ตอนที่ 736 สายเลือดของเซี่ยเฟย
ตอนที่ 736 สายเลือดของเซี่ยเฟย
ณ ศูนย์ตรวจสอบพันธุกรรมของบริษัทฟิกส์ภายในเผ่าเทพ
ปัจจุบันเครื่องวิเคราะห์สายเลือดที่ซับซ้อนที่สุดภายในดินแดนกฎ กำลังประมวลผลหลอดเลือดที่ถูกใส่เข้าไปภายในเครื่องอย่างรวดเร็ว และเลือดที่อยู่ในเครื่องวิเคราะห์นี้ก็ไม่ใช่เลือดของใครที่ไหนเลยนอกเสียจากเลือดของเซี่ยเฟย
“สายเลือดระดับ 4 ดาว?” คองกี้ผู้ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ที่กำลังตรวจดูรายงานอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ต่อมาคองกี้ก็เดินเข้าไปเคาะประตูห้องทำงานของแฟรงกิ้น ผู้ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของศูนย์ปฏิบัติการแห่งนี้
“เข้ามา” แฟรงกิ้นกล่าวโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารภายในมือ
“ผู้อำนวยการครับ ผลการวิเคราะห์สายเลือดที่ทางตระกูลสกายวิงขอให้เราตรวจสอบออกผลมาเรียบร้อยแล้วครับ” คองกี้เดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับกล่าวขึ้นมาด้วยความเคารพ
“ผลออกมาแล้วก็ส่งผลวิเคราะห์ไปให้กับพวกเขาสิ จะมารายงานฉันทำไม?” แฟรงกิ้นเงยหน้าขึ้นมามองลูกน้องด้วยความไม่พอใจ
“ผมคิดว่าผลการวิเคราะห์อาจจะมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง” คองกี้กล่าวด้วยความลำบากใจ
“มีอะไรไหนพูดมา?” แฟรงกิ้นกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“จากฐานข้อมูลที่พวกเรามีตระกูลสกายวิงคือผู้ครอบครองสายเลือดระดับ 3 ดาว แต่เลือดของผู้ที่ได้ทดสอบในวันนี้เป็นสายเลือดระดับ 4 ดาว ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานของสายเลือดตระกูลสกายวิง”
“ยิ่งไปกว่านั้นสายเลือด 25% ที่อยู่ในร่างกายของเขาก็เป็นสายเลือดที่ไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูลของเรา เครื่องวิเคราะห์จึงไม่สามารถระบุได้ว่าสายเลือด 25% นั้นสืบทอดมาจากตระกูลไหน” คองกี้กล่าวพร้อมกับส่งรายงานในมือให้แฟรงกิ้น
“มันก็ปกติดีนี่ เขาคือคนที่เดินทางมาจากดินแดนชั้นล่าง และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะไม่มีข้อมูลของสายเลือดพวกนั้นอยู่ แค่ข้อมูลที่ว่าสายเลือด 50% ของเขาเป็นสายเลือดของมนุษย์โลก และสายเลือดอีก 25% ในร่างกายของเขาเป็นสายเลือดของสกายวิง แค่นั้นมันก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ตัวตนของเขาแล้ว” แฟรงกิ้นกล่าวตอบกลับไปหลังจากที่เขาได้อ่านรายงาน
“สายเลือดของตระกูลสกายวิงเป็นเพียงแค่สายเลือดระดับ 3 ดาวนะครับ แต่สายเลือดของเขาเป็นสายเลือดระดับ 4 ดาว สายเลือดของมนุษย์บนดาวโลกจะช่วยเพิ่มระดับสายเลือดของเขาขึ้นมาได้ยังไง?” คองกี้กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นายมาทำงานที่นี่สักพักหนึ่งแล้วใช่ไหม?” แฟรงกิ้นกล่าวถาม
“1 ปีครึ่งแล้วครับ” คองกี้กล่าวตอบ
“มันยังมีเรื่องอีกมากมายที่นายต้องเรียนรู้ ตระกูลสกายวิงมีโครโมโซมพิเศษ YII-734915 ซึ่งเป็นยีนส่งเสริมการใช้พลังความเร็วสูงที่สืบทอดกันแต่เพียงภายในตระกูลของพวกเขาเท่านั้น หากจะพูดให้ถูกจริง ๆ ควรจะบอกว่าสายเลือดของตระกูลสกายวิงเป็นสายเลือดระดับ 3.5 ดาว”
“อีกโครโมโซมหนึ่งของตระกูลสกายวิงคือโครโมโซม HD-889627 ที่มีความสามารถในการกลายพันธุ์ ฉันพูดแค่นี้นายก็น่าจะรู้แล้วนะว่ามันหมายความว่าอะไร?” แฟรงกิ้นกล่าว
“เพราะโครโมโซมที่มีความสามารถในการกลายพันธุ์ มันจึงทำให้ระดับสายเลือดของสกายวิงไม่คงที่สินะครับ นี่ถ้าหากว่ามันเกิดการกลายพันธุ์อย่างสมบูรณ์ บางทีตระกูลของพวกเขาก็อาจจะสร้างสายเลือดระดับ 5 ดาวขึ้นมาได้เลย” คองกี้อุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
แฟรงกิ้นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ท้ายที่สุดสมาชิกทุกคนที่สามารถเข้าสู่บริษัทฟิกส์ได้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี ในสายตาของเขานั้นคองกี้ยังถือว่ามีประสบการณ์น้อย แต่พื้นฐานของอีกฝ่ายก็ค่อนข้างดี ชายหนุ่มคนนี้จึงสามารถค้นหาคำตอบของเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้ว สายเลือดของตระกูลสกายวิงเป็นสายเลือดที่ทรงพลังมาก สายเลือดของพวกเขาไม่เพียงแต่จะมีการส่งทอดพันธุกรรมที่เกี่ยวกับความเร็วเท่านั้น แต่พวกเขายังส่งทอดพันธุกรรมที่สามารถกลายพันธุ์ได้อีกด้วย ความจริงนักรบระดับ 4 ดาวคนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจเลย เพราะในประวัติที่พวกเราเคยบันทึกมาตระกูลสกายวิงก็เคยสร้างสายเลือดระดับ 5 ดาวขึ้นมาแล้ว” แฟรงกิ้นกล่าว
“สายเลือดระดับ 5 ดาว!” คองกี้อุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง เพราะสายเลือดระดับ 5 ดาวถือได้ว่าเป็นสายเลือดชั้นยอดของจักรวาล
“ถึงแม้พวกเราจะวิเคราะห์สายเลือด 25% นั้นไม่ได้ แต่บางทีพวกเขาก็อาจจะได้รับการสืบทอดสายเลือดมาจากตระกูลชั้นล่างที่พวกเราไม่ได้เก็บข้อมูลเอาไว้ ข้อมูลในส่วนนี้ไม่ถือว่ามีความสำคัญอะไร นายส่งรายงานเรื่องนี้กลับไปให้ทางสกายวิงได้เลย” แฟรงกิ้นกล่าว
คองกี้พยักหน้ารับก่อนที่เขาจะกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
—
ณ สวนสายลมภายในกลุ่มดาวม้าขาว
เซี่ยเฟยกำลังนั่งรอผลตรวจเลือดอย่างหดหู่ใจ เพราะเขารู้ดีว่าตัวเองเป็นมนุษย์โลก และถ้าหากว่าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะอธิบายกับคนของสกายวิงว่ายังไงดี
พูดตามตรงว่าชายหนุ่มค่อนข้างชอบกลุ่มคนบ้าตระกูลนี้มาก และมันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับได้เป็นสมาชิกของตระกูลสกายวิงจริง ๆ มันจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายถ้าหากว่าเขาจะต้องออกจากตระกูลแห่งนี้ไป
“ฉันไม่คิดเลยนะว่านายจะมีสายเลือดของสกายวิงแบบนี้ ตอนแรกฉันคิดว่า…” โอโร่กล่าวขึ้นมาก่อนที่เขาจะชะงักค้างไปเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงกล่าวต่อว่า
“เรื่องนั้นช่างมันไปเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้นายก็มีครอบครัวที่คอยสนับสนุนในดินแดนแห่งนี้แล้ว มันดีกว่าตอนแรกที่นายอยู่ในดินแดนนี้เพียงตัวคนเดียวด้วยซ้ำ นี่ถ้าหากไม่ใช่เพราะความจริงเปิดเผยออกมาว่านายคือคนของสกายวิง ฉันก็คิดที่จะชวนนายเข้าไปอยู่ในตระกูลของฉันจริง ๆ จัง ๆ แล้วด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อนายคือคนของสกายวิง มันก็ไม่มีทางที่นายจะมาเข้าร่วมกับตระกูลของฉันได้หรอก”
“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับสกายวิงบ้าง?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยความสับสนเมื่อได้เห็นท่าทางที่ดูหงุดหงิดของโอโร่
“พูดตามตรงว่าฉันไม่ค่อยชอบตระกูลสกายวิงเท่าไหร่นัก เพราะพวกเขาคือนักรบของทางฝั่งเทพที่ทรงพลังมาก โดยทางฝั่งเทพจะตั้งฉายาให้กับตระกูลหลักของพวกเขาว่าดาบต่าง ๆ และชื่อเล่นของตระกูลสกายวิงก็คือดาบคลั่งที่ถูกปิดผนึก” โอโร่กล่าวด้วยสีหน้าอันขมขื่น
“ดาบคลั่งที่ถูกปิดผนึก?”
“ใช่ การที่พวกเขาตั้งชื่อเล่นให้กับตระกูลของนายว่าดาบคลั่ง มันก็อาจจะเป็นเพราะนิสัยบ้า ๆ ที่เป็นนิสัยประจำตัวของคนในตระกูลสกายวิง ในความเห็นของฉันสกายวิงคือดาบเล่มที่คมที่สุดในบรรดาดาบของเผ่าเทพทั้งหมด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมันได้มีสมาชิกในตระกูลของฉันตายภายใต้เงื้อมมือของนักรบสกายวิงเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน”
“ความจริงแล้วพวกเราก็ควรจะเป็นศัตรูกันด้วยซ้ำ แต่ในตอนนี้พวกเรากลับเป็นพันธมิตรกันซะได้…”
เมื่อพูดถึงความแข็งแกร่งของตระกูลสกายวิงในสนามรบ โอโร่ก็เหมือนจะมีความกลัวแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขาเล็กน้อย คล้ายกับว่าเขามีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีกับตระกูล ๆ นี้ในช่วงก่อนที่เขาจะถูกปิดผนึก
“ผมเป็นมนุษย์โลกไม่ใช่คนจากตระกูลสกายวิงสักหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ ก่อนที่เขาจะหยุดคิดไปเล็กน้อยและกล่าวถามขึ้นมาว่า
“สกายวิงเป็นนักฆ่าที่น่ากลัวที่สุดของเผ่าเทพงั้นเหรอ?”
“จะเรียกว่านักฆ่ามันก็ไม่ถูก ปกตินักฆ่าจะโดดเด่นในเรื่องการลอบสังหาร แต่สกายวิงเป็นพวกลงมือสังหารอย่างโจ่งแจ้ง ตระกูลของนายเป็นตระกูลที่น่ารำคาญที่สุดในสนามรบแล้ว ครั้งหนึ่งคนจากตระกูลนอฟฟี่เคยสังหารจักรพรรดิกฎจากตระกูลของนายไป แล้วนายรู้ไหมว่าผลลัพธ์หลังจากนั้นมันเป็นยังไง?”
“ตระกูลนอฟฟี่ทั้งตระกูลถูกคนของสกายวิงตามล่าอยู่ 7 ปีเต็ม ๆ พวกสกายวิงเป็นเหมือนกับหมาป่าทีไล่ล่าเหยื่ออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และพวกเขาก็จะไม่หยุดจนกว่าจะจัดการกับศัตรูของตัวเองได้สำเร็จ”
“ในท้ายที่สุดตระกูลนอฟฟี่ทั้งตระกูลก็ถูกถอนรากถอนโคนเหลือเพียงแค่ผู้หญิง, เด็กและคนแก่เท่านั้น ตระกูลสกายวิงถึงได้ยอมถอนตัวกลับไปไม่เอาเรื่องตระกูลนอฟฟี่อีก”
ชายหนุ่มแบะริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อย เพราะโอโร่ไม่เพียงแต่จะไม่ชอบตระกูลสกายวิงเท่านั้น แต่มันยังดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อว่าเซี่ยเฟยคือสมาชิกของตระกูลสกายวิงอีกด้วย
แต่ในทันใดนั้นเองจู่ ๆ บานประตูก็ถูกเปิดออก ก่อนที่เซี่ยจงไห่จะเดินเข้ามาภายในห้อง
“ท่านผู้นำเรียกนายไปหา”
เซี่ยเฟยสามารถรับรู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้ผลตรวจเลือดของเขาน่าจะออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และความจริงก็คงจะถูกเปิดเผยออกมาในไม่ช้า
‘อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ ก่อนที่เขาจะเดินตามเซี่ยจงไห่ไปยังสวนหลังบ้านที่เซี่ยบูหยุนอาศัยอยู่
ภาพที่ชายหนุ่มเห็นคือนักรบชั้นยอดของตระกูลได้มารวมตัวกันที่สวนอันกว้างใหญ่แห่งนี้ โดยบางคนกำลังเล่นเกม บางคนกำลังอ่านหนังสือ บางคนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งผิดพลาดของการรบในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งดูค่อนข้างจะเป็นอิสระแตกต่างจากในตอนที่พวกเขาอยู่ในสนามรบอย่างสิ้นเชิง
เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นเซี่ยเฟยเดินทางมาถึง ทุกคนก็หยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ในปัจจุบัน ก่อนที่ทุกคนจะทักทายชายหนุ่มอย่างเป็นกันเอง เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องทักทายทุกคนกลับไปด้วยความเคารพ
หลังจากเปิดประตูเข้าไปภายในห้องประชุม ชายหนุ่มก็ได้เห็นเซี่ยบูหยุนกับเซี่ยเทียนกำลังนั่งข้างกันเพื่ออ่านเอกสารชุดหนึ่งอยู่ และเมื่อพวกเขาได้เห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาภายในห้องแล้ว พวกเขาก็ส่งเอกสารให้เซี่ยเฟยอ่านด้วยตัวเอง
สิ่งแรกที่ชายหนุ่มเห็นคือโลโก้ของบริษัทฟิกส์บนเอกสาร ซึ่งช่วยยืนยันให้ทุกคนได้มั่นใจว่าเอกสารฉบับนี้ได้บันทึกข้อมูลที่เชื่อถือได้ในระดับที่สูงมาก
“สายเลือดตระกูลสกายวิง 25%!!” เซี่ยเฟยอุทานด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง เพราะเขาไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่าในตัวของเขาจะมีสายเลือดของสกายวิงอยู่จริง ๆ
เขาคิดมาโดยตลอดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้าจากดาวโลก แล้วเขามีสายเลือดสกายวิงภายในร่างถึง 25% ได้ยังไง
“ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่านายคือลูกหลานของตระกูลสกายวิงจริง ๆ และถึงแม้ว่านายจะมีสายเลือดเพียงแค่ 1 ใน 4 แต่นายก็คือคนของสกายวิงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย” เซี่ยบูหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เซี่ยเฟยกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดที่สับสนมาก แต่ก่อนที่เขาจะถามว่าพ่อแม่ของเขาเป็นใครผู้นำตระกูลสกายวิงก็ได้กล่าวขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้าหากว่ามีคำถามพวกเราค่อยมาคุยกันทีหลัง ตอนนี้มันยังเหลือเวลาอีกเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้นก่อนที่การต่อสู้ครั้งสำคัญจะเริ่มต้นขึ้น ดังนั้นนายจะต้องเตรียมตัวไปฝึกพิเศษตั้งแต่ตอนนี้เลย”
***************
ในที่สุดพี่เฟยก็ได้เจอครอบครัวของตัวเองจริงๆสักที
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 249
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น