ตอนที่ 737 เมืองสายลม
ตอนที่ 737 เมืองสายลม
“พวกเราสกายวิงคือนักรบที่มีความเร็วอันเหนือชั้น จนทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเราเหมือนมีปีกกำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้า”
“ความเร็วของนายในปัจจุบันยังไม่คู่ควรกับการถูกเรียกว่านักรบสกายวิง ดังนั้นนายจะต้องไปฝึกพิเศษเป็นเวลา 1 เดือนเพื่อเรียนรู้กฎแห่งความเร็ว ซึ่งเป็นกฎที่สืบทอดกันมาภายในตระกูลของเรา” เซี่ยบูหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ชายหนุ่มยังคงขมวดคิ้วด้วยความสับสน เพราะเขามีคำถามภายในใจมากจนเกินไป ข้อความของชายชราจึงเข้าหูของเขาเพียงแค่ครึ่งเดียว
“ฉันรู้ว่าตอนนี้นายคงมีคำถามมากมายภายในใจ แต่ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาหาคำตอบ พวกเราเหลือเวลาอีกเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้นก่อนที่การต่อสู้ชี้ชะตาระหว่างสกายวิงกับมูนวอร์ดจะเริ่มต้นขึ้น ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ตั้งใจให้นายเป็นกำลังสำคัญในการประลองครั้งนี้ แต่นายก็สมควรจะต้องพัฒนาความแข็งแกร่งให้สมกับเป็นคนของสกายวิงด้วยเหมือนกัน”
“หากมีคำถามอะไรจงเก็บเอาไว้ก่อน แล้วพวกเราค่อยมาคุยกันหลังจากที่การประลองครั้งนั้นจบลง”
—
นับตั้งแต่ที่ชีวิตของเซี่ยเฟยเข้ามาพัวพันกับตระกูลสกายวิง มันก็ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ จะผ่านพ้นไปอย่างว่องไวมากเกินไป ซึ่งก่อนที่เขาจะทันได้ตั้งตัวเซี่ยจงไห่ก็ได้พาตัวเขาไปยังประตูมิติที่ถูกตั้งอยู่ภายในสวนสายลมเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองสายลม
เซี่ยเฟยยังคงติดใจเรื่องที่ว่าทำไมเขาถึงมีสายเลือดของสกายวิง แต่น่าเสียดายที่เซี่ยบูหยุนไม่เปิดโอกาสให้เขาถามคำถามใด ๆ เลย หากเขาต้องการที่จะหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ต้องรอจนกว่าความวุ่นวายของตระกูลจะสิ้นสุดลง
“พี่จงไห่ คุณกำลังจะไปไหน?” เซี่ยหม่างซึ่งมีหน้าที่คอยดูแลประตูมิติกล่าวถามอย่างสงสัย เมื่อได้เห็นเซี่ยจงไห่เดินมาที่ประตูพร้อมกับเซี่ยเฟย
“ท่านผู้นำมีคำสั่งให้ส่งตัวเซี่ยเฟยไปที่ศูนย์ฝึกสายลม” เซี่ยจงไห่กล่าวด้วยรอยยิ้มและถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่สามารถจัดการตระกูลมูนวอร์ดได้ทั้งหมด แต่สงครามในก่อนหน้านี้มันก็ช่วยระบายอารมณ์ของเขาออกไปได้มากพอสมควร
“ศูนย์ฝึกสายลม!? เขาถูกส่งไปฝึกกับคุณปู่เหล่าสืองั้นหรอ!!” เซี่ยหม่างสะดุ้งถามด้วยความตกใจ
“ที่ศูนย์ฝึกสายลมจะมีใครเป็นครูฝึกได้อีกล่ะ” เซี่ยจงไห่กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
หลังจากพูดจบนักรบสกายวิงทั้งสองก็มองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ ก่อนที่พวกเขาจะส่ายหัวแล้วถอนหายใจออกมาอย่างไม่ได้นัดหมายกัน
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยเต็มไปด้วยความสับสน แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกสนใจพฤติกรรมแปลก ๆ ของสองคนนี้มากเท่าไหร่นัก
“ฉันขอแนะนำให้นายตั้งสมาธิกับการฝึกให้ดี ๆ ที่ศูนย์ฝึกสายลมมันไม่ใช่สถานที่ที่เอาไว้สำหรับการพักผ่อนหรอกนะ” เซี่ยจงไห่ให้คำแนะนำอย่างจริงจัง
—
หลังจากเดินผ่านประตูมิติเข้ามา เซี่ยเฟยกับเซี่ยจงไห่ก็เดินทางมาจนถึงเมืองที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก
ถนนภายในเมืองแห่งนี้เป็นเพียงแค่ถนนแคบ ๆ แต่ก็สะอาดมาก บ้านเรือนภายในเมืองถูกสร้างขึ้นมาอย่างกระจัดกระจาย คล้ายกับว่าใครอยากสร้างบ้านตรงไหนก็สร้างโดยไม่คำนึงถึงการวางแผนผังเมือง จนทำให้เซี่ยเฟยสามารถดูออกได้ในทันทีว่าผู้คนในเมืองแห่งนี้ ย่อมจะต้องเป็นบุคคลที่รักอิสระและไม่ยึดมั่นกับแบบแผนใด ๆ
บนถนนมีคนอยู่ไม่มากนักบ้านเรือนหลาย ๆ หลังถูกปิดประตูล็อกเอาไว้ราวกับไม่มีใครอาศัยอยู่ คนส่วนใหญ่ที่เดินอยู่บนถนนก็มีเพียงแค่ผู้สูงอายุหรือเด็กเล็ก แทบจะไม่มีวัยรุ่นหรือวัยกลางคนให้เห็นในเมืองแห่งนี้เลย
เซี่ยจงไห่คล้ายกับจะคุ้นเคยกับคนพวกนี้มาก เขาจึงทักทายคนในเมืองอย่างอบอุ่นพร้อมกับแนะนำเซี่ยเฟยผู้ซึ่งเป็นสมาชิกคนล่าสุดของตระกูลสกายวิงให้กับทุกคนได้รู้จัก
“ที่นี่คือเมืองสายลมซึ่งเป็นสถานที่อยู่อาศัยที่แท้จริงของพวกเรา สวนสายลมที่ตั้งอยู่ในกลุ่มดาวม้าขาวเป็นที่พักสำหรับนักรบระดับสูงของตระกูลเท่านั้น แต่สมาชิกภายในตระกูลส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ที่นี่กันทั้งหมด” เซี่ยจงไห่กล่าวแนะนำขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ เพราะตัวเขาก็ได้เติบโตขึ้นมาจากเมืองแห่งนี้เหมือนกัน
“เมืองสายลมงั้นเหรอ? ทำไมผมถึงไม่รู้สึกถึงความเป็นเมืองเลย เหมือนกับทุกคนต่างก็อยู่ที่นี่ได้อย่างอิสระ” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ความอิสระเป็นเอกลักษณ์ของคนในตระกูลสกายวิงอยู่แล้ว ตราบใดก็ตามที่ความอิสระนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียกับตระกูล คนในตระกูลของเราจึงมีอิสระทำอะไรก็ได้ตามใจที่แต่ละคนต้องการ” เซี่ยจงไห่กล่าว
คำตอบนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกใจมาก เพราะโดยปกติการตั้งเมืองจะมีการวางแผนผังเมืองเอาไว้ล่วงหน้า แต่เมืองสายลมเป็นเมืองที่ขัดต่อกฎเกณฑ์ทั้งหมดที่เขาเคยรู้จักมาโดยสิ้นเชิง เพราะไม่ว่าสมาชิกของตระกูลจะเป็นสมาชิกระดับไหน แต่พวกเขาก็สามารถที่จะทำอะไรกับเมืองแห่งนี้ก็ได้ตามแต่ใจที่พวกเขาต้องการ
ระหว่างทางที่เดินเข้าไปภายในเมืองเซี่ยเฟยก็ได้พบกับคนที่ทำงานอดิเรกต่าง ๆ อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรี, การเล่นหมากรุก, การชงชา, การคัดลายมือและการวาดภาพ โดยทุกคนต่างก็ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างมีชีวิตชีวาปราศจากความตึงเครียดที่เขาเคยเห็นภายในเมืองต่าง ๆ ในอดีตที่เขาเดินทางไปเยี่ยมชม
เขาจำได้ว่าตอนที่เขาอาศัยอยู่บนโลก เขาจะต้องพยายามดิ้นรนทำงานในทุก ๆ วันเพื่อจะได้มีของกินจนอิ่มท้อง ความสุขที่สุดในตอนที่เขายังอยู่บนโลกก็คือการไปดูหนังในวันที่เงินเดือนออก ซึ่งแตกต่างจากความอิสระของผู้คนภายในเมืองแห่งนี้อย่างสิ้นเชิง
เซี่ยเฟยรู้สึกว่าชีวิตในอดีตของเขาเป็นเพียงแค่การดิ้นรนให้ชีวิตได้ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน แต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ต่างก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเพลิดเพลิน โดยไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกกังวลอะไร
ระหว่างทางเซี่ยจงไห่ยังคงแนะนำชมรมต่าง ๆ ภายในเมืองด้วยรอยยิ้ม และเขาก็พยายามเล่าประสบการณ์ในอดีตว่าชมรมพวกนั้นเป็นชมรมที่มีความสนุกมากแค่ไหน
“เมืองสายลมดูเล็กมากเลยนะครับ มันมีคนอาศัยอยู่ภายในเมืองประมาณกี่คนงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ประมาณ 50,000 คนได้มั้ง” เซี่ยจงไห่กล่าวตอบหลังจากใช้เวลานึกอยู่สักพัก
“50,000!! ทั้งตระกูลสกายวิงมีสมาชิกแค่ 50,000 คนเองเหรอครับ” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
“แล้วทำไมนายจะต้องตกใจขนาดนั้นด้วย?” เซี่ยจงไห่กล่าวพร้อมกับกรอกตาไปทางเซี่ยเฟย
“มันก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องตกใจไม่ใช่เหรอครับ ถ้าหากว่าสมาชิกทั้งตระกูลมีเพียงแค่ 50,000 คน แล้วทำไมสกายวิงถึงสามารถผลิตราชากฎขึ้นมาได้มากกว่า 30 คน พรสวรรค์ของทุกคนจะอยู่ในระดับที่น่ากลัวจนเกินไปแล้ว” เซี่ยเฟยพูดขึ้นมาเสียงดัง
ในความเป็นจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เซี่ยเฟยจะรู้สึกประหลาดใจ เพราะจากประสบการณ์ที่เขาได้เห็นผ่านมาทั่วทั้งตระกูลหยูประชากรมากกว่า 1 ล้านคน แต่มันกลับมีราชากฎภายในตระกูลอยู่เพียงแค่ 3 คนเท่านั้น แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงจักรพรรดิกฎผู้ทรงพลังเลย
ขณะที่ตระกูลมูนวอร์ดซึ่งเป็น 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอดก็มีประชากรภายในตระกูลไม่น้อยกว่า 3 ล้านคน แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็มีราชากฎในตระกูลเพียงแค่ 46 คน และมีจักรพรรดิกฎอยู่ในตระกูลเพียงแค่ 3 คนเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตามตระกูลสกายวิงที่มีประชากรเพียงแค่ 50,000 คน กลับมีจำนวนนักรบที่แข็งแกร่งเกือบจะเทียบเท่ากับตระกูลมูนวอร์ดที่มีประชากรมากกว่า 3 ล้านคน ซึ่งมันก็หมายความว่าระดับพรสวรรค์ของสมาชิกภายในตระกูลสกายวิงอยู่ในระดับที่แตกต่างจากตระกูลอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง
“อย่าเอาหลักการทั่วไปมาตัดสินพวกเรา อย่าลืมนะว่าพวกเราคือสกายวิง!” เซี่ยจงไห่กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอันภาคภูมิใจ
“ว่าแต่ทำไมผมถึงเห็นคนอยู่ในเมืองไม่ถึง 10,000 คนเลยล่ะครับ คนส่วนใหญ่ไปไหนหมดเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“แล้วคนส่วนใหญ่จะอยู่บ้านทำไม ถ้าไม่มีอะไรทำนอกจากคนในตระกูลของเราจะมีงานอดิเรกนู่นนี่นั่นให้ทำเยอะแยะแล้ว สมาชิกในตระกูลของเรายังเป็นพวกชอบผจญภัยอีกด้วย สมาชิกในตระกูลของเราจึงกระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งจักรวาล พวกเราจะมารวมตัวกันเฉพาะในตอนที่ตระกูลต้องการความช่วยเหลือเท่านั้นเอง”
“ดูสวนสายลมเป็นตัวอย่าง ปกติแล้วที่สวนมีคุณปู่อู๋เย่กับฉันอยู่กันแค่สองคนเท่านั้นแหละ แล้วนายรู้ไหมว่าฉันไปทำงานที่สมาคมผู้คุมกฎได้ยังไง?” เซี่ยจงไห่กล่าวถาม
เซี่ยเฟยส่ายหัวเป็นคำตอบ
“ทุกคนรู้ดีว่าหากใครต้องเข้าร่วมกับสมาคมพวกเขาจะต้องถูกขังอยู่ที่กลุ่มดาวม้าขาวเป็นเวลานาน มันจึงไม่มีใครอยากจะเข้าไปทำงานในสมาคมกันทั้งนั้น แต่เนื่องมาจากว่ามันต้องมีใครคนหนึ่งเข้าไปทำงานในสมาคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเราจึงใช้วิธีการจับฉลากหาคนซวย” เซี่ยจงไห่กล่าวด้วยใบหน้าที่เหยเก
‘ตระกูลอื่นส่งคนไปทำงานที่สมาคมเพื่ออำนาจและชื่อเสียงของตระกูล แต่สกายวิงใช้วิธีการจับฉลากเพื่อส่งคนไปทำงานที่สมาคมเนี่ยนะ?!’ เซี่ยเฟยกลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมกับคิดขึ้นมาภายในใจ
“แล้วคุณเป็นคนที่จับฉลากได้งั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ก็ใช่น่ะสิ! ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมดวงของฉันถึงซวยขนาดนี้ แต่มันก็ใกล้จะครบรอบ 10 ปีในการทำงานที่สมาคมแล้วล่ะ รอบหน้าฉันจะไม่ซวยจับฉลากได้ไปทำงานที่นั่นอีกแน่ ๆ” เซี่ยจงไห่กล่าวด้วยสีหน้าอันจริงจัง
คำตอบของชายชราถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง และถ้าหากว่าคำพูดนี้ได้แพร่กระจายไปยังคนที่อยากจะทำงานในสมาคมผู้คุมกฎจริง ๆ พวกเขาก็อาจจะรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำบ้า ๆ ของพวกสกายวิง
เมื่อมองไปในระยะไกลชายหนุ่มก็ได้เห็นภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ห่างออกจากเมืองไปประมาณ 30 กิโลเมตร โดยภูเขาลูกนี้สูงชันมากมีอาคารขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา แต่บริเวณโดยรอบต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกปิดกั้นด้วยหน้าผาชัน
“อาคารบนภูเขานั่นคือศูนย์ฝึกสายลมซึ่งเป็นศูนย์ฝึกเพียงแห่งเดียวในตระกูลของเรา มันมีเพียงแค่เด็ก ๆ ที่ถูกคัดเลือกมาเป็นพิเศษเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปฝึกภายในศูนย์ฝึกสายลมได้” เซี่ยจงไห่กล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังอาคารที่อยู่ในระยะไกล
“ด้วยการมีอยู่ของศูนย์ฝึกสายลมและคุณปู่เหล่าสือนี่เอง มันจึงทำให้ในตระกูลของเรามีนักรบชั้นยอดถือกำเนิดขึ้นมาอย่างมากมาย แม้แต่ฉันหรือท่านผู้นำต่างก็ล้วนแล้วแต่เคยเป็นลูกศิษย์ของคุณปู่เหล่าสือมาก่อนด้วยกันทั้งนั้น” เซี่ยจงไห่กล่าวหลังจากหยุดพูดไปสักพัก
เซี่ยเฟยแอบชื่นชมคนที่ชื่อว่าคุณปู่เหล่าสืออยู่ภายในใจ เพราะการที่เขาสามารถฝึกฝนนักรบชั้นยอดขึ้นมาได้เป็นจำนวนมากขนาดนี้ มันก็แสดงว่าชายชราผู้นั้นคงจะต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดา
“ถึงแม้ว่าตระกูลของพวกเราจะให้ความอิสระกับทุกคน แต่มันก็ต้องแลกมากับราคาที่พวกเราจะต้องจ่ายไปด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะเหล่าบรรดาผู้มีพรสวรรค์ของตระกูลจะต้องแบกรับความรับผิดชอบในการปกป้องสมาชิกทุกคนในตระกูลเอาไว้ นักรบทุกคนที่นายได้เห็นในสวนสายลมต่างก็เคยฝึกฝนในศูนย์ฝึกสายลมมาก่อนทั้งนั้น”
“เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเราสามารถจบหลักสูตรจากศูนย์ฝึกได้ เมื่อนั้นทางตระกูลก็จะไม่บังคับอะไรพวกเราอีกต่อไปเว้นแต่ว่าจะมีใครโชคร้ายเหมือนฉันที่ต้องถูกส่งตัวไปทำงานที่สมาคมผู้คุมกฎ” เซี่ยจงไห่กล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น เมื่อเขาได้นึกถึงประสบการณ์ในตอนที่เขายังคงฝึกอยู่ในศูนย์ฝึกสายลม
—
บริเวณทางเข้าศูนย์ฝึกสายลม
เมื่อเซี่ยเฟยเดินทางเข้ามาใกล้ เขาก็ได้พบว่าศูนย์ฝึกแห่งนี้คล้ายกับวัดโบราณที่ถูกสร้างบนภูเขา บริเวณโดยรอบยอดเขาทั้งหมดถูกล้อมรอบด้วยกำแพงอิฐสีแดงสูงประมาณ 3 เมตร ด้านนอกประตูมีต้นสนขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ 2 ต้น ทำให้บรรยากาศของสถานที่แห่งนี้คล้ายกับสถานที่ที่เทพเซียนเอาไว้ฝึกตนในนวนิยายของมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลก
บริเวณด้านในของอาคารมีเสียงเด็ก ๆ ดังขึ้นมาให้ได้ยินอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเซี่ยเฟยก็สันนิษฐานว่าเด็กพวกนั้นก็คงจะเป็นเด็กรุ่นใหม่ของตระกูลสกายวิงที่ได้ถูกรับเลือกให้มาฝึกฝนในสถานที่แห่งนี้
“ฉันขอส่งนายแค่นี้นะ ฝากนายทักทายคุณปู่แทนฉันด้วย” เซี่ยจงไห่กล่าวขึ้นมาเบา ๆ โดยปฏิเสธที่จะเข้าไปภายในศูนย์ฝึกสายลม
“ก่อนไปฉันขอเตือนนายเอาไว้ 2 อย่าง อย่างแรกคุณปู่เหล่าสือชอบเงินมาก และอย่างที่ 2 อย่าไว้ใจคำพูดของเขามากนัก” หลังจากพูดจบราชากฎเซี่ยจงไห่ก็รีบวิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามองศูนย์ฝึกแห่งนี้ด้วยซ้ำ
***************
คุณปู่เหล่าสือเป็นคนยังไงกันแน่นะ? ทำไมปฏิกิริยาของทุกคนเวลาพูดถึงดูแปลกๆ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 273
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น