บทที่ 214: เอาชนะใจราชองครักษ์
ราชองครักษ์รู้สึกสับสนไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินรับสั่งของนายเหนือหัว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เห็นแววตาของอีกฝ่าย ไม่ว่าเขาจะยังคงสับสนมากเพียงใด สุดท้ายเขาก็ต้องตอบรับคำสั่ง
จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับมู่ไป๋ไป่ว่า “องค์หญิง เชิญทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”
เด็กหญิงมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง เนื่องจากคนพวกนี้รู้จักตัวตนของเธอ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับมู่ไป๋ไป่เธอเลย
“คนในค่ายย่อมเชื่อฟังเราอยู่แล้ว” ฮ่องเต้ที่เห็นท่าทางระมัดระวังตัวของเด็กน้อยพูดขึ้นมา
เขากล่าวเช่นนั้นก็เพียงแค่อยากให้คนตัวเล็กสบายใจขึ้น แม้ว่าเธอจะไม่รู้สึกสบายขึ้นเลยสักนิดก็ตาม แต่เธอก็ยังเดินไปจับมือราชองครักษ์เอาไว้
“เราไปกันเถอะ” มู่ไป๋ไป่เอียงศีรษะพูดกับอีกฝ่ายอย่างน่ารัก
ทหารไม่ได้คาดคิดว่าองค์หญิงจากแคว้นศัตรูจะพูดกับตนเช่นนี้ เขาจึงได้แต่ยืนมึนงง
องค์หญิงพระองค์นี้มีนิสัยน่ารักมากจริง ๆ
ใครที่ได้พบมู่ไป๋ไป่ก็จะถูกใบหน้าที่เหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบของเธอล่อลวงให้หลงใหล แม้แต่ฮ่องเต้ผู้โง่เขลาคนนั้นก็ยังปฏิบัติกับเธอแตกต่างไปจากคนอื่น
ทางด้านเด็กหญิงสังเกตเห็นว่าสายตาที่ราชองครักษ์มองเธอนั้นต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน
ในระหว่างที่เดินไป เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่าง 2 แคว้น ราชองครักษ์จึงพยายามรักษาระยะห่างจากองค์หญิงตัวน้อยเอาไว้ให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มู่ไป๋ไป่ถามคำถามไป 2-3 ข้อติดต่อกัน แววตาของเขาก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านอายุเท่าไหร่หรือ?” คนตัวเล็กเอ่ยปากถาม
ทหารชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของเด็กหญิง สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็มีอายุพอ ๆ กับน้องสาวของเขา
สาเหตุที่ทั้ง 2 ไม่เคยคุยกันจนกระทั่งตอนนี้เป็นเพราะสถานะของมู่ไป๋ไป่ที่เป็นถึงองค์หญิงของแคว้นศัตรู
และเหตุผลที่คนตัวเล็กเริ่มพูดคุยกับเขาเพราะเธอสังเกตมาระยะหนึ่งแล้วว่าชายคนนี้ไม่ได้เข้มงวดเท่ากับแม่ทัพหลี่ เขาน่าจะเพิ่งเข้าประจำการเป็นทหารมาได้ไม่นาน
ในสายตาของเขายังคงหลงเหลือความเห็นอกเห็นใจ แม้ว่าสถานะของพวกเขาจะยืนอยู่คนละฝั่งเช่นนี้ อาจเป็นเพราะเขาเห็นว่ามู่ไป๋ไป่ยังเด็ก ราชองครักษ์จึงมักจะมองเด็กน้อยด้วยสายตาเอ็นดูโดยไม่รู้ตัว
“กระหม่อมเป็นผู้ชาย คงจะไม่เหมาะสมที่จะอาบน้ำให้พระองค์” เมื่อทั้งคู่มาถึงห้องอาบน้ำ ทหารหนุ่มก็ไปยืนรออยู่ที่หน้าประตู
เขามองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยสายตาระมัดระวังอย่างยิ่งในขณะที่สีหน้าของเขาจริงจังมาก
มู่ไป๋ไป่จ้องมองราชองครักษ์ที่พยายามไม่มองตนตรง ๆ แล้วกล่าวว่า “ใครบอกว่าจะให้ท่านอาบให้ข้า ข้าอาบเองได้”
คนที่คลุกคลีอยู่ในสนามรบมาเป็นเวลานาน พอพวกเขาได้ยินคำพูดของคนตัวเล็ก พวกเขาก็นึกถึงเด็กน้อยน่ารักที่รออยู่ที่บ้านและรู้สึกเอ็นดูองค์หญิงมากยิ่งขึ้น
มู่ไป๋ไป่เห็นว่าชายคนนั้นยังคงนิ่งเงียบ เธอจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่งกว่าเดิม
“ข้าบอกแล้วว่าข้าอาบเองได้” เพื่อให้ตัวเองยังคงรักษาความสง่างามเอาไว้ได้ เธอจึงเท้าเอวพูด
หากเป็นผู้ใหญ่ทำท่าทางเช่นนี้ ความรู้สึกคงจะแตกต่างออกไป แต่คนที่อยู่ตรงหน้าทหารหนุ่มคือมู่ไป๋ไป่ เด็กน้อยวัย 4 ขวบครึ่งที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ไม่ว่านางจะทำอะไรมันก็ไม่ทำให้ใครรู้สึกโกรธหรือเกลียด
ราชองครักษ์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ ซึ่งมันทำให้เด็กหญิงไม่พอใจมากยิ่งขึ้น
แต่แล้วฝ่ายทหารหนุ่มก็ต้องยอมแพ้ไป
ท้ายที่สุดแล้วสถานะของมู่ไป๋ไป่ก็คือองค์หญิง ด้วยสถานะที่สูงส่งเช่นนี้ นางคงจะมีสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่ตลอดเวลา ในเมื่อมีคนทำทุกอย่างให้ นางจะเสียเวลาทำเองอีกทำไม?
ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อสิ่งที่เด็กหญิงพูดและมองร่างเล็ก ๆ ตรงหน้าด้วยความสงสัย
เดิมทีมู่ไป๋ไป่อยากจะพูดอะไรบางอย่างกับราชองครักษ์ อย่างน้อยเธอก็ควรจะแก้ไขความเข้าใจผิดของอีกฝ่ายสักหน่อย
แต่คนตัวเล็กกลับต้องไม่พอใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นทหารคนนั้นเอาแต่ส่งสายตาฉงนมองเธอ
กับอีแค่อาบน้ำเขาต้องสงสัยถึงขนาดนี้เลยหรือไง?
“ท่านไปเอาน้ำมาให้ข้าสิ ข้าจะล้างตัวให้ท่านดู” มู่ไป๋ไป่พูดในขณะที่ทำหน้าจริงจังมาก
พอทหารหนุ่มได้ยินสิ่งที่เด็กหญิงพูด เขาก็ยิ้มออกมาแล้วเอ่ยปากว่า “เอาเถอะ กระหม่อมจะรอดูว่าสิ่งที่องค์หญิงน้อยตรัสนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่”
ท่าทางของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าเขากำลังล้อมู่ไป๋ไป่อยู่ ก่อนที่เขาจะรีบไปเตรียมน้ำมาให้อีกฝ่ายทันที
หลังจากที่คนตัวเล็กเข้าไปในห้องอาบน้ำ เธอก็เห็นอ่างอาบน้ำที่ถูกเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดี เธอจึงมองราชองครักษ์ที่ยืนเงียบ ๆ อีกครั้ง
“ท่านออกไปได้แล้ว” มู่ไป๋ไป่รู้ว่าทหารคนนี้ไม่ได้คิดจะช่วยเธออาบน้ำเพราะความแตกต่างระหว่างชายหญิง
แม้ว่าเขาอยากจะช่วยเธอมากเพียงใด แต่ถ้าให้บอกตามตรง แน่นอนว่าตัวเธอเองก็ไม่ยินยอมเช่นกัน
ดังนั้นเธอจึงเอ่ยปากเตือนให้เขาออกไป ราชองครักษ์เองก็เหลือบมองเด็กหญิงราวกับว่าตนได้รับอภัยโทษ ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง มันเป็นไปไม่ได้เลยจริง ๆ ที่เขาจะอาบน้ำให้เด็กผู้หญิง
อีกทั้งเรื่องนี้มันขัดกับสิ่งที่เขายึดถือมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่คิดอยากทำมันตั้งแต่แรก
มู่ไป๋ไป่ที่เห็นอีกฝ่ายรีบวิ่งแจ้นหนีออกไปก็อดหัวเราะไม่ได้
ถัดมา เธอรีบถอดเสื้อผ้าออกแล้วอาบน้ำ เนื่องจากร่างกายนี้เป็นของเด็กอายุ 4 ขวบครึ่ง ดังนั้นเนื้อตัวของเธอจึงยังมีกลิ่นน้ำนม เธอลองขยับจมูกดมแล้วก็รู้สึกสดชื่นมาก
หลังจากแช่น้ำอยู่นาน เธอก็แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
ดวงตาของราชองครักษ์เป็นประกายทันทีที่ได้เห็นมู่ไป๋ไป่ที่เปลี่ยนกายเป็นเด็กน้อยที่เนื้อตัวสะอาดสะอ้านดูน่าทะนุถนอม
“ข้าบอกแล้วว่าข้าทำเองได้” คนตัวเล็กเดินหมุนตัวรอบทหารคนนั้นเพื่อให้เขาได้มองเห็นชัด ๆ
ราชองครักษ์มองดูใบหน้าน่ารักขององค์หญิงแล้วพยักหน้าเป็นการเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอเพิ่งจะพูดไป
จากนั้นมู่ไป๋ไป่ก็เดินเข้าไปจับมืออีกฝ่ายอีกครั้งพร้อมกับพูดว่า “ท่านพาข้ากลับไปหาฝ่าบาทหน่อยสิ”
“พ่ะย่ะค่ะ” ทหารหนุ่มไม่เพียงแค่ตอบรับคำสั่งของเด็กหญิง แต่เขายังนั่งลงอุ้มเธอเดินไปอีกด้วย
มู่ไป๋ไป่ที่ออกมาจากบริเวณห้องอาบน้ำก็พบกับสายตาแปลกใจของทหารหลายคนที่เห็นว่าทั้ง 2 เข้ากันได้ดีถึงเพียงนี้
สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ได้ยินมาว่ามีองค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยหลงถูกจับตัวมาที่ค่ายทหาร เดิมทีพวกเขาคิดว่าฝ่าบาทจะกักขังนางไว้ แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่านางจะได้รับการดูแลปรนนิบัติอย่างดีเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงน้อยพระองค์นี้ก็ดูน่ารักมากจนทำให้ทุกคนหลงเสน่ห์นาง
แต่ทุกครั้งที่คิดถึงตัวตนที่แท้จริงขององค์หญิง คนพวกนี้ก็มักจะมองข้ามความน่ารักไป
เวลาต่อมา ราชองครักษ์ส่งมู่ไป๋ไป่ไปที่ทางเข้ากระโจมหลวง ก่อนจะย่อตัววางเธอลงบนพื้น
“เชิญพระองค์เดินเข้าไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ทหารหนุ่มพูดกับเด็กน้อย
มู่ไป๋ไป่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มหวานให้อีกฝ่าย “ขอบคุณที่ท่านส่งข้ากลับมาที่นี่”
ราชองครักษ์มองดูรอยยิ้มหวานหยดย้อยขององค์หญิง แล้วเขาก็ยิ้มตามทันที ในขณะที่เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวเล็ก ๆ ของอีกคน “พระองค์เองก็ระวังคำพูดของตัวเองสักหน่อย อย่าทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว”
เมื่อมู่ไป๋ไป่ได้ยินเช่นนี้ เธอก็รู้สึกอุ่นใจ เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะเป็นห่วงเธอ
ที่เขาพูดเตือนเธอเช่นนี้อาจเป็นเพราะว่าสถานะของเธอที่เป็นศัตรูต่อแคว้นนั้นอ่อนไหวมาก
บางทีฮ่องเต้หนานซวนอาจปลิดชีวิตเธอถ้าพูดผิดหูไปแม้แต่นิดเดียว
มู่ไป๋ไป่ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น ถึงกระนั้นสีหน้าของราชองครักษ์กลับไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย เขามองเด็กหญิงแล้วพูดกำชับอีกประโยคหนึ่ง
“กระหม่อมจริงจังนะพ่ะย่ะค่ะ” ทหารหนุ่มติดตามฮ่องเต้มาจากเมืองหลวง ดังนั้นเขาย่อมรู้นิสัยนายเหนือหัวของตัวเองเป็นอย่างดี
ในยามที่คนผู้นั้นรู้สึกไม่พอใจใคร คนคนนั้นไม่เคยจบชีวิตลงด้วยดีเลยสักคน
มู่ไป๋ไป่ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เธอทำเพียงแค่พยักหน้าให้เขาเท่านั้น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 65
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น