บทที่ 153: อาหารของข้าอยู่ที่ไหน?
จื่อเฟิงซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างเม้มริมฝีปากแล้วถามมู่ไป๋ไป่ด้วยดวงตาเป็นประกายว่า “คุณหนู ข้ากลืนมันเร็วเกินไปหน่อยจึงยังไม่ได้ลิ้มรสชาติ ข้าขอกินอีกชิ้นได้หรือไม่?”
เด็กหญิงที่ได้ยินดังนั้นก็พูดไม่ออก
การให้จื่อเฟิงกินของดี ๆ พวกนี้มันจะเป็นการเสียเปล่ามากจริง ๆ!
ชายคนนี้แทบจะไม่ลิ้มรสอะไรทั้งสิ้น ขอเพียงแค่เป็นของกิน เขาก็กวาดทุกอย่างลงท้องได้หมด
จากนั้นทั้ง 4 คนก็กินขนมในระหว่างที่รอ ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้กลิ่นหอมโชยมาจากทางห้องครัว
มู่ไป๋ไป่ขยับจมูกสูดกลิ่นเข้าเต็มปอด “อา… หอมจังเลย...”
แค่ได้กลิ่นเธอก็รู้สึกว่าอาหารจานนี้ต้องอร่อยพอ ๆ กับอาหารที่เธอทำแน่ ๆ!
“ข้าหิวแล้ว” จื่อเฟิงเอามือลูบท้องพร้อมกับเลียริมฝีปาก “เมื่อไหร่อาหารจะเสร็จสักที”
มู่ไป๋ไป่เหลือบมองคนบ่นด้วยสายตาเอือมระอา “ท่านดื่มน้ำแกงหวานไปชามใหญ่แล้ว ทำไมยังหิวอยู่อีก? นี่ท่านเคยรู้สึกอิ่มจริง ๆ หรือไม่?”
“อ่า…” เด็กหนุ่มคิดพลางยกมือขึ้นเกาหัว “ถึงจะไม่รู้สึกอิ่ม แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหิวเหมือนกัน คุณหนู ทำไมจู่ ๆ ท่านถึงถามเช่นนี้ล่ะ?”
“...”
ความจริงแล้วเธอไม่น่าไปถามคนที่มีกระเพาะหลุมดำอย่างเขาเลยว่าทำไมกินเท่าไหร่ก็ยังไม่อิ่ม
“อาหารมาแล้ว!” ลุงจางตะโกนขึ้นก่อนที่ตัวของเขาจะเดินออกจากห้องครัวมาพร้อมกับอาหารนึ่ง 2 จาน “เต้าหู้ฝูหรงและเป็ดแปดสมบัติ!”
“ในครัวยังมีอยู่อีก ข้าจะรีบเอามาขึ้นโต๊ะให้พวกท่านให้เร็วที่สุด ท่านทั้ง 4 เชิญชิมทั้ง 2 จานนี้ก่อน”
มู่ไป๋ไป่ที่กินขนมจนเกือบอิ่มแล้ว พอได้เห็นจานอาหารบนโต๊ะจู่ ๆ เธอก็รู้สึกหิวขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปาก
ทันทีที่คนตัวเล็กได้ลิ้มรสชาติอาหาร เธอก็ต้องตกใจ
“อร่อยมาก!” เด็กหญิงยกมือเล็ก ๆ ขึ้นปิดปาก แล้วรู้สึกว่าอาหารที่กินเข้าไปนั้นอร่อยจนแทบจะเหาะได้เลยทีเดียว!
แม้ว่าฝีมือการทำอาหารของพ่อครัวหลวงจะพัฒนาขึ้นมากหลังจากที่ได้รับคำแนะนำจากเธอ แต่เธอก็รู้สึกอยู่เสมอว่ายังมีบางอย่างขาดหายไป
หลังจากที่ได้กินอาหารพวกนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าอาหารที่ทำในวันนั้นไม่มีกลิ่นฟืน
“รสชาติดีมากจริง ๆ” มู่จวินฝานที่ติดนิสัยตั้งแต่อยู่ในวังหลวงว่าจะไม่ตักอาหารจานเดิมเกิน 3 ครั้ง แต่คราวนี้เขาอดไม่ได้ที่จะคีบอาหารจานเดิมขึ้นมากินเรื่อย ๆ
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลุงจางถึงบอกว่าร้านอาหารผิงชางเคยรุ่งเรืองมาก่อน” มู่ไป๋ไป่พูดขณะที่เคี้ยวอาหารไปด้วย “มีใครบ้างที่ไม่อยากกินอาหารอร่อย ๆ เช่นนี้ จื่อเฟิง! ท่านกินให้ช้าลงหน่อย ถ้าท่านกินของพวกนี้หมดแล้วพวกเราจะเหลืออะไรกิน?”
ในเวลาเดียวกัน พ่อครัวได้ปรุงอาหารอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าบนโต๊ะของเหล่าลูกค้าก็มีอาหารมากกว่า 20 รายการวางเรียงรายเอาไว้
สิ่งสำคัญก็คือ อาหารแต่ละจานนั้นมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง
มันทำให้มู่ไป๋ไป่รู้สึกพึงพอใจกับอาหารมื้อนี้มาก
“คุณหนู ท่านพอใจกับอาหารมื้อนี้หรือไม่?” ชายตัวใหญ่ถามพลางปาดเหงื่อออกจากหน้าผากและไปยืนรอคำตอบอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางประหม่า ตอนนี้เขาไม่มีท่าทีหาเรื่องเหมือนก่อนหน้านี้เลย
ต้องบอกว่าเขาไม่ได้ทำอาหารมาหลายเดือนแล้ว เขาไม่รู้ว่าฝีมือของตนจะสนิมเกาะแล้วหรือไม่?
มู่ไป๋ไป่ลูบท้องตัวเองที่นูนออกมาจนแทบจะระเบิด ก่อนที่เธอจะยืนบนเก้าอี้ด้วยความยากลำบาก จากนั้นเธอก็เหยียดแขนออกไปตบไหล่ชายร่างอ้วนเบา ๆ “อาหารท่านอร่อยถึงเพียงนี้ ข้าจะช่วยท่านพิสูจน์ความจริงให้ได้อย่างแน่นอน”
“ว่าแต่ว่า ท่านสนใจที่จะเปิดสาขาที่อื่นหรือไม่?”
“หา!?” ชายอ้วนตกตะลึงก่อนจะส่ายหัว “ข้าไม่—”
“เอาเถอะ เรื่องนี้เราค่อยคุยกันวันหลัง” ยามนี้มู่ไป๋ไป่เกิดความคิดบางอย่างในใจแล้ว “เรื่องเช่นนี้เราต้องค่อย ๆ คุยกัน รอหลังจากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ท่านค่อยว่ากันอีกที!”
แต่เดิมบนโต๊ะมีอาหารมากกว่า 20 จาน แต่ทั้ง 4 คนก็กินมันจนหมด
แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วถูกกวาดลงท้องของจื่อเฟิงไป
ทันทีที่พวกมู่ไป๋ไป่กลับมาถึงโรงเตี๊ยม เธอก็ได้ขอให้มู่จวินฝานส่งคนไปสืบสวนเกี่ยวกับร้านอาหารหย่งเซวียน
“ทำไมไป๋ไป่ถึงอยากช่วยเถ้าแก่ร้านผิงชางล่ะ?” เด็กหนุ่มถามขึ้นหลังจากส่งคนไปนำผลไม้แช่อิ่มมาให้น้องสาวเพราะพวกมันมีฤทธิ์ช่วยย่อยอาหาร
“ก็…” มู่ไป๋ไป่พูดพลางเตะขาสั้น ๆ ไปมา “ผ่านพบความอยุติธรรม ต้องควักดาบออกมาช่วยเหลือ!”
ผู้เป็นพี่ชายชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “แต่ไป๋ไป่ เจ้าเคยคิดให้ลึกซึ้งมากกว่านี้หรือไม่? บนโลกนี้มีคนพบกับความทุกข์ยากมากมาย เจ้ามีเพียงสองมือไม่สามารถยื่นมือเข้าช่วยเหลือทุกคนได้”
“ทำไมข้าต้องคิดเรื่องนี้ให้มากความด้วยล่ะเจ้าคะ?” เด็กหญิงตัวน้อยเกาหัว “เราเพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรก ถ้าข้าช่วยเหลืออะไรได้ข้าก็จะช่วย แต่ถ้าข้าช่วยไม่ได้ ข้าก็แค่มาบอกท่าน”
การที่เธอได้ทะลุมิติมาอยู่ที่โลกนี้ เธอเชื่อว่ามันเป็นโชคชะตา
สวรรค์ได้มอบโอกาสอันดีเช่นนี้มาให้เธอ ดังนั้นเธอก็อยากจะทำความดีให้มากขึ้นเพื่อเป็นการสั่งสมบุญกุศลให้กับตัวเอง
“จริงหรือ?” มู่จวินฝานมองดูจดหมายในมือของตัวเองและจมอยู่ในห้วงความคิด
ในไม่ช้าองครักษ์ก็กลับมาพร้อมกับข่าวเกี่ยวกับร้านหย่งเซวียน
มันเป็นไปดังที่ลุงจางพูด นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่ร้านผิงชางปิดตัวลง กิจการของร้านหย่งเซวียนก็ดีขึ้นอีกครั้ง แล้วครั้งนี้พวกเขาก็ยังได้เป็นเจ้าภาพทำอาหารเลี้ยงแขกในงานวันเกิดของนักดาบหิรัณย์อีกด้วย
“พูดอีกอย่างก็คือ คนของร้านหย่งเซวียนเป็นผู้รับผิดชอบการจัดงานวันเกิดของนักดาบหิรัณย์อย่างนั้นหรือ?” ดวงตาของมู่ไป๋ไป่เป็นประกาย “ช่างบังเอิญเสียจริง”
“ใช่ มันบังเอิญเกินไป” มู่จวินฝานพยักหน้า “อีก 2 วันก็จะถึงวันเกิดของนักดาบหิรัณย์แล้ว เจ้ายังมีเวลาอีก 2 วันในการวางแผนกู้ชื่อเสียงของร้านผิงชาง”
“หา?” เด็กหญิงชะงักฝีเท้าและหันไปมองพี่ชายด้วยดวงตากลมโตที่ไร้เดียงสา “ท่านพี่ ท่านจะไม่ช่วยข้าหรือ?”
เด็กหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ในขณะที่ตอบว่า “เจ้าเป็นคนรับปากเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ดังนั้นเจ้าก็จะต้องลงมือเองเช่นกัน”
“...” มู่ไป๋ไป่ได้ยินดังนี้ก็ถึงกับพูดไม่ออก
พี่ชายที่แสนดีที่เคยสัญญาว่าจะคอยดูแลเธออยู่ที่ไหนกัน? ทำไมหลังจากกินข้าวเสร็จเขาถึงได้เปลี่ยนใจไปเช่นนี้?
“ไป๋ไป่ไม่ต้องกังวล พี่จะคอยสนับสนุนเจ้าอยู่เบื้องหลังเอง” พอมู่จวินฝานเห็นว่าสีหน้าตกตะลึงของน้องสาวดูน่ารักแค่ไหน เขาก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มของนางเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว
สัมผัสที่ผ่านมือนั้นนุ่มนวลราวกับจับสำลี
“...”
“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปเจ้าควรกินให้น้อยลงได้แล้ว” เด็กหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่อย่างนั้นเจ้าคงจะขยายออกด้านข้างแทนที่จะสูงขึ้น”
“ท่านพี่!” มู่ไป๋ไป่อมลมเข้าไปเต็มแก้ม “ท่านหาว่าข้าอ้วนหรือ! ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าข้าสูงขึ้น!”
เธอไม่รักพี่ชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว!
เขาไม่ยอมช่วยเธอแถมยังมาบอกว่าเธออ้วนด้วย!
เด็กน้อยเดินกระทืบเท้ากลับไปที่ห้องของตัวเอง พอไปถึงเธอก็นั่งกอดอกทำหน้างอง้ำอยู่บนเตียง “ทำไมเขาต้องว่าข้าอ้วนด้วย! เขาไม่รู้หรือว่าเด็กวัยกำลังโตจะต้องกินให้เยอะ ๆ หน่อยจะได้โตไว ๆ”
“แล้วข้าก็กินได้ไม่ถึง 1 ใน 10 ของอาหารที่จื่อเฟิงกินเข้าไปเลยด้วยซ้ำ เขามีหน้ามาพูดได้อย่างไรว่าข้ากินเยอะเกินไป!”
เธอเป็นสาวน้อยน่ารัก จะมาบอกว่าอ้วนได้อย่างไรกัน!
ทางด้านหลัวเซียวเซียวรู้ว่ามู่ไป๋ไป่ไม่ได้โกรธจริง ๆ นางจึงเดินไปนั่งที่ข้างเตียงและพูดคุยเล่นกับอีกฝ่ายอยู่สักพักหนึ่ง จนกระทั่งหน้าต่างถูกผลักเปิดออกอย่างเงียบ ๆ
เป็นเจ้าส้มที่เดินเข้ามาด้วยฝีเท้าแผ่วเบา
“ข้าเหนื่อยมาก เจ้าเตรียมอะไรไว้ให้ข้ากินบ้าง?” แมวตัวอ้วนเดินไปนั่งลงบนโต๊ะ มันไม่สนใจว่าใครดื่มชาที่วางบนโต๊ะไปบ้างแล้ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “มู่ไป๋ไป่ อาหารของข้าอยู่ที่ไหน?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 47
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น