บทที่ 62: ตื่นแล้ว!
พอมู่ไป๋ไป่กลับมาถึงที่ห้องของหลัวเซียวเซียว เธอก็ได้ไล่นางกำนัลที่คอยดูแลนางออกไป จากนั้นจึงป้อนเนื้อโสมที่เธอได้รับมาอย่างระมัดระวัง
เมื่อเด็กหญิงป้อนน้ำให้อีกฝ่าย ในไม่ช้าเนื้อโสมที่วาววับก็หายเข้าไปในปากของคนที่นอนอยู่ ซึ่งภาพนั้นทำให้เธอตกตะลึง
เธอไม่รู้ว่าตนตาฝาดไปเองหรือไม่ แต่ใบหน้าของหลัวเซียวเซียวดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีดอกกุหลาบหลังจากที่กินโสมเข้าไป
ที่ผ่านมามู่ไป๋ไป่วิ่งเต้นอยู่ตลอดทั้งคืน เธอจึงรู้สึกง่วงมาก ระหว่างที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงของสหายตัวน้อย สักพักเธอก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
พอถึงเวลารุ่งสาง ท้องฟ้าก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น โดยที่ภายในห้องมีเสียงลมหายใจอย่างสงบของคน 2 คนเพียงเท่านั้น
ขณะนี้นางกำนัลได้นำยาที่ถูกต้มสดใหม่เข้ามาตามปกติ และกำลังจะป้อนให้กับหลัวเซียวเซียว แต่จู่ ๆ คนบนเตียงก็ลืมตาขึ้นมาทันที
หลังจากเด็กหญิงได้นอนมาหลายวัน นางก็รู้สึกว่าหัวของตัวเองหนักมาก แต่แขนขากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังไม่รู้สึกอ่อนแรงเลย
“ข้าเป็นอะไรไป…” นางพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่นางจะทันได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง
“ว้าย! ใครก็ได้ คุณหนูหลัวตื่นแล้ว!” นางกำนัลรู้สึกมีความสุขมากจนลืมไปว่ามีมู่ไป๋ไป่อยู่ในห้องด้วย จึงตะโกนร้องบอกทุกคนเสียงดัง
แล้วเสียงตะโกนนั้นก็ไปปลุกคนตัวเล็กให้ตื่น
มู่ไป๋ไป่รู้สึกง่วงมากจนไม่ได้ยินว่าหลัวเซียวเซียวฟื้นแล้ว แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็สบเข้ากับดวงตากลมโตของอีกฝ่าย
“!!!”
“องค์หญิงหก เหตุใดพระองค์ถึงมาบรรทมอยู่ที่นี่กับหม่อมฉัน?” หลัวเซียวเซียวถามขึ้นมา “แล้วเหตุใดพระองค์ถึงสวมเสื้อผ้าบางเช่นนี้ ถ้าเป็นหวัดขึ้นมาจะทำอย่างไรเพคะ?”
“หลัวเซียวเซียว!” มู่ไป๋ไป่รีบผุดลุกขึ้นแล้วพุ่งตัวเข้าไปกอดสหายตัวน้อย “เจ้าตื่นแล้ว!”
“เพคะ” หลัวเซียวเซียวที่ถูกกอดรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ในที่สุดเจ้าก็ตื่นขึ้นมาสักที” มู่ไป๋ไป่จับไหล่ของคนตรงหน้าแล้วเขย่าอยู่สักพักเพื่อให้แน่ใจว่าตนไม่ได้ตาฝาดไป
หลังจากยืนยันว่านางฟื้นแล้วจริง ๆ ดวงตาของเด็กหญิงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอีกครั้ง
“หลัวเซียวเซียว เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองหมดสติไปกี่วันแล้ว ครั้งต่อไปอย่าทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้อีก เข้าใจหรือไม่?”
หลังจากที่มู่ไป๋ไป่พูดเช่นนี้ หลัวเซียวเซียวก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในทันใด และรีบจับมืออีกฝ่ายอย่างเป็นกังวล “องค์หญิงหก มันเป็นแผนลวงเพคะ นายน้อยหลัวต้องการทำร้ายพระองค์ และพวกเขาคิดว่าหม่อมฉันคือพระองค์ ก็เลย…”
“ข้ารู้!” คนตัวเล็กรู้สึกโกรธขึ้นมา “คนเลวที่รังแกเจ้าได้รับการลงโทษตามสมควรแล้ว ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป”
“จริงหรือเพคะ?” เด็กหญิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้ยินสิ่งที่องค์หญิงพูด จากนั้นนางก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ ขณะที่นางกำลังจะพูด หมอหลวงก็เดินเข้ามาเสียก่อน
พอพวกเขาเห็นหลัวเซียวเซียวฟื้นขึ้นมามีสีหน้าเปล่งปลั่งในชั่วข้ามคืน แถมยังดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันตาเห็น พวกเขาต่างก็คิดไปในทางเดียวกันว่ามันเป็นปาฏิหาริย์และเข้าไปตรวจชีพจรนางทีละคน
“ดูเหมือนว่าคุณหนูหลัวจะเป็นคนโชคดี ตอนนี้ชีพจรของนางกลับมาเป็นปกติ และไม่มีร่องรอยคล้ายกับว่านางได้รับบาดเจ็บมาก่อน”
หมอหลวงชราคนหนึ่งที่เคยดูแลหลัวเซียวเซียวลูบเคราของตัวเองพลางรายงานมู่ไป๋ไป่ว่า “จากการวินิจฉัยของกระหม่อม คุณหนูหลัวสามารถลุกจากเตียงได้โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องพักฟื้นร่างกายพ่ะย่ะค่ะ”
ซูหว่านที่เพิ่งเข้ามาประหลาดใจมากกับสิ่งที่หมอหลวงกล่าว ถึงกระนั้นนางกลับรู้สึกมีความสุขมากกว่า
นางเสียใจมากที่ปฏิเสธลูกสาวตอนที่มาขอโสมจากนาง แต่ตอนนี้พอเห็นว่าหลัวเซียวเซียวตื่นแล้ว นางก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
ในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา ห้องของหลัวเซียวเซียวไม่เคยเงียบสงบเลย ที่นี่มีหมอหลวงเดินเข้าออกเพื่อคอยดูแลนางและยังมีนางกำนัลที่ต้องส่งยา ปัจจุบันเด็กหญิงได้ฟื้นกลับคืนมาอย่างปลอดภัย คนเหล่านี้ย่อมต้องกลับไปเป็นธรรมดา
และแล้วภายในห้องก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง มู่ไป๋ไป่ถอดรองเท้าก่อนจะปีนขึ้นไปบนเตียงเพื่อกระซิบข้างหูสหายตัวน้อย
จากนั้นไม่นานเธอก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง
ในความเป็นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลัวเซียวเซียวทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวมาก แต่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้เธอก็พยายามระงับอารมณ์เอาไว้อย่างดีที่สุด
บัดนี้พอเธอได้เห็นว่าสหายของตนฟื้นขึ้นมาแล้ว เธอก็รู้สึกโล่งใจพร้อมกับอารมณ์ที่ถูกเก็บกดไว้ในใจก็ระเบิดออกมา
หลัวเซียวเซียวเห็นมู่ไป๋ไป่ร้องไห้หนักมากจนนางทำตัวไม่ถูก และไม่รู้ว่าควรจะปลอบอย่างไร นางจึงทำได้เพียงแค่หยิบผ้ามาเช็ดน้ำตาสหายเพียงคนเดียวเบา ๆ
ในยามที่แมวส้มตัวโตก้าวเข้ามา คนตัวเล็กที่เพิ่งร้องไห้เสร็จก็สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ขณะที่เธอคว้าผ้าเช็ดหน้ามาถือไว้เอง
“ทำไมเจ้าถึงยังร้องไห้อยู่อีก?” เจ้าส้มกลอกตามองเด็กน้อย “คนไม่ได้ตื่นแล้วหรอกหรือ?”
“ข้าก็แค่อยากร้อง ใครจะทำไม?” มู่ไป๋ไป่แอบรู้สึกขัดเขิน แต่ก็ยังไม่อยากที่จะแสดงความอ่อนแอออกมา เธอจึงถลึงตามองอีกฝ่าย “นี่ เจ้าส้ม เจ้าคาบอะไรมาน่ะ?”
เด็กหญิงเห็นแมวอ้วนกำลังคาบปิ่นปักผมที่ดูประณีตอยู่ในปากของมัน แม้แต่เธอที่เป็นคนไม่ค่อยสนใจสิ่งของพวกนี้ก็ยังบอกได้ว่าปิ่นปักผมอันนี้ล้ำค่าและคุ้นตามาก
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” เจ้าส้มเปิดปากคายปิ่นปักผมไว้บนตักของคนตัวเล็ก “ตอนที่ข้าเดินเข้ามาเมื่อครู่นี้ ข้าเก็บมันได้จากหลังหน้าต่าง”
“ตรงนั้นน่ะ”
มู่ไป๋ไป่มองไปตามจุดที่อุ้งเท้าของแมวส้มชี้ไป แล้วเห็นหน้าต่างที่หันหน้าตรงกับเตียง เนื่องจากเจ้าส้มเพิ่งเข้ามาจากที่ไหนสักแห่ง หน้าต่างจึงยังไม่ถูกปิดและเผยให้เห็นช่องว่าง
“ตรงนั้นหรือ?” เด็กหญิงเลิกคิ้ว ทำไมปิ่นปักผมที่มีค่าขนาดนี้ถึงไปตกอยู่ที่นั่น? แปลกมากจริง ๆ
“องค์หญิงหก หม่อมฉันเหมือนจะจำปิ่นปักผมนี้ได้เพคะ” หลัวเซียวเซียวเหลือบมองปิ่นปักผมแล้วพูดขึ้นมาอย่างลังเลว่า “ก่อนหน้านี้ตอนที่หม่อมฉันอยู่ในตำหนักชิงเหอ หม่อมฉันเห็นลี่เฟยใส่มันอยู่หลายครั้ง”
ลี่เฟยอย่างนั้นหรือ?
มู่ไป๋ไป่ตระหนักได้ในทันที เธอไม่รู้สึกแปลกใจแล้วว่าเหตุใดปิ่นปักผมนี้ถึงดูคุ้นตานัก
เมื่อวานตอนที่ลี่เฟยคุกเข่าอยู่ต่อหน้ามู่เทียนฉง นี่ไม่ใช่ปิ่นที่ปักอยู่บนศีรษะของนางหรอกหรือ?
“หม่อมฉันเองก็ไม่แน่ใจ” หลัวเซียวเซียวไม่กล้าพูดต่อ “บางทีอาจจะมีรูปแบบที่คล้ายกันก็เป็นได้เพคะ”
“เจ้าอย่าได้สงสัยเลย นี่เป็นของลี่เฟยจริง ๆ!” มู่ไป๋ไป่พูดขึ้นขณะลุกจากเตียง “ลี่เฟยคงได้ยินข่าวว่าเจ้าตื่นแล้ว นางจึงมาแอบดู”
“หึ! ข้าก็คิดอยู่ว่าทำไมครั้งนี้ลี่เฟยถึงยอมรับผิดแต่โดยดี นางไม่แม้แต่จะร้องขอความเมตตาต่อหน้าท่านพ่อเลย นางคงพยายามเก็บงำความแค้นเอาไว้”
ยามที่เธออยู่ด้านหลังเธอได้ยินชัดเจนว่ามู่เทียนฉงจัดการกับตระกูลหลัวอย่างไร
ในเวลานั้นเธอรู้สึกว่ามันแปลกมากที่ลี่เฟยสามารถปิดปากเงียบไม่กล้าพูดร้องขอความเมตตาแทนครอบครัวของตัวเอง และเฝ้าดูตระกูลหลัวถูกโยนเข้าคุกหลวงกันทั้งหมด
ตอนนั้นเธอคิดว่าลี่เฟยไม่มีทางที่จะยินยอม พอนางได้ยินว่าหลัวเซียวเซียวรอดพ้นจากความเป็นความตายและฟื้นขึ้นมาแล้ว นางคงมาที่นี่เพื่อแก้แค้น
หลัวเซียวเซียวไม่รู้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดังนั้นนางจึงไม่เข้าใจว่ามู่ไป๋ไป่หมายความว่าอย่างไร
แต่เมื่อเธอเห็นอีกฝ่ายมองตนด้วยสายตาไร้เดียงสา เธอก็ตบอกตัวเองพร้อมกับพูดว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจะจัดการเอง!”
“ข้าจะไม่มีวันยอมให้เจ้าต้องเจ็บตัวเพราะข้าอีก”
หลังจากคนตัวเล็กกล่าวจบ เธอก็คว้าแมวอ้วนขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปจากห้อง
“เจ้ากำลังจะไปหามู่เทียนฉงใช่หรือไม่?” เจ้าส้มเคยชินกับการที่มู่ไป๋ไป่คว้าตัวมันอุ้มติดมือไปด้วยตลอด มันจึงผ่อนคลายร่างกายที่อ้วนท้วนของมันและถามว่า “เจ้าจะไปฟ้องร้องเรื่องนี้กับเขาหรือ?”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ในที่สุดน้องเซียวเซียวก็ฟื้นแล้วววว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 61
แสดงความคิดเห็น