บทที่ 152: ข้าช่วยท่านได้
ยิ่งไปกว่านั้น ราคาอาหารที่ร้านหย่งเซวียนก็ยังแพงกว่าร้านอาหารท้องถิ่นมาก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลูกค้าก็ค่อย ๆ แห่กันกลับไปกินร้านอาหาร ‘ผิงชาง’
ร้านอาหารผิงชางแห่งนี้เป็นร้านอาหารที่ชายอ้วนเปิดขึ้นมา แม้ว่าสถานที่จะไม่ได้ใหญ่โตกว้างขวางนัก และตัวเขาเพียงคนเดียวก็ทำหน้าที่เป็นทั้งเถ้าแก่และพ่อครัว จากนั้นก็จ้างเสี่ยวเอ้อร์มาช่วยยกอาหารไปให้ลูกค้าอีก 1 คน
หลังจากที่ร้านหย่งเซวียนเริ่มซบเซามากขึ้นเรื่อย ๆ ลูกค้าก็แห่มาที่ร้านผิงชางมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน จากนั้นก็เริ่มมีปัญหาตามมา
ในตอนแรกก็เป็นหนูตัวโตรวมถึงสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ถูกพบในร้านผิงชางเป็นครั้งคราว ต่อมาลูกค้าก็เริ่มก่อความวุ่นวายโดยการบอกว่าอาหารไม่สุกบ้างหรืออาหารไม่สะอาดบ้าง
ปกติแล้วชายร่างท้วมเป็นคนใจดีอยู่แบบไร้กังวลมาตลอด เขาแค่ต้องการทำอาหารดี ๆ ให้คนได้กินและไม่มีเจตนาที่จะโต้เถียงกับคนที่มาก่อเรื่อง ทุกครั้งที่เขาเจอคนพวกนี้ เขาก็จะยอมจ่ายเงินเพื่อตัดปัญหาแล้วส่งคนเหล่านี้ออกไป
จนกระทั่งครั้งสุดท้าย คนที่มาก่อเรื่องได้เสียชีวิตในบ้านของตัวเองและถูกพบในวันรุ่งขึ้น
ตามที่คนของทางการระบุ ชายคนนี้เสียชีวิตเนื่องจากถูกพิษ ซึ่งอาหารมื้อสุดท้ายที่เขากินก็คืออาหารจากร้านผิงชาง
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ข่าวที่ว่าอาหารในร้านผิงชางมีพิษก็แพร่กระจายไปในเมืองชิงหยางเหมือนไฟลามทุ่ง
จากนั้นก็ทำให้ลูกค้าที่มาร้านอาหารผิงชางเริ่มลดลง
“เรื่องนี้มีบางอย่างแปลก ๆ” มู่ไป๋ไป่ยกมือขึ้นลูบคางตัวเอง หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“คุณหนูดูจะเป็นคนมีเหตุผลยิ่งนัก เพียงแค่ได้ฟังก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที” ลุงจางกล่าวพลางถอนหายใจ “แต่ข่าวลือพอคนเอาไปพูดมากเข้า ๆ ก็กลายเป็นข่าวจริงไปเสีย”
ขณะนั้นชายอ้วนนั่งพิงประตูจ้องมองผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่บนท้องถนน เด็กหญิงไม่รู้ว่าเขาได้ยินสิ่งที่ชายสูงวัยพูดหรือไม่
“นี่!” มู่ไป๋ไป่หยิบขนมที่มู่จวินฝานเพิ่งซื้อมาเก็บกลับไป ก่อนจะพูดขึ้นว่า “พวกเราไม่กลัวตาย ท่านช่วยเอาอาหารจานพิเศษของท่านมาให้พวกเราชิมดูหน่อย ถ้ามันอร่อยเราจะตกรางวัลให้ท่านอย่างงาม”
ชายเจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นมองเด็กน้อยและเยาะเย้ยว่า “คุณหนูผู้นี้ เชิญท่านไปเล่นที่อื่นเถอะ สำหรับร้านเล็ก ๆ อย่างข้า หากเกิดอะไรขึ้นกับท่านทั้ง 2 มันคงไม่คุ้มค่าที่พวกท่านจะเอาชีวิตมาเสี่ยง”
“นี่ท่าน” มู่ไป๋ไป่เป็นคนที่เชื่อเรื่องโชคลาภ เธอลุกจากเก้าอี้แล้วไปยืนเท้าเอวอยู่ต่อหน้าชายคนนั้น “แล้วถ้าข้ารับปากท่านว่า ถ้าอาหารที่ท่านทำนั้นอร่อย ข้าสามารถช่วยฟื้นฟูชื่อเสียงร้านอาหารเก่าแก่ของท่านได้ล่ะ?”
ชายร่างท้วมยกสุราขึ้นดื่มอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเหยียดยิ้มดูถูก “คุณหนู เลิกล้อข้าเล่นได้แล้ว”
เด็กเช่นนางจะไปทำอะไรได้?
เว้นแต่ว่านางจะเป็นฮ่องเต้
“นี่ท่าน!” พอมู่ไป๋ไป่รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจเมินตน เธอก็กระทืบเท้าด้วยความขัดใจ อย่างไรก็ตาม ยิ่งพ่อครัวมีท่าทางเช่นนี้ เธอก็ยิ่งอยากรู้ว่าเขาจะมีรสมือเด็ดแค่ไหน
นี่อาจจะเป็นเพราะเลือดนักชิมในตัวเธอ
จากนั้นเด็กหญิงก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปดึงมู่จวินฝานให้ตามมา
“ข้าอาจจะไม่สามารถช่วยอะไรท่านได้ แต่พี่ชายของข้าเก่งกาจยิ่งนัก” มู่ไป๋ไป่พูดพร้อมกับยืดอกอย่างภาคภูมิใจ “พี่ชายของข้าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในครอบครัวของเรา หากเขายินดีที่จะจัดการเรื่องในร้านของท่าน ทุกอย่างก็จะง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ”
“ไป๋ไป่…” มู่จวินฝานรู้สึกดีใจที่ได้รับคำชมจากน้องสาว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้อน ๆ หนาว ๆ
ทางด้านชายอ้วนทำเพียงแค่เหลือบมองเด็กหนุ่มอย่างสงสัย
เขาเป็นเจ้าของร้านอาหารและได้พบผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน เขาจึงมักจะสามารถคาดเดาตัวตนของบุคคลนั้นได้เพียงแค่มองปราดเดียว
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สังเกตมู่จวินฝานให้ดีมาก่อน แต่ตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วว่าเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นแม้จะแต่งตัวเรียบง่าย แต่ก็ไม่อาจกลบรัศมีความสง่างามของตนเอาไว้ได้ หากมองในคราวแรกเขาอาจจะเหมือนพ่อค้าธรรมดา แต่ถ้ามองให้ดีอีกครั้ง เขาดูเหมือนลูกหลานขุนนางยศสูงมากกว่า
นั่นทำให้หัวใจของชายร่างท้วมบีบรัดแน่น และทันใดนั้นเขาก็มีพลังขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำของคนพวกนั้นก็ได้ทำลายร้านอาหารที่เก่าแก่ของเขาลงได้แล้ว
ถ้าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นลูกหลานของขุนนางยศสูงจริงแล้วยินดีที่จะอธิบายแทนเขา ร้านอาหารของเขาก็ยังมีโอกาสที่จะอยู่รอดไม่ใช่หรือ?
“เจ้าคนโง่ เจ้าโชคดีที่ได้พบลูกหลานขุนนางแล้ว!” ลุงจางเองก็เข้าใจความหมายของมู่ไป๋ไป่ทันที เมื่อเห็นดังนี้เขาก็รีบดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน
“ทำไมเจ้ายังไม่รีบขอบคุณคุณหนูกับคุณชายผู้นี้อีก เสร็จแล้วก็รีบเข้าไปข้างในห้องครัว เจ้ายังต้องทำอาหารไม่ใช่หรือ ข้าจะไปจ่ายตลาดให้เจ้าเอง!”
“ไม่จำเป็น!” ชายตัวใหญ่พูดพร้อมกับเช็ดหน้าตาตัวเอง “เมื่อเช้าข้าเพิ่งไปซื้อวัตถุดิบทั้งหมดมาเก็บไว้ในครัว…”
แม้ว่าที่ร้านจะไม่มีลูกค้าเข้าแม้แต่คนเดียว แต่เขาก็ยังซื้อและเตรียมวัตถุดิบเอาไว้ตลอด
“คุณหนู คุณชาย พวกท่านพูดจริงหรือไม่?” ชายอ้วนกัดฟันถามในขณะที่ทำสีหน้าจริงจัง “ขอเพียงข้าทำอาหารให้พวกท่านกิน พวกท่านจะช่วยฟื้นฟูชื่อเสียงร้านอาหารของข้าหรือไม่?”
“แน่นอน!” มู่ไป๋ไป่พยักหน้าโดยไม่ต้องคิด
ส่วนมู่จวินฝานที่เห็นเด็กหญิงเอ่ยปากสัญญาก็พยักหน้าสำทับ “ครอบครัวของเราฟังน้องสาวของข้ามาก ถ้านางเอ่ยปากว่าจะช่วยท่าน ข้าเองก็จะช่วยท่านเช่นกัน”
“ตกลง!” ชายร่างท้วมพยักหน้ารับหนักแน่น “พวกท่านได้โปรดรอสักครู่ ข้าจะรีบไปทำอาหารมาให้”
เมื่อมู่ไป๋ไป่เห็นว่าอีกฝ่ายตอบตกลง เธอก็ยิ้มกว้างจนตาปิด “ท่านทำเยอะ ๆ หน่อยนะ เรามีคนที่กินเก่งมากอยู่ด้วย”
“...” จื่อเฟิงที่อยู่ด้านข้างเหลือบตามองคนตัวเล็ก
“แขกทั้ง 2 ท่านอยากได้น้ำแกงหวาน ๆ หรือไม่ ข้าจะไปเอามาให้พวกท่าน” บัดนี้ลุงจางรู้สึกมีความสุขมาก “ข้าไม่เก็บเงินพวกท่าน นี่ถือว่าเป็นของตอบแทนจากข้า”
“ข้ารับน้ำแกงหวานของท่าน แต่ท่านก็ต้องเก็บเงินพวกเราด้วย” มู่ไป๋ไป่หยิบกระเป๋าของตัวเองออกมาอีกครั้ง แต่เมื่อนึกถึงท่าทีตกใจของหญิงชราในตลาดเมื่อกี้นี้ เธอก็ทำได้เพียงแค่เก็บตั๋วแลกเงินกลับเข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะยื่นมือออกไปตรงหน้ามู่จวินฝาน “ท่านพี่!”
เด็กหนุ่มหยิบเงินออกมามอบให้น้องสาวอย่างว่าง่าย
“ขอบคุณท่านพี่!” คนตัวเล็กยิ้มหวานแล้วยื่นเงินให้ลุงจาง “ท่านช่วยตักน้ำแกงหวานไว้ให้เราเยอะ ๆ หน่อย เขาคนเดียวสามารถกินได้หมดหม้อเลยด้วยซ้ำ”
จื่อเฟิงที่ยังกินน้ำแกงหวานไม่หมดกำลังยกซดไม่หยุด “...”
ชายสูงวัยรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นคนดี เขาจึงรับเงินมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณ และในไม่ช้าน้ำแกงหวาน 2 ชามใหญ่ก็ถูกส่งมาพร้อมกับขนมกล่องเล็กที่ส่งกลิ่นหอมโชยมา
“ข้าทำขนมพวกนี้เอง รสชาติค่อนข้างดีทีเดียว ถ้าไม่ถือสาอะไร คุณหนูลองชิมดูสิ”
ลุงจางวางของกินทั้ง 2 แล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อช่วยพ่อครัวทำอาหาร
ไม่นานมู่ไป๋ไป่ก็หยิบขนมมากัดคำเล็ก ๆ แล้วก็มีกลิ่นหอมหวานฟุ้งเข้ามาในปาก ต้องบอกว่ารสชาติของขนมนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่ารสชาติขนมที่พ่อครัวในวังหลวงทำเลยสักนิด
ในระหว่างทางเด็กหญิงได้กินของว่างที่มู่จวินฝานเตรียมมาให้เธอจนหมดแล้ว หลังจากนั้นเธอก็ไม่พบของว่างที่ถูกปากอีกเลย
ใครจะไปคาดคิดว่าวันนี้เธอจะได้กินของว่างที่มีรสชาติเทียบกับของว่างในวังหลวงได้จากชายชราที่ขายน้ำแกงหวาน
“ท่านพี่! ขนมนี่อร่อยมาก!” มู่ไป๋ไป่ส่งขนมชิ้นหนึ่งให้มู่จวินฝานชิม ก่อนจะแบ่งให้หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงด้วย “พวกเจ้าก็ควรลองชิมเหมือนกัน มันมีรสชาติคล้ายกับของว่างในวังหลวงหรือไม่?”
เด็กหนุ่มรับขนมมากัดคำเล็ก ๆ ทันใดนั้นเขาก็ทำสีหน้าประหลาดใจ “มันคล้ายกับของว่างที่พ่อครัวหลวงทำจริง ๆ ด้วย”
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าน้องสาวพูดเกินจริงไปสักหน่อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขากำลังดูถูกชายสูงวัยคนนั้นเสียแล้ว
“คุณหนู ข้าเองก็รู้สึกว่ารสชาติมันเหมือนกันทุกประการเลยเจ้าค่ะ” หลัวเซียวเซียวเบิกตากว้างขึ้น “นี่ข้าลิ้มรสผิดไปหรือไม่?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 54
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น