บทที่ 16 เผชิญหน้าคู่ปรับเก่ายกทีม
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ทิวาก็อดรู้สึกอดสูใจไม่ได้ แต่จะโทษใครได้เธอเองก็ผิด
‘อาจารย์คิดว่าคุณควรที่จะปรับเปลี่ยนนิสัยนี้ซะ เพราะในวันข้างหน้าถ้าคุณยังเป็นแบบนี้อยู่คุณจะถูกเอาเปรียบได้ง่าย ๆ ’
เมื่อนึกถึงคำพูดของอาจารย์ทิวาเองก็รู้สึกว่ามันถูกต้องแล้ว เธอคงจะใจอ่อนเกินไป ถึงทำให้ถูกเอาเปรียบได้ขนาดนี้
ปั๊ก!
ทิวาวางถาดอาหารในมือที่พึ่งเก็บมาจากโต๊ะอาหารลง
“ใช่แล้ว! ต่อไปนี้เราจะไม่ใจอ่อนกับใครอีกแล้ว! ” ทิวาตั้งปณิธานกับตัวเอง
“ทิวา! โต๊ะสอง! ” เสียงตะโกนจากในห้องครัวดังขึ้น ให้ทิวานำอาหารไปให้ลูกค้า เรียกสติให้ทิวากลับมาอยู่กับปัจจุบัน
“ค่ะเชฟ! ” ทิวาตะโกนตอบ ตอนนี้ทิวาได้มาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารที่เคยมากินกับเพทายแล้ว เธอมาทำได้สองสัปดาห์แล้ว ผลงานการเป็นเด็กเสิร์ฟของเธอดีเลยทีเดียว เธอมักจะได้รับคำชมจากลูกค้าอยู่บ่อย ๆ แล้วก็ได้ทิปจากลูกค้าที่ชื่นชอบการบริการของเธอโดยเฉพาะลูกค้าชาวต่างชาติจะให้ทิปเธอเยอะเป็นพิเศษ อาจจะเยอะกว่าค่าแรงของเธอทั้งวันเลยก็ได้ แล้วก็กล่าวชื่นชมการบริการของเธออยู่บ่อย ๆ ว่ายิ้มแย้มแจ่มใสและมีไหวพริบในการบริการที่ดีทำเอาผู้จัดการร้านยิ้มหน้าบานกันเลยทีเดียว
เมื่อถือถาดอาหารตรงมาใกล้จะถึงโต๊ะสองก็ทำเอาทิวาถึงกับชะงักฝีเท้าโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นว่าผู้ที่นั่งอยู่ คือบุคคลที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุด หัวใจของทิวาเริ่มเต้นรัวเร็ว มือก็เริ่มมีอาการสั่น จะทำยังไงดีเธอไม่อยากเดินไปข้างหน้าต่อเลย
แต่ทันใดนั้นก็มีบุคคลคนหนึ่งในโต๊ะนั้นเห็นเธอเข้า “อ้าวน้องครับ…” จุลภาคที่เห็นเด็กเสิร์ฟกำลังเอาอาหารมาเสิร์ฟยังโต๊ะ ของตนหยุดชะงักก็คิดว่าเด็กคงสับสนอะไรสักอย่าง ถึงหยุดชะงักอยู่อย่างนั้น จึงยกมือเรียกเพื่อให้รู้ว่ามาถูกโต๊ะแล้ว แต่พอเห็นใบหน้าพนักงานเสิร์ฟชัด ๆ ว่าเป็นใครก็ไม่ได้พูดต่อ ทำให้สองคนที่เหลือที่นั่งตรงข้ามกับเขาต้องหันกลับไปมองตามสายตาเพื่อน
เมื่อทิวาเห็นอย่างนั้นก็ถึงกับผงะที่ทุกคนมองมายังเธอ ตอนที่อยู่คณะเธอถึงกับลงทุนสืบจนรู้ว่ารุ่นพี่ปีสามอย่างพวกเขามีตารางเรียนอย่างไรเพื่อที่เธอจะหลีกเลี่ยงได้มากที่สุด แต่มาวันนี้เธอไม่มีทางหนีได้อีกแล้วมีแต่ต้องเผชิญหน้าอย่างเดียว! ช่างมันเถอะก็คิดซะว่าพวกเขาก็เป็นลูกค้าเหมือนคนอื่น ๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็เดินเอาอาหารไปเสิร์ฟ
“ไม่ทราบว่าสเต๊กเนื้อวากิวของท่านไหนคะ” ทิวาถามขึ้น เมื่อมาหยุดอยู่ที่หัวโต๊ะแล้ว
“ของพี่เองจ๊ะ” วิทยาพูดเสียงหวานทำหน้าระรื่น แต่ทิวาไม่ได้สนใจวางจานสเต๊กเนื้อวากิวไว้ตรงหน้าเขา
“สปาเกตตีบาร์บีคิวของท่านไหนคะ” ทิวาถามต่อ
“ของพี่เองค่ะ น้องทิวาสบายดีหรอ” จุลภาคถาม ทิวาเพียงพยักหน้าน้อย ๆ
ส่วนจานสุดท้ายเธอไม่ต้องถามทิวาวางจาน 'ผัดไทยกุ้งสด' ไว้ตรงหน้าเขา แล้วเดินออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่ได้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
“เดี๋ยว! ” ทิวาชะงักเท้ากับเสียงเรียก แต่ยังไม่หันกลับไปหาคนที่เรียกเธอไว้
“รินน้ำให้กูด้วย ...หน้าที่ของเด็กเสิร์ฟมึงไม่รู้จริง ๆ หรอ” ทิวารู้หน้าที่ดีแต่เพราะเธออยากออกไปจากตรงนี้เร็ว ๆ จึงไม่ทันคิดเรื่องนี้
ทิวาเดินกลับมายังโต๊ะ “ขอโทษค่ะ” ทิวากล่าวขอโทษ หยิบเหยือกน้ำแล้วเทใส่แก้วของเขา
หมับ!
เพร้ง!
อยู่ ๆ เขมันต์ก็จับข้อมือทิวาทำเอาเธอตกใจสะดุ้งตัวโหยงปล่อยมือจากเหยือกน้ำตกแตก เมื่อผู้จัดการร้านเห็นเข้าก็วิ่งมาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ตายแล้ว ๆ ๆ ทิวาทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้เนี่ย เอ่อต้องขอโทษคุณลูกค้าจริง ๆ เลยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ” ผู้จัดการร้านเอ่ยถามเขมันต์ที่ตอนนี้เอาแต่จ้องทิวา
“ผมไม่เป็นไร แต่ต่อไปช่วยอบรมเด็กเสิร์ฟ ของคุณให้ดีด้วย เพราะถ้าครั้งต่อไปไม่ใช่ผม เป็นคนอื่นคงโวยวายไปแล้ว เธอคงจะไม่โชคดีอย่างนี้แน่” เขมันต์พูดเสียงเข้ม
“ขอบคุณมากนะครับคุณลูกค้า อ้าวนี่ทิวายืนบื้ออยู่ทำไมล่ะรีบขอบคุณ คุณลูกค้าสิ” ผู้จัดการร้านเองก็ดีใจที่ลูกค้าไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องใหญ่
ส่วนทิวารู้สึกไม่เต็มใจที่จะขอบคุณนักเพราะเมื่อกี้เขาเป็นคนทำให้เธอตกใจเองนี่นาแต่ก็ยอมพูดให้มันจบ ๆ ไป “ขอบคุณค่ะ” กล่าวออกมาอย่างฝืน ๆ
“ไม่เป็นไรหรอก ค่าอาหารวันนี้ก็หักจากค่าแรงของเธอก็แล้วกัน” เมื่อได้ยินดังนั้นทำเอาทิวากำมือแน่นด้วยความโกรธ มองตาเขาเขม็ง ผู้จัดการร้านก็มองหน้าเธออย่างเห็นใจ
ทิวาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว หันหน้าเดินกลับเข้าครัว
“มาเก็บกวาด ที่เธอทำไว้ด้วย! ” เขมันต์ตะโกนไล่หลังเธอ ยังรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเธอไม่หาย
“รอสักครู่เถอะค่ะ ดิฉันจะไปเอาอุปกรณ์มาทำ! ” ทิวาหันกลับมาตอบ อย่างพยายามสะกดอารมณ์สุด ๆ แล้วเดินกระทืบเท้าเข้าหลังร้านไป ส่วนผู้จัดการร้านเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วก็เดินกลับไปประจำที่ล็อบบี้
“ไอ้สัส มึงจะแกล้งน้องเขาไปถึงไหนว่ะ” จุลภาคว่าให้เพื่อน แต่กลับมีแต่รอยยิ้มเจ้าเลห์ส่งกลับมา
ความจริงเขมันต์ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงจะต้องแกล้งเธออีก เพราะเธอเองก็เลิกยุ่งกับเพทายและเพื่อนกลุ่มเพทายอย่างเด็ดขาดแล้ว แต่พอเห็นหน้าเธอทีไรเขาอยากจะรังแกเธอทุกครั้งไป ยิ่งเห็นเธอโกรธ เขาก็ยิ่งมีความสุข เขาจะอารมณ์ดีขึ้นทุกครั้งเมื่อได้รังแกเธอ ความจริงที่ผ่านมาอยู่ที่คณะเขมันต์ก็พยายามมองหาเธออยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยเห็นเลย เธอคงจะยอมแพ้เขาอย่างราบคาบแล้ว ถึงได้ไม่ยอมโผล่หัวมาให้เห็นเลย
ทิวาเดินกลับมาพร้อมไม้กวาดและที่โกยขยะ เธอมาถึงก็จัดการกวาดเอา ๆ ไม่สนใจอะไรเลย
“ทำไมกูไม่เห็นมึงที่คณะเลย” เขมันต์ถามขึ้น
“…” ทิวาไม่สนใจที่จะตอบเขาทำหูทวนลมใส่
“ทิวา! ” เขาวางช้อนส้อมที่กำลังถืออยู่ในมือลงกระแทกจานเมื่อเห็นเธอเมินเขา เมื่อทิวาเห็นอย่างนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาตอบ
“เพราะกูไม่อยากให้มึงเห็น! ” พูดจบก็เดินถือเครื่องมือทำความสะอาดและเศษแก้วที่ถูกโกยมาไว้ในที่โกยขยะหมดแล้วเข้าหลังร้านไป เธอหมดความอดทนที่จะพูดดีกับเขาแล้วจริง ๆ
คำตอบของเธอทำเอาเขมันต์กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ 'มึงยังอวดดีไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ'
…………………….
“นี่น้องทิวาแขกที่มากินตอนเย็นน้องทิวารู้จักด้วยหรอ” พี่เด็กเสิร์ฟคนหนึ่งถามขึ้น เด็กเสิร์ฟในร้านรู้ว่าตอนเย็นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหมด เพราะทิวาถูกหักค่าแรงจากอาหารมื้อนั้นทำให้เธอต้องอดค่าแรงไปหลายวัน
“ไม่ค่ะ แค่เรียนอยู่คณะเดียวกัน” ทิวาตอบ ไม่ได้อยากจะรู้จักเลยสักนิด
“หืม หรอ พี่ว่าถ้าพี่จำไม่ผิดพี่เคยเห็นเขาในเพจหนุ่มฮอตของมหาลัยอยู่บ่อย ๆ นะ ตัวจริงก็ หล่อดี” หญิงสาวพูดไปก็เขินไป เมื่อเห็นว่าทิวาไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเธอจึงพูดต่อ “ตอนแรกพี่ก็นึกว่าน้องทิวาจะรู้จักเขาซะอีก เห็นเขารอใครอยู่แถว ๆ ลานจอดรถ นึกว่าจะรอน้องทิวาซะอีก”
“นี่มัน เอ่อ นี่เขายังไม่กลับอีกหรอคะ” ทิวาตกใจถาม
“อืม น้องทิวาก็ลองไปถามเขาดูสิเผื่อจะช่วยอะไรเขาได้ พี่ไม่กล้าเข้าไปคุยน่ะ” หญิงสาวพูดอย่างเขินอาย
“วาจะไปช่วยอะไรเขาได้ละคะ เขาคงรอเพื่อนเขาอยู่นั่นล่ะค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ววาขอตัวกลับก่อนนะคะพี่บี” ตอนนี้ได้เวลาเลิกงานของทิวาแล้ว ความจริงร้านปิดสี่ทุ่มแต่ทิวากลับสองทุ่มครึ่งเพราะรถมินิบัสจะหมดตอนสามทุ่มเธอไม่อยากจะเดินกลับ ไม่ใช่เพราะเธอเดินไม่ไหว แต่เป็นเพราะมันจะมืดมากเกินไป แล้วแม่เองก็เป็นห่วงไม่ยอมให้ทิวาทำจนถึงร้านปิดด้วย ซึ่งร้านนี้ก็คิดค่าแรงเป็นชั่วโมงอยู่แล้ว แล้วหลังสามทุ่มลูกค้าก็น้อยแล้วจึงไม่มีปัญหาอะไร
ก่อนกลับทิวาชะโงกมองไปทางลานจอดรถก่อนเธอยังไม่อยากเจอเขาตอนนี้ เมื่อเห็นว่าไม่มีเขาอยู่ทิวาก็โล่งอก เดินไปรอมินิบัสอย่างสบายใจ
“มึงตั้งใจหนีหน้ากูหรอ” เสียงชายหนุ่มดังไล่หลังทิวามา เมื่อเธอเดินผ่านลานจอดรถได้ไม่กี่ก้าว ทำให้เธอหันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร
“นี่มึงยังไม่กลับอีกหรอ” ทิวาไม่ตอบแต่ถามกลับ
“กูถามมึงไม่ได้ยิน? ” เขาเริ่มมีน้ำโหเมื่อเธอไม่สนใจคำพูดของเขาอีกแล้ว
“ใช่ เพราะกูไม่อยากเจอหน้ามึง” เมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาแกล้งให้เธอโดนหักเงินค่าแรงเป็นค่าอาหารของพวกเขาในใจก็ยังคุกรุ่นอยู่
“มึงเกลียดกูมากขนาดนั้นเลยหรอ” อยู่ ๆ เขมันต์ก็ถามขึ้น ทิวารู้สึกแปลก ๆ กับคำถามนี้ของเขาอยู่นิด ๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก
“จะให้กูรักมึงสิแปลก” ก็เขาทำกับเธอขนาดนั้น แค่หน้าเขายังไม่อยากจะมองเลย
“หึ กูว่าชีวิตมึงช่วงนี้ดูจะมีความสุขเกินไปหน่อยนะ” เขมันต์กอดอกถาม
“ทำไม มึงอิจฉากูหรอ”
“เปล่า กูแค่ไม่ชอบเวลาที่เห็นมึงมีความสุข” คำตอบของเขาทำเอาทิวาหน้าถอดสี อยากจะชกหน้าคนคนนี้สักสองสามหมัดเผื่ออารมณ์จะดีขึ้น จะตามจองเวรกันไปถึงไหน
“งั้น กูก็ขอโทษนะที่ต้องทำให้มึงไม่ชอบใจ เพราะช่วงนี้ชีวิตกูมีความสุขมาก ๆ ” พูดจบทิวาก็เดินไปรอรถมินิบัสอยู่ป้ายหน้าร้านสะดวกซื้อ เขาเองก็ไม่ตามมาหรือว่าอะไรอีก ทำให้ทิวาฉงนอยู่เหมือนกัน เขารอเพื่อพบเธอหรอ รอเพื่อพบเธอแค่นี้เนี่ยนะ ...เมื่อรถมินิบัสรอบสุดท้ายของวันมาทิวาก็เดินขึ้นรถกลับหอทันที ไม่คิดจะเอามันมาใส่ใจอีก
******************************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 736
แสดงความคิดเห็น