ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง

ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง
คุณกำลังอ่าน: ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง

-A A +A

ข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง

Tags: 

 

 

“ท่านแม่อาจจะไม่ยอมรับ แต่ตั๋วเงินที่ท่านนำไปจ่ายค่าช่างทุกแผ่นมีสลักตราของตระกูลมารดาข้าไว้อยู่ หากไปถามพวกเขาต้องได้รู้แน่ขอรับว่าข้าพูดจริงหรือไม่” ตระกูลของเจ้าของร่างเดิมนั้นยิ่งใหญ่ไม่น้อย ถึงแม้เขาจะเป็นเกอแต่ก็เป็นถึงบุตรของฮูหยินคนแรกของผู้นำตระกูลอวิ้น สินเดิมของเขาที่จะต้องรับต่อจากมารดาย่อมมีไม่น้อย แต่อวิ้นซีคนเดิมยังมีน้องชายมารดาเดียวกันอีกหนึ่งคน จึงขอรับสินเดิมมาเพียงเล็กน้อย ที่เหลือเอาไว้ให้น้องชายแต่งภรรยา แต่ที่อวิ้นซีคิดนั้นง่ายดายจนเกินไป เขาเพียงถูกหลอกจากแม่เลี้ยงของเขาเท่านั้น สินเดิมของเขาอย่างไรก็ไม่น้อยขนาดนี้ คิดว่ามารดาเลี้ยงคงแอบขโมยสินเดิมเอาไว้เป็นแน่ ซ้ำยังถูกหลอกให้แต่งมาไกลเช่นนี้กับบุรุษโง่เขลา อวิ้นซีคนเดิมยอมรับได้แต่เขาไม่ เอาไว้เขาตั้งตัวได้ก่อน สินเดิมส่วนที่เป็นของเขาย่อมนำมันกลับคืนมา ส่วนตอนนี้ต้องจัดการกับแม่สามีตรงหน้านี้ก่อน

 

“เจ้าพูดมั่วซั่ว ตั๋วเงินมันก็เหมือนกันทั้งหมดเจ้าจะกล่าวหาข้าได้รึ” แม่โจร้อนตัวอย่างยิ่ง แต่อย่างไรตนไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด เงินก็ใช้ไปหมดแล้วจะหามาคืนได้รึ อวิ้นซีเป็นเพียงเกอไร้ราคาที่ฮูหยินตระกูลอวิ้นมอบเขา ให้แต่งกับบุตรชายโง่ของแม่โจเท่านั้น เงินนั่นแม่โจคิดจะเอามาใช้ก็ไม่เห็นว่าจะผิดตรงไหน พวกเขาจะทำอะไรได้เล่า โดยที่แม่โจเองไม่เคยรู้เลยว่าเกอไร้ราคาที่ว่านี่เป็นถึงบุตรคนโตของแม่ทัพอวิ้นผู้ยิ่งใหญ่

 

“มันคงไม่แปลกหากตั๋วเงินนี้ถูกใช้ที่นครหลวง หากแต่เป็นเมืองหยานที่ยากจนเช่นนี้ การใช้ตั๋วเงินแบบนี้ตรวจสอบไม่ยาก ข้าขอถามท่านแม่ไปมีตั๋วเงินมาจากไหนมากถึงสองร้อยตำลึงเล่าขอรับ หากข้าไปแจ้งทางการว่าตั๋วเงินข้าหายท่านแม่จะว่าเช่นไรเล่า พี่ใหญ่เล่าจะรับได้รึไม่หากเรื่องมาถึงตน” แม่โจเป็นเพียงเกอเฒ่าในชนบท ไม่ได้มีงานทำอะไร ถึงแม้จะมีบุตรชายถึงสี่คน พี่ใหญ่ก็ไม่คิดจะทำงาน พี่รองก็รับจ้างทั่วไป น้องสี่ดีหน่อยคือได้ทำงานเป็นช่างไม้กับเถ้าแก่จ้าว ส่วนสามีของเขานั้นแม้จะเป็นคนโง่เขลา แต่ก็มีกำลังมากกว่าผู้อื่นข้าวที่ปลูกในนาของตระกูลโจส่วนใหญ่มาจากแรงกายของเขา หากรายได้ทุกคนหักค่าใช้จ่ายแล้วไม่มีทางมีเงินถึงสองร้อยตำลึงแน่ ซ้ำยังเป็นตั๋วเงินนี่ยิ่งน่าสงสัย ซ้ำยังมีเงินที่แบ่งลูกๆอีกรวมๆแล้วก็สามร้อยตำลึงทอง มันมากเกินไปจริงๆ พวกเขาจะยอมรับผลที่ตามมาได้หรือไม่

 

“เจ้า เจ้าสามเจ้าเป็นสามีประสาอะไรถึงไม่ห้ามเมียเจ้า ปล่อยให้เมียเจ้ามาข่มเหงแม่ขนาดนี้” แม่โจกรุ่นโกรธยิ่งนัก ไม่คิดว่าลูกสะใภ้หัวอ่อนในอดีตอย่างอวิ้นซีจะกล้าพูดจาต้อนนางจนจนมุมเช่นนี้ จึงหันไปต่อว่าบุตรชายคนที่สามเสียงดัง เขาคลอดตัวโง่งมคนนี้มาได้อย่างไรนะ แม้แต่เมียมันยังควบคุมไม่ได้เช่นนี้

 

“คือ ข้า” โจอันเฉิงลังเล เมื่อถูกท่านแม่ของตัวเองด่ากราด เขาหดหัวด้วยความกลัว ท่านแม่มักตีเขาเมื่อเขาไม่ได้ดั่งใจ

 

“ท่านพี่ตอนนี้ท่านแม่เลือกจะอยู่กับพี่ใหญ่แล้ว เขาเลือกตัดขาดท่าน ตอนนี้ท่านเหลือแต่ข้าแล้ว ข้าจะปกป้องท่าน และเลี้ยงดูท่านเอง” อวิ้นซีมองใบหน้าที่หล่อเหลานั่นช่างเสียของนัก ดูท่าแล้วแม่โจคงเลี้ยงเขาโตมาด้วยการทุบตีเป็นแน่ โจอันเฉิงถึงได้มีท่าทีดังคนโง่เช่นนี้ อย่างไรเขาก็เป็นสามีของเจ้าของร่าง และไม่ได้ทำร้ายอันใดเจ้าของร่างเดิม โจอันเฉิงดีต่อภรรยามากด้วยซ้ำ เห็นแก่ความหล่อของเขาอวิ้นซีตัดสินใจว่าต่อไปนี้เขาจะเลี้ยงดูสามีผู้นี้เอง

 

“ข้าเชื่อเจ้า ภรรยาข้า” โจอันเฉิงมองเข้าไปในดวงตาที่งดงามของภรรยา เขากลับรู้สึกเชื่อมั่นในภรรยาของเขายิ่งขึ้น ภรรยาบอกจะเลี้ยงดูเขา โจอันเฉิงก็จะเชื่อภรรยา

 

“เจ้า เจ้าลูกอกตัญญู ข้าเลี้ยงดูเจ้ามาตั้งเท่าไหร่ เพียงแค่เมียเจ้าพูดกรอกหูนิดหน่อยก็เชื่อแล้วรึ” แม่โจเงื้อมือจะตบตีบุตรชายโง่เง่าของตน คนโง่เช่นเจ้าสามกล้าไม่ฟังเขารึ แม่โจจะตีมันให้หลาบจำ

 

“หยุดนะ เมื่อครู่ท่านเองเป็นคนเอ่ยตัดขาดพวกเขา ท่านจะยังถามหาความกตัญญูอีกรึ พูดมาพวกท่านจะชดใช้สินเดิมของข้าคืนอย่างไร ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปถามหาความยุติธรรมที่ศาลในเมือง” อวิ้นซีดึงร่างใหญ่ของสามีมาอยู่หลังตนเองเพื่อปกป้องเขาจากแม่โจที่คิดจะทำร้ายเขา คิดจะลงมือกับคนของเขามันไม่ง่ายนัก ก่อนที่เขาจะลำคาญแม่โจไปมากกว่านี้ อวิ้นซีจึงพูดตัดบทขึ้นมาให้รีบจบๆ ไป แต่เขาพูดจริงๆนะหากไม่ได้ของคืนเขาจะไปร้องที่ศาลจริงๆ

 

พุบ

 

“เจ้า เจ้า” แม่โจที่กำลังกางมืออยู่ถึงกับทรุดลงทันที สะใภ้สามถึงกับกล้าขู่เขาว่าจะไปฟ้องศาลเลยรึ แค่ได้ยินคำว่าศาลแม่โจก็รู้สึกกลัว หากแพ้ขึ้นมาไม่ใช่แค่ถูกปรับมากมาย คดีแบบนี้ยังสร้างความอับอายให้แก่ตนเองเป็นอย่างมาก แม่โจถึงกับพูดไม่ออก

 

“น้องสะใภ้สามเจ้าใจเย็นๆ เสียก่อน มีอะไรค่อยๆ คุยกันได้ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตเลย” โจต้าออกมาไกล่เกลี่ย เขาไม่อยากให้เรื่องไปถึงศาลนัก หากผู้คนรู้เข้าเขายังจะมีหน้าอยู่ในหมู่บ้านได้รึ ไม่สิถึงขั้นต้องหนีออกจากเมืองหยานไปเลยด้วยซ้ำ

 

“พี่ใหญ่ เรื่องนี้จะไม่เป็นเรื่องใหญ่โตได้รึเจ้าค่ะ แม่สามีฮุบเอาสินเดิมของลูกสะใภ้นี้ร้ายแรงยิ่งนัก หากเรื่องแดงออกไปพวกเราได้อับอายกันทั้งครอบครัวแน่” สะใภ้รองได้ทีสุมไฟต่อนางสะใจยิ่งนักเมื่อครู่ พี่ใหญ่ยังพูดจาถือดี กดข่มพวกเขาอยู่เลย บัดนี้เรื่องมาถึงตัวเองกลับเปลี่ยนลิ้นลื่นดังปลาไหลได้ ช่างน่านับถือจริงๆ

 

“ใช่แล้ว พี่ใหญ่เรื่องนี้ข้าเห็นว่าพวกน้องสามเสียเปรียบนัก ข้าพึ่งรู้ว่าที่ท่านแม่มีเงินสร้างเรือนเสียใหญ่โตเช่นนี้ ที่แท้ใช้เงินสินเดิมของน้องสะใภ้สามมาปลูกสร้างนี่เอง ท่านแม่ยกให้ท่าน ท่านไม่ละอายแก่ใจบ้างรึ ท่านจะนอนหลับลงได้อย่างไร” เมื่อภรรยาของตนพูดแล้วโจฉีไม่ร่วมด้วยก็คงไม่ได้ เดิมเขาคิดว่าบ้านนี้สร้างจากเงินเก็บของท่านพ่อ ที่ไหนได้กลับเอามาจากโกงสินเดิมของน้องสะใภ้สาม เมื่อรู้เช่นนี้เขาก็ไม่อยากได้เรือนหลังนี้แล้ว แต่น้องสามกับน้องสะใภ้สามก็น่าสงสารจนเกินไป เขาไม่ยอมให้พี่ใหญ่ได้สุขสบายบนความทุกข์ของผู้อื่นแน่

 

“น้องรองจะพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ ข้ากับพี่ชายของพวกเจ้าไม่ได้รู้เรื่องด้วยจริงๆ” สะใภ้ใหญ่เมื่อครู่คร้านจะพูดคุยกับเหล่าพี่น้องของสามี พอเรื่องคล้ายจะมาถึงตน ก็ร้อนรนไม่ไหวจึงได้พูดแก้ตัวออกไป

 

“ใช่ข้าเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน” โจต้าก็แก้ตัวเช่นกัน จะให้ยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร เขาเป็นพี่ใหญ่หากพูดออกไปไม่ขายหน้าแย่รึ

 

“พวกท่านจะกล่าวว่าไม่รู้ได้รึ ท่านเป็นคนที่ท่านแม่ไว้ใจที่สุด ทั้งพี่สะใภ้ก็สนิทใจกับท่านแม่ยิ่งนัก ท่านแม่จะไม่พูดให้ท่านฟังบ้างรึ ข้าว่าพวกท่านคงหลับหูหลับตาเพราะอยากได้ของผู้อื่นล่ะสิไม่ว่า” โจรุยไม่เคยไว้หน้าผู้ใดอยู่แล้ว ในเมื่อพี่ใหญ่ไร้ยางอายเช่นนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอีกต่อไป

 

“พวกเจ้า เฮ้อ น้องสะใภ้สามเรื่องนี้ข้าต้องขอโทษเจ้าแทนท่านแม่ แต่ข้าไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วยจริงๆ นะ เจ้าอยากได้อะไรชดใช้รึข้าจะชดใช้ให้เอง แต่บ้านหลังนี้คงไม่ได้นะ” โจฉีถึงกับเถียงไม่ออกเขาไม่เคยถูกน้องๆ ยืนชี้หน้าด่าเช่นนี้มาก่อน โจต้าได้แต่ข่มใจไว้แล้วหันมาพูดกับอวิ้นซีเขายินดีชดใช้ให้ แต่บ้านหลังนี้เขาให้ไม่ได้หากพวกเขายึดบ้านหลังนี้ไปก็ไม่ต่างกับเปิดเผยความจริงให้ชาวบ้านรับรู้สักเท่าไหร่ บ้านงดงามเป็นหน้าเป็นตาให้เขาในหมู่บ้านได้เช่นนี้เขาไม่ยินดีจะให้ผู้อื่นนัก

 

“หึ ที่ดินของท่านทั้งหมดสามสิบไร่ วัวหกตัว และเงินสี่สิบตำลึงทอง นับว่าข้าขาดทุนยิ่ง แต่เห็นแก่ท่านเป็นพี่ชายสามีของข้า ข้านับว่ายินยอมที่สุดแล้ว” ความจริงอวิ้นซีก็พูดไปเช่นนั้นเอง ใครจะว่าอะไรเขาได้ ที่ดินไร่ละห้าตำลึงทอง สามสิบไร่ก็ร้อยห้าสิบตำลึง วัวอีกหกตัว ตัวละหนึ่งตำลึงทอง กับเงินอีกสี่สิบตำลึงทอง รวมแล้วก็ประมาณหนึ่งร้อยเก้าสิบหกตำลึงทอง ทั้งยังมีข้าวในนาที่รอเก็บเกี่ยว และลูกวัวที่กำลังจะคลอดอีกสามตัว รวมๆ แล้วเขาไม่ขาดทุนแน่นอน

 

“เจ้าจะบ้ารึ เจ้าจะเอาพวกมันไปทั้งหมดได้เช่นไร ลูกชายของข้าจะหากินได้เช่นไรต่อไป” แม่โจที่ตอนนี้ยังลุกไม่ขึ้น ซ้ำยังตอนนี้ก็โกรธลูกสะใภ้คนที่สามจนความดันขึ้นอีกแล้ว แม่โจชี้นิ้วของตนที่สั่นระริกไปที่หน้าของอวิ้นซี จะรังแกกันเกินไปแล้ว

 

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.