บทที่ 215: ไร้ค่า

-A A +A

บทที่ 215: ไร้ค่า

“พระองค์เข้าไปข้างในเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ราชองครักษ์พูดกับมู่ไป๋ไป่เมื่อเขาเห็นนางยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับไปไหน 

“ตกลง” เด็กหญิงรีบหันหลังเดินเข้าไปอย่างเชื่อฟัง 

ปัจจุบันฮ่องเต้หนานซวนกำลังอ่านฎีกาอยู่ภายในกระโจม ก่อนหน้านั้นเขารู้สึกเบื่อหน่ายมาก จนกระทั่งเห็นมู่ไป๋ไป่วิ่งเข้ามา สีหน้าของเขาก็อ่อนลงเล็กน้อย

หลังจากวางงานในมือลง เขาก็กวักมือเรียกร่างเล็ก “เจ้ามานี่สิ”

มู่ไป๋ไป่เดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่ส่งสายตามองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเขาเห็นรูปลักษณ์ที่สะอาดสะอ้านประกอบกับใบหน้าที่กลับมาขาวผ่องน่ารักของเธออีกครั้ง แววตาของเขาก็ดูอ่อนโยนขึ้นในยามที่มองคนตัวเล็ก

เด็กหญิงที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากเบา ๆ 2 ครั้ง ขณะที่เธอคิดกับตัวเองว่า ฮ่องเต้พระองค์นี้มีดีแค่หน้าตาเท่านั้นจริง ๆ

“ฝ่าบาท พระองค์ต้องการใช้หม่อมฉันข่มขู่เสด็จพ่อของหม่อมฉันใช่หรือไม่เพคะ?”

ฮ่องเต้หนานซวนมีสีหน้าเปลี่ยนไปหลังจากได้ยินคำถามของมู่ไป๋ไป่ “ทำไมเจ้าถึงถามเราเช่นนี้?”

ต่อให้เขาจะไม่ชอบแม่ทัพหลี่ แต่ในเรื่องนี้เขาก็เห็นด้วยกับอีกฝ่าย และทั้ง 2 เชื่อว่าพวกเขาใช้องค์หญิงตัวน้อยเพื่อข่มขู่แคว้นเป่ยหลงได้

ถึงแม้ว่าฮ่องเต้หนานซวนจะชอบเล่นกับมู่ไป๋ไป่ ทว่าเขาก็เกลียดแคว้นเป่ยหลงด้วยเช่นกัน เป็นเพราะแคว้นเป่ยหลงทำให้เขาไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่ในเมืองหลวงของหนานซวน อีกทั้งยังถูกเหล่าขุนนางบังคับให้เดินทางมายังชายแดนที่ทุรกันดารเช่นนี้

ขณะเดียวกัน เด็กหญิงมองสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วเข้าใจความคิดของเขา เธอกะพริบตามองเขาอย่างจริงจังในขณะที่กล่าวว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้สึกต้องชะตากับพระองค์มากและนับว่าพระองค์เป็นสหายของหม่อมฉัน”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนั้นกับเรา ถึงอย่างไรการตัดสินใจของเราย่อมไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” เด็กหนุ่มพูดขัดจังหวะคนตัวเล็กขึ้นมาโดยไม่ลังเล

มู่ไป๋ไป่มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ใจจริงเธอไม่เคยคิดที่จะทำตัวสนิทสนมกับเขาเลย

“ฝ่าบาท หม่อมฉันถือว่าพระองค์เป็นสหายของหม่อมฉันด้วยใจจริง เหตุใดพระองค์ถึงได้ตรัสกับหม่อมฉันเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันก็ไม่ขอเอ่ยอะไรอีก” เด็กหญิงมองคนตรงหน้าด้วยสายตาใสซื่อ 

“เป็นสหายกันเช่นนั้นหรือ?” ฮ่องเต้หนานซวนมององค์หญิงตัวน้อยราวกับว่าเขากำลังฟังเรื่องตลกขบขัน

เดิมทีมันก็เป็นเรื่องยากมากอยู่แล้วที่พวกเขาทั้ง 2 จะเป็นสหายกันได้

แต่มู่ไป๋ไป่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากชายตรงหน้า เธอพบว่ามันน่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ

ในตอนแรกเธอมั่นใจมากว่าคนผู้นี้โง่เขลา มันทำให้เธอรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง

“พระองค์ดีกับหม่อมฉันมาก แน่นอนว่าหม่อมฉันจึงนับว่าพระองค์เป็นสหาย” คนตัวเล็กพยายามพูดกับฮ่องเต้หนานซวนอีกครั้ง

“หม่อมฉันทราบว่าพระองค์ต้องการใช้หม่อมฉันเป็นตัวประกัน แต่หม่อมฉันอยากจะบอกว่ามันไม่สำคัญว่าหม่อมฉันจะอยู่ในแคว้นเป่ยหลงหรือไม่ หากพระองค์ต้องการใช้หม่อมฉันเพื่อข่มขู่แคว้นเป่ยหลงจริง ๆ หม่อมฉันไม่คิดว่านั่นจะเป็นโอกาสที่ทำให้พระองค์ได้รับชัยชนะ” มู่ไป๋ไป่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

แต่เดิมฮ่องเต้หนานซวนไม่ไว้วางใจองค์หญิงพระองค์นี้สักเท่าไหร่ แต่พอเขาเห็นอีกฝ่ายทำหน้าจริงจัง และคำพูดที่นางใช้ก็ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงเหมือนแต่ก่อน เขาก็เริ่มไม่แน่ใจขึ้นมา 

เมื่อมู่ไป๋ไป่เห็นว่าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เธอก็พูดต่อว่า “หม่อมฉันไม่อยากให้พระองค์ต้องมาเสียเวลากับหม่อมฉัน เพราะการทำเช่นนี้มันจะทำให้พระองค์เสียเวลาเปล่า และยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการด้วย พระองค์คงจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเสด็จพ่อของหม่อมฉันมาก่อน”

“เสด็จพ่อของเจ้าเป็นอย่างไรหรือ?” ฮ่องเต้หนานซวนถามกลับทันที

เด็กหญิงวางแผนที่จะปลุกปั่นอารมณ์ของเขาต่อไป แต่พอได้ยินคำถามของอีกฝ่าย เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง

หลังจากตั้งสติได้แล้ว มู่ไป๋ไป่ก็ตอบด้วยน้ำเสียงปวดใจว่า “เสด็จพ่อปฏิบัติกับหม่อมฉันไม่ดีเลย พระองค์รู้เรื่องนี้หรือไม่เพคะ?”

“เป็นไปได้อย่างไร?” เด็กหนุ่มโต้กลับคำพูดของคนตัวเล็กออกไปโดยไม่รู้ตัว

ปัจจุบันใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าฮ่องเต้เป่ยหลงเอ็นดูองค์หญิงหกมากเพียงใด มีคนบอกว่าชายคนนั้นแทบจะไม่อยู่ห่างจากนางเลยแม้สักวัน

ทว่าตอนนี้มู่ไป๋ไป่กลับมาพูดเช่นนี้ต่อหน้าเขา มันจึงฟังดูน่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ

“สิ่งที่หม่อมฉันพูดนั้นเป็นความจริงเพคะ!” เด็กหญิงโพล่งออกมาเสียงดัง

พอฮ่องเต้หนานซวนเห็นดวงตาเบิกกว้างของคนตัวเล็ก เขาก็รู้สึกคล้อยตาม อีกทั้งเขาเองก็เติบโตมาในราชวงศ์ เขาไม่ใช่เด็กที่ได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อเช่นกัน

มู่ไป๋ไป่จ้องมองคนตรงหน้าและพูดต่อไปว่า “ทุกคนพูดกันว่าหม่อมฉันเป็นลูกรักของเสด็จพ่อ แต่มีครั้งหนึ่งเขาเคยสั่งให้คนโยนหม่อมฉันเข้าไปในกรงเสือ และขังเอาไว้ข้างในนั้นจนเกือบจะถูกกิน”

เด็กหนุ่มเบิกตากว้างมองคนพูดด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“แล้วเจ้าเอาชีวิตรอดมาได้อย่างไร?” เขาถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

มู่ไป๋ไป่มองฮ่องเต้ด้วยสายตาน่าสงสารก่อนจะตอบว่า “หม่อมฉันเองก็ไม่ทราบเพคะ แต่สิ่งที่หม่อมฉันพูดนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด หากพระองค์ไม่เชื่อก็สามารถไปตรวจสอบได้เลย”

ในไม่ช้าดวงตากลมโตก็มีน้ำตาคลอหน่วยซึ่งทำให้คำพูดของเธอดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่ฮ่องเต้หนานซวนฟังจนจบแล้ว เขาก็มองเด็กน้อยอย่างครุ่นคิด จากนั้นทั้ง 2 ก็ดูเหมือนจะเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น

“เราเข้าใจเจ้า ในสายตาของฮ่องเต้ เด็กที่เกิดในราชวงศ์นั้นช่างไร้ค่ายิ่งนัก”

ต่อมา เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อลูบหัวเล็ก ๆ ของเด็กหญิงพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

ทว่าปฏิกิริยาของเขาทำให้มู่ไป๋ไป่ต้องรู้สึกประหลาดใจมาก เดิมทีเธอคิดว่าอย่างน้อยฮ่องเต้หนานซวนจะทำการสอบสวนเรื่องนี้ แต่เขากลับเชื่อคำพูดของเธออย่างง่ายดาย

แม้ว่าสิ่งที่เธอเพิ่งพูดนั้นจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม แต่ด้วยความพยายามของเธอเอง เธอถึงได้รับความโปรดปรานมากที่สุด

“พระองค์เข้าใจหม่อมฉันหรือไม่เพคะ?” 

“แน่นอนว่าข้าเข้าใจเจ้า” ยามนี้ฮ่องเต้หนานซวนไม่ได้แทนตัวเองแบบห่างเหินอีกต่อไปราวกับว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้ง 2 ใกล้ชิดกันมากขึ้นจริง ๆ

“แต่ในเมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองบัลลังก์เช่นนี้ แสดงว่าพระองค์ก็ต้องได้รับความโปรดปรานมากเช่นกัน” มู่ไป๋ไป่มองอีกฝ่าย จากนั้นก็เล่าความเสียใจของตัวเองออกไป

“ท่าทีของคนในครอบครัวที่มีต่อหม่อมฉันแตกต่างไปจากพระองค์อย่างสิ้นเชิง”

ในครั้งนี้เด็กหญิงรู้สึกมุ่งมั่นที่จะเอาชนะใจศัตรูเป็นอย่างมาก และถ้อยคำของเธอล้วนเป็นการกล่าวหาครอบครัวของตัวเองทั้งสิ้น

“ข้าเองก็ไม่ต่างจากเจ้า ที่ข้ามาถึงทุกวันนี้ได้ก็ล้วนเป็นเพราะโชคช่วยเท่านั้น” จู่ ๆ เด็กหนุ่มก็โมโหขึ้นมา

เหตุผลที่เขาได้รับเลือกไม่ใช่ว่าเพราะคนพวกนั้นเห็นคุณค่าในตัวเขา แต่มันเป็นเพราะเหตุผลอื่นทั้งสิ้น

ยามที่เขามององค์หญิงตัวน้อยในตอนนี้ เขาก็ได้แต่ทอดถอนหายใจยาว เขาไม่คาดคิดเลยว่าเวลาที่ตนต้องการแสดงความรู้สึกที่แท้จริง คนที่อยู่ข้างกายเขากลับเป็นศัตรู

แถมคนผู้นี้ก็ยังเป็นเด็ก เขาจึงรู้สึกว่ามันช่างน่าขบขันยิ่งนัก

“ข้าเป็นทายาทเพียงคนเดียวในราชวงศ์นี้ สุดท้ายบัลลังก์ก็ต้องตกแก่ข้า” ฮ่องเต้หนานซวนกล่าวขณะมีสีหน้าเศร้าโศก

พอมู่ไป๋ไป่ได้ยินดังนี้ เธอก็ตกตะลึงอีกครั้ง

ทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นเด็กหญิงอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปนั้นไม่เหมาะสม

แต่ก่อนที่เขาจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ของแคว้นหนานซวน สภาพของเขาห่างไกลกับคำว่าองค์ชายผู้สูงศักดิ์ยิ่งนัก

“ถ้าหากข้ามั่นใจแล้วว่าไม่มีคนรักเจ้าจริง ๆ ข้าจะหาทางส่งเจ้ากลับไป” ผู้เป็นฮ่องเต้ให้คำสัญญาขณะที่เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของมู่ไป๋ไป่

คำพูดนี้ทำให้เด็กหญิงถึงกับตกตะลึง

นี่เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่? ฮ่องเต้หนานซวนรู้สึกสงสารเธอเช่นนั้นหรือ?

แล้วเขายังรับปากด้วยว่าจะส่งเธอกลับ…

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.