บทที่ 204: ทำไมเจ้าถึงอยากเห็นนัก?

-A A +A

บทที่ 204: ทำไมเจ้าถึงอยากเห็นนัก?

ในขณะที่เจ้าหนูน้อยกำลังรู้สึกกังวล มันก็ไม่คาดคิดว่าหลังจากที่มู่ไป๋ไป่ได้ฟังคำบอกเล่าของมัน เธอกลับพยักหน้ารับเบา ๆ “ข้าเชื่อเจ้า”

หนูตัวสีเทาตกตะลึงและมองคนตรงหน้าด้วยดวงตากลมโต “ท่านเชื่อในสิ่งที่ข้าพูดจริง ๆ เช่นนั้นหรือ?”

วันนั้นมันบอกเล่าสิ่งที่พบเห็นทุกอย่างในค่ายทหารแคว้นหนานซวนให้เหล่าสหายฟัง แต่มีหนูเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ยอมเชื่อมัน

นอกจากนี้มันยังได้กลายเป็นตัวตลกในสายตาของตัวอื่นอีกด้วย

“จริงสิ” มู่ไป๋ไป่ตอบยิ้ม ๆ “เป็นเพราะคนผู้นั้นถูกพิษ”

เด็กหญิงพยายามอธิบายให้เจ้าหนูฟังว่าพิษคืออะไร

“ข้าเข้าใจแล้ว” เจ้าหนูน้อยพยักหน้าอย่างครุ่นคิดขณะมองมู่ไป๋ไป่ด้วยสายตาสับสน

ในฐานะจ้าวอสูร มันเป็นเรื่องปกติที่เหล่าสัตว์ทั้งหลายจะต้องให้ความเคารพจ้าวอสูร

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังได้ทำสัญญากับคนผู้นี้ด้วย

เดิมทีมันคิดว่าตัวเองจะถูกมู่ไป๋ไป่กดขี่ข่มเหงและควบคุมให้ทำตามคำสั่งอย่างไม่ยุติธรรม

แต่นอกจากการถูกวางกับดักครั้งแรก นางก็ปฏิบัติกับมันได้ดีมาก

นอกจากนี้นางยังเริ่มอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟังโดยที่มันไม่จำเป็นต้องร้องขอด้วยซ้ำ

ยามนี้มันจึงรู้สึกว่าท่านจ้าวอสูรที่อยู่ตรงหน้าของมันดูแตกต่างไปจากตำนานที่ถูกเล่าขาน

“อย่างไรก็ตาม เมื่อกี้เจ้าบอกว่าแม่ทัพจ้าวเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันหลังจากได้ยินเสียงแปลกประหลาด” มู่ไป๋ไป่นึกถึงสิ่งที่หนูตัวสีเทาเพิ่งพูดไปและพอจะจับประเด็นบางอย่างได้ “เจ้าหนูน้อย เจ้าจำเสียงนั้นได้หรือไม่?”

“หนูน้อย… หนูน้อยเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” เจ้าหนูตอบพลางเกาหัวเล็ก ๆ

“ตอบท่านจ้าวอสูร” จู่ ๆ หนูตัวอื่นที่อยู่ด้านหลังก็เหยียดอุ้งเท้าขึ้น “ข้ารู้ สิ่งนั้นเป็นเหมือนเสียงผิวปาก 

“ตัวข้านั้นอาศัยอยู่ในโรงพนันของเมืองชายแดนตลอดทั้งปี และผู้คนมากมายที่อยู่ที่นั่นรู้วิธีผิวปาก”

“เสียงนั้นฟังดูคล้ายเสียงผิวปากมาก แต่ก็ฟังดูแปลกไปเช่นกัน…”

เสียงผิวปาก?

 มู่ไป๋ไป่ยกมือขึ้นแตะคางตัวเองและแอบทดเรื่องนี้ไว้ในใจเงียบ ๆ

หลังจากที่เธอเกือบจะคุยธุระกับหนูพวกนั้นเสร็จแล้ว จื่อเฟิงก็กลับมาพร้อมเนื้อที่ได้รับจากในครัว

“นี่คือรางวัลของพวกเจ้า” คนตัวเล็กวางกะละมังเนื้อไว้ข้างหน้าเหล่าหนูที่กำลังมีแววตาเป็นประกาย “พวกเจ้ารีบกินเถอะ ถ้ายังไม่พอ ข้าจะให้คนไปจัดเตรียมมาให้เพิ่ม”

“พอแล้ว! แค่นี้ก็พอแล้ว!” เจ้าหนูสีเทาพยักหน้าซ้ำ ๆ “พวกเราตัวเล็กจึงกินได้ไม่มาก”

“ใช่ ๆ …” แล้วพวกหนูที่อยู่ด้านหลังก็พากันตอบรับเป็นเสียงเดียว “เป็นอย่างที่เหล่าฮุยบอกเลย เพียงแค่มาที่นี่ เราก็จะมีเนื้อกิน”

“ข้าบอกแล้ว” เจ้าหนูที่ถูกเรียกว่า ‘เหล่าฮุย’ ยืดอกพลางเชิดหน้า “ข้าบอกแล้วว่าท่านจ้าวอสูรจะไม่โกหกเรา แต่พวกเจ้าก็ไม่ยอมเชื่อ”

“ตอนนี้เราเชื่อแล้ว!” หนูตัวอื่น ๆ พยักหน้าและในที่สุดพวกมันก็ถามมู่ไป๋ไป่อย่างตื่นเต้นว่า “ท่านจ้าวอสูร ท่านมีงานดี ๆ เช่นนี้ให้ทำอีกหรือไม่?”

“พวกเราก็มีความสามารถในการสืบข่าวให้ท่านได้เช่นเดียวกัน!”

“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ!” เหล่าฮุยรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังจะถูกแย่งงานจึงรีบโวยวายยกใหญ่ “อย่าคิดจะมาแย่งงานของข้านะ! ฮึ ข้าได้ทำสัญญากับท่านจ้าวอสูรแล้ว และมีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถช่วยท่านจ้าวอสูรจัดการเรื่องนี้ได้!”

ก่อนหน้านี้เจ้าหนูน้อยค่อนข้างกังวลเนื่องจากสัญญาที่ทำกับมู่ไป๋ไป่

แต่ตอนนี้มันกลับรู้สึกดีใจที่ตนได้ทำสัญญากับนางเอาไว้ ไม่เช่นนั้นมันคงจะถูกแย่งงานไปแล้ว

“พวกเราก็สามารถทำสัญญากับท่านจ้าวอสูรได้เช่นกัน!”

“ใช่แล้ว! ไม่ใช่ว่าท่านจ้าวอสูรจะทำสัญญาได้เพียงกับท่านตัวเดียวเท่านั้น”

“ถูกต้อง ๆ อีกอย่างเราไม่ได้ต้องการเนื้อมากมายเป็นของตอบแทน”

พอมู่ไป๋ไป่เห็นว่าหนูกลุ่มหนึ่งกำลังทะเลาะกัน เธอจึงรีบไปขวางเพื่อสงบศึก “ทุกตัวใจเย็น ๆ ลงก่อน”

“เมื่อถึงเวลา ข้าจะขอให้เจ้าหนูน้อยติดต่อพวกเจ้าไป”

“ไม่ต้องห่วง งานที่ข้าจะให้พวกเจ้าทำนั้นไม่ได้ทำเปล่า ๆ ข้าจะตกรางวัลให้พวกเจ้าทุกตัวอย่างงาม”  

สุดท้ายเด็กหญิงก็สั่งให้จื่อเฟิงวางกะละมังเอาไว้นอกกระโจมและสั่งให้คนเตรียมอาหารเอาไว้ให้หนูตลอดเวลา

ยิ่งไปกว่านั้น หนูเหล่านี้มีความสามารถมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงไม่คิดอยากสละกองทัพหนูที่ฝีมือดีเช่นนี้ไปอย่างแน่นอน

เมื่อหนูทั้งหลายได้ยินสิ่งที่ท่านจ้าวอสูรพูด พวกมันก็รู้สึกดีใจมาก หลังจากกินดื่มจนอิ่มหนำสำราญแล้ว พวกมันก็พากันกลับไป

เมื่อมู่ไป๋ไป่คิดถึงสิ่งที่หนูพวกนั้นพูด เธอก็รีบไปรายงานให้กับมู่จวินเซิ่งและเซียวถังอี้ฟัง

“ในกระโจมที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้อย่างนั้นหรือ? แล้วคนพวกนั้นยังใช้เสียงผิวปากในการควบคุมแมลงกู่อีก” พี่ชายคนรองตกตะลึงหลังจากได้ยินคำบอกเล่าของน้องสาว “ไป๋ไป่ เจ้าไปเอาข่าวพวกนี้มาจากไหน? มันมีความน่าเชื่อถือหรือไม่?”

“แน่นอนว่ามันเชื่อถือได้” มู่ไป๋ไป่กะพริบตากลมโตที่ไร้เดียงสา “เสด็จอารับรองเองไม่ใช่หรือ? แม้ว่าพี่รองจะไม่เชื่อไป๋ไป่ แต่ท่านไม่เชื่อใจเสด็จอาเช่นนั้นหรือ?”

เซียวถังอี้ที่จู่ ๆ ก็ถูกลากลงไปในน้ำโคลนก็ได้แต่กระแอมในลำคอ

มู่จวินเซิ่งเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเชื่อน้องสาว เขาได้สั่งให้กุนซือมู่หรงเข้ามาโดยไม่รอช้า จากนั้นพวกเขาก็ทำการวางแผนที่จะไปช่วยเหลือแม่ทัพจ้าว

มู่หรงถิงรู้สึกประหลาดใจมากที่ได้ยินว่ารองแม่ทัพของตนรู้ตำแหน่งของแม่ทัพจ้าวแล้ว “องค์ชายรอง พระองค์ส่งคนไปสืบเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

เดิมทีมู่จวินเซิ่งอยากจะปิดบังตัวตนของตัวเองในฐานะองค์ชายรองเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มู่จวินฝานหมดสติ เขากลัวว่าเซียวถังอี้จะไม่สามารถควบคุมคนในกองทัพได้ ดังนั้นเขาจึงได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้กุนซือมู่หรงและรองแม่ทัพคนอื่น ๆ ทราบ 

ปรากฏว่าในภายหลังเขากลับพบว่าตนไม่ควรกังวลเรื่องนี้เลย 

นอกจากเหล่ารองแม่ทัพจะเชื่อฟังเสด็จอาแล้ว เขายังได้ขจัดภัยอันตรายที่ซ่อนอยู่ภายในกองทัพให้พวกเขาด้วย ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงรู้สึกชื่นชมชายผู้นี้มาก

“ข้าเริ่มสืบสวนเรื่องนี้เมื่อ 3 วันก่อน” มู่จวินเซิ่งเหลือบมองมู่ไป๋ไป่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

การได้รู้ว่าน้องสาวของตนเป็นคนพิเศษนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การปล่อยให้คนนอกได้รู้เรื่องนี้มันไม่มีผลดีอะไรเลย และเขาก็เข้าใจเรื่องดังกล่าวได้อย่างชัดเจน

หลังจากที่พวกกุนซือและรองแม่ทัพเข้ามาในกระโจม มู่ไป๋ไป่ก็เดินหลบไปอยู่ด้านข้างโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาบอก

ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจความหมายของมู่จวินเซิ่งโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากสักหน่อยว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ ดังนั้นเธอจึงทำตาใสยืนแอบฟังอยู่เงียบ ๆ 

“คราวนี้เจ้าไปขอความช่วยเหลือจากใครมา?” จู่ ๆ ก็มีเสียงทุ้มลึกดังอยู่ข้างหูเธอ

เด็กหญิงสะดุ้งตกใจก่อนที่จะรู้ว่าคนที่พูดคือเจ้าสัตว์ประหลาด เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องอีกฝ่ายด้วยท่าทางไม่พอใจ “ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ?”

ดวงตาดุจเหยี่ยวของเซียวถังอี้ที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีเงินหรี่ลงเล็กน้อย “จะให้ข้าเดาอย่างนั้นหรือ? เจ้าเด็กน้อย อย่าลืมนะว่าใครเป็นคนรับประกันให้เจ้าก่อนหน้านี้”

“นี่เจ้าข้ามแม่น้ำเสร็จก็คิดจะรื้อสะพาน*ทิ้งเลยหรือ?”

*สำนวนนี้มีความหมายว่า หลังจากบรรลุเป้าหมายแล้วก็กำจัดคนที่ช่วยเหลือตนทิ้ง ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า เสร็จงานฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล

เด็กหนุ่มพูดพลางเอื้อมมือไปบีบแก้มกลม ๆ ของเจ้าตัวแสบ

“เรื่องนี้ข้าก็มีส่วนช่วยท่าน…” มู่ไป๋ไป่ดึงหน้าตัวเองออกจากมือของอีกฝ่ายเพราะว่ามันทำให้เธอพูดได้ลำบาก “ท่านอยากรู้หรือ? ท่านลองถอดหน้ากากออกก่อนสิ แล้วข้าจะพิจารณาดู”

ถูกต้อง ตอนนี้เธอยังไม่ยอมแพ้ที่จะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าสัตว์ประหลาด 

เซียวถังอี้หรี่ตามองคนตัวเล็กก่อนจะชักมือกลับ “ทำไมเจ้าถึงอยากเห็นหน้าข้าขนาดนั้น?”

“...” เด็กหญิงกลอกตาคิด เธอจะกล้าพูดออกไปตามตรงได้อย่างไรว่าเธออยากเห็นท่าทางน่าอายของเขา “ข้าก็แค่อยากเห็น! ไม่ได้มีเหตุผลอื่นใด”

“ให้ข้าดูหน่อยสิว่าท่านมีหน้าตาเป็นอย่างไร”

“มีแต่ท่านที่เห็นใบหน้าของข้า เช่นนี้มันจะไม่ยุติธรรมไปหน่อยหรือ?”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.