บทที่ 5

-A A +A

บทที่ 5

บทที่ 5

 

     นพพลและต้นสนทักทายกันตามมารยาท ก่อนที่ทางนพพลจะหันมาแนะนำผู้เป็นลูกชายที่ยื้นเยื้องอยู่ด้านหลังตนเอง

     “นี่วินลูกชายผมเองครับ เห็นเด็กๆ แบบนี้ แต่เชี่ยวชาญการใช้ CMS มากครับ เพราะแบบนี้ผมเลยชวนมาด้วย วินไหว้คุณต้นสนสิลูก” ประโยคท้าย นพพลหันมาเอ่ยกับเด็กหนุ่ม

     วินยกมือไหว้ชายวัยกลางคนอย่างสุภาพ “สวัสดีครับคุณต้นสน”

     ทางผู้ถูกไหว้รีบยกมือขึ้นรับ ก่อนจะเอ่ยอย่างคนอัธยาศัยดีว่า “ไม่ต้องเรียกคงเรียกคุณก็ได้ เธอเรียกอาว่าอาสนดีกว่า เราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกร”

     “ครับอาสน” วินเอ่ยรับง่ายๆ

     “เอ้า คุยกันจนลืมเชิญนั่งเลย” ต้นสนทำหน้านึกขึ้นได้ ก่อนจะรีบย้ายหนังสือพิมพ์รวมถึงเอกสารต่างๆ ที่วางอยู่อย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบนักไปไว้ที่มุมโต๊ะด้านหนึ่ง “เชิญคุณนพพลแล้วก็หนูวินนั่งก่อนครับ ไม่ทราบว่าอยากจะดื่มอะไรกันก่อนหรือเปล่า ผมจะได้บอกคุณสายใจนำมาให้?”

     สองพ่อลูกเดินไปนั่งที่โซฟาตามคำเชิญ “ไม่เป็นอะไรครับคุณสน ผมกับลูกชายเพิ่งทานข้าวตอนก่อนออกมาจากบ้านนี่เองครับ” นพพลเอ่ยปฏิเสธ

     “ไม่ได้ๆ มาบ้านผมทั้งที อย่างน้อยๆ ก็รับเครื่องดื่มไว้จิบตอนคุยกันก็ยังดี มีหมดนะจะดื่มอะไรกันบ้าง กาแฟก็มี โกโก้ก็มี บอกได้เลยไม่ต้องเกรงใจ หรือจะดื่มพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ได้” ผู้เป็นเจ้าบ้านคะยั้นคะยอ จนคนเป็นแขกทำใจปฏิเสธไม่ลง

     “ถ้างั้นผมรบกวนขอเป็นกาแฟสักแก้วก็แล้วกันครับ” นพพลพูดขึ้นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจ

     “แล้วหนูวินล่ะ รับอะไรดี? บอกได้เลยนะ มาบ้านอาทั้งที” ต้นสนหันไปถามเด็กหนุ่ม

     “งั้นผมขอเป็นโกโก้ก็ได้ครับคุณอา” วินเอ่ยตอบ ปรกติหากไม่ใช่ช่วงบ่ายเขาจะไม่กินกาแฟช่วงเช้าอยู่แล้ว

     “งั้นเดี๋ยวคุณช่วยจัดการให้ด้วยนะ เอากาแฟมาเผื่อผมด้วยแก้วหนึ่ง” ต้นสนหันไปเอ่ยกับภรรยาที่เดินปัดฝุ่นอยู่อีกด้านหนึ่งของห้องรับแขก

     “ได้ค่ะคุณ” สายใจรับคำ “รบกวนคุณนพพลกับหนูวินรอสักครู่นะคะ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยบอกผู้เป็นแขก ก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้คนในห้องพูดคุยกันต่อ

     วินถือเอาโอกาสนั้นหยิบเอกสารหลายชุดออกมาจากกระเป๋าที่ถือติดมือมา แล้วทะยอยวางไว้ตรงหน้าของผู้เป็นบิดาและต้นสน โดยเหลือเอกสารอีกส่วนหนึ่งไว้ที่ตัวเอง

     ต้นสนนำเอกสารขึ้นมาเปิดดู ก่อนจะวางลงแล้วเริ่มเอ่ย “ผมสนใจใน CMS ตัวนี้ครับ เพราะเท่าที่ดู CMS ตัวนี้เป็นตัวที่คนนิยมใช้กันมาก คิดว่าการใช้งานไม่น่าจะยาก แต่ไม่รู้ว่าจะเหมาะกับตัวเว็บที่ผมอยากจะทำหรือเปล่า” เขาชี้ลงไปตรงข้อมูลที่สนใจ

     สองพ่อลูกก้มดูข้อมูลในเอกสารเล็กน้อย ก่อนที่นพพลจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นว่า “เท่าที่ผมดูตัวนี้พัฒนาง่ายครับ ปลั๊กอิน (*2) ก็เยอะ สามารถต่อยอดได้ง่าย แต่ด้วยโปรเจกต์ของคุณต้นสนค่อนข้างเฉพาะและซับซ้อน ผมคิดว่าถ้าจะใช้ตัวนี้ทำก็คงทำได้ แต่จะใช้เวลานานพอสมควรเลยครับ เพราะพื้นฐานของ CMS ตัวนี้ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ดังนั้นเมื่อนำมาใช้กับงานที่เฉพาะทางและซับซ้อน เลยต้องเขียนโค้ดใหม่ค่อนข้างเยอะ”

     **ปลั๊กอิน (Plugin) คือส่วนเสริมของ CMS มีไว้สำหรับเพิ่มการทำงาน หรือความสามารถของ CMS ให้ทำงานได้มากขึ้นหรือกว้างขึ้น**

     วินอ่านข้อมูลโปรเจกต์ที่ต้นสนส่งมาให้บิดาเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนอยู่ครู่หนึ่ง เขามองดูรายละเอียดคร่าวๆ แล้วพูดเสริม

     “เท่าที่ผมดู ตัวเว็บที่คุณอาต้องการจะเป็นเว็บสำหรับเก็บข้อมูลของสมาชิกในบริษัททั้งหมด นอกจากนี้ยังรวมถึงใช้เป็นเว็บนำเสนอข้อมูลของบริษัทด้วย ซึ่งบางข้อมูลถือว่าเป็นข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลที่ค่อนข้างสำคัญ ดังนั้นผมเลยคิดว่า CMS ตัวที่คุณอาเลือกน่าจะไม่ตอบโจทย์กับงานนี้ครับ เพราะถ้าจะใช้ตัวนี้ทำจริงๆ ก็เหมือนกับที่คุณพ่อผมอธิบาย ว่ามันต้องนำมาพัฒนาต่อเยอะมาก ซึ่งก็ต้องใช้เวลานาน ผมเลยอยากจะแนะนำให้คุณอาเปลี่ยนมาเป็นตัวนี้แทนครับ” วินขยับเอกสารที่เปิดหน้าที่ต้องการเอาไว้ไปให้อีกฝ่ายดู

     ต้นสนดูข้อมูลตามที่เด็กหนุ่มแนะนำ ขณะที่ในใจก็ลอบชื่นชมตัวของเด็กหนุ่มไปด้วย ทีแรกตอนที่นพพลบอกว่าลูกชายของเขามีความรู้ในเรื่อง CMS ยอมรับเลยว่า ตัวของต้นสนเองยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เมื่อพิจารณาจากท่าทางและคำพูด สงสัยเรื่องที่เด็กหนุ่มตรงหน้าเชี่ยวชาญทาง CMS จะเป็นความจริง

     “อาว่าตัวนี้มันซับซ้อนเกินไปหรือเปล่า? อากลัวพนักงานของอาจะใช้เจ้าตัวนี้ไม่ได้น่ะสิ” ต้นสนดูข้อมูลแล้วรู้สึกว่าตัวที่เด็กหนุ่มเสนอมามันใช้งานยากเกินไป

     “ที่คุณสนดูมันอาจยากไปบ้าง แต่ถ้าพนักงานคนนั้นเคยใช้งาน CMS ตัวอื่นมาก่อน การที่จะเริ่มต้นกับตัวนี้ก็ไม่ยากเท่าไหร่ครับ ใช้เวลาทำความคุ้นเคยสักอาทิตย์ก็ใช้งานได้แล้ว” นพพลเอ่ยตอบแทนลูกชาย

     “อย่างที่คุณพ่อบอกเลยครับ” เด็กหนุ่มเอ่ย “ถึงแม้ตัวนี้จะใช้งานยากไปบ้าง แต่ความสามารถกว้างมากเลยครับ นอกจากจะจัดการเนื้อหาที่ซับซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพ CMS ตัวนี้ยังมีจุดเด่นเรื่องความปลอดภัยมากกว่า CMS ตัวอื่นๆ ด้วย ถ้าใช้ตัวนี้ เราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อมูลของบริษัทจะรั่วไหล อีกทั้งตัวนี้ยังใช้เวลาพัฒนาน้อยกว่าตัวที่แล้วด้วยครับ เพราะตัวนี้ความสามารถเดิมก็ดีอยู่แล้ว”

     ต้นสนครุ่นคิดอยู่นาน “พอมีตัวไหนที่ความสามารถใกล้เคียงกัน แต่ใช้ง่ายกว่านี้มั้ยครับ?”

     “ก็พอมีครับ” นพพลเอ่ยขึ้นบ้าง “แต่ตัวนั้นถ้าทำเว็บเสร็จไปแล้ว หากเราจะพัฒนาเพิ่มเติม จะทำได้ยากมากครับ เพราะถ้าเราไปกระทบกับโครงสร้างของเว็บเข้า ตัวเว็บก็อาจถึงคราวใช้งานไม่ได้ไปเลย ซึ่งเราก็ต้องทะยอยแก้ปัญหากันอีก แต่ถ้าคุณสนมั่นใจว่า หากเว็บไซต์เสร็จแล้ว จะไม่ต่อยอดหรือพัฒนาเพิ่มเติม เราใช้ตัวนั้นทำก็ได้ครับ” ชายวัยกลางคนอธิบาย พลางชี้ให้อีกฝ่ายดูข้อมูลของ CMS ตัวที่พูดถึงไปด้วย

     ระหว่างนั้นสายใจก็ถือถาดเครื่องดื่มเข้ามาภายในห้อง เธอนำแก้วเครื่องดื่มวางเอาไว้ให้แต่ละคน ก่อนจะขอตัวเดินออกไป เพื่อไม่ให้เป็นการขัดวงสนทนา เพราะตัวเธอเองไม่มีความรู้ในด้านนี้เลย อยู่ไปเธอก็ฟังไม่เข้าใจ

     ต้นสนยกกาแฟขึ้นจิบแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเป็นอย่างที่คุณนพพลว่ามา ถ้างั้นผมเลือกใช้ CMS ตัวที่หนูวินเสนอมาก็แล้วกันครับ ส่วนเรื่องการใช้งาน ผมค่อยไปให้พนักงานศึกษาเพิ่มเติมอีกที”

     นพพลวางแก้วที่เพิ่งยกขึ้นจิบแล้วพูดขึ้น “ถ้าตกลงใช้ตัวนี้ ผมจะใช้เวลาทำราวๆ สองเดือนนะครับ เพราะตัวโปรเจกต์มีรายละเอียดเยอะมาก ถึงจะใช้ CMS ตัวนี้เป็นพื้น แต่ก็ยังต้องพัฒนาเพิ่มอีกหลายส่วน ไม่ทราบว่าคุณสนคิดเห็นยังไงบ้างครับ?”

     “ผมไม่มีปัญหาอะไรครับ ขอแค่ให้เว็บออกมาดีก็พอใจแล้วครับ” ต้นสนเอ่ยตอบ

     คนทั้งสามใช้เวลาพูดคุยรายละเอียดในเชิงลึกไปจนเกือบเที่ยงวันจึงแล้วเสร็จ ช่วงท้ายๆ จะเป็นผู้ใหญ่ทั้งสองคุยกันซะมากกว่า วินเห็นแบบนั้นจึงถือโอกาสขอตัวนำกระเป๋าเอกสารออกมาเก็บไว้ที่รถก่อน

 

     ระหว่างที่เขากำลังจะเดินเลี้ยวผ่านออกจากมุมบ้านไปที่โรงจอดรถ ด้วยเหลี่ยมบ้านบดบังสายตา ประกอบกับที่ไม่ทันระวัง ทำให้เขาเดินไปชนกับใครบางคนเข้าอย่างจัง เพราะความแรงทำให้กระเป๋าเอกสารที่เขาถือมาหลุดมือลงไปกองอยู่กับพื้น ส่วนตัวเขาสามารถใช้มืออีกข้างคว้าจับเหลี่ยมบ้านไว้ได้ทัน เลยแค่เซถอยหลังไปไม่กี่ก้าว

     ทว่าอีกคนดูเหมือนจะไม่โชคดีอย่างเขา ด้วยขนาดร่างกายที่เล็กกว่า ทำให้ฝ่ายนั้นเซถลาออกไปทางด้านกระถางดอกไม้อย่างช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากวินไม่ทำอะไร อีกฝ่ายคงต้องล้มทับกระถางดอกไม้เป็นแน่

     เด็กหนุ่มรีบพุ่งตัวไปรั้งร่างเล็กกว่าเอาไว้ แต่เพราะเขาเองก็ยังตั้งหลักได้ไม่มั่นคงมากพอ ดังนั้นทั้งคู่จึงล้มลงไปด้วยกัน โดยมีร่างเล็กกว่าทาบทับอยู่ด้านบนตัววิน

     จมูกของทั้งสองคนอยู่ห่างกันไม่เกินสิบนิ้ว วินและเด็กสาวอีกคนเบิกตากว้างอย่างตกใจและคาดไม่ถึง ทั้งคู่ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เจอกันในวันนี้

     “วิน / แพม!”

     เด็กหนุ่มและเด็กสาวอุทานขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนที่ตัวเด็กสาวจะแก้มขึ้นสีอย่างไม่รู้ตัว แพมรีบขยับตัวลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยถาม

     “วินมาบ้านแพมได้ยังไง?”

     เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยตอบ “เรามากับพ่อเรา พอดีพ่อเราแวะมาคุยงานกับคุณต้นสน”

     เด็กสาวทำหน้าประหลาดใจ “มาคุยงานกับพ่อเราเหรอ?”

     “ใช่” เขาเอ่ยพร้อมกับเดินไปเก็บกระเป๋าเอกสารที่ตกอยู่ไม่ไกล “เราขอโทษนะ พอดีเราไม่ทันดู เลยเดินไปชนแพมเข้า แพมเป็นอะไรหรือเปล่า?”

     เด็กสาวปัดฝุ่นออกจากกางเกงพลางส่ายหน้า “เราไม่เป็นไร ว่าแต่วินเถอะ ล้มใส่พื้นปูนเต็มๆ เลย เป็นยังไงบ้าง?”

     “เราไม่เป็นอะไรเหมือนกัน” วินตอบ

     ระหว่างที่เด็กสาวกำลังจะเอ่ยปากชวนเด็กหนุ่มคุยต่อ นพพลก็เดินออกมาจากตัวบ้าน โดยมีต้นสนเดินมาพร้อมกัน

     “อ้าวทั้งสองคน เจอกันนานหรือยังล่ะ ทำความรู้จักกันบ้างหรือยัง?” ต้นสนเอ่ยถาม เมื่อหันมาเห็นลูกสาวตัวเองยืนอยู่กับเด็กหนุ่ม

     “เรารู้จักกันแล้วค่ะพ่อ วินกับแพมเรียนที่เดียวกัน” เด็กสาวเอ่ยตอบผู้เป็นพ่อ

     “อ้าวเหรอ?” ต้นสนมีสีหน้าประหลาดใจ “โลกของเรามันกลมจริงๆ นะเนี่ย”

     “จริงครับ” นพพลพูดยิ้มๆ “ผมก็ไม่คิดว่าตาวินจะมาเจอเพื่อนที่นี่เหมือนกัน”

     “ตกลงคุณนพพลจะไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนจริงๆ เหรอครับ? ยังไงเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน หนูวินกับลูกสาวผมก็เป็นเพื่อนกัน กว่าจะไปถึงบ้านก็ใช้เวลาไม่น้อยเลย” ต้นสนเอ่ยชวน ที่จริงตอนอยู่ในห้องรับแขกเขาก็เอ่ยชวนไปแล้วรอบหนึ่ง แต่อีกฝ่ายปฏิเสธ เขาคิดว่าฝ่ายนั้นคงเกรงใจ เลยไม่กล้าอยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน แต่ในเมื่อเด็กๆ ก็รู้จักกันแล้ว เขาเลยลองชวนอีกครั้ง

     “ขอบคุณมากๆ เลยครับ แต่ต้องขอโทษจริงๆ พอดีภรรยาผมรอทานข้าวอยู่ที่บ้านแล้วครับ ถ้าไม่กลับไปเดี๋ยวถูกบ่นหูชา” นพพลเอ่ยปฏิเสธอย่างมีมารยาท

     “ไม่เป็นอะไรครับ โอกาสหน้ายังมี” ต้นสนเอ่ยอย่างเข้าใจ

     “งั้นเราไปแล้วนะ” วินเอ่ยลาเด็กสาวร่วมห้องเรียน

     “อื้ม แล้วเจอกันที่ห้องเรียนนะ” แพมเอ่ยตอบ แววตาฉายแววผิดหวังเล็กน้อย

     “โอเค” เขาเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะหันไปยกมือไหว้ต้นสน “คุณอาครับ ผมกลับก่อนนะครับ”

     “เดินทางปลอดภัย แล้วเจอกันใหม่ ยังไงที่โรงเรียน อาฝากดูแลยายแพมด้วยนะ” ต้นสนเอ่ยกับชายหนุ่มยิ้มๆ

     เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองร่ำลากันอีกเล็กน้อย นพพลก็นำรถเคลื่อนออกจากตัวบ้านไป เหลือเอาไว้เพียงเด็กสาวและผู้เป็นพ่อ

     “ไปลูก เราไปทานข้าวกัน เดี๋ยวแม่เค้ารอนาน” ต้นสนเอ่ยชวนลูกสาว ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน

     เด็กสาวทอดมองออกไปบริเวณหน้าประตูบ้านอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะมีเสียงพี่ชายของเธอเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลัง

     “มองตาละห้อยเชียวนะแก รู้จักไอ้หมอนั่นด้วยเหรอ?”

     เด็กสาวสดุ้งน้อยๆ แต่ก็รีบเอ่ยแก้ตัวออกไป “มองตาละห้อยอะไรพี่ก้อง แพมแค่ยืนคิดอะไรไปเรื่อยเฉยๆ ส่วนคนเมื่อกี้เค้าเป็นเพื่อนร่วมห้องของแพมเอง พี่ก้องมีอะไร รู้จักวินด้วยเหรอ?”

     “เปล่า” ก้องเกียรติตอบห้วนๆ “ก็แค่เคยเจอผ่านๆ” เขาพูดแล้วหันตัวเดินเข้าไปในตัวบ้าน ปล่อยให้เด็กสาวมองตามอย่างงงๆ

     “อะไรของพี่ก้องเนี่ย?” เด็กสาวพึมพำ ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้านเป็นคนสุดท้าย

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ Racss

เริ่มน่าสนใจแล้วสิ
รอติดตามต่อนะคะ

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.