บทที่ 133: เจ้าสัตว์ประหลาด
“อวี้เซิ่ง! เจ้าสัตว์ประหลาด!”
เมื่อมู่ไป๋ไป่เงยหน้าขึ้นเห็นร่างที่คุ้นเคยทั้ง 2 เธอก็รู้สึกว่าการได้พบหน้าพวกเขานั้นไม่เคยทำให้เธอรู้สึกมีความสุขขนาดนี้มาก่อน
เสียงตะโกนของเธอดังมากจนหลายคนบนชั้น 2 ได้ยินและหน้าถอดสี
“อวี้เซิ่ง?”
“ข้าได้ยินผิดไปหรือไม่?”
“อวี้เซิ่ง… เขาเป็นนักฆ่าอันดับ 1 ของแคว้น แต่อวี้เซิ่งวางมือไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ไม่ใช่ อวี้เซิ่งไม่ได้วางมือ มีคนลือว่าเขาเพียงแค่แปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับราชสำนัก”
“เจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ว่าชายสวมหน้ากากสีเงินที่ยืนอยู่ด้านข้าง… ปัจจุบันดูเหมือนว่าจะมีเพียงคนเดียวที่สวมหน้ากากสีเงิน”
“ฮ่า ๆๆ หยุดพูดเถอะ เพียงเท่านี้ขาของข้าก็เริ่มอ่อนแรงแล้ว คุณชาย 2 คนนี้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ แล้วเด็กน้อยที่อยู่กลางลานคนนั้นเป็นใครล่ะ?”
ยามนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีใครกล้าตะโกนเสียงดังเหมือนก่อนหน้านี้
ที่ชั้นล่าง ชายหนุ่มในชุดหรูหรามีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น “ฮ่า ๆๆ! อวี้เซิ่งและคุณชายเซียวที่ไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าธารกำนัลมาเป็นเวลานานกำลังมาเยือนที่ศาลาหมื่นอสูรของข้าด้วย”
“คุณชายเสิ่น สหายของท่านดูเหมือนจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงค่อนข้างมาก”
เสิ่นจวินเฉาเคยพบอวี้เซิ่งกับเซียวถังอี้มาก่อน เขารู้สึกว่าพวกเขาเป็น ‘ผู้พิทักษ์’ ของมู่ไป๋ไป่ และฝีมือของทั้งคู่ก็ล้ำเลิศ นั่นทำให้หัวใจที่เคยร่วงหล่นไปอยู่ตาตุ่มของเขากลับมาพองโตอีกครั้ง
“องค์— คุณหนู” นักฆ่าหนุ่มแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนาจากบนชั้น 2 และก้าวเข้าไปตรงกลางลานกว้าง “ข้าประเมินท่านต่ำไป ท่านมีความสามารถพอที่จะเข้ามาถึงที่นี่ได้จริง ๆ”
ขณะนั้นเสือได้กลิ่นที่ไม่คุ้นเคยจึงหันไปแยกเขี้ยวขู่อวี้เซิ่งทันที
“เจ้าแมวยักษ์ เขาเป็นสหายข้า” เด็กหญิงยกมือเล็ก ๆ ขึ้นลูบหัวเสือตัวใหญ่ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทุกคน “เจ้าอย่าทำร้ายเขานะ”
เสือตัวโตจ้องอวี้เซิ่งด้วยดวงตาสีแดงที่เปล่งประกาย จากนั้นจึงหันไปหาเซียวถังอี้ที่อยู่ด้านหลัง “แล้วเขาล่ะ?”
ก่อนหน้านี้มันระงับความอยากจะขย้ำมนุษย์อย่างเต็มที่ และตอนนี้เหยื่อทั้ง 2 ก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ในใจมันไม่อยากปล่อยพวกเขาไปจริง ๆ
“เขา…” มู่ไป๋ไป่ย่นจมูกพลางปรายตามองเด็กหนุ่ม “ในตอนนี้เจ้าก็ยังขย้ำเขาไม่ได้เหมือนกัน…”
เนื่องจากเจ้าสัตว์ประหลาดมาช่วยเธอเหมือนกัน ตอนนี้เธอก็เลยต้องนับว่าเขาเป็นพันธมิตรของเธอไปก่อน
ทางด้านเซียวถังอี้เลิกคิ้วขึ้นเงียบ ๆ
“คุณหนู ที่นี่ไม่เหมาะจะอยู่นาน เรารีบออกไปกันเถอะ” อวี้เซิ่งไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก เขาได้ยินมาตั้งแต่อยู่ในวังหลวงแล้วว่าองค์หญิงหกคล้ายจะสามารถควบคุมได้แม้กระทั่งเสือที่มู่เทียนฉงเลี้ยงเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดปกติตรงไหนที่นางจะคุยกับเสือ
“พี่อวี้เซิ่ง มันอาจจะไม่ง่ายหากเราจะหนีไปจากที่นี่” หลัวเซียวเซียวกระซิบเสียงเบา “เจ้าของสถานที่แห่งนี้ได้ปล่อยสัตว์ป่ามาเพิ่มอีก 3 ตัว อยู่ตรงนั้นเจ้าค่ะ”
นักฆ่าหนุ่มมองไปยังทิศทางที่เด็กหญิงชี้ จากนั้นก็ตระหนักได้ว่ามีสัตว์ป่าอีก 3 ตัวอยู่ที่มุมห้อง แล้วพวกมันก็กำลังมองมาที่พวกเขาด้วยดวงตาลุกวาว
“...”
“เถ้าแก่ร้านคนใหม่ของศาลาหมื่นอสูรมีความสามารถมากจริง ๆ” เซียวถังอี้เยาะเย้ย
“ทั้งหมีดำ สิงโต และเสือดาว 1 ใน 3 ตัวนี้สามารถเอาไปขายได้ในราคาสูงลิ่ว”
“แต่เขากลับใช้มันมาเพื่อจัดการเด็กไม่กี่คน”
“ไม่รู้ว่าเขากำลังพยายามก่อความวุ่นวายหรือคิดว่าตัวเองนั้นสูงส่งเกินใคร”
จากนั้นเขาก็ตวัดตามองมู่ไป๋ไป่
“...”
แม้ว่าเธอจะรู้สึกขอบคุณเจ้าสัตว์ประหลาดที่มาช่วยเธอไว้ แต่ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงชอบพูดจาไม่เข้าหูเธออยู่เรื่อย
“ไม่ใช่แค่สัตว์ป่าเท่านั้น” อวี้เซิ่งหูกระตุก และเอียงคอเล็กน้อย “ยังมีคนอยู่ด้วย มีคนมากมายกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่”
“จากการประมาณการ ข้าคิดว่ามีอย่างน้อย 50 คน”
“ 50 คน?” มู่ไป๋ไป่ถึงขั้นต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงเงยหน้าขึ้นพูดหยอกล้อเซียวถังอี้ว่า “ดูเหมือนว่าเถ้าแก่ร้านคนใหม่จะยกย่องของท่านทั้ง 2 มาก พวกท่านกำลังก่อเรื่องวุ่นวายอยู่หรือ?”
เด็กหนุ่มเม้มปากเล็กน้อย และรอยยิ้มจาง ๆ ก็แล่นผ่านดวงตาที่หรี่ลงของเขา ถึงแม้จะมีหน้ากากสีเงินบดบังอยู่ แต่มันกลับทำให้เขาดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
คนตัวเล็กที่เห็นดังนั้นก็รีบเสตาหลบออกไปด้วยความขัดเขิน
“พวกท่านทั้ง 2 นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกัน” อวี้เซิ่งพูดห้ามปรามทั้งคู่ เขาไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่พาเซียวถังอี้มาด้วย “เราต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“ข้าจะปล่อยให้พวกท่านเป็นคนจัดการคนพวกนั้น ส่วนข้าจะจัดการกับสัตว์ป่าพวกนี้เอง” มู่ไป๋ไป่ยืดอกและชี้นิ้วสั่งงานทันที “ข้าได้ทำข้อตกลงกับเจ้าแมวยักษ์แล้ว มันจะช่วยข้าจัดการพวกมันเอง”
“ทำข้อตกลง?” เซียวถังอี้หัวเราะด้วยความสนใจ “มันตอบตกลงเจ้าได้อย่างไร หรือว่าเจ้าเข้าใจภาษาสัตว์?”
หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงรู้สึกประหม่าขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเหมือนจะจับทางได้ และหันไปมองมู่ไป๋ไป่โดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดขององค์หญิงหกสักเท่าไหร่ แต่ทั้งคู่ก็เพิ่งเห็นนางสื่อสารกับเสือและหมาป่าสีเทา
เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก ถึงหลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงจะยังเป็นเด็ก แต่พวกเขาก็เข้าใจว่ามันคงไม่ดีนักถ้ามีคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า
มู่ไป๋ไป่กะพริบตาปริบ ๆ ขณะสบสายตาประเมินของเซียวถังอี้ ก่อนจะพูดด้วยท่าทางไร้เดียงสา “มันมีวิธีการสื่อสารกับสัตว์อยู่แล้ว ท่านไม่รู้หรือ?”
ที่เธอกล้าพูดความจริงกับหลัวเซียวเซียวและจื่อเฟิงเป็นเพราะทั้ง 2 เป็นคนใกล้ตัวเธอ ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญว่าพวกเขาจะรู้ว่าเธอสามารถเข้าใจภาษาสัตว์ได้หรือไม่
แต่สำหรับเจ้าสัตว์ประหลาด เธอไม่ทราบที่มาของผู้ชายคนนี้ ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนดีหรือคนเลว ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเปิดเผยความลับของตัวเองให้เขารู้ได้ง่าย ๆ
ทางด้านเซียวถังอี้หรี่ตาลง และในขณะที่เขากำลังจะพูดบางอย่าง อวี้เซิ่งก็กระแทกไหล่เขา “ทำไมท่านถึงเอาแต่ทะเลาะกับเด็กล่ะ กลุ่มคนที่อยู่ข้างนอก ท่านกับข้าแบ่งกันคนละครึ่ง ส่วนข้างในนี้ปล่อยให้องค์หญิงหกจัดการกับพวกสัตว์ไป”
“ท่านไม่เคยเห็นกับตาตัวเองหรือ เด็กคนนี้จัดการกับสัตว์ป่าได้เก่งมาก ถ้าไม่เชื่อก็สามารถให้นางลองดูก็ได้”
“ถ้าไม่ได้ผล ก็ให้นางรอจนกว่าเราจะจัดการคนพวกนั้นเสร็จแล้วค่อยมาช่วยนาง”
เด็กหนุ่มหันไปมองคนพูดด้วยสายตาซับซ้อน บางครั้งเขาก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมนักฆ่าอันดับ 1 ของแคว้นถึงได้ไร้เดียงสาถึงเพียงนี้
เขาเชื่อจริง ๆ หรือว่าเด็กอายุ 4 ขวบครึ่งจะสามารถควบคุมสัตว์ป่าได้เพียงเพราะความสามารถพิเศษของนาง
ถึงกระนั้น นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาสืบสาวราวเรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในภายหลังเขายังมีโอกาสมากมายให้ได้พิสูจน์
“ตกลง” เซียวถังอี้ตอบรับเบา ๆ ก่อนจะสะบัดกระบี่อ่อนในมือแล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่มารวมตัวกันอยู่ด้านหลัง
“ท่านทั้ง 2 ศาลาหมื่นอสูรของข้าเป็นสถานที่ที่เอาไว้ทำการค้าขาย” ชายหนุ่มรูปงามซึ่งยืนอยู่ด้านนอก ตอนนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปแล้ว “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าข้าไปทำอะไรให้พวกท่านต้องโกรธเคือง ถึงทำให้ท่านทั้ง 2 อยากจะทำลายศาลาหมื่นอสูรของข้าเช่นนี้”
“เจ้าไม่รู้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” เซียวถังอี้มองชายหนุ่มที่มีหน้าตางดงามด้วยดวงตาที่มีประกายเย็นเฉียบ “ถ้าให้เล่าตอนนี้เรื่องมันยาวนะ”
“ทำไมเจ้าไม่ตอบข้ามาก่อนว่า เจ้าเดินทางไกลจากแคว้นหนานซวนมาที่นี่ทำไม?”
“แคว้นหนานซวน?” คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้สีหน้าของอวี้เซิ่งเปลี่ยนไป “ท่านแน่ใจหรือ?”
“ข้าฆ่าคนของหนานซวนมามากกว่าที่ท่านจะจินตนาการได้” เซียวถังอี้มองชายที่สวมเสื้อผ้าหรูหราอย่างเย็นชา “ข้าจะมองผิดได้อย่างไร”
เมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน ชายหนุ่มรูปงามก็รู้สึกโกรธขึ้นมา ในขณะที่พูดว่า “อะไรกัน แคว้นเป่ยหลงมีกฎหมายกำหนดไม่ให้คนของแคว้นหนานซวนเข้ามาทำการค้าได้เช่นนั้นหรือ?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 73
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น