บทที่ 16...1/3
ภายในบ้านเงียบธามิณีไม่เห็นใคร จนกระทั่งชายชราคนหนึ่งเข้ามาแล้วยืนค้อมหลังให้ศนิ เขาแนะนำว่าชายคนนี้เป็นพ่อบ้านชื่อว่า...ธำรงค์ ธามิณีคิดว่าจำได้แน่นอน เธอเคยเห็นคุณธำรงค์มาก่อนในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่เธอจำไม่ได้ว่าเนื้อหาในข่าวเขียนว่าอะไรบ้าง หญิงสาวยกมือไหว้ธำรงค์ที่ยิ้มให้เธออย่างชายชราที่ใจดี ก่อนที่ศนิจะพาเธอไปห้องครัว
ธามิณีมองครัวในบ้านของศนิอย่างทึ่งๆ นี่มันเหมือนยกเครื่องครัวในโรงแรมมาไว้ที่นี่ชัดๆ ความจริงแล้วเธอต้องการแค่กระทะ เขียง มีด และเตาแก๊สเท่านั้นเอง ศนิวางของสดที่ซื้อมาทั้งหมดไว้บนเคาน์เตอร์แล้วรอว่าธามิณีจะขอให้เขาช่วยอะไร ปกติแล้วในห้องครัวเป็นส่วนที่เขาเข้ามาน้อยมาก แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรอยู่ตรงไหน
“คุณกินง่ายกว่าที่ธามคิดอีกนะคะ เมนูที่คุณบอกคล้ายๆ กับที่ธามกินเวลาอยู่บ้านเลยค่ะ”
ธามิณีหยิบผักคะน้ามาใส่ถ้วยพลาสติกเพราะอีกเดี๋ยวจะเอาไปล้าง ก่อนจะหยิบหอมใหญ่มาปอกเปลือกนอกออก เด็ดใบโหระพา แล้วนำผักที่ซื้อมาไปล้างน้ำ พอจะเริ่มหั่นผัก แต่เขียงอยู่ไหนนะ ธามิณีมองหา
“หานี่อยู่ใช่ไหม” ศนิถามพร้อมกับมีเขียงและมีดวางรอ โชคดีที่เขามองหาไว้ตั้งแต่แรก
ธามิณีหัวเราะขำตัวเองเพราะของง่ายๆ ในครัว กลายเป็นของที่เธอหาไม่เจอ หญิงสาวหั่นผักคะน้าเป็นแว่นในแนวเฉียงตามที่ทำมาตลอด
“ฉันช่วยหั่นผักไหม” ศนิอาสา
“ได้สิคะ”
ธามิณีกำลังจะเขยิบมาให้ศนิมาหั่นผักตรงเขียง แต่เขากลับมายืนซ้อนข้างหลังเธอ ด้วยความสูงของเขาการจะจับมีดแล้วหั่นผักบนเขียงโดยมีเธออยู่ในอ้อมอกจึงดูหลวมๆ ไม่อึดอัด ธามิณีหายใจเป็นห้วงๆ เพราะเธอกำลังถูกกอดอยู่ หัวใจก็เต้นแรงจนคิดว่าคนหูดีอย่างเขาคงได้ยินแน่ๆ
“คุณจะหั่นผักทั้งที่กอดธามแบบนี้หรือคะ”
ศนิเอียงหน้าใกล้แก้มนวลที่กำลังแดงก่ำ เรียวปากหนายิ้มกว้าง “อือ ฉันจะทำแบบนี้แหละ”
แล้วเธอจะไม่หัวใจวายก่อนที่เขาจะหั่นผักเสร็จใช่ไหม ธามิณีเกือบถามออกไป แต่เปลี่ยนใจอยากมองมือใหญ่ที่หั่นผักแต่ละชนิดตามที่เธอบอกมากกว่า เขาดูเหมือนไม่เก่งในเรื่องพวกนี้ แต่เรียนรู้ได้เร็ว เขาสมบูรณ์แบบแทบจะทุกอย่าง แล้วมีเหตุผลอะไรเขาถึงทำให้ตัวเองถูกลงโทษแล้วต้องมาอยู่ตรงนี้กันนะ เขาจะเล่าเรื่องนี้ให้เธอได้รู้เมื่อไหร่ เธอคงได้แต่ภาวนากับใบโหระพาที่รอลงกระทะว่าขอให้เขาบอกเธอทุกอย่าง เธออยากปลอบโยนเขาก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำอีก
อาหารง่ายๆ พอมาอยู่รวมกันบนโต๊ะอาหารกับคนที่ธามิณีอยากทำแบบนี้ให้ก็กลายเป็นมื้อพิเศษขึ้นมาทันที ผัดผักคะน้าหมูกรอบ ยำวุ้นเส้น ผัดพริกแกงหมู ไข่เจียวปู เมนูที่ศนิบอกว่าอยากกิน ทำง่ายมากสำหรับเธอ ข้าวสวยร้อนๆ ในจานค่อยๆ พร่องไปเพราะศนิกินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ใช่พยายามทำเหมือนว่าอร่อย หญิงสาวมองแล้วก็ชื่นใจ ตอนนี้เธอเข้าใจแม่แล้วว่าทำไมเวลาเห็นพ่อกินข้าวได้เยอะ บางครั้งเติมข้าว แม่ถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ความรู้สึกของคนที่ทำกับข้าวไว้รอใครบางคนกลับมาบ้าน แล้วกินด้วยกันคงเป็นแบบนี้เอง
“คืนนี้ฉันจะพาธามไปที่แห่งหนึ่ง” ศนิเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนคู่นั้นของธามิณียามที่มองเขากินข้าว
ธามิณีพยักหน้าไม่ถามว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน เธอเชื่อใจเขา ถ้ามีเขาอยู่มันจะปลอดภัยเสมอ
หลังทานอาหารเสร็จศนิจับมือพาธามิณีไปห้องของเขา เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นว่าเขาชอบสีอื่นนอกจากสีดำ ห้องของเขาเป็นสีขาวทั้งหมด แม้กระทั่งผ้าม่าน แต่ไม่มีกรอบรูปหรือของกระจุกกระจิก เหมือนมีแค่เตียงนอนเท่านั้น เขาไม่ดูทีวีงั้นหรือ ชายหนุ่มหายเข้าไปอีกห้องก่อนจะกลับมาพร้อมกับเสื้อกันหนาวตัวยาว เขาคลุมไหล่ให้เธอไว้ เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจนักเพราะตอนนี้ไม่ได้หนาวสักหน่อย
“ใส่เอาไว้นะ อีกประเดี๋ยวธามน่าจะหนาวอยู่บ้าง” ศนิบอกพลางโอบเอวพาธามิณีไปยืนหน้าประตูบานหนึ่ง
ธามิณีหลับตาเมื่อศนิเปิดประตูแล้วพาเธอเดินเข้าไป เราสองคนกำลังวาร์ปไปยังที่แห่งนั้นด้วยกัน มีลมเย็นๆ ปะทะใบหน้าของธามิณี ในทันทีที่เธอลืมตาก็เห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ราวกับเธออยู่สักที่ซึ่งน่าจะสูงมากและห่างไกลจากตัวเมือง เนื่องจากแสงไฟแทบไม่มี ทำให้การเห็นดาวเต็มท้องฟ้าเป็นสิ่งสวยงามอย่างที่เธอเคยคาดหวังไว้
หญิงสาวเอียงหน้าเงยขึ้นมองศนิที่กอดเธอไว้จากด้านหลัง เขาช่างเป็นคนเจ้าเล่ห์ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าลิสต์ข้อที่ 4 คือการนอนดูดาวด้วยกัน
“ขี้โกงนี่นา”
ศนิหัวเราะเบาๆ แทนการยอมรับ “ฉันแค่เห็นแวบๆ ตอนที่ธามเขียนว่าอยากทำอะไรกับแฟนต่างหาก ถูกใจไหม คืนนี้เราจะนอนดูดาวด้วยกัน”
ธามิณีพยักหน้าพลางมองไปรอบตัว ตอนนี้เราสองคนยืนอยู่ตรงระเบียงของบ้านซึ่งอยู่กลางหุบเขา นี่เองเหตุผลที่แสงไฟแทบไม่มี ชายหนุ่มคลายกอดแล้วพาธามิณีมานอนบนเบาะที่จะเห็นดาวได้อย่างต้องการ ร่างสูงเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบผ้าห่มมาแล้วห่มให้เธอก่อนจะนอนลงข้างๆ หญิงสาวขยับผ้าห่มไปห่มให้เขา แขนของชายหนุ่มเลื่อนมารองคอของหญิงสาว เธอเอียงหน้าซบกับอกหนา เขากอดเธอเอาไว้หลวมๆ ช่างเป็นความอุ่นสบายที่ปลอดภัย
“ถ้าง่วงก็หลับได้นะธาม น้ำค้างไม่หล่นลงมาตรงนี้แน่นอน”
ถึงว่าเธอไม่รู้สึกถึงผมชื้นๆ อย่างที่ควรจะเป็น
“ขอบคุณนะคะ ดีจังเลยที่ได้นอนดูดาวกับคุณ ถ้ามีดาวตก ธามจะขอให้คุณมีความสุขตลอดไป” ธามิณีบอกพลางกลั้นหาว ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกง่วง คงเพราะเธอกินมากไปละมั้ง
กอดของชายหนุ่มกระชับแน่นขึ้นอย่างห่วงแหนหญิงสาวในอ้อมอก จะมีมนุษย์สักกี่คนที่พูดว่าอยากให้เขามีความสุข ทำไมสิ่งเดียวที่เขาต้องการให้เธอได้รับถึงยากเหลือเกิน ขอแค่เธอได้มีชีวิตยืนยาวแล้วเขาไม่อยู่ตรงนี้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่เพียงเธอสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา
“ฉันอยากให้ธามมีความสุขตลอดไป ไม่อยากให้ธามต้องพบเจอกับเรื่องร้ายๆ อีกเลย”
ธามิณีระบายยิ้มที่เรียวปากก่อนจะหลับไปเมื่อไม่อาจฝืนได้อีกแล้ว ช่างเป็นการนอนดูดาวที่มีระยะเวลาสั้นเพราะเธออาจง่วงจนทนไม่ไหวแล้ว
ช่อกุหลาบสีขาวมาอยู่ในมือของเธอได้ยังไงกันนะ ธามิณีมองไปรอบตัวแล้วยิ่งประหลาดใจเพราะทุกอย่างแทบจะเป็นสีขาวทั้งหมด รวมทั้งชุดเกาะอกสีขาวที่เธอใส่ด้วย เธอจำไม่ได้ว่าซื้อชุดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่าในวินาทีนั้นเองศนิก็เดินเข้ามาหา เขาใส่สูทสีดำที่อกเสื้อประดับด้วยดอกกุหลาบสีแดง เขายิ้มให้เธอพร้อมกับยื่นมือมา เธอจับมือของเขาอย่างกับเข้าใจว่าตอนนี้มันคืออะไร เธอกำลังฝันว่าอยู่ในฉากแต่งงานของนิยายสักเรื่องใช่ไหมนะ
เพียงแต่...เธอเป็นเจ้าสาว เขาเป็นเจ้าบ่าว
ธามิณีมองไปรอบตัวซึ่งไม่มีใครอีกแล้วนอกจากเราแค่สองคน มีเสียงจากเพลงที่เธอชอบ มันคงเป็นความฝันที่ดีมากๆ ของเธอ
“ฉันไม่เคยสัญญาหรือให้คำสาบานกับใคร แต่ฉันจะให้คำสัญญากับธามว่าต่อไปจากนี้ไม่ว่าเวลาจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ฉันจะรักธามเพียงคนเดียว”
ธามิณียิ้มรับคำสัญญานั้น แม้เธอจะไม่ได้เตรียมคำพูดน่าฟังในความฝันของตัวเองสำหรับการแต่งงาน ทว่าเธอกลับมีคำพูดมากมายที่อยากเอ่ยออกไป
“ถ้าธามมีเวลาที่จะมีชีวิตมากกว่านี้ ธามอยากจะทำให้ชีวิตของคุณมีแต่รอยยิ้ม ความสุข สมหวัง สิ่งใดที่หมายถึงความห่วงใย ปรารถนาดี หวังดี ธามจะมอบให้คุณทั้งหมด ธามอยากให้คุณมีความสุขตลอดไป”
ศนิจับมือของธามิณีเอาไว้แล้วสวมแหวน หน้าตาของแหวนเหมือนกับแหวนที่พ่อสวมให้แม่ไม่มีผิด ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงร้องไห้ ความฝันทำไมถึงเหมือนจริงแบบนี้ เขากอดเธอไว้แล้วเต้นรำด้วยกัน เธอก้าวขาตามเขาแล้วหมุนตัวเมื่อเขาจับมือเธอขึ้น ทุกอย่างมันเป็นไปเองโดยที่เธอไม่ต้องพยายามเต้นให้ถูกจังหวะ เขารั้งมือเธอไว้แล้วดึงเบาๆ ร่างของเธอก็กลับเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง
...ช่างเป็นความฝันที่แสนสุข แม้เธอจะไม่เคยคาดหวังให้มันเกิดขึ้นจริง แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยในความฝันเจ้าบ่าวคนนั้นเป็นศนิ ผู้ชายคนเดียวที่เธอรัก
ศนิลืมตาแล้วมองใบหน้าที่กำลังยิ้มพริ้มเพรา ความฝันนั้นกำลังกำซาบอยู่ในความทรงจำ เรียวปากหนายิ้มละมุน ทว่าดวงตาเรื่อแดงเพราะเก็บกลั้นความรู้สึกไว้ เวลานี้เขาทำได้แค่กอดเธอแล้วหลับตาลงอีกครั้ง หากจะมีอะไรเกิดขึ้น เขาจะยอมรับทุกอย่างเอาไว้เอง ไม่ว่าความรัก ความเศร้า ทุกความทรงจำ ธามิณีจะได้มีความสุขอย่างที่เธอต้องการตามที่เขาได้ให้คำสัญญาไปแล้ว
ก่อนแสงแรกของวันใหม่มาถึง ธามิณียังคงหลับใหลหลังจากศนิทอดวางร่างอุ่นลงบนเตียงในห้องนอนของเธอ ชายหนุ่มห่มผ้าให้เธอแล้วนั่งใกล้ๆ อยู่ข้างเตียง มือหนาจับมือบางเอาไว้ เรียวปากหนายิ้มหยันกับตัวเอง
ตอนธามิณีอายุ 16 ปี เขาเคยยืนมองเธอกำลังก้าวผ่านไปสู่ความตายโดยที่ไม่รู้สึกว่ากำลังสูญเสียอะไร แต่จะได้ผลึกกาลอีกครึ่งกลับคืนมา ทว่าผ่านมา 5 ปี เวลานี้เขากลับหวงแหนทุกลมหายใจของเธอและไม่อาจเพิกเฉยต่อการตายของเธอได้ ทั้งหมดเกิดจากผลึกกาลหรือมีใครบงการให้เราสองคนเดินทางมาถึงจุดนี้กันหนอ
ขอเพียงรักนี้นิรันดร จำหน่ายในรูปแบบ E-Book แล้วนะคะที่เว็บ MEB หมวด นิยายรัก โบว์จะลงนิยายให้อ่านประมาณ 65% ของเรื่องราวทั้งหมด หรือประมาณบทที่ 16 แล้วสิ้นสุดการลงนิยายนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 148
แสดงความคิดเห็น