บทที่ 17 ยัยแม่มด
“หืม หอมจังเลยมีเมียที่ทำอาหารเป็นนี่มันดีอย่างนี่เอง” เขมันต์พึ่งอาบน้ำเสร็จก็ได้กลิ่นหอมออกมาจากในครัวเลยเดินมาดู
“ทำเป็นซะที่ไหนละครับ ทายแค่เอามาเวฟเอง” เพทายที่กำลังงุ่นอยู่กับการนำอาหารสำเร็จรูปที่ซื้อเวฟอย่างขะมักเขม้น ตอบคนตัวสูงที่เดินเข้ามาโอบเขาจากด้านหลัง
“หึ แต่พี่ว่าถึงอาหารจะหอมยังไงก็คงสู้คนไม่ได้หรอก” พูดจบก็จัดการหอมคนตัวเล็กกว่าไปหนึ่งฟอด
“ถ้าอย่างนั้นพี่เขมก็ไม่ต้องกินข้าวเช้าดีมั้ยครับ” เพทายแกล้งยุเขา
“อืม ก็ได้นะแต่พี่ขอกินทายแทน” คนตัวสูงตอบไม่อายปาก พร้อมกับกำชับมือที่กอดอยู่ให้แน่นขึ้นเหมือนจะทำอย่างที่ว่าจริง ๆ
“พี่เขมล่ะก็เป็นอย่างนี้ตลอดเลย ไม่ได้นะครับวันนี้ทายมีเรียนเช้า” เพทายปฏิเสธเพราะวันนี้เขามีเรียนตอนเช้า แล้วอีกอย่างเมื่อคืนเองก็จัดหนักไปหลายรอบแล้ว
“อืม พูดถึงเรื่องเรียน ทำไมช่วงนี้พี่ไม่เห็นทิวา อยู่กลุ่มเพื่อนทายเลยอ่ะ” เขมันต์แกล้งถาม เขารู้เหตุผลนั้นดีอยู่แล้ว ปกติตัวติดกับเพทายเป็นปาท่องโก๋
“ทายเองก็รู้สึกว่าช่วงที่ผ่านมาทิวามันทำตัวแปลกแยกออกไป ตั้งแต่กลับมาจากผับวันนั้น มันก็ตีตัวออกห่างจากกลุ่มทายเลย ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ งานกลุ่มมันก็ขอแยกออกไปอยู่กลุ่มอื่นหมด” เพทายถอนหายใจพูด เขาเองก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมทิวาถึงทำตัวแบบนี้ มันช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เพราะเขามั่นใจว่าไม่มีใครมีปัญหาอะไรกับเธอแน่ ที่ผ่านมาก็เข้ากันได้ดีตลอด
“...หรอแปลกจังเนาะ” เขมันต์มันยังตีหน้าซื่อตอบ
“เมื่อวานตอนพรีเซนต์งานกลุ่มก็โดนอาจารย์ว่า ว่าทำคนเดียวหมด เพื่อนกลุ่มมันไม่มีใครช่วยอะไรสักอย่าง ทำให้โดนหักคะแนนไปยกกลุ่มทั้งที่งานออกมาดี” ถ้าตอนนี้ทิวายังอยู่กลุ่มกับเขาเรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ แล้วเรื่องนี้คงจะกระทบจิตใจทิวามากพอสมควรเพราะอย่างเธอกินคะแนนแทนข้าวยังได้
“อืม น่าสงสารจริง ๆ แต่เรื่องนี้จะโทษแค่คนอื่นก็ไม่ได้ เพราะทิวาเองก็ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบเอง” นี่มันเป็นงานกลุ่มควรแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วคนที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มจะกลายเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม เพราะโดนกินแรงจากคนที่เธอคิดว่าอ่อนแอของกลุ่มนั่นแหละ
“ผมว่าคราวนี้ทิวามันคงเข็ดแล้วละครับ”
“อืม ทายอาทิตย์หน้าพี่ไม่อยู่สามวันนะ ต้องไปดูงานให้แม่พี่น่ะ”
……………………..
“เสาร์หน้าไปดูงานที่เกาะกีสรัลด้วย แกไม่ได้ไปดูนานแล้ว” หญิงวัยกลางคนออกคำสั่ง ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทั้งที่มือและสายตายังคงจับจ้องไปที่แฟ้มเอกสารตรงหน้า เหมือนไม่ได้ใส่ใจกับคู่สนทนามากนัก ขณะที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานอันโอ่อ่าช่างขับให้คนที่นั่งอยู่ตอนนี้เหมือนนางพญา มองดูแล้วช่างทรงอำนาจน่าเกรงขาม และห้องทำงานกว้างขวางที่มีการตกแต่งสไตล์คลาสสิคดูเรียบแต่หรู ใบหน้าของเธอที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางราคาแพงหูฉี่ มีสไตล์การแต่งหน้าที่โฉบเฉี่ยวในวัยกลางคนของเธอ บ่งบอกว่าเธอมีความต้องการคงความสาวไว้ตลอดเวลา มองดูแล้วช่างเป็นผู้หญิงที่มีความร้อนแรงอยู่เสมอและสามารถดึงดูดความสนใจคนรอบข้างให้หันมามองได้ตลอดเวลาด้วยกิริยาที่เย่อหยิ่งแต่ชวนหลงใหลของเธอ
“ผมไม่อยากไป” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงเรียบ ตาก็เฉไฉไปมองของประดับในห้อง เพราะไม่อยากจะมองคู่สนทนาของตน ขณะที่ตนเองก็นั่งไขว่ห้างกระดิกขา อยู่บนโซฟารับรองแขกที่เขาพึ่งหย่อนก้นลงนั่งเมื่อสักครู่นี้ ด้วยท่าทางสบาย ๆ อย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
“แต่แกต้องไป” หญิงวัยกลางคนออกคำสั่งอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองที่คู่สนทนาของตน
“ทำไมผมต้องไปด้วย ผมไม่ชอบเกาะนั่น” ชายหนุ่มยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง
ฟรึ่บ!
“เพราะนี่ มันเป็นคำสั่งของฉัน! ” เสียงปิดแฟ้มเอกสารงานดังขึันก่อนตามมาด้วยคำสั่งอันเด็ดขาด แล้วหญิงวัยกลางคนท่าทางทรงภูมิฐานสง่างามก็ลุกขึ้นยืนหน้าเชิด นำร่างระหงเดินออกไปจากห้องทำงาน อย่างไม่สนใจว่าคู่สนทนาของตนว่าจะกล่าวสิ่งใดอีกหรือไม่
เมื่อผู้เป็นแม่ออกคำสั่งเสร็จก็เดินออกไปอย่างไม่สนใจไยดีเขาอีก เขมันต์กัดฟันจนขึ้นเห็นรอยกรามอย่างชัดเจน เขาเดินทางมาที่นี่เพียงเพื่อรับฟังเธอพูดออกคำสั่งเพียงสามประโยคเท่านั้น แต่เขาก็ชินเสียแล้ว เพราะมันก็เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เขายังเด็ก นอกจากเรื่องงานเธอก็ไม่ได้สนใจที่จะพูดคุยอะไรกับเขามากกว่านี้ เรื่องไร้สาระที่ครอบครัวปกติทั่วไปพูดคุยเล่นกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์และสนิทชิดเชื้อกันในครอบครัว ไม่เคยออกจากปากของเธอคนนี้ ‘ยัยแม่มด’ เป็นคำที่เขาใช้เรียกเธอในใจ ไม่กล้าพูดออกมา นอกจากความสัมพันธ์ทางสายเลือด เขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรพิเศษกับเธอคนนี้เลย เขาคิดว่าจริง ๆ แล้วความสัมพันธ์ของเขากับเธอก็เป็นเหมือนกับเจ้านายกับลูกน้องเสียมากกว่า
ที่เกาะนั่นมีความทรงจำที่เขาอยากลืมมันไปอยู่มากมาย มันก็มีที่ดีบ้าง แต่ที่ไม่ดีมันมีมากกว่าแล้วมันยังทำร้ายเขามาจนถึงทุกวันนี้ มันเกิดขึ้นที่นั่นทั้งหมด ตั้งแต่วันที่เขาก้าวเท้าออกมาเขาก็ยังไม่ได้กลับไปอีกเลย มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่เขาจำเป็นต้องไป เพราะเป็นวันที่เปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในกิจการของเธอ เมื่อเสร็จภารกิจเขาก็กลับมาเลยโดยไม่ได้บอกกล่าวผู้เป็นเจ้าของโรงแรมตัวจริงเลย เธอสามารถลากเขาไปที่นั่นได้ก็จากการออกคำสั่งขั้นเด็ดขาด ‘เพราะมันเป็นคำสั่งของฉัน’ เป็นสิ่งที่ออกมาจากปากของเธอ เมื่อเธอต้องการใช้งานเขา หลายครั้งที่เขาต้องการอธิบายเหตุผลของเขาให้เธอเข้าใจบ้าง แต่บทสรุปของบทสนาก็จะจบลงด้วยคำสั่งขั้นเด็ดขาดจากปากของเธอ ใช่ เหตุผลของเขาใช้กับยัยแม่มดไม่ได้เลย
………………………
ผ่านมาครึ่งเทอมแล้วตอนนี้ทิวารู้สึกว่าเริ่มจะชินกับการอยู่คนเดียวแล้วล่ะ จะว่าไปมันก็ไม่เลวเหมือนกันนะ อยู่คนเดียวก็สะดวกดีจะไปไหนมาไหน ก็ไม่ต้องรอใคร ในเมื่อคนที่อยากจะคบก็คบไม่ได้ ส่วนคนที่อยากจะคบกับเราเพียงเพราะผลประโยชน์บางอย่างก็อย่าเลือกคบเลยจะดีกว่า อยู่คนเดียวสวย ๆ แบบนี้ล่ะดีแล้ว
วันนี้เป็นวันเสาร์ทิวาเลยมาวิ่งที่สนามกีฬากลางสายหน่อย ยังไง ๆ ก็ต้องเข้างานพาร์ทไทม์ ตั้งสิบโมงเช้า ตื่นสายนิดหน่อยจะเป็นไรไปปกติจะมาวิ่งที่นี่ตอนตีห้าทุกวัน แต่วันนี้เกิดขี้เกียจอะไรก็ไม่รู้กว่าจะดึงร่างจากเตียงได้ก็ตีห้าครึ่งแล้ว พอมาสายหน่อยคนก็เริ่มเยอะแล้ว วิ่งไปฟังเพลงไปด้วยนี่มันรู้สึกผ่อนคลายดีจริง ๆ
‘อยู่อย่างคนเหงาเหงา
อยู่กับความเดียวดาย
แม้ใครจะมองว่าทุกข์
แต่ฉันกลับสุขใจ’
เพลงที่ฟังก็ช่างเข้ากับเธอตอนนี้เสียจริง ๆ ขอบคุณพี่สิงโต นำโชค อย่างน้อยก็มีพี่เขาเป็นเพื่อนล่ะนะวันนี้
แฮก ๆ แฮก ๆ แฮก ๆ
เสียงหอบเหนื่อยของทิวาดังขึ้นเมื่อวิ่งรอบสนามไปแปดรอบแล้ว สนามนี้มีขนาดมาตรฐานขนาดสี่ร้อยเมตร ‘วันนี้พอแค่นี้ก็แล้วกัน’ ทิวาคิด แล้วก็มานั่งพักที่สแตนดิ้งข้างสนาม
“อุ้ย” ทิวาร้องขึ้นพร้อมเอามือป้องแก้มขวา เมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรเย็น ๆ มาสัมผัสที่ข้างแก้มขวาของเธอ ก็เงยหน้ามองไปยังที่มาของวัตถุนั่น แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นบุคคลที่เธอไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้
*******************************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 1180
- 👍 ถูกใจ
ความคิดเห็น
ใครน้อ เขมหรือทาย
รอติดตามพรุ่งนี้นะค่าาา
แสดงความคิดเห็น