STARCIN ภาคที่ 8 Freight ตอนที่ 16 สู้กลับ
18 มิถุนายน พ.ศ.2576
ตั้งแต่เมื่อวานกองทัพศัตรูก็ได้หยุดส่งคนเข้ามาทำลายกำแพงน้ำแข็งแต่แทนที่จะสบายใจกลับกลายเป็นความกังวลว่าศัตรูจะใช้แผนไหนแทน
พวกมันหนีลงไปลึกเกินกว่าจะตรวจจับได้ หรือว่าพวกมันรู้แล้วว่ามีคนคอยสังเกตการณ์อยู่
“ฉันต้องทำอะไรต่อ?” ซีโร่ถาม
“เธอต้องรับช่วงต่อจากฉันชั่วคราว” ซึฮากิตอบกลับและยื่นวิทยุสื่อสารให้
“รับช่วงต่อเนี่ยนะ...แล้วฉันต้องทำอะไรบ้างล่ะ?”
“สังเกตการณ์ รายงานและประสานงานหรือจะสั่งการด้วยก็ได้ถ้ามั่นใจ” พูดจบซึฮากิก็พุ่งลงน้ำดำลงไปหากองทัพของศัตรูโดยใช้เสริมกำลังและเวทมนตร์วายุทำเป็นชุดดำน้ำฉบับเร่งด่วน
เห็นแล้ว ระยะประมาณหนึ่งพันเมตรจากระดับผิวน้ำทะเลซึ่งเป็นระดับที่เราตามลงไปไม่ได้แน่นอน การใช้มานาล้วน ๆ กับแค่สองสามร้อยเมตรก็กินมานามหาศาลพอแล้ว
กองทัพจำนวนมากกำลังเข้าแถวเรียงเพื่อรอคำสั่งจากรินซึ่งบางคนก็ตัวแข็งกระด้างไม่ชินกับสภาพน้ำ หลังจากได้ข้อมูลซึฮากิจึงรีบว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่งแต่ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสมานาแปลกเหล่าที่กำลังว่ายน้ำอยู่ไม่ไกลนัก
เคลื่อนไหวเร็วมากและถึงมานาจะไม่มากเท่าพวกจ้าวทะเลแต่ก็มีมากกว่าทหารทั่วไป เป็นหน่วยสอดแนมหรือเปล่านะ
เพราะอีกฝ่ายอยู่ไกลเกินไปซึฮากิจึงเลี่ยงที่จะปะทะและรีบขึ้นน้ำให้เร็วที่สุด เขากลับไปสมทบกับซีโร่เพื่อรายงานข้อมูลสำคัญให้ฟัง
“เรียกถึงทุกหน่วย ตอนนี้พวกมันกำลังเตรียมกำลังพลจำนวนมากซึ่งอาจจะมากกว่าห้าหมื่นคน ทุกคนกินขนมแท่งรอไว้ได้เลยเพราะหลังจากนี้อาจจะไม่มีเวลาได้พักอีกต่อไปแล้ว”
หลังจากได้ยินคำสั่งของซึฮากิทุกคนก็แกะขนมแท่งกินด้วยท่าทางเป็นกังวลพลางคิดถึงหน้าครอบครัวที่รอพวกเขากลับไป
“ขนมพวกนี้มัน...” หลังจากที่กินเข้าไปมันจะทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า เพิ่มอัตราการฟื้นฟูมานา เพิ่มสเตตัสทุกค่ายกเว้นค่า LUK ลดอาการหิวและความเหนื่อยล้าของร่างกาย ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย กระตุ้นการทำงานของร่างกายและสมอง
“นี่มันบ้าเกินไปแล้ว ! แค่กินก็สามารถเพิ่มสเตตัสได้ทั้ง ๆ พวกเราฝึกกันแทบตาย”
ป่านนี้พวกเขาก็คงรู้กันแล้วว่าของที่กินก่อนหน้านี้มันก็แค่ของเรียกน้ำย่อยไม่ต่างอะไรกับอาหารปกติ แต่ครั้งนี้สิ่งที่เรียกว่าขนมแท่งคืออาหารที่เราให้ยูกิใส่ทุกอย่างที่ทำได้ลงไป ถึงผลการเพิ่มสเตตัสจะได้ผลแค่ชิ้นแรกที่กินแต่ก็ยังมีบัฟอื่นอีกหลายอย่างและยังเป็นอาหารฉุกเฉินที่มีสารอาหารครบถ้วน
“ทุกหน่วยประจำตำแหน่งของตนเองไว้และจงมีสติตลอดเวลา”
ทันใดนั้นกองทัพของรินก็พุ่งตรงขึ้นจู่โจมกำแพงน้ำแข็งไม่จำเป็นต้องให้ซึฮากิรายงานเพราะแค่คลื่นมนุษย์เงือกก็สามารถสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ไกล แต่ถึงกระนั้นเหล่าทหารของซึฮากิก็ไม่ได้เกรงกลัวใด ๆ เหมือนโดนขนมแท่งสะกดจิตให้เป็นทหารกล้าตายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เราต้องโฟกัสไปที่แม่ทัพตามที่ซึฮากิบอก คนที่ต้องเล็งก่อนก็คือเบคที่เป็นมนุษย์เงือกสองหัวซึ่งมีความสามารถในการใช้เวทมนตร์สูงมาก คานะใช้ปืนสไนเปอร์เล็งหาแม่ทัพขณะที่เกิดการปะทะกันในแนวหน้า
นั่นไง คานะสังเกตเห็นมนุษย์เงือกสองหัวที่กำลังนำทัพบุกมาแนวหน้า เธอพยายามหาจังหวะที่อีกฝ่ายหยุดนิ่งแต่มันก็ยากเกินไป
“คานะรายงาน ตอนนี้ฉันเห็นเบคแล้วแต่ไม่มีจังหวะยิงได้เลย”
“เธอติดตามเขาไว้ไม่ให้ละสายตา ส่วนเรื่องจังหวะคงต้องมาดูกันทีหลัง” หลังจากได้คำตอบจากซึฮากิคานะก็เลยเอาแต่จ้องมองเบคไม่ให้หายไปไหน
“ซึฮากิเรียกแคทเทอรีน ด้านหน้าสองกิโลเมตรและกว้างหนึ่งกิโลเมตรเล็งไปที่กลุ่มมนุษย์เงือกตรงกลาง”
“รับทราบ” แคทเทอรีนเคลื่อนที่ย้ายตำแหน่งไปสมทบกับกลุ่มตรงกลางกำแพงน้ำแข็ง เธอใช้พิภพสะซังคะสะพรั่งแช่แข็งพวกมนุษย์เงือกไปพร้อม ๆ กับน้ำทะเลแต่ดันมีส่วนหนึ่งที่รู้วิธีป้องกันจึงรอดมาได้
“ทำได้ดี ฝากจัดการกลุ่มอื่นด้วย”
“โอ้โห่ ! กะว่าจะให้มานาแห้งตายเลยหรือยังไง?”
“ฉันให้ขนมแท่งไว้ตั้งหลายกล่องแล้วก็ยังมีมานาสำรองอยู่อีกไม่ใช่เหรอ?”
“รู้แล้วน่า ฉันก็แค่อยากบ่นบ้างเฉย ๆ” หลังจากได้รับคำสั่งเธอก็วิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อช่วยเหลือกลุ่มทหารกลุ่มอื่นจนเรี่ยวแรงหายไปหมด อย่างน้อยก็มีทีโอน่าที่อยู่เคียงข้างช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้
ยังไงผลงานของแคทเทอรีนก็คงมากที่สุด ด้วยพลังที่ได้เปรียบกับสนามรบแบบนี้ทำให้เธอสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวและกำจัดศัตรูได้อย่างง่ายดาย แต่เท่าที่เห็นก็คือพวกมันรู้วิธีรับมือพิภพสะซังคะสะพรั่งแล้วจึงใช้ได้แค่กำจัดทหารที่อ่อนแอออกไปแทน
“ฟรานรายงาน ตอนนี้หน่อยย่อยที่สองกำลังจะแตกพ่ายแล้ว กำแพงน้ำแข็งที่เป็นฐานยืนก็เริ่มแตกออกจนทำให้เราเคลื่อนไหวลำบาก”
“หน่วยแนวหน้าทั้งหมดถอยกลับไปรวมกับหน่วยสนับสนุนแนวหน้าที่เรือเกรย์เอลโฟเรีย ยกเว้นแคทเทอรีนและทีโอน่า ส่วนหน่วยสนับสนุนระยะไกลกระหน่ำยิงเพื่อสร้างจังหวะถอยพร้อมกับหน่วยแพทย์สนามเข้าไปช่วยคนเจ็บขึ้นบก”
ทุกคนหน่วยทำตามคำสั่งของซึฮากิโดยไม่มีข้อโต้แย้งซึ่งการถอยของแนวหน้าทำให้กำแพงน้ำแข็งพังทลายลงเรื่อย ๆ จนเปิดโอกาสให้พวกมันบุกเข้ามายังอาณาเขตของเคน
ด้วยจำนวนกองทัพที่ต่างกันหลายเท่าตัวทำให้การปะทะแบบยืดเยื้อเสียเปรียบเป็นอย่างมาก จึงต้องมีการถอยเป็นช่วง ๆ เพื่อเตรียมการตั้งรับใหม่ซึ่งการสร้างกำแพงน้ำแข็งก็เพื่อซื้อเวลาให้ใช้แผนนี้ได้ ถ้าหากพวกมันยึดน่านน้ำได้เร็วเรือของเราก็จะใช้การไม่ได้ การส่งแนวหน้าลงน้ำก็จะทำได้ยากลำบากและจะส่งผลระยะยาวให้พวกมันสามารถเคลื่อนทัพเข้ามาตั้งหลักในอ่าวได้
“เริ่มใช้แผนรบที่สอง”
หน่วยแนวหน้าได้ประจำอยู่บนเรือเกรย์เอลโฟเรียส่วนหนึ่งและเตรียมเรือเล็กหลายสิบลำสำหรับปะทะบนน้ำ หน่วยสนับสนุนแนวหน้าของเคนประจำการอยู่ใต้ท้องเรือเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันทำอะไรเรือได้ ส่วนหน่วยของคานะกลับไปซุ่มรออยู่บนผาใกล้ ๆ เหมือนเดิม
“เครื่องบินทั้งหมดเตรียมทิ้งระเบิด” ซึฮากิส่งคำสั่งให้กับร่างโคลนที่คุมเรืออยู่
เมื่อได้รับคำสั่งร่างโคลนก็นำเครื่องบินรบทั้งหมดขึ้นบินซึ่งพิกัดการทิ้งระเบิดได้มาจากการสอดแนมของแฟรงค์และซึฮากิ ระเบิดจำนวนมากปะทะกับแผ่นน้ำแข็งทำให้พวกมนุษย์เงือกได้รับความเสียหายน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
“เจ้าพวกนั้นมันโง่เสียจริง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนทำพื้นน้ำแข็งเองแท้ ๆ แต่พวกเรากลับได้ประโยชน์แทนซะงั้น” มายันหัวเราะเยาะอยู่ใต้น้ำซึ่งหลบพ้นจากรัศมีการระเบิดได้เพราะแผ่นน้ำแข็ง
“อย่าพึ่งประมาท ตอนนี้เราไม่โดนเวทมนตร์ระเบิดของพวกมันก็ดีแค่ไหนแล้ว ยังไงก็ต้องรีบตามหาเคนและลากตัวไปให้ท่านรินให้ได้” เบคนำหน้าไปพร้อมกับกองกำลังส่วนหนึ่งก่อนที่แม่ทัพอีกสองคนที่เหลือจะแยกกันไปคนละทาง
“กิ ทำแบบนั้นมันดูไม่น่าจะได้ผลนะ” ซีโร่เอ่ยถามขณะที่ส่องกล้องดูการทิ้งระเบิด
“แน่นอนว่าแผ่นน้ำแข็งพวกนั้นจะทำหน้าที่ดูดซับแรงระเบิดทำให้มนุษย์เงือกที่อยู่ข้างใต้ไม่ได้รับความเสียหาย แต่ที่ฉันต้องทำก็เพื่อเปิดเส้นทางการเดินเรืออีกครั้ง”
“แล้วทำไมถึงต้องสร้างแผ่นน้ำแข็งด้วยล่ะ ก็แค่ให้แคทเทอรีนสร้างกำแพงน้ำแข็งที่ทางเข้าอ่าวเลยก็จบ”
“อืม จริง ๆ ที่ให้สร้างแผ่นน้ำแข็งนอกจากจะใช้เพื่อกำจัดและข่มขวัญพวกทหารระลอกแรก อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อปรับอุณหภูมิน้ำ วันก่อนฉันให้หน่วยแนวหน้าและมนุษย์เงือกฝั่งพันธมิตรสลับลงไปปรับตัวกับอุณหภูมิน้ำเย็นแล้ว”
“อุณหภูมิน้ำเนี่ยนะ? มันจะมีผลแตกต่างมากขนาดนั้นเชียวเหรอ” ซีโร่มองดูออร่ามานาของพวกศัตรูที่ค่อย ๆ เคลื่อนไหวช้าลงเหมือนโดนใครรั้งไว้
“ถ้าเป็นพวกระดับสูงที่มีมานาเยอะ ๆ หรือเคยพบเจอสภาพน้ำเย็นแล้วก็คงไม่มีอะไรแตกต่าง แต่หากเป็นทหารตัวน้อย ๆ ที่ฝึกแต่ในถิ่นของตนเองล่ะ? ปกติพวกเขาจะอาศัยอยู่ที่ความลึกไม่เกินห้าร้อยเมตรซึ่งมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ห้าถึงสิบองศาเซลเซียสแต่ก็จะมีพวกที่อาศัยอยู่ระดับน้ำตื้นที่ความลึกไม่กี่ร้อยเมตรซึ่งอุณหภูมิก็จะอุ่นขึ้นอีก ที่เหลือก็แค่ลุ้นว่าจะได้ผลสักกี่คนกันแน่”
แม่ทัพทั้งสามถึงกับกุมขมับเพราะมีทหารที่ว่ายน้ำตามมาไม่ไหวส่งผลให้ทั้งกองกำลังช้าไปด้วยเพราะต้องคอยดูคนที่มีปัญหากับอุณหภูมิน้ำ
“น้ำเย็นแค่นี้มาทำเป็นสำออย กลับไปเมื่อไรฉันจะฝึกพวกแกให้ตายเลย !” มายันจ้องมองตาเขม็งก่อนจะมุ่งหน้าไปต่อโดยไม่สนใจทหารที่อ่อนแออีกต่อไป
ไม่นานนักเธอก็ได้ปะทะกับพวกเคนที่ประจำตำแหน่งรออยู่แล้ว
“เจอสักที แบบนี้ท่านรินต้องให้รางวัลเราแน่ ๆ” มายันใช้ร่างกายเรืองแสงส่องสว่างจ้าจนบดบังวิสัยทัศน์ของพวกเคน แต่ก่อนที่เธอจะได้จู่โจมอีกฝั่งก็ดันมีแสงสะท้อนย้อนกลับมาหาตัวเธอ
ฝั่งเคนที่รู้อยู่แล้วว่ามายันกำลังมาทางนี้จึงเตรียมแผนรับมือไว้แล้ว ด้วยความสามารถในการส่องแสงของมายันทำให้คู่ต่อสู้ของเธอแสบตาหรืออาจจะมองไม่เห็นไปชั่วขณะ ดังนั้นพวกเคนจึงมีกระจกสะท้อนแสงที่มีลักษณะโค้งเพื่อรวมแสงไว้จุดเดียว
“อะไรวะเนี่ย พวกแกบุกไปเลย !” มายันที่โดนแสงสว่างของตนเองบดบังวิสัยทัศน์จึงได้แต่ตะโกนสั่งการลูกน้อง
“ช้าเกินไปหรือเปล่า?” เคนที่ใส่แว่นตากันแสงทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากแสงจ้า เขาใช้ช่วงเวลาแค่ไม่กี่วินาทีเพื่อกำจัดเหล่าทหารมนุษย์เงือกของมายันโดยเหลือเธอไว้คนสุดท้ายเพราะเป็นจุดกำเนิดแสง
“เคน...” เธอใช้เวทมนตร์วารีฟันไปในทิศทางที่ได้ยินเสียงแต่มันก็ยังช้าเกินไปอยู่ดี
เคนเป็นถึงจ้าวทะเลที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับท่านริน เราจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
หนวดของเคนพุ่งเข้ามารัดตัวของมายันแต่เธอก็สร้างเสริมกำลังคลุมตัวไว้เพื่อไม่ให้เคนบีบร่างของเธอได้ง่าย ๆ และจังหวะนั้นมันก็เป็นโอกาสโต้กลับโดยที่มายันจับหนวดของเคนไว้และอัดมานามหาศาลเพื่อใช้ใบมีดวารีฟันตัวเคนให้ได้
“ยังช้าไปอยู่ดี” เคนใช้หนวดทั้งแปดเส้นฉีกเสริมกำลังของมายันทิ้งแต่ก่อนที่จะได้บีบร่างของเธอก็ดันมีกองกำลังของเอนอนเข้ามาสมทบเสียก่อน ซึ่งเอนอนได้พุ่งเข้ามาแย่งตัวมายันไปต่อหน้าต่อตาเคนที่แม้จะใช้หนวดถึงแปดเส้นก็ยังจับไม่ทัน
“พวกแกพามายันกลับไปฟื้นตัวก่อน ทางนี้ฉันจะรับมือเอง” เอนอนมองดูเคนที่กำลังถอดแว่นตากันแสงออกพลางสงสัยว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ยอมแพ้และส่งกุญแจมาซะดี ๆ เถอะท่านเคน ถ้าทำเช่นนั้นท่านรินต้องยอมถอยแน่ ๆ” เอนอนพยายามเจรจาแต่จุดประสงค์แฝงเหมือนจะเป็นการถ่วงเวลารออะไรบางอย่างมากกว่า
“ถ้าหากฉันอยากยอมแพ้จริง ๆ ก็คงไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้หรอก” หนวดทั้งแปดเส้นเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิตแต่พวกมันกลับไม่สามารถจับเอนอนได้เสียที
“ท่านเคนยังไม่เข้าใจ พวกชาวแผ่นดินมันกำลังหลอกใช้ท่านอยู่นะครับ” ร่างกายอันเรียวเล็กและบางเหมือนกระดานทำให้เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อิสระ เพียงแค่พริบตาเดียวเขาก็สามารถมาอยู่ข้างหน้าเคนได้ทันที แต่เพราะพละกำลังอ่อนแอเกินไปจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากหลบไปเรื่อย ๆ
“นั่นมันคือสิ่งที่ฉันต้องพูดต่างหาก พวกแกกำลังถูกรินหลอกใช้เพื่อเปิดประตูนรกเท่านั้นแหละ”
“ไร้สาระ ท่านรินชุบเลี้ยงพวกเรามาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ทั้งให้อาหารและที่พักรวมทั้งสอนการต่อสู้ให้อีก”
“เธอก็แค่ทำเพื่อให้พวกนายเชื่อใจและซื่อสัตย์ต่อเธอเท่านั้นแหละ”
ขณะที่เคนกำลังรับมือกับเอนอนอีกฝั่งหนึ่งก็เกิดการปะทะกันระหว่างเบคและหน่วยของฟราน
“คานะรายงาน ตอนนี้ฟรานกำลังสู้กับพวกเบคอยู่และดูเหมือนเธอจะลำบากจนไม่มีจังหวะใช้วิทยุเลย”
“ให้หน่วยสนับสนุนระยะไกลคอยช่วยเหลือหน่วยของฟรานไว้ ส่วนจุดอื่นฉันจะจัดการเอง”
“รับทราบ”
หน่วยของฟรานที่กำลังปะทะกับกองกำลังของเบคค่อย ๆ โดนดันถอยออกมาเพราะเรือลำเล็กที่ใช้แค่ไม่กี่สิบลำไม่อาจทนต่อการบุกของศัตรูได้เลย
“พาคนเจ็บถอยไปที่เรือหลักก่อน !” ฟรานกระโจนลงน้ำโดยใช้พื้นเสริมกำลังเป็นฐานยืน เธอคอยกันพวกมันไว้ระหว่างที่พรรคพวกกำลังถอยเรือกลับ
คนอื่นที่ไม่มีตรวจจับคงรับมือพวกมันยากเกินไปแน่ ๆ ขนาดเราที่ใช้ตรวจจับได้ยังเกือบตามความเร็วของพวกมันไม่ทันเลย ไม่ทันไรก็มีกระสุนวารีพุ่งขึ้นเฉียดแขนเธอไปเพียงนิดเดียว
แต่สถานการณ์อย่างนี้ก็คงดีกว่ามีพวกเดียวกันอยู่ข้าง ๆ
ฟรานย่อเข่าลงครึ่งหนึ่งพร้อมกับเก็บดาบเทพประทานเข้าฟักอยู่ในท่าเตรียมชักดาบ
“ลงดาบรูปแบบที่หก [สะบั้นวารีกลืนกิน]” เธอเหวี่ยงดาบสุดแขนสร้างคลื่นน้ำแพร่ขยายออกไปรอบ ๆ ตัวซึ่งมันก็ได้เฉือนร่างของมนุษย์เงือกที่ไม่ทันตั้งตัวทันที
“ใช้โล่มานากันไว้” เบคใช้โล่มานาป้องกันลูกน้องไว้ได้ส่วนหนึ่ง แต่ฟรานก็ยังใช้สะบั้นวารีกลืนกินไม่หยุดราวกับพายุที่กำลังโหมกระหน่ำท่ามกลางทะเลลึก
เธอคนนั้นมีมานามากแค่ไหนกันเนี่ย ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังโดนสิ่งที่เรียกว่าปืนยิงแน่ ๆ เบคปลดปล่อยโล่มานาออกเพื่อให้ตนเองเพ่งสมาธิกับการใช้เวทมนตร์ของตนเองได้ถึงแม้ว่านั่นจะทำให้ลูกน้องของตนตายเป็นร้อยเป็นพันคนเลยก็ตาม
เป็นเวทมนตร์ที่รุนแรงจริง ๆ เราต้องดำลงไปลึกถึงหนึ่งร้อยเมตรถึงจะพ้นรัศมีเวทมนตร์ของเธอคนนั้น เบคว่ายน้ำผ่านสะบั้นวารีกลืนกินของฟรานเข้าไปหาเรือหลักของฝั่งศัตรู
ขณะที่กำลังโล่งใจที่ผ่านเวทมนตร์แปลก ๆ นั่นมาได้แต่จู่ ๆ ก็มีบางสิ่งพุ่งตรงลงมาจากผิวน้ำ
นี่มันฝีมือเธอคนนั้นเหรอ เบคว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจโดยที่เขายังต้องคอยหลบวิถีดาบไปด้วย
ยิ่งได้เข้าใกล้เบคก็สัมผัสออร่ามานาได้ชัดจนแน่ใจ พอเขาหันมองไปรอบ ๆ กลับเห็นซากศพลูกน้องจำนวนมากจนย้อมสีน้ำทะเลเป็นสีเลือด
เธออันตรายเกินไป เราต้องรีบกำจัดให้สิ้นซากซะ
เบคร่ายเวทมนตร์กระสุนวารีติดต่อกันหลายสิบนัดต่อวินาทียิงใส่ฟรานที่ยืนอยู่บนผิวน้ำ เช่นเดียวกับเธอที่ใช้โล่มานาป้องกันเอาไว้ได้ก่อนจะกระโดดขึ้นท้องฟ้าแล้วใช้เวทมนตร์วายุลอยตัวอยู่บนนั้นต่อไป
กระสุนพวกนี้มันรัวเกินไปแล้ว นอกจากจะยิงต่อเนื่องก็ยังรุนแรงและรวดเร็วอีกต่างหาก ดูจากออร่ามานาที่ตรวจจับได้นั่นคงเป็นเบคหนึ่งในแม่ทัพที่ซึฮากิบอก
ฟรานยังต้องคอยหลบกระสุนวารีที่ยิงมาไม่หยุดยั้งจนไม่มีโอกาสโต้กลับได้เลย และแล้วเบคก็ขึ้นมาบนผิวน้ำเผยตัวให้เห็นเพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์ในการยิงกระสุนวารี
“พบเป้าหมายแล้ว...ยิง” คานะออกคำสั่งพร้อมกับเหนี่ยวไกปืนสไนเปอร์เล็งไปที่หัวของเบค
แต่ด้วยไหวพริบของเขารวมกับข้อมูลที่รินบอกมาทำให้เบคสามารถหลบกระสุนของคานะไปได้หวุดหวิด
นั่นคือปืนสินะ ถ้าเราอยู่นิ่ง ๆ พวกมันต้องยิงมาแน่นอนก็เลยต้องคอยเคลื่อนไหวไม่ให้พวกมันเล็งได้
ขณะเดียวกันซึฮากิได้สังเกตเห็นกองกำลังจำนวนมากกำลังตามมาเสริมทัพและก็มีออร่ามานาของจ้าวทะเลอีกสองคนด้วย
“เรียกเคน ตอนนี้มีจ้าวทะเลอีกสองคนกำลังมุ่งหน้าไปหา รีบถอยออกมาโดยด่วน ย้ำ ! รีบถอยออกมาโดยด่วน”
ต่อให้ซึฮากิจะรายงานไปเท่าไรแต่เคนกำลังยุ่งอยู่กับเอนอนใต้น้ำจึงไม่ทันได้สนใจวิทยุ
“ฝากด้วยล่ะซีโร่” ซึฮากิกระโดดลงน้ำมุ่งหน้าไปหาเคนทันที
“ให้ตายสิแล้วฉันทำอะไรได้บ้างล่ะเนี่ย” ซีโร่ถึงกับถอนหายใจถือวิทยุสื่อสารรอไว้ตลอดเวลาพลางส่องกล้องดูพวกจ้าวทะเลที่กำลังตรงเข้ามา เธอรายงานไปยังหน่วยอื่นทุกหน่วยเพื่อให้เตรียมการรับมือได้
ซึฮากิที่ดำน้ำลงไปกำลังเข้าสู่รัศมีการปะทะของพวกเคน ด้วยระดับความลึกที่หนึ่งร้อยเมตรทำให้ซึฮากิทำอะไรไม่ได้มากนักนอกจากสังเกตการณ์และหาจังหวะเข้าไปหาเคน
สำหรับมนุษย์อย่างเราลงมาใต้น้ำแบบนี้เป็นอะไรที่อันตรายสุด ๆ เลย ถ้าพลาดนิดเดียวก็คงโดนแรงดันไม่ก็จมน้ำตายแน่
ซึฮากิสามารถใช้มานาเสริมกำลังเพื่อเรียกร้องความสนใจของเคนให้หันมาเห็น
“อะไร? กลับขึ้นข้างบนตอนนี้เลยเหรอ?” เคนพยายามมองดูสัญญาณมือและแกะสัญญาณมานาว่าซึฮากิกำลังจะสื่ออะไร
“ไม่มีเวลามาเล่นด้วยแล้ว” เคนตอบกลับเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะตามซึฮากิขึ้นฝั่งไป
“ไม่มีทางซะหรอก !” เอนอนพุ่งไปอยู่ด้านหน้าของซึฮากิเพื่อกำจัดชาวแผ่นดินที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าแต่คมมีดวารีของเขาอ่อนแอเกินไปถึงขนาดเจาะเสริมกำลังของซึฮากิไม่ได้ด้วยซ้ำ
เอนอนมีลักษณะพิเศษทางร่างกายทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับหายตัวไปได้ทุกที่แต่ก็แลกมากับความอ่อนแอทางกายภาพเช่นกัน แต่ถ้าเขาฝึกการใช้เวทมนตร์ให้มากกว่านี้ก็อาจจะเป็นตัวอันตรายก็ได้
ซึฮากิใช้เวทมนตร์แบบพิเศษสร้างเป็นกล่องมานาคลุมบริเวณรอบ ๆ ไว้โดยไม่ให้เอนอนรู้ตัว กว่าเขาจะรู้มันก็สายไปแล้วเพราะไม่ว่าจะเคลื่อนที่ไปไหนก็จะติดกำแพงมานาทุกทิศทาง
“นี่มันกำแพงบ้าอะไรวะเนี่ย?”
ไม่ทันที่เอนอนจะได้หายสงสัยเขาก็โดนพาขึ้นมาบนบกด้วยเสียแล้ว
“ไม่ ๆ” เพียงแค่หนึ่งนาทีเอนอนก็ขาดอากาศตายไม่เหมือนมนุษย์เงือกเผ่าพันธุ์อื่นที่อยู่บนบกได้นานกว่า
“ตอนนี้จ้าวทะเลคนอื่นกำลังมาสมทบกับพวกแม่ทัพแล้ว แถมพวกมันยังมุ่งหน้ามาหาคุณเคนดูมีเป้าหมายชัดเจนเลย” ซึฮากิตรวจสอบซากศพของเอนอนเพื่อความแน่ใจพลางบอกข้อมูลให้เคนฟังไปด้วย
“พวกมันต้องการกุญแจประตูนรก ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะแต่ดูเหมือนรินอยากจะเข้าไปในประตูนรกมากเลยล่ะ”
“พึ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เลยแฮะ ช่วยอธิบายแบบสั้น ๆ ได้ไหมครับ?”
“สั้น ๆ สินะ มันคือกุญแจที่ใช้เปิดประตูสิ่งที่พวกนายเรียกว่าดันเจี้ยนนั่นแหละ แต่มันถูกผนึกไว้ตั้งแต่เมื่อก่อนและส่งต่อกุญแจกันมาเรื่อย ๆ ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในนั้นมีอะไร”
“ซีโร่เรียกทุกหน่วย ตอนนี้เรือเกรย์เอลโฟเรียกำลังถูกล้อมแล้ว ดังนั้นทุกคนให้ความสำคัญกับที่นั่นไว้ก่อน” เสียงของซีโร่พูดผ่านวิทยุสื่อสารดังมาจากวิทยุของเคน
“แล้วกุญแจดอกนั้นอยู่ที่ไหนครับ?” ระหว่างนั้นซึฮากิก็ใช้ดวงตาของแฟรงค์เพื่อดูสถานการณ์ทางฝั่งของฟราน
“เอาตรง ๆ เลยก็คือ...ฉันลืมไปแล้วเหมือนกัน พอได้ตำแหน่งมาฉันก็โยนของของจ้าวทะเลคนเก่าไปกองรวมกันที่มุมห้อง แล้วนานวันเข้ามันก็กระจัดกระจายไปไหนก็ไม่รู้”
ซึฮากิถึงกับกุมขมับพูดอะไรไม่ออก
“งั้นก็ช่างเรื่องนั้นก่อน ตอนนี้สถานการณ์ฝั่งเราเริ่มไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไร หลังจากนี้พวกคุณก็รอฟังคำสั่งจากวิทยุต่อไป”
ซึฮากิกลับไปหาซีโร่ที่เหงื่อแตกพลั่กเมื่อเห็นกองทัพจำนวนมากกำลังมาเพิ่มเรื่อย ๆ
“ฉันจะบอกแผนรับมือให้เพราะเธอจะต้องเป็นคนสั่งการแทนฉัน” มาถึงซึฮากิก็อธิบายแผนให้ซีโร่ฟังรัว ๆ จนเกือบฟังไม่ทัน หลังจากนั้นเขาก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อตรงไปยังตำแหน่งดินแดนของเคน
ระดับความลึกดินแดนของเคนอยู่ที่สามร้อยเมตรซึ่งเราพอจะลองไปสำรวจได้อยู่ แต่ปัญหาก็คือจะไปเจอพวกมนุษย์เงือกด้วยหรือเปล่า
ซึฮากิเลี่ยงจุดที่เป็นสนามรบเพื่อลงไปยังดินแดนของเคน ขณะเดียวกันพวกจ้าวทะเลก็ได้บุกไปยังเรือเกรย์เอลโฟเรียซึ่งฟรานที่พึ่งหนีมาจากเบคได้ยังคงเหนื่อยล้าทั้งกำลังกายและมานาจึงต้องพักฟื้นเสียก่อน
“ซีโร่เรียกหน่วยสนับสนุนระยะไกล ทั้งหมดยิงคุ้มกันเรือไว้ ซีโร่เรียกหน่วยแพทย์ ให้เฮร่าใช้เวทมนตร์เสริมแรงให้หน่วยแนวหน้าที่อยู่บนเรือ ซีโร่เรียกหน่วยสนับสนุนแนวหน้า ให้หัวหน้าหน่วยเคนเคลื่อนไปยังตำแหน่งดีเพื่อสนับสนุนแคทเทอรีน”
การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของกองกำลังทำให้รินที่มองดูอยู่ไกล ๆ สังเกตเห็น
“ตอนนี้ยังไม่มีใครจัดการจอมเวทน้ำแข็งได้ใช่ไหม?” รินถาม
“ครับ ตามเท่าที่สังเกตการณ์ได้ก็มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ใช่เวทมนตร์น้ำแข็งได้”
“อืม เวทมนตร์ของเธอเป็นภัยต่อเรามาก ๆ จนเคนเป็นแค่อุปสรรครองไปเลย ส่งคำสั่งต่อไปว่าให้หลีกเลี่ยงการปะทะกับจอมเวทน้ำแข็งและมุ่งเน้นไปที่การตามล่าเคนก็พอ”
“รับทราบครับ” พอขานรับเสร็จทหารคนนั้นก็มุ่งหน้าไปยังสนามรบเพื่อส่งต่อคำสั่งให้กับทุกหน่วยรวมทั้งจ้าวทะเลทั้งสองคนด้วย
สถานการณ์มันแปลก ๆ แฮะ ถ้าเขารู้อยู่แล้วว่าเราต้องการกุญแจแต่ก็ยังเลือกที่จะลงมายังสนามรบทั้ง ๆ มีชาวแผ่นดินหนุนหลังอยู่ หรือเขาจะซ่อนมันไว้บนแผ่นดินไปแล้วหรือจะยังอยู่ในดินแดนของเขากันแน่
รินมุ่งหน้าไปยังดินแดนของเคนซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ซึฮากิไปถึงที่นั่นพอดี
ออร่ามานาแบบนี้เป็นจ้าวทะเลแน่ ๆ ซึฮากิสัมผัสมานาได้ก่อนจึงหาที่ซ่อนและใช้เทคนิคปกปิดมานาของตนเองไว้
เป็นรินจริง ๆ ด้วย ทำไมเธอถึงมาที่ดินแดนของเคนหรือว่าจะมาหากุญแจเหมือนกัน
ดินแดนที่ร้างสนิทเหลือเพียงสิ่งปลูกสร้างแต่ตอนนี้กลับมีผู้นำของสองกองทัพกำลังแหวกว่ายวนอยู่ในนั้น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 215
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น