Only one love รักนี้ แค่เธอ… คนเดียวเท่านั้นนะ [Yuri] Chapter 24
Chapter 24: มิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมห้องกับการแสดงกระชับมิตร
(วาฟเฟิลบรรยาย)
เวลาผ่านไปจนเหลืออีกเพียง 3 วัน การแสดงในพิธีเปิดงานของชมรมดนตรีร่วมกับชมรมขับร้องประสานเสียงที่น้องสาวฉันสังกัดอยู่ก็จะเริ่มขึ้น ฉันเฝ้ารอให้ถึงวันนั้นอย่างใจจดใจจ่อ เพราะมีโอกาสน้อยนักที่จะได้เห็นน้องสาวตัวเองยืนเป็นจุดเด่นของการแสดงเช่นนี้ เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ในชมรมคนอื่นๆ
เงลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ทั้งพาเฟ่ต์และซินนามอนต่างซ้อมการแสดงกันอย่างหนัก กว่าจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาเย็นย่ำแล้ว ช่วงนั้นน้องสาวของฉันบอกให้ล่วงหน้ากลับบ้านไปก่อนได้เลยไม่ต้องรอ แม้จะรู้สึกไม่สบายใจบ้างในช่วงแรก แต่ฉันก็เริ่มชินในเวลาไม่นาน
ดังนั้น เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ฉันจึงมักจะชวนเพื่อนสนิทร่างเล็ก ผู้มีเรือนผมสีแดงยาวสลวยให้เดินกลับบ้านด้วยกันเป็นประจำ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินกลับเหงาๆ คนเดียวละนะ
“นี่ วาฟเฟิล ไปหาของกินที่โรงอาหารก่อนค่อยกลับไหม?” เสียงของมาการงเอ่ยชวนหลังจากเสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนเงียบไปแล้ว
“จ้ะ ไปสิ วันนี้ฉันไม่รีบกลับน่ะ” ฉันไม่ปฏิเสธ เมื่อเก็บของเข้ากระเป๋าแล้วก็รีบเดินตามเพื่อนอีก 3 คนที่เหลือออกจากห้องไปทันที
“ให้ตายสิ ซินนามอนก็ยังซ้อมเหมือนเดิมสินะ” ช็อกโกล่าเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ขณะที่พวกเรากำลังเดินลงบันไดอาคารเรียนสู่ทางเดินเบื้องล่าง
“นั่นสินะ พวกชมรมคอรัชช่วงนี้ซ้อมกันหนักน่าดู พาเฟ่ต์น้องสาวฉันกลับบ้านเย็นทุกวันเลย” ฉันพยักหน้าเห็นด้วย พิธีเปิดงานที่โรงเรียนเป็นเจ้าภาพกำลังจะเริ่มในอีก 3 วันข้างหน้า แม้ว่างานนั้นจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชมรมของฉันและพวกคัสตาร์ดเลยก็ตาม แต่เมื่อมีเพื่อนอยู่ในชมรมที่ต้องทำหน้าที่แสดงเปิดงาน ฉันเองก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ในเมื่อคนนอกยังตื่นเต้นขนาดนี้ ไม่แปลกเลยที่คนที่ต้องแสดงจะรู้สึกตื่นเต้นและกดดันขนาดไหน
“ได้ยินว่าทั้งซินนามอนกับพาเฟ่ต์เป็นเซนเตอร์คู่กันด้วย การแสดงจะออกมาแบบไหนน้า ฉันเริ่มอยากดูซะแล้วสิ” เสียงของมาการงพูดอย่างกะตือรือร้น
“ฉันก็อยากดูเหมือนกันนะ แต่ว่า…” ฉันกล่าวได้แค่นั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องในชมรมที่น้องสาวเล่าให้ฟังแวบเข้ามาในหัว ฉันรู้สึกกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น รู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่ไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ ก็ได้แต่หวังว่าทั้งน้องสาวและเพื่อนอีกสองคนจะทำให้การแสดงออกมาดีและเคลียร์เรื่องที่ค้างคาให้จบลงโดยเร็ว
“แต่ว่า อะไรเหรอ” เสียงของคัสตาร์ดเอ่ยถาม ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะชวนเพื่อนๆ ให้เดินไปที่โรงอาหารโดยเร็ว รู้สึกถึงเสียงโครกครากจากกระเพาะร้องขออาหารขึ้นมาแล้ว
(พาเฟ่ต์บรรยาย)
“เอาละ วันนี้พอแค่นี้ พวกเธอทุกคนทำได้ดีมากเลย” เสียงของหัวหน้าชมรมพูดขึ้นขณะเสียงดนตรีเงียบลงแล้ว ฉันมองดูนาฬิกาแขวนผนังของห้องดนตรีก็เห็นว่าใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว วันนี้ก็เลิกเย็นเหมือนเดิม ทั้งที่ควรจะชินได้แล้วแต่ก็ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่ดี ป่านนี้โรงอาหารคงไม่มีอะไรขายแล้วกระมัง
“ไว้พรุ่งนี้เราค่อยมาซ้อมกันใหม่ เจอกันที่นี่หลังเลิกเรียนเหมือนเดิมนะ อย่าลืมว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็ต้องแสดงจริงแล้ว พอถึงวันจริงทุกคนต้องทำให้เต็มที่ จะให้ขายหน้าโรงเรียนอื่นไม่ได้เด็ดขาดนะ เข้าใจไหม?” เสียงของคุณครูผู้คุมการแสดงเอ่ยขึ้น ทุกคนขานรับพร้อมกันก่อนจะแยกย้ายกันไปหยิบสัมภาระของตนแล้วรีบกลับบ้าน
ฉันเดินลงบันไดขั้นสุดท้าย กำลังจะเลี้ยวออกจากตัวอาคาร ทันใดนั้นก็เห็นร่างของใครคนหนึ่งทางหางตา เมื่อเพ่งมองดีๆ ก็เห็นว่าเป็นโรสแมรี่นั่นเอง เธอก็กำลังจะเดินออกจากอาคารเช่นกัน ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงคำพูดของพี่สาวที่เคยพูดไว้เมื่อหลายวันก่อน
“เราต้องพยายามเกลี้ยกล่อมให้โรสกลับมาแสดงให้ได้นะ”
ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจ จู่ๆ ขาของฉันก็ก้าวเข้าไปหยุดอยู่เบื้องหน้าเธอแล้ว โรสแมรี่หันมามอง ก่อนจะถามเรียบๆ ว่า
“มีอะไร?”
“พรุ่งนี้ช่วงพักกลางวันเธอว่างหรือเปล่า?”
“หืม?” โรสแมรี่ขมวดคิ้วพร้อมกับอุทานในคอเบาๆ เธอหยุดเดิน ดวงตาสีอเมทิสต์สบประสานสายตากับฉันตรงๆ ฉันรู้สึกไม่พอใจเท่าไรนักที่โดนจ้อง แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่จ้องตาเธอกลับเช่นกัน เธอยังคงยืนเงียบ แต่สายตาที่สบมานั้นเหมือนกับจะมองทะลุไปให้ถึงจิตใจและความคิดของฉัน พวกเรายืนจ้องตากันอยู่หน้าตึก พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มที จนในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหว เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“นี่ เธอจะตอบฉันได้ยัง?”
“เมื่อกี้เธอถามว่าอะไรนะ?” หลังจากจบประโยคคำถามนั้น ฉันกลอกตามองบนใส่เธอไปทีหนึ่ง ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจก่อนจะถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง
“พรุ่งนี้ช่วงพักกลางวันเธอว่างไหม? รีบตอบมาเร็วๆ นี่ก็จะค่ำแล้วนะ จะได้รีบกลับบ้าน”
“เออ ว่างก็ได้ มีเรื่องอะไรล่ะ?” โรสแมรี่ตอบอย่างเสียไม่ได้ ฉันแอบถอนหายใจเบาๆ กับนิสัยของเพื่อนคนนี้ ถ้าไม่ติดว่ามีเรื่องจะคุย แล้วเรื่องนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่เกี่ยวกับทั้งการแสดงที่กำลังจะมาถึงและเป็นเรื่องระหว่างพวกเราที่คาราคาซังอยู่ละก็ ฉันคงไม่มีทางนัดคนแบบนั้นมาคุยด้วยหรอก
“เรื่องระหว่างเรา แล้วก็เรื่องการแสดงของชมรมไงล่ะ”
“เรื่องระหว่างเรา?” โรสแมรี่เลิกคิ้วสูง ก่อนจะพูดต่อ “ฉันจำไม่ได้นะว่าเคยมีเรื่องอะไรกับเธอมาก่อน แล้วอีกอย่าง เธอมีสิทธิ์อะไรมาใช้คำว่าเรากับฉันไม่ทราบ!”
เสียงนั้นเริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว ฉันไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่ส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยไปให้ ก่อนจะพูดว่า
“เธอทำอะไรกับฉันไว้ ฉันไม่ถือสาหรอก แต่ถ้าเธอทำอะไรกับเพื่อนฉันอีกละก็ ฉันคงจะอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้วละนะ”
หลังจากยืนพูดจากันอีกสองสามคำ พวกเราก็นัดหมายสถานที่นั่งคุยกันในวันพรุ่งนี้ และแยกย้ายกันกลับบ้าน
(โรสแมรี่บรรยาย)
เวลาพักกลางวัน หลังจากที่ฉันกินข้าวเสร็จก็รีบขึ้นไปที่ตึกศิลปะแล้วเดินลัดเลาะไปที่บริเวณหน้าห้องคอมพิวเตอร์ ฉันเลือกนั่งรอที่ม้านั่งหน้าห้องนั่นเอง เมื่อคิดถึงใบหน้าของเพื่อนร่วมห้องที่นัดให้มาเจอกันที่นี่ก็อดรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้ ให้ตายเถอะ ถ้าไม่ติดว่ายัยนั่นมีเรื่องจะคุยด้วย ฉันคงไม่มานั่งรออยู่ในที่แบบนี้หรอก สู้ใช้เวลาช่วงพักไปทำอย่างอื่นดีกว่าตั้งเยอะ
“ไง มาเร็วดีนี่” เสียงที่คุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้นดังขึ้นข้างหลัง ฉันตวัดสายตาไปมองก็เห็นเจ้าของเรือนผมสีเขียวที่โบกสะบัดไปตามแรงลม ซึ่งก็คือเพื่อนร่วมห้องของฉันนั่นแหละ พาเฟ่ต์ทรุดตัวนั่งลงบนม้านั่งห่างจากฉันไปเล็กน้อย
“หึ” ฉันหัวเราะในลำคอ ก่อนเอ่ย “อย่างน้อยก็มาเร็วกว่าคนที่นัดมาก็แล้วกัน”
พาเฟ่ต์ไม่ตอบ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างฉัน พวกเราสบตากันแวบหนึ่ง ก่อนที่ฉันจะหันไปพูดกับเธอด้วยความหงุดหงิด
“นี่ ขยับออกไปหน่อยก็ได้นะ ที่นั่งออกกว้าง ไม่ต้องมาเบียดกันขนาดนี้ก็ได้”
“ฉันจะนั่งตรงนี้ มีอะไรไหม?” น้ำเสียงที่พูดนั้นยั่วโมโหฉันได้อย่างดี ฉันกลอกตา พยายามนับเลขในใจเพื่อสะกดอารมณ์ ตั้งสติสักพักก่อนจะหันมาพูดกับเธออีกครั้ง
“ที่เรียกฉันมาที่นี่ มีเรื่องอะไรล่ะ?”
“เธอมั่นใจแล้วเหรอว่าจะไม่ร่วมแสดงในพิธีเปิดงานครั้งนี้จริงๆ?” พาเฟ่ต์เริ่มเข้าเรื่องทันทีอย่างไม่เสียเวลาคิด
“มั่นใจสิ” ฉันตอบอย่างไม่ลังเล
“ทำไม? เพราะแค่ไม่อยากจะเห็นหน้าซินนามอน เธอเลยไม่อยากร่วมแสดง เหตุผลมีแค่นั้นเหรอ?” คำถามของพาเฟ่ต์จี้ใจดำฉันเข้าอย่างจัง ฉันรู้สึกไม่พอใจนัก แต่ก็ไม่อยากทะเลาะกับเธอให้เสียเรื่อง จึงตอบไปด้วยน้ำเสียงปกติ
“เหตุผลน่ะ ไม่ได้มีแค่นั้นหรอก” ฉันเริ่มพูด “ฉันก็แค่…” หลังจากพูดประโยคนี้ออกไป ฉันก็พูดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ความรู้สึกมากมายหลั่งไหลเข้าสู่สมองของฉันช้าๆ ทั้งความอิจฉา น้อยใจ และเหนือกว่าความรู้สึกอื่นที่ตีตื้นขึ้นมาในใจ ไม่มีความรู้สึกใดที่รุนแรงเท่ากับความรู้สึกโกรธตัวเอง…
“มีเหตุผลอื่นอีกไหม?” พาเฟ่ต์ถามต่อ แต่ใบหน้าของฉันคงจะปิดบังความรู้สึกต่างๆ ในใจเอาไว้ไม่ได้มาก ดวงตาของฉันวูบไหว พาเฟ่ต์คงน่าจะสังเกตความผิดปกตินั้นแล้ว จึงกล่าวตัดบท ไม่ถามเซ้าซี้เรื่องเหตุผลของฉันอีก
“ช่างเถอะ เธอไม่อยากบอกก็แล้วแต่เธอ แต่ฉันอยากถามเธออย่างหนึ่ง” เพื่อนผมเขียวเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยต่อ
“ใจจริงแล้ว เธออยากร่วมแสดงหรือเปล่า?”
ฉันคิดตามคำพูดนั้น…
ตั้งแต่เข้าชมรมนี้มา ครั้งแรกที่ฉันได้รับตำแหน่งเซนเตอร์ก็คือการแสดงครั้งแรกในตอนที่พวกเราอยู่ ม.2
และตอนนั้นฉันก็รู้สึกดีใจมากกับตำแหน่งที่ทุกคนในชมรมพร้อมใจกันเลือกให้ เพราะพวกเขาเห็นถึงความสามารถของฉัน และหลังจากนั้น ฉันก็ทำผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย…
หลังจากที่ได้รับตำแหน่งเซนเตอร์ในครั้งนั้น ฉันก็ไม่คิดที่จะพัฒนาความสามารถของตัวเองให้ดีขึ้น เพราะมั่นใจในตำแหน่งของตัวเองว่าไม่มีใครที่จะแทนที่คนที่ทั้งเก่งและมีความมั่นใจเปี่ยมล้นแบบโรสแมรี่คนนี้ได้อีกแล้ว
และวันหนึ่ง ความคิดของฉันก็ต้องเปลี่ยนไป เพราะมีคนที่ฉันไม่เคยคาดคิดว่าจะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งเซนเตอร์แทนฉันได้ และวันนั้นก็เป็นจริงขึ้นมา พร้อมกับฉันที่ไม่ได้เป็นผู้ถูกเลือกให้เข้าร่วมในการแสดงครั้งนั้น…
ตอนนั้นฉันโกรธมาก และส่วนลึกในจิตใจเองก็รู้สึกอิจฉาด้วย จึงคิดหาวิธีต่างๆ นานา เพื่อจะทำยังไงก็ได้ให้ซินนามอนไม่ได้ขึ้นแสดงในงานอำลารุ่นพี่ในเทิมที่แล้ว และฉันก็คิดหาวิธีออกมาจนได้ คือการเอาของของเธอไปซ่อน แต่ก็ล้มเหลวเพราะถูกจับได้เสียก่อน
และฉันก็ทำผิดพลาดอีกครั้ง ด้วยการพูดวาจาร้ายกาจใส่ซินนามอนซึ่งฉันนับเธอเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในชมรม ทั้งที่เธอดีกับฉันมาตลอดแท้ๆ แต่ฉันก็ยังพูดวาจาทำร้ายจิตใจใส่เธออีก และผลลัพท์ที่ตามมาคือสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง
ถึงซินนามอนจะไม่พูด แต่ดูจากท่าทางของเธอที่แสดงออกมาก็เห็นอยู่ทนโท่แล้วว่า ซินนามอนทั้งโกรธและเสียใจมากขนาดไหนกับการกระทำของฉันเมื่อคราวนั้น เวลาที่พวกเราอยู่ในชมรมด้วยกันเธอจะทำเมินไม่สนใจ และไม่คุยกับฉันอีกเลยก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร
หลังจากทำแบบนั้นลงไป ฉันรู้สึกสับสนกับตัวเอง…
คนแบบฉันควรจะได้รับโอกาสให้ขึ้นแสดงอีกไหม? และควรจะได้รับมิตรภาพดีๆ จากใครสักคนหรือไม่?
“นี่ ตอบสักทีสิ เงียบแบบนี้ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเธอคิดอะไรอยู่” พาเฟ่ต์เอ่ยเรียกจนทำให้ฉันสะดุ้ง นี่ฉันจมอยู่กับความคิดของตัวเองแบบนี้มานานเท่าไหร่กัน…
“ฉะ… ฉัน” ฉันเริ่มพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉัน… อยากขึ้นแสดงอีกสักครั้ง”
“คิดแบบนั้นได้ก็ดี” พาเฟ่ต์ยิ้มอย่างพอใจ “ได้ยินรุ่นพี่หลายคนบอกว่าตั้งแต่ที่เราซ้อมกันมา เธอไม่ตั้งใจซ้อมเลย เธอไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองแล้วใช่หรือเปล่า?” คำถามของพาเฟ่ต์ทำให้ฉันรู้สึกเศร้าใจและอดสมเพชตัวเองไม่ได้ ตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งนั้น ความสุขของฉันที่เคยได้ยืนอยู่บนเวทีก็เริ่มหายไป ทักษะการร้องเพลงที่เคยดีเยี่ยม บัดนี้ มันได้ตกลงไปนานแล้ว และดูเหมือนจะเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ด้วย
และเพราะเป็นแบบนี้ ทำให้ตำแหน่งของฉันที่เคยยืนอยู่แถวหน้ามาตลอด กลายเป็นต้องมายืนอยู่หลังสุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ในเมื่อเธออยากร่วมแสดงอีกครั้ง ฉันจะลองไปคุยกับพี่เชอร์ให้ก็ได้” พาเฟ่ต์พูดประโยคที่ทำให้ความหวังของฉันเริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำได้จริงๆ
“เธอทำแบบนั้นจะดีเหรอ?” คำถามของฉันสื่อความหมายเป็นนัยๆ ว่า ถ้ารุ่นพี่หัวหน้าชมรมไม่อนุญาต ตำแหน่งแถวหน้าที่ฉันปรารถนาก็คงไม่มีวันเป็นไปได้ ตอนนี้ฉันไม่ได้ปรารถนาตำแหน่งเซนเตอร์เหมือนเมื่อก่อน เพราะรู้ดีว่ามีคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นมากกว่าตัวเองแล้ว และคนคนนั้นก็ทำออกมาได้ดีไม่มีที่ติเสียด้วย ลบคำที่ฉันเคยสบประมาทออกไปจนหมดสิ้น
“ไม่ลองดูก็ไม่รู้หรอกน่า ไว้ก่อนเริ่มซ้อมฉันจะลองคุยกับพี่เชอร์ดู แต่เธอก็ต้องไปกับฉันด้วย”
“ทำไมฉันต้องไปเป็นเพื่อนเธอด้วยล่ะ?” ฉันถามพาซื่อ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับรุ่นพี่หัวหน้าชมรมเลยจริงๆ
“เธอไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่น่ะฮึ ถ้าเธอไม่ไปยืนยันจริงๆ ว่ารู้สึกอยากร่วมแสดงขึ้นมาแล้ว ให้ฉันเป็นคนไปคุยแค่คนเดียวใครเขาจะเชื่อ” คำตอบของเพื่อนผมเขียวทำให้ฉันถึงกับชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ ยัยบ้านี่ จะตอบด้วยคำพูดที่ดีๆ กว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าที่เธอพูดมาก็คือความจริงทั้งหมด
“ขอบคุณนะ พาเฟ่ต์” พวกเราเงียบไปสักพัก ในที่สุด ฉันก็เอ่ยขอบคุณเธอออกมาเบาๆ
“เธอขอบคุณฉัน… เรื่องอะไรล่ะ?” เพื่อนร่วมห้องหันมาถามงงๆ
“หลายเรื่อง” ฉันตอบ และยิ้มออกมาได้ในรอบหลายวัน
“ช่างมันเถอะ” พาเฟ่ต์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เธอก็เป็นทั้งเพื่อนร่วมห้องแล้วก็เพื่อนร่วมชมรมของฉันด้วย จะไม่ช่วยก็ถือว่าใจร้ายไปหน่อยละนะ”
“แล้วแบบนี้… ฉันถือว่าเป็นเพื่อนเธอแล้วหรือยัง?” ฉันถามอย่างไม่แน่ใจ ถึงเราจะทะเลาะกันบ่อยแค่ไหน แต่ใจจริงฉันก็ไม่ได้เกลียดพาเฟ่ต์เลยแม้แต่นิดเดียว
“ระหว่างฉันกับเธอเหรอ…” พาเฟ่ต์พูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ฉันก็ไม่ได้เกลียดเธอหรอกนะ ถึงเราจะทะเลาะกันบ่อยไปหน่อยก็เถอะ” คำพูดของเธอทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“งั้นเรา… คืนดีกันนะ” ฉันยื่นมือออกไปตรงหน้า พร้อมกับมือเรียวของอีกคนที่กระชับมือตอบเป็นอันสงบศึกระหว่างพวกเราที่ยืดเยื้อกันมานาน แต่พาเฟ่ต์ก็ยังพูดปิดท้ายอีกประโยคที่ทำให้ฉันหน้าแดงด้วยความโมโหอีกครั้ง
“การเป็นเพื่อนกับเธอก็ไม่ได้แย่นักหรอก”
(พาเฟ่ต์บรรยาย)
“อะไรนะ! จะขอยกเลิกตำแหน่งดับเบิลเซนเตอร์เหรอ!” หลังเลิกเรียน ฉันและโรสแมรี่ก็เดินเข้าไปหาพี่เชอร์ผู้เป็นหัวหน้าชมรม พร้อมกับแจ้งเรื่องที่พวกเราตกลงกันไว้ให้เธอได้รับรู้
“ใช่ค่ะ พี่เชอร์ ช่วยพวกเราหน่อยเถอะนะคะ เพราะฉันคุยกับพาเฟ่ต์แล้ว เห็นว่าเพลงนี้น่าจะให้พวกเรา ม.ต้น ยืนอยู่แถวหน้าทั้ง 3 คนเลยดีกว่า เพราะไหนๆ ก็เป็นปีสุดท้ายของพวกเราแล้ว แถมถ้ามีตำแหน่งเซนเตอร์หลายคนฉันรู้สึกว่ามันยุ่งยาก เพราะงั้น ให้พวกเรายืนอยู่แถวหน้าด้วยกันทั้งสามคนเถอะนะคะ ให้ซินนามอนอยู่ตรงกลางก็ได้” โรสแมรี่อ้อนวอนสุดชีวิต ฉันรู้สึกว่าบนใบหน้าของรุ่นพี่จะเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
การที่ฉันกับโรสแมรี่เดินมาด้วยกันเรียกสายตาสงสัยใคร่รู้และเสียงซุบซิบของคนในชมรมได้ไม่ยาก เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรานั้น ทุกคนเองก็รู้ว่าแย่ขนาดไหน แม้แต่ซินนามอนเองก็ส่งสายตาแปลกๆ มามองเหมือนกัน
“อะ… อืม” พี่เชอร์พยักหน้าอย่างเหม่อลอย สักพักก็ตั้งสติได้ ก่อนจะถามพวกเราเพื่อความแน่ใจ
“ทั้งสองคนแน่ใจนะว่าไม่อยากให้มีตำแหน่งเซนเตอร์คู่จริงๆ”
“ค่ะ แน่ใจค่ะ” ฉันกับโรสแมรี่ตอบพร้อมกัน
“ถ้าแบบนั้นก็พอจะทำได้อยู่ แค่เปลี่ยนการจัดแถวนิดหน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ซินนามอนจะโอเคหรือเปล่า พวกเราได้ปรึกษาเพื่อนแล้วหรือยังก่อนจะมาขอพี่น่ะ?” ฉันใจหายวาบ เพราะเรื่องที่พูดกับรุ่นพี่หัวหน้าชมรมนั้นไม่ได้ถามความคิดเห็นของซินนามอนมาก่อนเลย จึงหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากโรสแมรี่ผู้เป็นคนต้นคิด ทางนั้นก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
พวกเราส่งสายตามองกันไปมองกันมา จนในที่สุดพี่เชอร์ก็ทนไม่ไหว จึงหันไปถามความเห็นของซินนามอนด้วยตัวเอง
“ซินนามอน ถ้าพี่จะเปลี่ยนการจัดแถวใหม่เราจะโอเคหรือเปล่า?”
“ฉันยังไงก็ได้ค่ะ” ซินนามอนตอบอย่างเลื่อนลอย ไม่รู้ว่าตกใจเรื่องการเปลี่ยนตำแหน่งการยืนหรือตกใจที่พวกเราเดินมาด้วยกันและคุยกันได้โดยไม่มีการทะเลาะเกิดขึ้นกันแน่
เรื่องการเปลี่ยนตำแหน่งการยืนจบลง ตำแหน่งดับเบิลเซนเตอร์เป็นอันยกเลิก เหลือเพียงนักเรียน ม.3 ทั้งสามคนยืนอยู่หน้าสุดโดยมีซินนามอนอยู่ตรงกลาง แต่ก็แลกมาด้วยการถูกตำหนิทั้งจากรุ่นพี่หัวหน้าชมรมและคุณครูที่มาช่วยควบคุมการซ้อม เพราะความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป อีกเพียง 2 วันก็จะถึงเวลาแสดงจริงแล้ว ฉันกับโรสแมรี่จึงต้องรับฟังวาจาตำหนิเหล่านั้นไปตามระเบียบ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็มาถึงวันที่ต้องขึ้นแสดงจริงแล้ว สมาชิกชมรมคอรัชทุกคนมารวมตัวกันที่หอประชุมในเวลาแปดโมงตรง พิธีเปิดกำลังจะเริ่มแล้ว พวกฉันที่ยืนอยู่แถวหน้ารีบจัดแถวอย่างรวดเร็วโดยมีซินนามอนยืนอยู่ตรงกลาง โรสแมรี่อยู่ฝั่งขวา ส่วนฉันยืนอยู่ฝั่งซ้าย ไม่รู้ทำไม ฉันรู้สึกดีกับตำแหน่งการยืนแบบนี้ ไม่ต้องมีตำแหน่งเซนเตอร์ที่ทุกคนช่วยกันเลือกกันขึ้นมาให้ต้องปวดหัว แต่ถึงจะบอกว่าไม่มีตำแหน่งเซนเตอร์ก็พูดไม่ได้เต็มปากนัก เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงกลางก็คือคนที่เป็นจุดเด่นที่สุดในการแสดงอยู่ดี แต่ฉันก็ไม่ได้กังวลอะไรมากเพราะซินนามอนเตรียมตัวมาดีมากตั้งแต่เวลาซ้อมแล้ว ถึงจะมีความตื่นเต้นอยู่บ้างแต่ความตื่นเวทีก็มีไม่มากไม่เหมือนตอนแสดงครั้งที่ผ่านๆ มา และก็ไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นด้วย เรียกได้ว่าการแสดงครั้งนี้ราบรื่นมากกว่าทุกครั้งจริงๆ
(ติดตามตอนต่อไป)
********************
หายไปนานเป็นชาติ ขอโทษผู้อ่านทุกคนด้วยนะคะ ไม่รู้ว่ามีคนยังจำเรื่องนี้ได้หรือเปล่า T_T
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 518
ความคิดเห็น
หายไปนาน^_^
แสดงความคิดเห็น