองก็ได้รู้ว่าโน่ยังไม่ตายจริงๆ

 

“ปอบอกว่าแกตายแล้วนี่” ผมถามเขา

 

โน่ทำหน้างงและบอกผมว่า

 

“คนที่ตายหนะ คือหัวหน้าห้องเราที่ชื่อปอ เธอฆ่าตัวตายตอนเย็น หลังจากที่เราเจอแกในระหว่างทาง”

 

“จะบ้าหรอ ฉันเพิ่งคุยกับปอไป”

 

โน่หยิบมือถือของเขาและให้ผมดูข้อความในแชทกลุ่ม แต่ทว่าโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นผมรีบกดรับและได้ยินเสียงปอดังขึ้น

 

“ในที่สุดนายก็รู้ความจริงแล้วสินะ พรุ่งนี้มางานฉันด้วย”

 

พอสิ้นเสียงเธอ โทรศัพท์ในมือของผมก็หล่นลงพื้นทันที ผมบอกให้โน่ไปส่งผมที่บ้าน พอผมกลับมาถึงก็เจอแม่ของผม

 

“นี่พรุ่งนี้ไปงานศพด้วยนะ”

 

“ผมรู้แล้ว ของปอใช่ไหม”

 

“ใช่ ไปของปอและไปของโน่ด้วย”

 

ผมมองแบบงงๆ และตอบกลับไปว่า

 

“โน่มันยังเดินมาส่งผมอยู่เลย มันจะตายได้ไง”

 

“โน่ตายแล้ว ถูกรถชนตายหน้าปากซอย”

 

“ถ้างั้นคนที่มาส่งเราก็คือผี  โอ้ เพื่อนกันทำไมทำกันได้ลงแบบนี้”

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.