chapter 6 ฝึกฝน
ณ กิลด์ไกเทอโร่แห่งเมืองซัลเดิล
อาคารสีแดงมีทั้งหมดสามชั้น ภายในมีโถงกว้างพร้อมกับเก้าอี้ยาวมากมายเพื่อให้นักผจญภัยนั่งพักกัน ชั้นที่สองแบ่งออกเป็นห้องเพื่อเอาไว้ประชุมวางแผนหรือนัดพบปะพูดคุยธุระ ส่วนชั้นสามนั้นก็แบ่งเป็นห้องเป็นโซนเอาไว้เพื่อใช้งานเหมือนกัน โดยมีหนึ่งในนั้นเป็นของมาสเตอร์กิลด์ ซึ่งในขณะนี้เขาได้ไปคุยธุระกับกิลค์แบล็คโซลที่เมืองเวสเทียร์อยู่
แอด
ประตูห้องเก็บของถูกเปิดออกพร้อมกับลูเทียร์ที่เดินออกมา หลังจากที่เมื่อวานได้พักผ่อนจนร่างกายดีขึ้นมากแล้ว ก่อนจะเดินตรงไปหาเกรซที่กำลังจัดของบนเคาน์เตอร์อยู่
“พี่เกรซคะ ขอรบกวนเวลาได้รึเปล่า” ลูเทียร์ที่เห็นอีกฝ่ายยุ่งๆอยู่ก็ไม่ได้อยากจะกวน แต่เธอมีอะไรต้องทำจึงขออนุญาตก่อน ซึ่งเกรซก็ไม่ได้ว่าแม้จะยกเอกสารวางนู้นนี่เต็มไปหมด
“พอจะรู้จักคนที่ต่อสู้เก่งๆบ้างรึเปล่าคะ”
พอได้ยินคำถามเกรซก็ได้ยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแนะนำว่าให้ลองไปที่โรงฝึกเพราะว่าน่าจะมีคนเก่งๆอยู่เยอะ หรืออีกที่ที่แนะนำไปก็คือภายในกิลด์ เพียงแค่ไปขอพวกแรงค์สูงกว่าช่วยฝึกสอนให้ แต่อาจจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรเล็กน้อย เพราะคงไม่มีใครยอมเสียเวลาและไม่ได้อะไรตอบแทน
‘ลองไปโรงฝึกก่อนดีกว่า’
ลูเทียร์บอกลาเกรซก่อนจะเดินออกจากกิลด์ไป โดยระหว่างทางก็ซื้อมื้อเช้ากินไปจนอิ่มและก็ได้มาถึงโรงฝึกพอดี แต่ดูเหมือนนี่จะเป็นเวลาเช้าไปสักหน่อย จึงไม่ค่อยจะมีคนออกมาฝึกซ้อมกันมากเท่าไหร่ พอเห็นอย่างนั้นลูเทียร์จึงไปฝึกดาบกับหุ่นไม้ก่อน และรอให้คนเข้ามาเยอะกว่านี้อีก
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงได้ ผู้คนก็ได้ทยอยกันเข้ามาฝึกกันจนตอนนี้คนเต็มโรงฝึกไปหมด นั้นจึงเป็นจังหวะเหมาะที่ลูเทียร์เธอรอเอาไว้ เพราะต้องการจะปะมือกับใครสักคน ซึ่งก็ได้เดินไปคุยกับชายคนหนึ่งที่กำลังฝึกดาบอยู่ ก่อนจะบอกว่าตัวเองต้องการคนที่มาสู้ด้วย
ชายหนุ่มไม่ได้ปฏิเสธการประลอง ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปยังสนามประลองพร้อมกับหยิบดาบไม้ขึ้นมา และเริ่มสู้กันหลังที่สัญญาณดังขึ้น
“ยอมแพ้” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นหลังจากที่ตัวเองล้มลงไปกองกับพื้น
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากหลังจากสัญญาณดังขึ้น โดยฝ่ายชายได้พุ่งตัวมาพร้อมกับฟัน ส่วนลูเทียร์ก็ได้หลบการโจมตีก่อนจะใช้ดาบจี้ไปตรงคอชายหนุ่ม ซึ่งก็ทำให้เขาตกใจจนเผลอล้มลง และการแพ้เมื่อครู่เขาคงคิดว่าตัวเองประมาทเกินไป จึงขอแก้ตัวอีกสองครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมจนเขาต้องขอไปฝึกต่อเพราะรู้ตัวว่ายังอ่อนอยู่
“มีใครอยากจะประลองบ้างไหม” เสียงของเธอได้ดังเข้าไปยังฝูงชนข้างสนามประลอง ก่อนที่ต่อมาจะมีใครสักคนยกมือขึ้น เป็นชายหนุ่มสวมสวมเกราะโซ่เดินแหวกผู้คนขึ้นมาพร้อมกับดาบไม้ และไม่ต้องพูดอะไรทั้งคู่ก็ได้ตั้งท่าเตรียมพร้อม ก่อนที่สัญญาณจากหนึ่งในคนโดยรอบจะดังขึ้น
ทั้งคู่พุ่งเข้าหากันก่อนจะฟันอย่างรุนแรงจนมือสั่น หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งดันกันไปมา ก่อนจะผละตัวออกจากกันและถอยไปตั้งหลัก แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำเช่นนั้น เพราะเขาได้พุ่งตัวมาต่อและกระหน่ำฟันอย่างต่อเนื่อง จนลูเทียร์ทำได้แต่ตั้งรับอย่างเลี่ยงไม่ได้
‘โจมตีแต่จุดป้องกันยากๆ โต้กลับยากมาก’
ลูเทียร์ต้องทำการสวนกลับเพราะถ้าโดนแบบนี้ต่อไปต้องแพ้แน่ๆ แต่การเปลี่ยนเป็นการโต้กลับแทนที่จะป้องกันมันก็เสี่ยงมากๆ แต่สุดท้ายมันก็สำเร็จ
“ไม่ธรรมดาเลย งั้นขอลองท่านี้ซักหน่อย” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยิ้ม ก่อนจะตั้งท่าโดยแขนขวาจับดาบคล้ายเตรียมแทง ส่วนอีกข้างซ้ายก็ยื่นออกไปด้านหน้า
พอเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเข้ามา ลูเทียร์ก็ได้ตั้งท่าเตรียมรับมือทันที แต่เมื่อเขาเข้ามาได้ในระยะหนึ่งก็ได้แทงดาบตรงอย่างรวดเร็ว ในจังหวะนั้นลูเทียร์ก็คิดว่าจะหลบได้และสวนกลับ แต่เหมือนว่าการโจมตีจะเร็วกว่าที่คาดไว้ จนทำให้ดาบไม้กระแทกเข้าที่ไหล่ซ้ายจนล้มลง
“แพ้จนได้”
หลังจากจบการประลองฝ่ายชายก็ได้เอ่ยปากชมพร้อมกับแนะนำเทคนิค ก่อนจะได้แนะนำตัวเองว่าชื่อ ฟารัส อยู่แรงค์แพลตตินั้ม และในเวลาต่อมาเขาก็ขอตัวไปทำธุระส่วนตัว
พอจบการประลองลูเทียร์ก็รู้สึกว่าอยากจะฝึกต่อ แต่เหมือนจะร่างกายไม่พร้อมเท่าไหร่ เธอจึงไปนั่งพักพร้อมกับดูคนอื่นฝึกซ้อม จนกระทั่งรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นมากแล้วก็ได้ออกไปฝึกอีกสักหน่อย และตัดสินใจจะไปลองเรียนเวทย์ดู ซึ่งใช้เวลาอยู่พักหนึ่งในการตัดสินใจเลือก
‘อยากได้แนวอำนวยความสะดวกสักหน่อย’
เวทย์ส่วนใหญ่จะเป็นแนวที่ช่วยให้ผู้ใช้ทำอะไรได้ง่ายขึ้น ส่วนเวทย์แนวสร้างความเสียหายนั้นมีไม่มาก แถมพวกมันยังเป็นเวทย์ที่ต้องฝึกฝนอย่างหนักถึงจะใช้ได้คล้องอีก การเรียนรู้เวทย์ง่ายๆพื้นฐานไปก็อาจจะดีกว่าเสียเวลาฝึกนานเกินควร ซึ่งทางด้านลูเทียร์ก็ได้เลือกมาแล้วที่จะเป็นเวทย์มองไกล
นี่ก็ผ่านไปจนเข้าช่วงบ่ายของวันแล้วหลังจากที่ลูเทียร์ได้ทำการเข้ามาฝึกเวทย์บทใหม่ โดยการฝึกนั้นคือการนั่งเพ่งมองลูกแอปเปิ้ลที่วางห่างไปประมาณ 10 เมตร โดยสิ่งที่ยากไม่ใช่การจินตนาการแต่มันคือการควบคุมมานา เพราะผู้คนปกติจะเคยชินกับความคิดที่ว่ามานาไหลออกจากมือซะส่วนใหญ่ แต่ความจริงแล้วมานาสามารถไหลออกได้ทุกส่วนตามที่เราควบคุม ซึ่งเธอก็รู้อยู่แต่มันก็ยากจริงๆจนลูเทียร์ท้ออยู่เล็กน้อย
แต่พอเวลาผ่านไปความพยายามก็ประสบผลสำเร็จ ซึ่งพอทำสำเร็จแล้วอีกอย่างที่ยากก็คือการคงสถานะให้นานเท่าที่ต้องการ ซึ่งเวลาลูเทียร์ที่ทำไปได้คือ 30 วินาที แต่เหมือนว่าเจ้าตัวยังไม่พอใจสักเท่าไหร่จึงฝึกต่อ จนสามารถยื้อได้ 1 นาที
หลังจากมั่นใจในตัวเองขึ้นมาแล้ว ลูเทียร์จึงรู้สึกอยากจะลองนำไปใช้ดู เพราะการทำจริงไปเลยน่าจะดีกว่าการฝึกดังนั้นเธอจึงกลับไปที่กิลด์เพื่อหาภารกิจเก็บของป่า โดยพอดูจากบอร์ดแล้วพบว่ามีอยู่พอดีแต่เหมือนจะยากเล็กน้อย
“ยากอยู่นะ เพราะไม่ค่อยมีคนเจอสักเท่าไหร่” เกรซเตือนเนื่องจากถ้ารับทำภารกิจแล้วแต่ทำไม่สำเร็จ จะต้องจ่ายค่าเสียเวลา
“งั้นเปลี่ยนเป็นอันที่ง่ายกว่านี้ก็ได้ค่ะ”
เกรซได้ไล่หาใบภารกิจที่มีทั้งอันใหม่และอันเก่าที่เหลือจากหลายๆวัน จนในที่สุดก็ได้มีอันหนึ่งซึ่งเป็นการเก็บผลมูนซันซึ่งเป็นผลไม้แปลกๆที่สีผิวของมันจะเหมือนกับพระจันทร์กับพระอาทิตย์อย่างละครึ่ง โดยที่เมื่อกินไปนั้นจะให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปท่องบนดวงจันทร์ ก่อนที่ความรู้สึกร้อนแรงจากพระอาทิตย์จะเผาลิ้นในเวลาต่อมา โดยถ้าเอาไปสกัดเป็นยาจะทำให้ผู้ใช้นั้นไม่รู้สึกเจ็บปวดได้ในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งปรกติแล้วมันจะหาเจอยากเพราะคนไม่รู้จุดเก็บ แต่เกรซนั้นเธอรู้มาจากคนที่ได้มาโม้ให้ฟังจึงบอกใบ้ลูเทียร์ไป
“ไงเกรซ ไม่อยู่หลายวันมีเรื่องอะไรรึเปล่า” เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งได้ดังข้ามศีรษะของลูเทียร์ไป
“กลับมาแล้วหรอคะ น่าจะบอกกันก่อนจะได้เตรียมเครื่องดื่มไว้ให้ แล้วคุยธุระเป็นยังไงบ้าง” เกรซถามหลังจากดูสีหน้าอีกฝ่าย เพราะดูท่าจะเหนื่อยพอตัว
“วุ่นวายน่ะ ไอ้พวกแบล็คโซลมันจะเอาเรื่องให้ได้ แต่สุดท้ายก็จบแค่เสียเงินไปนิดหน่อย” ชายร่างใหญ่สูง 180 ซม. พร้อมกับหนวดและผมสีแดงได้ยืนคุยกับเกรซอยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นบันไดไปโดยที่ลูเทียร์สงสัยว่าคือใคร จนได้ถามเกรซ
“ออสติน เบรน! ชายที่ชนะมาสเตอร์กิลด์ไดม่อนสเปีรย์นะหรอคะ!” ลูเทียร์ทำตาลุกวาวทันทีเมื่อได้ยินชื่ออีกฝ่าย
กิลค์ไดม่อนเสปีรย์นั้นมีฐานที่มั่นตั้งอยู่ที่เมืองไดมอทัสซึ่งเป็นกิลค์ขนาดใหญ่ที่แผ่อาณาเขตไปทั่วเมือง เหมือนกับกิลค์ไกเทอร์โร่ที่ยึดเมืองเป็นที่เรียบร้อย ดูได้จากไม่มีกิลค์ไหนมาแย่งพื้นที่ หรือความจริงอีกอย่างก็คือพวกนักผจญภัยไม่ค่อยจะมีหัวเรื่องการค้าสักเท่าไหร่ พวกเขาจึงหวังพึ่งกิลด์นี้เพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองจะง่ายกว่าไปตั้งต้นตั้งแต่ศูนย์ ซึ่งต่างจากเมืองเวสเทียร์ที่มีกิลค์สามกิลค์คอยคานอำนาจกันอยู่
ส่วนอีกเหตุผลที่ลูเทียร์ตกใจนั้นก็มาจากเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ปีก่อนที่ออสติน เบรน ได้ไปประลองกับมาสเตอร์กิลค์ของไดม่อนสเปีรย์และชนะมาได้ โดยที่อีกฝ่ายนั้นแทบจะไม่สามารถโต้กลับ ส่วนสาเหตุที่ทั้งสองได้ประลองนั้นก็มาจากที่ไดม่อนสเปีรย์ต้องการแผ่อำนาจกิลด์ไปที่เมืองซันเดิล แต่ก็จบด้วยการพ่ายแพ้เสียหน้าครั้งใหญ่จึงจำเป็นต้องล่าถอยไป ซึ่งแม้ว่าจะไม่ต้องจำเป็นขอในการตั้งกิลด์ แต่เหมือนว่ามันคือศักดิ์ศรีที่ค้ำคอของไดมอนสเปียร์ การจะให้เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันคงไม่ได้หรอก จึงต้องมีใครสักคนยอมถอย
‘เอายังไงดีลองถามดีรึเปล่า’ ลูเทียร์ได้คิดหนักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบวิ่งตรงไปหาออสติน
“เออ….ขอถามอะไรซักหน่อยได้รึเปล่าคะ” เธอพูดออกไปพร้อมกับอาการตัวสั่นจากความตื่นเต้น
ออสตินที่กำลังจะเดินขึ้นไปชั้นสองพอได้ยินเสียงก็ได้หันมาดู ก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่คิดอะไรมาก “ได้สิ”
“จะทำยังไงให้เก่งขึ้นได้เท่าคุณหรอคะ” คำถามตรงๆที่ตอบยากอยู่พอสมควร ทำให้ออสตินถึงกับเอามือลูบคางคิดอยู่พักหนึ่ง
‘ ทางลัดมันไม่มีอยู่หรอกสำหรับคนอย่างพวกเรา มีก็แต่ต้องพยายาม และพยายามให้หนักต่อไป’ นั้นคือประโยคที่ออสตินได้บอกมาก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไปชั้นสาม แต่ก่อนจะไปก็ได้แนะนำคนคนหนึ่งให้ลองไปขอความช่วยเหลือดู ซึ่งพอได้ยินชื่อนั้นลูเทียร์ก็แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง โดยก่อนจะไปเธอก็ได้ไปขอเกรซยกเลิกภารกิจก่อน เพราะตอนนี้มีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องทำ และก็ดูเหมือนเกรซจะเข้าใจจริงไม่ติดใจอะไร
ณ บริเวณด้านหลังของกิลค์ซึ่งเป็นลานโล้งเอาไว้ทดสอบผู้มาสมัครเป็นนักผจญภัย แต่ในเวลานี้นั้นไม่ค่อยจะมีคนมาสมัครสักเท่าไหร่ เนื่องจากเมืองซันเดิลนั้นไม่ค่อยมีชื่อเสียงเรื่องคนต่อสู้เก่ง ดังนั้นผู้คนจึงหันไปพึ่งกิลด์จากอีกสองเมืองที่มีอำนาจและการคุ้มครองที่ดีกว่า แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นกิลด์ไกเทอร์โร่ก็ใช่ว่าจะขาดคนเก่งไปซะทีเดียว
“แรงค์ซิลเวอร์” ลุคที่ทำหน้าที่วัดระดับผู้มาสมัครได้บอกระดับให้คนมาใหม่ให้ทราบว่าฝีมือนั้นอยู่ระดับไหน แม้ปรกติแล้วทุกคนควรจะเริ่มตั้งแต่แรงค์บรอนซ์ แต่ที่นี่ต้องการคนเก่งอย่างรวดเร็วจึงให้แรงค์ตามความเก่งไปเลย จะได้ไม่มาเสียเวลาเก็บแรงค์นานเกินไป ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในตัวอาคารและยื่นเอกสารให้เกรซเพื่อไปทำบัตรนักผจญภัย และหลังจากหมดหน้าที่ในวันนี้ ลุคก็ได้ตั้งใจจะกลับไปที่พักเพราะอยากกลับไปทำงานที่ค้างไว้ต่อ แต่ก็ดันมีบางคนมาขวางเอาไว้ซะก่อน
“ช่วยสอนเรื่องการต่อสู้ให้ฉันหน่อย” เป็นลูเทียร์นั้นเองที่วิ่งมาขวางพร้อมกับพูดขอร้อง
“อะไรเนี่ย หลบไปคนจะกลับบ้าน” เจ้าตัวพูดออกไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดก่อนจะเดินเลี่ยงอีกฝ่ายไป
“คุณออสตินบอกว่าถ้าช่วยฉันจะช่วยเรื่องเงินทุน” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินหนีไปนั้นเธอก็ได้งัดไม้เด็ดออกมา เพราะว่าออสตินรู้อยู่แล้วว่าลุคต้องไม่ช่วยอย่างแน่นอนเขาจึงได้บอกวิธีนี้ไป ซึ่งการใช้แผนนี้นั้นต้องเสี่ยงอยู่พอสมควรว่ามันจะคุ้มกับเงินที่เสียไปรึเปล่า เนื่องจากออสตินไม่รู้ว่าลูเทียร์เก่งขนาดไหน แต่ถ้าเป็นชายหนุ่มคนนี้เขาเชื่อมั่นว่าต้องทำให้เธอเก่งขึ้นมากๆได้แน่
พอลุคได้ยินก็ถึงกับหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งจ้ำขึ้นไปชั้นสามพร้อมกับเปิดห้องที่ออสตินอยู่และเข้าไปคุยอย่างดุเดือด ก่อนที่ในเวลาต่อมาไม่นานเขาจะเดินออกมาพร้อมสีหน้ายิ้มแย้ม และตรงมาหาลูเทียร์พร้อมกับบอกให้ไปรอที่ลานทดสอบ
“เอาล่ะ หยิบดาบออกมาและใส่มาเต็มที่เลย” ก็ตามที่บอกว่าโจมตีมาให้สุดฝีมือเลย เพราะลุคต้องการจะทดสอบความสามารถของลูเทียร์ว่าอยู่ในระดับไหน เขาจะได้สอนให้เหมาะกับความสามารถ
พูดจบลูเทียร์ก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งตรงเข้าหาพร้อมทำการฟันดาบใส่อีกฝ่ายไปหลายครั้ง โดยทางลุคก็ได้ใช้ดาบป้องกันลำบากอยู่เล็กน้อยเนื่องจากเขาไม่ใช่สายต่อสู้แท้ๆ ก่อนที่จะทำการโต้กลับบ้างเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ใจไป และสุดท้ายก็จบที่เขาสามารถเอาชนะไปได้แม้จะต้องใช้อุบายนิดหน่อย
‘ก็เก่งใช่ย่อย แต่ดูเหมือนจะติดที่ว่ายังวิ่งเข้าใส่ศัตรูซึ่งๆหน้าไปหน่อย’ ในสายตาลุคนั้นลูเทียร์ถือว่าเก่ง แต่การโจมตีแบบไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี จะทำให้เป็นฝ่ายที่โดนต้อนเสียเองมากกว่า
“เอาให้เข้าใจง่ายๆนะ เปลี่ยนดาบซะ เอาเล่มที่มันสั้นกว่านี้ซะหน่อย เพราะดาบยาวจะทำให้พลังทำลายลดลงตอนเหวี่ยงดาบ ส่วนทักษะด้านต่อสู้ถือว่าผ่านมาตรฐาน ติดที่ว่าโจมตีซึ่งๆหน้าไปซะหน่อย ส่วนอีกเรื่องก็เวทมนตร์ คราวนี้ใช้ได้เต็มที่ ”
พูดจบลุคก็ได้ขอตัวเข้าไปในกิลค์ ก่อนจะกลับออกมาพร้อมดาบเล่มหนึ่งที่ยื่นให้ลูเทียร์ลองใช้ดู และแทบจะทันทีเธอก็สามารถคุ้นชินกับดาบเล่มนี้ได้ ก่อนจะลองไปฟันหุ่นไม้ดูตามคำสั่งของลุค ซึ่งผลก็คือรอยที่ฟันนั้นมีความลึกมากกว่าที่ลูเทียร์ฝึกอยู่ทุกวัน ก่อนที่การทดสอบอีกครั้งจะเริ่มในเวลาไม่นาน
การทดสอบเริ่มโดยที่ครั้งนี้ลูเทียร์ได้ทำโจมตีอย่างหนักหน่วง ส่วนทางด้านของคนลุคก็ป้องกันเอาไว้ด้วยดาบเล่มเดียว ซึ่งปรกติแล้วจะพกสองเล่มเมื่อต้องเข้าป่า แต่พอมาทำงานก็จะพกเล่มเดียวหรือบางครั้งก็ไม่พก โดยสถานการณ์ในตอนนี้เขาก็ได้พยายามไม่ใช้ความสามารถเต็มที่ เนื่องจากอยากรู้ว่าคนตรงหน้าจะทำให้ต้องใช้มันรึเปล่า ก่อนจะมาถึงจังหวะที่ลูเทียร์สามารถปัดดาบของลุคทิ้งไปได้ และทันทีที่มีจังหวะเธอก็ไม่รอช้าจะโจมตีทันทีแม้กับคนมือเปล่า แต่สุดท้ายดาบก็ถูกกันเอาไว้ด้วยเวทย์ชิลในรูปร่างโล่ขนาดใหญ่
“เกือบไปนะ” ลุคพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะทำการผลักโล่ใส่
ชั่วขณะที่เห็นว่าโล่กำลังพุ่งเข้ามาหานั้น ลูเทียร์ก็ได้กระโดดหลบไปด้านข้างก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง ที่คราวนี้เสริมด้วยเวทย์ปลดขีดจำกัด ซึ่งทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนทางด้านของลุคพอเห็นอย่างนั้นก็ได้สร้างกำแพงใสขึ้นมาหลายชั้น พร้อมกระโดดถอยเพื่อสร้างระยะห่าง แต่เพราะจำนวนชั้นที่มากขึ้นเขาจึงต้องแบ่งมานาและทำให้โล่ใสที่ใช้ในแต่ละอันไม่เท่ากัน แถมยังเปราะบางลงอย่างมากด้วย
‘ฟันทิ้งแทนที่จะวิ่งหลบ มั่นใจในแรงตัวจัง’
พอทิ้งระยะห่างได้นั้นลุคก็ไม่รอช้ารีบพุ่งไปหยิบดาบที่ตกขึ้นมา ก่อนที่จะทำการขว้างมันไปทางลูเทียร์ซึ่งก็ถูกปัดทิ้งอย่างง่ายดาย แต่นั้นก็เป็นเพียงแผนที่จะทำให้อีกฝ่ายเปิดช่องว่าง โดยจังหวะที่เธอทำการปัดดาบได้นั้น ลุคก็ได้วาร์ปไปตรงหน้า ก่อนจะต่อยเข้าที่เกราะกลางลำตัวด้วยเวทย์ชิลด์ที่มีรูปร่างทรงกลมใสคลุมมืออยู่
เพล็ง
ทรงกลมใสที่คลุมมือแตกออกจากแรงต่อยพร้อมกับลูเทียร์ที่กระเด็นไป ก่อนที่ลุคจะเดินไปหยิบดาบที่ปาไป
ลูเทียร์ที่เห็นอีกฝ่ายกำลังเผลอจึงทุ่มสุดตัวพุ่งจะเข้าไปฟันอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ได้สะดุดกล่องใสจากเวทย์ชิลด์ของลุคที่สร้างดักไว้จนเธอหน้าทิ่มกับลงพื้น
“เธอแพ้แล้ว มาคุยเรื่องที่ควรปรับแก้กันดีกว่า” ก่อนจะยืนคิดอะไรครู่หนึ่ง
“หนึ่ง ก็อย่างที่บอกการโจมตีที่ซื่อตรงเกินไป” ลุคอธิบายว่าการโจมตีแบบนี้จะทำให้ศัตรูรู้ว่าเราจะทำอะไรต่อไป และนั้นจะทำให้สุดท้ายคนแพ้ก็คือเรา
“สอง ขีดจำกัดทางด้านร่างกาย” ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องมีร่างกายบึกบึน แต่ควรจะมีร่างกายที่แข็งแรงและยืดหยุ่นได้ เพราะยังไงการต่อสู้ก็ใช้อาวุธอยู่แล้วร่างกายจึงควรที่จะแข็งแรงเพื่อให้ได้ทั้งรุกและรับ ส่วนเรื่องยืดหยุ่นเพื่อให้ทำการหลบการโจมตีได้ง่ายหรือทำการโจมตีได้หลายรูปแบบ
“สาม เวทย์ที่มีแม้จะไม่เห็นทั้งหมด แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันไม่ช่วยให้ต่อสู้ได้ง่ายขึ้นเลยใช่ไหม” ดูเหมือนจะจริงอย่างที่ลุคว่า เพราะลูเทียร์เธอก็รู้ตัวว่าเธอไม่มีเวทย์ที่ทำให้การต่อสู้ง่ายขึ้น แม้จะมีเวทย์เสริมกำลังแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เธอสามารถจัดการตัวยากๆได้ หรือเวทย์อัมพาตที่แม้จะมีแต่ก็เหมือนไม่มีเพราะมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ที่เจอก็มีแต่พวกที่ทนได้ ดังนั้นลุคจึงแนะนำไปเน้นทางด้านเวทย์ที่อเนกประสงค์จะดีกว่าอย่างเวทย์ควบคุม เพราะถ้าจะให้แก้นิสัยโจมตีแบบตรงๆเอาอย่างอื่นมาเสริมให้มันแข็งแกร่งขึ้นดีกว่า หรือเวทย์ลวงตาที่จะสร้างความรำคาญให้กับศัตรูและโจมตีทีเผลอได้
“เอาล่ะหมดธุระของฉันแล้ว ถ้าจะฝึกก็ทำตามคำแนะนำไม่นานน่าจะเก่งขึ้น” พูดจบเจ้าตัวก็หันหลังรีบเดินหนีทันที
ลูเทียร์ที่งงก็ได้วิ่งมาขวางทันที “เดี๋ยวๆๆ แล้วไม่สอนหรืออะไรเลยหรอ”
“ก็คุณมาสเตอร์ของเธอบอกแค่ช่วยดูและสอนให้หน่อย แต่ก็ไม่ได้บอกว่าสอนยังไง ดังนั้นนี่แหละการสอน และฉันก็ไม่ได้มีเวลาว่างมาสอนเด็กอย่างเธอทั้งวัน งานอย่างอื่นมีให้ทำตั้งเยอะ ขอให้โชคดี” พูดจบลุคก็ใช้เวทย์โยนลูเทียร์ลอยไปด้านหลังก่อนจะเดินออกจากกิลด์ไป
“หมอนั้นยังไม่เอาจริงหรอเนี่ย” หลังโดนจับเหวี่ยงไปก็ทำให้รู้ว่าลุคนั้นยังไม่ได้เอาจริงเลยสักนิดเดียว
บริเวณหน้าต่างชั้นสาม ออสตินที่มองทั้งคู่ฝึกเสร็จก็ได้ยิ้มแย้มด้วยสีหน้าพอใจ ก่อนจะพูดอะไรสักอย่างคนเดียว “ดูเหมือนจะมีคนถูกตามตื้อแน่ๆทีนี้” พร้อมกับหัวเราะออกมา แต่สุดท้ายก็ถูกเกรซที่ยืนรออยู่นานแล้วดุเข้า เพราะงานกองอยู่เต็มโต๊ะเนื่องจากหายไปหลายวัน
หลังจากที่ถูกปฏิเสธไปลูเทียร์ก็ได้ทดลองทำตามคำแนะนำโดยเลือกอันที่พอจะทำได้ก่อน เช่นเรื่องการยืดเส้นยืดสายและฝึกความคล่องตัว โดยเลือกท่ี่จะลองวิ่งสลับซ้ายขวาหลายๆครั้งจนคนรอบๆมองว่าทำอะไรอยู่ ต่อมาก็ลองเอากล่องในห้องเก็บของกิลด์ออกมาเพื่อจะลองวิ่งหลบไปมา ซึ่งก็ได้ขอเกรซเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากลองทำดูบ้างนิดหน่อยแล้วก็ทำให้รู้ว่ากล้ามเนื้อยังไม่ยื่นหยุ่นเต็มที่ พอรู้อย่างนั้นเธอจึงเริ่มไปยืดกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้อง แขน และน่องเป็นส่วนถัดไป จนใช้เวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง แต่นั้นยังไม่หมดเพราะก่อนจะเริ่มฝึกแบบเต็มที่ต้องทำให้ร่างกายพร้อมใช้งานก่อน เธอจึงได้ไปวิ่งรอบสนามอีกประมาณ 5 รอบ
“เหนื่อยก่อนฝึกพอดี” นั้นเป็นเรื่องปรกติสำหรับมือใหม่เนื่องจากยังไม่คุ้นชินเท่าไหร่ แต่เมื่อฝึกไปซักพักก็จะดีขึ้นและช่วยให้ผู้ฝึกใช้ร่างกายได้เต็มที่มากขึ้น
หลังจากวอร์มร่างกายเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลาที่จะเริ่มฝึกอย่างจริงจัง โดยลังที่ได้วางไว้จะเป็นรูปแบบสิ่งกีดขว้างซึ่งที่บางอันก็วางซ้อนกันเพื่อเพิ่มความท้าทาย ซึ่งเมื่อพร้อมแล้วก็ไม่รอช้าได้วิ่งเข้าใส่พร้อมกระโดดข้ามและข้ามมันไปโดยที่ไม่ให้ตัวเองนั้นโดนกล่อง โดยการฝึกก็ได้ดำเนินไปพักใหญ่ก่อนที่คนฝึกจะเริ่มเหนื่อยหอบ
“เรียกเหงื่อได้ดีจริงๆ”
เวลาได้ผ่านไปจนเข้าช่วงบ่ายแก่ๆ ลูเทียร์ที่ฝึกจนพอใจแล้วก็ได้ยกกล่องไปคืนเกรซก่อนที่ตัวเธอนั้นจะออกไปทำภารกิจเกี่ยวกับตามหาของ ซึ่งได้เงินดีอยู่พอสมควรเพราะต้องไปเก็บจากแมงมุมพิษที่มีชื่อเรียกว่าแมงมุมดำ โดยที่พวกมันนั้นอาศัยอยู่ในถ้ำ แต่ปัญหาก็ดันอยู่ที่พวกมันมีสีดำจึงทำให้มองหาได้ยาก และสิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือใยที่เป็นกรดพอจะละลายทุกสิ่งที่แข็งแรงน้อยกว่าเหล็กได้ ดังนั้นพิษที่คนต้องการจึงมีราคาสูงอยู่พอสมควร
“เอาล่ะมาลองดูกัน”
ใช้เวลาไม่นานในการเดินทางก็มาถึงถ้ำที่ถูกบอกมาว่ามีพวกแมงมุมดำอยู่ แต่ก่อนจะเข้าไปก็ไม่ลืมที่จะหยิบคบเพลิงที่ซื้อมาออกมาจุด แล้วเดินเข้าไปด้านในด้วยอย่างระมัดระวัง
ความมืดทั้งข้างหน้าข้างหลังพร้อมกับเสียงเดินของขาเล็กๆของแมลงได้ดังขึ้นรอบๆตัว แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ลูเทียร์กลัวได้เพราะพวกแมลงส่วนใหญ่จะไม่ค่อยกล้าสู้กับมนุษย์สักเท่าไหร่ ยกเว้นพวกนักล่าที่พวกมันมักจะสร้างกับดักไว้อย่างเส้นใยใสที่มองเห็นได้ยาก ที่ก็กำลังอยู่ตรงหน้าเป็นต้น
“เกือบไป” โชคยังดีที่ลูเทียร์มองเห็นมันได้จากกระทบแสงของไฟคบเพลิงพอดี จึงทำให้หยุดได้ทันที่จะเดินชน
เมื่อมองดูรอบๆไม่เห็นแมลงสักตัวลูเทียร์จึงใช้ไฟเผาใยเส้นเล็กๆตรงหน้า ก่อนจะเดินลึกเข้าไปพร้อมกับเผาใยที่พบตามรายทาง โดยยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งเจอใยเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งได้เดินมาถึงทางแยกซ้ายขวาที่ทั้งสองก็ไม่ได้ต่างกันมากสักเท่าไหร่ ก่อนจะตัดสินใจเลือกทางขวาซึ่งในเวลาต่อมาจะได้เจอกับแมงมุมดำที่ตามหาอยู่
ดาบเล็กเล่มใหม่ที่ยืมมาจากกิลด์ได้ถูกชักออกมา ก่อนที่จะทำการฟันลงไปที่ตัวแมงมุมที่มีขนาดเทียบเท่าสุนัขตัวใหญ่ แต่ในขณะที่ใบดาบกำลังจะสัมผัสตัวของมันนั้นก็ได้มีใยพุ่งออกมาจากด้านในถ้ำที่มองไม่เห็น
“อ้า!” ลูเทียร์ที่บังเอิญหลบได้ทันแต่ก็โดนเศษใยบางส่วนที่พาดลงบนไหล่ ซึ่งใยมันก็ได้กัดกร่อนเกราะเบาไปเล็กน้อย และในจังหวะที่กำลังตกใจอยู่นั้นเองก็ได้มีใยอีกหลายเส้นได้พุ่งตรงมา แต่ด้วยความไวของเธอเองเวทย์ชิลด์จึงถูกใช้ได้ทันเวลาพอดี ก่อนที่ในเวลาต่อมาลูเทียร์จะทำการขว้างคบเพลิงที่ถือมาเข้าไปด้านในเพื่อทำให้พวกมันตกใจ และพุ่งไปจัดการพวกมัน
กี้ กี้ กี้
แมงมุมดำหลายตัวได้เริ่มถูกลูเทียร์ฟันแต่ก็ยังไม่ถึงกับตาย เธอจึงใช้เวทย์อัมพาตเพื่อไม่ให้พวกที่ยังรอดมายุ่งได้ ซึ่งก็เป็นการตัดสินใจที่ดีพอสมควรกับสถานการณ์ จนในที่สุดแมงมุมจำนวนมากก็ได้ถูกกำจัดลงซึ่งก็เป็นพวกตัวโตเท่านั้นเพราะยังมีพวกลูกๆที่อยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะตอนนี้ต้องรีบเก็บพิษให้มากที่สุด ก่อนที่จะมีพาพวกมันมาเพิ่มอีก
“ขนาดนี้น่าจะพอส่ง” พิษจำนวนหนึ่งถูกเก็บใส่ไว้หลายขวด ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าทันที
เมื่อเห็นว่าน่าจะพอแล้วลูเทียร์ก็ไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปทางเดิมทันที แต่ก่อนจะไปนั้นเจ้าตัวก็ได้ตัดขาพวกที่ตายไปสองสามขาเพื่อใช้เป็นคบเพลิงขนาดเล็ก เนื่องจากเลือดของพวกมันนั้นสามารถจุดไฟได้ จนกระทั่งวิ่งมาถึงทางแยกที่เมื่อมาถึงเสียงจำนวนมากจากทางซ้ายที่ไม่ได้ตอนแรกไปก็ได้ดังขึ้นอย่างมาก พอรู้อย่างนั้นลูเทียร์ก็ไม่รอช้าเอาขาแมงมุมจ่อกับคบเพลิงที่ถืออยู่ ก่อนจะโยนไปยังทางที่มาของเสียง
“บ้าจริง”
ทันทีที่แสงไฟกระทบกับเปลือกสะท้อนแสงของพวกมัน ก็ทำให้เห็นแมงมุมจำนวนมากกำลังกรูกันมาเต็มไปหมด การต่อสู้ไม่ใช่ทางออกที่ดีแน่ๆเธอจึงเลือกที่จะวิ่งหนีแทน และด้วยการฝึกเมื่อเช้าจึงทำให้ลูเทียร์รู้สึกตัวเบาขึ้นอย่างมาก จนในที่สุดก็วิ่งมาถึงจุดๆหนึ่งที่น่าจะเป็นทางออก แต่ก็ดันมีใยจำนวนมากมาขวางเอาไว้
“ได้ยังไงเนี่ย” พอเห็นใยจำนวนมากตรงหน้า ลูเทียร์ก็ได้เอาคบเพลิงในมือจ่อเข้าไป โดยหวังว่ามันจะละลายทันก่อนที่พวกแมงมุมจะมาถึง แต่ในขณะที่กำลังรอให้ใยไหม้นั้นก็ได้มีพวกแมงมุมกลุ่มหนึ่งมาถึงตัว แต่ก็สามารถจัดการได้ไม่ยากเย็น
โล่ใสถูกนำขึ้นมาป้องกันใยที่ถูกยิงใส่ ส่วนอีกมือก็ได้พยายามปัดป้องพวกที่จะกระโจนเข้าหา จนกระทั่งใยที่กั้นทางออกไว้ได้ละลายจนเปิดเป็นทาง และทันทีที่เห็นลูเทียร์ก็ไม่รอช้าพุ่งออกไปในทันที แม้ว่าจะมีใยบางเส้นเกาะตามตัวและกัดผิวไปเล็กน้อย
“รอดแล้ว” เจ้าตัวกลิ้งตัวนอนลงกับพื้นทันทีที่หลุดออกมาจากถ้ำได้ แต่พอเห็นว่าพวกแมงมุมกำลังจะกรูกันออกมา เธอจึงลุกขึ้นวิ่งออกมาให้ไกลจากถ้ำนั้นอีกสักระยะเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยแล้ว ก่อนที่จะนั่งพักพร้อมใช้เวทย์รักษาแผล
ตะวันเริ่มตกดินซึ่งดูได้จากแสงบนท้องฟ้าซึ่งก็เป็นเวลาที่แผลบนตัวได้หายเกือบหมดพอดี และนั้นเองจึงให้ทำลูเทียร์ตัดสินใจเดินทางกลับ เพราะถ้าตะวันตกดินพวกมอนสเตอร์จะเริ่มเพ่นพ่านมากขึ้น แต่ในจังหวะที่กำลังจะก้าวเดินนั้น เสียงบางอย่างก็ได้ดังขึ้นมาจากพุ้มไม้ด้านข้าง เธอชักดาบออกมาอยู่ในมือทันทีก่อนที่จะค่อยๆเดินเข้าไปดู
ฟุบ
เด็กสองคนที่หน้าตาคุ้นเคยได้ล้มลงตรงหน้าทันทีเมื่อออกมาจากพุ้มไม้ ซึ่งเมื่อลูเทียร์เห็นเด็กทั้งคู่ก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปดูทันที
“พี่มาทำอะไรที่นี่หรอครับ” ลอยด์ถามลูเทียร์ที่มาจากไหนไม่รู้
“มาทำภารกิจแล้วพวกเธอล่ะ”
“ก็มาทำภารกิจเหมือนกันค่ะ แต่อยู่ๆก็มีก็อบลินกับฮ็อบก็อบลินมาจากไหนไม่รู้ พวกเราเลยรีบวิ่งหนีออกมา”
ดูเหมือนจะทราบที่มาที่ไปแล้วทั้งสามจึงพากันกลับเมือง แต่ในจังหวะที่จะถึงถนนแล้วนั้นอยู่ๆก็ได้มีขวานเล่มหนึ่งปามาดักหน้า ก่อนจะพบว่ามันคือฮ็อบก็อบลินที่มีเกราะและดาบในมือ
“พี่ขอยืมโล่หน่อยนะ” ลูเทียร์คิดแผนอะไรบางอย่างออกทันทีที่เห็นอีกฝ่าย ก่อนที่เธอจะวิ่งตรงไปหามันพร้อมกับปาโล่ที่ยืมมา
ปลดขีดจำกัด
โล่ได้ถูกขว้างไปอย่างรุนแรงแต่ก็ถูกปัดทิ้งได้ ซึ่งการกระทำนั้นก็เป็นเพียงตัวล่อเพื่อให้เธอกระโดดไปฟันคอได้ โดยที่มันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ดาบในมือของฮ็อบก็อบลินได้ถูกใช้ในการปัดโล่ นั้นจึงทำให้มันนั้นไร้การป้องกันและดาบสั้นก็ได้ทำการปาดคอของมันอย่างง่ายดาย
“เอาล่ะรีบกลับเมืองกันดีกว่า” ลูเทียร์พูดออกมาอย่างเร่งรีบเพราะกลัวว่าจะมีมาอีก ส่วนอีกสองคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ถึงกับยืนอึ้งกันพักใหญ่ เพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะมีฝีมือที่เก่งขนาดนี้จากคราวที่แล้วที่เจอกัน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 217
แสดงความคิดเห็น