บทที่ 61: เอาน้ำตามาแลก
มู่ไป๋ไป่ยังรู้สึกไม่ยินยอม
ทั้งที่มีวิธีการที่จะช่วยเหลือสหายของตนอยู่ตรงหน้าแล้ว ทำไมเธอถึงไม่พยายามไขว่คว้ามันมาล่ะ
ไม่นานก็มีความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวของมู่ไป๋ไป่ เธอบอกผู้เป็นแม่ว่าจะไปเยี่ยมหลัวเซียวเซียวแล้วก็วิ่งหนีไปทันที
“ไป๋ไป่…” ซูหว่านยังคงรู้สึกเสียใจ
แต่พอเห็นลูกสาววิ่งหนีไปเร็วมาก นางก็คิดว่าอีกฝ่ายคงจะโกรธจึงเรียกนางกำนัลมาให้ไปบอกห้องครัวว่าให้เตรียมขนมที่องค์หญิงหกชอบกินมาให้เพื่อปลอบใจนาง
ปัจจุบันหลัวเซียวเซียวยังคงเหมือนเดิม นางนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดขาว แต่จังหวะการหายใจนั้นกลับเชื่องช้า
หลังจากมู่ไป๋ไป่พูดคุยกับคนที่นอนหลับใหลสักพัก เธอก็พึมพำกับตัวเองอยู่ข้างเตียง แล้วก็กลับไปที่ห้องของตนเพื่อรอโอกาสอยู่เงียบ ๆ
โสมต้นนั้นถูกเก็บไว้ในเรือนของซูหว่าน ในช่วงเวลากลางวันมักจะมีนางกำนัลเดินเข้าออกตลอดเวลา มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไปเอาต้นโสมออกมาโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
มีเพียงเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้นที่เธอจะทำมันสำเร็จ
และแล้วเวลาก็ผ่านไปจนถึงยามราตรี ทั่วทั้งตำหนักอยู่ในความเงียบสงัด มู่ไป๋ไป่หยิบเสื้อผ้ารวมถึงอุปกรณ์ที่สวมใส่ตอนที่ออกจากวังไปกับมู่จวินฝาน
จากนั้นเธอก็ปิดหน้า คว้าเจ้าส้มติดมือมา ก่อนจะกระโดดออกไปทางหน้าต่าง
“เจ้าส้ม คอยจับตาดูเอาไว้ ถ้ามีคนผ่านมาให้รีบบอกข้า” เด็กหญิงวางแมวตัวโตพลางกระซิบติดสินบนมัน “แล้วข้าจะให้คนเตรียมน่องไก่ชิ้นใหญ่ไว้ให้เจ้า”
“ได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เจ้าส้มค่อย ๆ ก้าวไปบนกำแพง ในขณะที่ดวงตาสีเขียวของมันเปล่งประกายในยามค่ำคืน “แล้วทำไมเจ้าต้องแอบย่องไปที่เรือนของหว่านผินตอนกลางดึกล่ะ?”
“เจ้าจะไปแอบฟังหรือ?”
“ไม่สิ วันนี้มู่เทียนฉงไม่ได้อยู่ที่ตำหนักอิ๋งชุนสักหน่อย”
มู่ไป๋ไป่สะดุ้งกับคำพูดของอีกฝ่ายจนต้องเอ่ยปากออกไปว่า “เจ้าส้ม นี่เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร!”
เมื่อก่อนตอนที่เธอไปแอบดูความสัมพันธ์ลับระหว่างลี่เฟยกับองครักษ์ เจ้าแมวนี่ก็ยังไม่เข้าใจอะไรเลย!
“อะแฮ่ม...” แมวอ้วนกระแอมในลำคอแล้วพูดว่า “ข้าไม่เข้าใจอะไรหรือ? ก่อนหน้านี้ข้าเพียงแค่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจเพราะเจ้านั่นแหละ เจ้ายังเด็กอยู่นะ”
มันจะไม่มีวันยอมรับว่าเพิ่งได้เรียนรู้คำบางคำมาจากสุนัขสีดำตัวใหญ่ที่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของมู่เทียนฉง
น่าขายหน้ามากจริง ๆ!
ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกัน มนุษย์ 1 คนกับแมว 1 ตัวก็ได้มาถึงเรือนของหว่านผิน
ต้องขอบคุณเจ้าส้มที่ทำให้มู่ไป๋ไป่สามารถหลบเลี่ยงองครักษ์ที่ลาดตระเวนมาตลอดทางได้สำเร็จ
ภายใต้แสงจันทร์ ต้นโสมปลิวไปตามสายลม และดูเหมือนมีชั้นบาง ๆ ห่อหุ้มมันเอาไว้รอบ ๆ
เด็กหญิงลอบถอนหายใจเมื่อเห็นแสงนั้น แน่นอนว่าโสมต้นนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ
“เจ้ามาที่นี่เพื่อสิ่งนี้หรือ?” แมวตัวโตกระโดดลงตรงหน้าต้นโสม และใช้อุ้งเท้าของตัวเองแตะมันด้วยท่าทีรังเกียจ “เจ้าสิ่งนี้อร่อยหรือไม่?”
“เจ้าส้ม ห้ามแตะนะ!” มู่ไป๋ไป่ตกใจมากจนเบิกตากว้างพร้อมกับรีบจับมันไว้ เพราะกลัวว่าเจ้าแมวอ้วนตัวนี้จะไปสัมผัสต้นโสมแรงเกินไป
แบบนี้เธอจะใช้อะไรช่วยหลัวเซียวเซียวได้อีก?
“ใครน่ะ!” ต้นโสมขยับราวกับเพิ่งตื่นจากการหลับใหล “อ๋อ เจ้านี่เอง ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่อีก?”
“นี่ วิญญาณโสมน้อย” มู่ไป๋ไป่เรียกอีกฝ่ายพลางก้าวเข้าไปแตะใบของมันเบา ๆ “เมื่อกี้เจ้าทำอะไรอยู่หรือ? เจ้ากำลังดูดซับพลังฟ้าดินอยู่หรืออย่างไร?”
“ใช่แล้ว” วิญญาณโสมรู้สึกสบายใจมากยามที่ถูกคนตัวเล็กสัมผัส แล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะเอนเอียงเข้าหามือของอีกคน “เจ้ามาทำอะไรที่นี่กลางดึกหรือ?”
“ข้ามาที่นี่ก็เพื่อมาหาเจ้า” เด็กหญิงนวดใบโสมเบา ๆ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“เจ้าคงเคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าสหายของข้าได้รับเคราะห์แทนข้า แล้วตอนนี้นางก็ยังนอนหมดสติอยู่บนเตียง”
“อืม” ต้นโสมเกิดในตำหนักของซูหว่าน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่มันจะรับรู้เรื่องราวทุกอย่าง
“เจ้าบอกข้าว่าเจ้ามีพลังที่สามารถชุบชีวิตผู้คนขึ้นมาด้วยการกินเจ้าเพียงเล็กน้อยใช่หรือไม่?” มู่ไป๋ไป่ยกมือเล็ก ๆ ขึ้น “ข้าอยากจะขอโสมจากเจ้าเพื่อเอาไปช่วยชีวิตสหายของข้า”
“จริงสิ เจ้ามนุษย์โง่ เจ้าเพียงแค่ต้องการโสมต้นนี้เท่านั้นสินะ”
ระหว่างนั้นเจ้าส้มเลียอุ้งเท้าของตัวเองและมองเด็กน้อยด้วยสายตาเหยียดหยาม “ทำไมเจ้าไม่ดึงมันออกมาเลยล่ะ? เจ้าจะไปขออนุญาตมันทำไม?”
มู่ไป๋ไป่รีบเข้าไปปิดปากแมวปากเสียแล้วยิ้มแหย ๆ ให้กับวิญญาณโสม “ได้หรือไม่?”
“ฮึ่ม เจ้าแมวอ้วนนั้นพูดถูก เจ้าสามารถดึงข้าออกไปใช้ได้ตามใจ ทำไมเจ้าจะต้องถามข้าด้วยล่ะ” ต้นโสมกล่าวพลางขยับกิ่งก้านทำท่ากอดอก
“เป็นเพราะเจ้ามีแก่นวิญญาณและมีสติปัญญา ข้าจึงจะต้องขออนุญาตเจ้าเป็นธรรมดา” คนตัวเล็กตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “นอกจากนี้ เจ้าได้บ่มเพาะจนมีพลังแก่กล้า เจ้าช่วยแบ่งโสมบางส่วนมาช่วยสหายของข้าได้หรือไม่?”
วิญญาณโสมรู้สึกมีความสุขมากที่ได้รับคำชมจากอีกฝ่าย ในขณะที่มันโยกตัวไปมาเบา ๆ “เจ้าพูดถูก ถ้าสหายของเจ้ายังไม่ตาย เพียงแค่หมดสติไป แค่ใช้เนื้อชิ้นเล็ก ๆ ของข้าก็ช่วยได้”
ดวงตาของมู่ไป๋ไป่เป็นประกายทันที ก่อนที่เธอจะได้กล่าวขอบคุณ เธอก็ได้ยินต้นโสมพูดต่อไปว่า “อย่างไรก็ตาม ข้าไม่สามารถมอบเนื้อของข้าให้เจ้าเปล่า ๆ ได้ มันไม่ง่ายเลยที่ข้าจะบำเพ็ญเพียรมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วจะต้องเฉือนเนื้อหนังของตัวเองให้ใครก็ไม่รู้ เช่นนั้นมันจะทำให้สิ่งที่ข้าทำมาทั้งหมดสูญเปล่า”
“แล้วเจ้าอยากให้ข้าทำอะไรเป็นการตอบแทนล่ะ?” เด็กหญิงถามขึ้นอย่างกระตือรือร้น “เจ้าอยากให้ข้าเก็บน้ำค้างตอนเช้ามาให้เจ้าหรือไม่ หรือจะให้ข้าย้ายเจ้าไปวางตรงฮวงจุ้ยที่เอื้ออำนวยต่อการบำเพ็ญเพียรของเจ้ามากกว่า?”
เธอไม่รู้ว่าวิญญาณโสมต้องบำเพ็ญเพียรอย่างไร ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงใช้ความรู้จากการอ่านนวนิยายแนวการฝึกตนที่เคยอ่านมาเท่านั้น
“สิ่งที่เจ้าพูดมาล้วนแต่มีประโยชน์ต่อข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” ต้นโสมโบกใบเบา ๆ “ข้าขอน้ำตาของเจ้าเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“น้ำตาหรือ?” มู่ไป๋ไป่รู้สึกประหลาดใจกับเงื่อนไขของอีกฝ่าย แต่เจ้าส้มที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอเริ่มดิ้นอย่างบ้าคลั่งราวกับว่ามันมีอะไรอยากจะพูด
แต่เธอกลัวว่าคำพูดไร้สาระของแมวส้มตัวนี้จะทำให้วิญญาณโสมโกรธเข้า ดังนั้นเธอจึงออกแรงที่แขนเพิ่มขึ้น จากนั้นเธอก็พยักหน้าให้ต้มโสมด้วยรอยยิ้ม “ได้! เป็นอันว่าตกลง”
“เจ้าเห็นด้วย!” วิญญาณโสมเขย่าใบเล็ก ๆ ของมันอย่างตื่นเต้น หลังจากที่มันพบมู่ไป๋ไป่ครั้งที่แล้ว มันก็รู้ว่ามนุษย์คนนี้ดูเหมือนจะมีพลังวิญญาณอยู่ในกายมากมาย
ในเวลานั้น เพียงแค่นางสัมผัสมัน มันก็ดูดซับพลังวิญญาณเอาไว้ได้ตั้งมากมาย แล้วมันก็รู้สึกว่าร่างกายของมันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังทันที
ตอนนี้หากมันได้รับน้ำตาของเด็กหญิง มันอาจจะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดที่ใช้เวลาหลายปีได้ไม่ยาก
“ใช่ ข้าตกลง รอประเดี๋ยว ข้าจะมอบมันให้เจ้าตอนนี้เลย” เด็กหญิงโน้มตัวไปด้านหน้าต้นโสมและจ้องมองมัน หลังจากนั้นหยดน้ำตาที่สะท้อนแสงจันทร์ก็หยดลงบนต้นโสม
ในขณะนั้น มู่ไป๋ไป่คล้ายจะเห็นรัศมีบนร่างกายของวิญญาณโสมชัดเจนมากขึ้น
แต่เธอไม่มีเวลามาใส่ใจมันมากนัก เธอจึงทำเพียงแค่รับเนื้อโสมชิ้นเล็ก ๆ จากต้นโสมเพื่อไปช่วยหลัวเซียวเซียว
เจ้าส้มที่เพิ่งถูกปล่อยตัวก็โกรธมาก มันชี้ไปที่ต้นโสมและสบถด่าไม่หยุด “เจ้าปีศาจน่ารังเกียจ เจ้าคิดจะหลอกให้จ้าวอสูรของเราร้องไห้งั้นรึ?”
“แมวตัวนี้โกรธแล้วนะ!”
อย่างไรก็ตาม วิญญาณโสมที่ได้รับน้ำตาของมู่ไป๋ไป่ดูเหมือนจะเข้าสู่สภาวะหลับใหล จึงไม่ได้ตอบมันกลับ
แมวอ้วนเห็นดังนั้นก็กระโจนเข้าใส่อีกฝ่ายพร้อมกับยกอุ้งเท้าเตรียมขย้ำต้นโสม แต่มันก็ถูกแสงเจิดจ้ารอบตัวบีบให้ถอยกลับไป
ท้ายที่สุดเจ้าแมวสีส้มก็ต้องล่าถอย แล้วไประบายความโกรธกับสิ่งของรอบตัว ก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่สบอารมณ์
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 56
แสดงความคิดเห็น