บทที่ 15...3/3
รวิชญ์นำเลขทะเบียนรถของศนิไปให้นักสืบช่วยหาประวัติ แต่กลับพบความแปลกที่มองข้ามไม่ได้ ซึ่งกลายเป็นว่าเจ้าของรถชื่อภูมัยไม่ใช่ศนิ อีกทั้งรูปก็ไม่มี แต่พอเทียบอายุที่เขาคาดการณ์ของศนิกับภูมัยก็น่าจะใกล้เคียงกัน นักสืบยังถ่ายรูปของศนิที่ขับรถคันนั้นตลอด เป็นไปได้ไหมว่าศนิเป็นชื่อเก่า แต่ภูมัยเป็นชื่อใหม่ แต่ทำไมถึงไม่มีประวัติที่ผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนชื่อ
“น่าแปลก ตอนแรกนักสืบไม่เจอประวัติของคุณศนิเลย แต่จู่ๆ ประวัติของคุณศนิก็ออกมายาวเหยียด แถมชื่อจริงๆ ของเขาคือภูมัย” นี่เป็นอีกเรื่องที่รวิชญ์ไม่เข้าใจจนต้องมาหากัลยาที่บ้าน
“เป็นไง เขาเป็นคนดีไหม”
“กัลอ่านดูแล้วกัน”
กัลยารับเอกสารที่มีประวัติคราวๆ ของชายหนุ่มที่ชื่อว่าภูมัย แต่ใบหน้าของเขาเหมือนกับภาพวาดของภารดีที่วาดให้ธามิณี เธอตั้งใจอ่านเพราะเขาไม่ใช่แค่แฟนของเพื่อน แต่เพราะธามิณีคือเพื่อนรัก เธออยากให้เพื่อนได้พบกับคนดีๆ ที่จะไม่ทำให้เสียใจ
“เป็นเจ้าของร้านหนังสือ มีรีสอร์ต ประวัติขาวสะอาด น่าจะหายห่วงได้แล้วนี่นา แล้วทำไมวิชญ์ทำหน้าแบบนั้น”
“เพราะจู่ๆ ประวัติของคุณภูมัยก็หาง่ายขึ้นมาน่ะสิ” ทำเหมือนกับรู้ว่าเขาจ้างนักสืบไปหาประวัติอย่างไรอย่างนั้น แต่ภูมัยหรือศนิจะรู้ได้อย่างไร วันนั้นเขาไม่ได้แสดงท่าทีว่าสงสัยอะไรสักหน่อย
กัลยาวางมือบนไหล่เพื่อนแล้วบีบเบาๆ “เถอะน่า ธามได้พบคนดีๆ มีงานการทำ เราสองคนก็หายห่วงได้แล้วล่ะ”
รวิชญ์พยักหน้าเพราะเขาเองก็คิดแบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไมเขายังรู้สึกเป็นห่วงธามิณี หากภูมัยมีเบื้องหลังหรืออะไรที่อันตรายล่ะ ธามิณีจะพบรักกับใครก็ได้ ไม่ใช่เขาก็ได้ แต่เธอจะคบคนไม่ดี แล้วมาพบกับความเสียใจตอนหลังไม่ได้ ชีวิตของเธอผ่านความเสียใจมามากแล้ว แม้จะปกป้องเธอในฐานะคนรักไม่ได้ แต่เขายังคงเต็มใจปกป้องเธอในฐานะเพื่อนเสมอ
ตรงหน้าของศนิในรถเข็นตอนนี้คือของสดต่างๆ ชายหนุ่มยิ้มบางพลางมองธามิณีที่กำลังมองหาผลไม้ วันนี้เขาไปรับธามิณีในตอนเย็น เธอบอกเขาว่าอยากไปที่แห่งหนึ่ง แล้วเราสองคนก็มายืนอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างใกล้ๆ กับมหา’ลัย เธอบอกเขาว่ามีบางอย่างที่อยากทำอยู่ แต่ต้องมาซื้อของที่นี่ก่อน
“นี่คือลิสต์ข้อที่ 3 งั้นหรือ” ศนิถาม ดูหนังด้วยกัน ไปสวนสนุก ตอนนี้มาซื้อของด้วยกัน
“ใช่ค่ะ ธามอยากทำอาหารให้คุณทาน คุณจะได้ทานของที่คุณชอบ วันนี้ธามโทรให้คุณมาเลือกซื้อของสดด้วยกัน แล้วไปทำอาหารที่หอของธามไงคะ”
สิ่งแสนจะธรรมดา แต่ว่ามีแค่คนที่รักกันถึงจะทำให้กันใช่ไหมนะ แม้จะเป็นเทพกึ่งมนุษย์มาหลายร้อยปี แต่ในความธรรมดาเหล่านี้ บางทีศนิก็เพิ่งได้รับ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่มีคุณค่าทางใจเมื่อเธอทำให้เขารู้ว่าตัวเองมีตัวตนบนโลกใบนี้ การเป็นคนสำคัญทางใจของใครอีกคนเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“บอกลิสต์ที่เหลือมาให้หมดสิ ฉันอยากรู้”
ธามิณีเม้มปากราวกับผู้กำความลับ “ตอนนี้ไม่บอกหรอกค่ะ ธามอยากเซอร์ไพรส์คุณไปเรื่อยๆ มากกว่า”
ศนิเลิกคิ้วมองมนุษย์ที่ช่างลืมง่ายเสียจริงๆ ว่าหากเขาต้องการรู้ แม้เธอจะไม่บอก เขาย่อมหาลิสต์ที่ว่านั้นเจอได้ไม่ยากเย็นอะไร ชายหนุ่มเข็นรถแล้วมีธามิณีค่อยหยิบของตามที่เขาบอก น่าสนุกดีเพราะมันไม่ใช่การทานอาหารคนเดียวเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งพ่อบ้านของบ้านแต่ละหลังจะมาคุยเป็นเพื่อนกับเขาบ้าง แต่ความรู้สึกเหมือนเขายังโดดเดี่ยวเหมือนเดิม ไม่เหมือนตอนนี้ที่เขาคิดว่าแม้จะมีธามิณีเพียงคนเดียว แต่กลับรู้สึกเหมือนว่านี่แหละ...ครอบครัวที่เขาอยากกลับมาหา
มีเสียงหัวเราะผสานเสียงคุยกันเบาๆ ในระหว่างที่ศนิถือของสดทั้งหมดมาที่รถ โดยแบ่งถุงขนมให้ธามิณีช่วยถือมา แม้จะเบาจนเหมือนไม่ได้ถืออะไร แต่เธอชอบการช่วยเหลือกันแบบนี้มากกว่าปล่อยให้อีกฝ่ายรับภาระหนักอยู่คนเดียว
ศนิขับรถออกมาจากห้างแล้วเลี้ยวไปอีกทาง ธามิณีมองเห็นแล้วแต่ไม่ได้ทักท้วงอะไร การได้เห็นเขาจับพวงมาลัย ตบไฟเลี้ยว นิ้วยาวเคาะกับพวงมาลัยไปตามเพลงที่เปิดจากเพลย์ลิสต์ในโทรศัพท์ของเธอ ทำให้รู้สึกแบบนี้แหละที่ต้องการ หากเขาเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ช่วงเวลาแบบนี้คงชินชา แต่เพราะเขาคือศนิ การเห็นเขาทำหลายๆ อย่างกับเธอจึงกลายเป็นความพิเศษ
ศนิขับรถเข้ามาในบริเวณของบ้านหลังหนึ่ง ธามิณีไม่แน่ใจว่าเคยนั่งรถผ่านมาก่อนไหม แค่รู้สึกว่าคุ้นเหมือนเคยเห็นมาก่อน บ้านสองชั้นกลางพื้นที่กว้างมาก มีสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ถ้าเธอมีบ้านแบบนี้คงมาเดินเล่นบ่อยๆ การมีพื้นที่ให้เดินเล่นกลางเมืองใหญ่นับว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง
“ที่นี่บ้านของใครหรือคะ” ธามิณีถามพลางลงจากรถ ศนิยิ้มเหมือนเธอพูดอะไรที่น่าขำออกไป
“บ้านของฉันเอง ทำไมล่ะ แปลกใจหรือ ไม่ว่ามนุษย์ หรือเทพกึ่งมนุษย์ก็ต้องมีบ้านให้กลับไปนะ”
อย่างนี้เองสินะ ประตูรั้วสีขาวบานใหญ่ถึงเปิดในทันทีที่ศนิขับรถมาถึง ธามิณีช่วยถือถุงขนมพลางเดินเคียงเจ้าของบ้านมาเรื่อยๆ ช่างเป็นความอบอุ่นและซาบซึ้งใจ เขาผู้มีความลับมากมาย แต่ยอมเปิดเผยชีวิตที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เขามีบ้านให้กลับไป แต่ในความดีใจนั้นธามิณีพลันเกิดคำถาม...ศนิรู้ใช่ไหมว่าเธอจะลาจากโลกไปเมื่อไหร่ เขายอมให้ถ่ายรูป พาเธอมาที่บ้านของเขา ยอมเปิดเผยความในใจ ทุกอย่างที่เขาทำให้เธอเพราะรู้ว่าเวลาเหลืออีกไม่มากแล้วใช่ไหม
“ทำไมถึงมองมาที่ฉันแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นล่ะ มีอะไรที่ธามอยากบอกฉันไหม” ศนิยื่นมือไปจับมือบางไว้ บางครั้งเขาก็อยากอ่านความคิดของมนุษย์ได้ โดยเฉพาะกับธามิณี
ธามิณีบีบมือหนาเบาๆ “ธามมีความสุขจนอยากจะร้องไห้มั้งคะ”
“ถ้ามีความสุขก็ควรยิ้มสิ อย่าร้องไห้เลยนะ”
คำปลอบของศนิทำให้ธามิณียิ้มออกมาทันที เวลาเขาพูดเสียงอ่อนโยนยิ่งน่าฟัง เขาคงไม่รู้ตัวว่าถ้าไม่ทำหน้าเรียบเหมือนกระดาษหรือพูดอ่อนโยนแบบนี้บ่อยๆ ป่านนี้อาจเป็นเทพกึ่งมนุษย์ที่แต่งงานไปหลายรอบแล้วกระมัง แต่ความที่เขาดูเย็นชาและเข้าถึงยาก ทำให้เธอเป็นรักแรกของเขา พอคิดแบบนี้แล้วเธอก็ต้องยิ้มให้กว้างๆ สินะ
ขอเพียงรักนี้นิรันดร จำหน่ายในรูปแบบ E-Book แล้วนะคะที่เว็บ MEB หมวด นิยายรัก โบว์จะลงนิยายให้อ่านประมาณ 65% ของเรื่องราวทั้งหมด หรือประมาณบทที่ 16 แล้วสิ้นสุดการลงนิยายนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 122
แสดงความคิดเห็น