ตอนที่ 2 .. “ เปิดตำรารัก ตอน กวนกาละแม ”
ตอนที่ 2 .. “ เปิดตำรารัก ตอน กวนกาละแม ”
รวมเรื่องสั้น นิยายรัก นักศึกษา (Romance Fiction - นิยายรัก)
ตอนที่ 2 .. “ เปิดตำรารัก ตอน กวนกาละแม ”
ไอ้ปิคเป็นคนเจ้าชู้ แต่รักใครแล้วก็รักจริง มีแฟนอยู่แล้ว ชื่อมิ้น เรียนอยู่ ม.6 สายน้ำผึ้ง กว่ามันจะจีบติดก็แทบจะลากเลือดอยู่แล้ว แต่ไอ้นิสัยเจ้าชู้ของมันเนี่ยซิ แก้ยาก
วันนึงยัยมิ้นไปเห็นพฤติกรรมของแฟนตัวเอง ที่ไม่น่าจะยกโทษให้ ก็เลยโกรธสุดขีด จึงเข้าไปลุยถึงที่
“ไอ้ปิค มึงตาย”
โดนยัยมิ้นทั้งเตะ ทั้งต่อย อัดไปเต็มที่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไอ้ปิค กินไม่ได้นอนไม่หลับมาจนถึงทุกวันนี้
***** +++++ *****
“กูบอกมึงแล้วไอ้ปิคว่ายัยมิ้นหนะ มันขี้หึงและโหดขนาดไหน คราวนี้มึงเชื่อกูรึยังห๊ะ ไอ้เวร มึงก็ไม่เคยเชื่อกูเลยสักครั้ง แล้วไงหละ ทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือเลยนะมึง กูอุตส่าห์เตือนแล้วเตือนอีก ครั้งนี้กูไม่รู้จะช่วยมึงยังไงแล้ว” เสียงสั่งสอนจากไอ้ปอนด์เพื่อนเลิฟ
“ก็ใครจะไปตรัสรู้ได้ยังไงหละวะ ว่าวันนั้นยัยมิ้นจะไปหนะ ก็ชวนแล้วบอกวาจะดูหนังสือสอบ” ไอ้ปิคแก้ต่างให้ตัวเอง
“แล้วไง โป๊ะเช๊ะเลย ดีนะที่กูไม่พ่วงไปกับพวกมึงด้วย ไม่งั้นยัยวาหาว่ากูมีเอี่ยวด้วยอีกคนแหง๋ๆ” ไอ้เชาว์สำทับขึ้นมา ไอ้ปิคครวญเสียงอ่อยเลย
“โอ้โฮ เพื่อนฝูง พวกมึงนี่กวนกาละแมจริงๆเลย ที่เรียกมาเนี่ย ให้มาช่วย ไม่ใช่มาด่า ไอ้เวรตะไล”
ไอ้ปิคด่าเข้าให้ และมองดูแล้วสมาชิกในก๊วนหายไปหนึ่ง
“แล้วนี่ไอ้บิ๊ก มันหายหัวไปไหนเนี่ย ทำไมกูไม่เห็นหัวมันเลย”
“ไปหายัยเล็ก ไอ้สองคนนี้มันกำลังสวีทกันอยู่” ไอ้ปอนด์สวนทันควัน
“เออ มันโชคดี คิดดู ทั้งก๊วน มีมันโชคดีอยู่คนเดียว กูไม่น่าเลือกคนผิดเลย รู้งี้กู..”
“เฮ้ย ไอ้ปิค ไหงมึงพูดจากวนอย่างนี้วะ” เพื่อนๆเบรกดังเอี๊ยด
“ของเพื่อนนะมึง” ไอ้ปอนด์บอก
“มึงนี่กวนกาละแมอีกแล้ว อาเฮีย <หมายถึง ไอ้เห้>” ไอ้เชาว์สำทับ
“เรื่องของกู” ไอ้ปิคไม่สนใจคำพูดเพื่อนๆเลย จึงได้แต่ส่ายหน้าไปตามๆกัน
>>>>> ***** <<<<<
ทางฝ่ายยัยมิ้น อารมณ์ไม่ค่อยจะสุนทรีสักเท่าใด เพื่อนๆเลยมานั่งล้อมวงดูอาการ
“หน้าตาไม่ยิ้มแย้มเลยหวะ” วาพูดออกมาแล้วก็หันไปทางปริ๊นซ์
“แล้วถ้าเป็นเธอหละ เธอจะยิ้มออกเหรอ พ่อตัวดีทำแสบออกขนาดนั้น” ปริ๊นซ์ พูดจบก็หันไปทางเล็ก
“ผู้ชายไว้ใจไม่ได้เลย เลว.. <ลากเสียงซะยาวเลย> เหมือนกันหมด” เล็กระบายออกมา
“เฮ้ย บิ๊กไม่เกี่ยวนะเล็ก” ไอ้บิ๊กรีบแก้ตัว
“เออ ครั้งนี้เธอรอด อย่าให้แม่รู้บ้างก็แล้วกัน ไอ้มิ้นมันยังเบาะๆนะ ถ้าเป็นฉันหละก็..”
วากับปริ๊นซ์ถามเป็นเสียงเดียวกัน
“อะไรวะแก” เล็กทำท่าหั่นและเอานิ้วปาดคอ
“เจี๋ยนและตายสถานเดียว”
ไอ้บิ๊กสะดุ้งโหยงเลยขณะที่นั่งอยู่ด้านบนของโต๊ะไม้และพวกสาวๆนั่งอยู่ด้านล่าง
“แล้วจะทำยังไงต่อวะมิ้น” ปริ๊นซ์ถามด้วยความเป็นห่วง
“เลิกไปเลย เรารึอุตส่าห์ไว้ใจ ลับหลังมาทำอย่างนี้กับเราได้ นี่ไม่รู้ว่าทำมากี่ครั้งแล้ว”
พูดไปก็ก้มหน้าร้องไห้ เพื่อนๆเลยเข้ามาปลอบ
“โอ๋ๆไม่ร้องนะ” ไอ้บิ๊กรีบสวนทันควัน ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
“โอ๊ย มันไม่เคยเลยนะ เราสาบานได้ ก็ไปด้วยกันบ่อยๆ” พวกสาวๆมองหน้าบิ๊กพร้อมกัน
“เชื่อได้เรอะ” วาชิงถามก่อนด้วยความแคลงใจ
“จริงๆนะ ส่วนใหญ่ เพื่อนๆจะรับช่วงไป”
ปริ๊นซ์สวนทันควัน เพราะคำตอบมันทะแม่งๆอยู่
“ว่าไงนะเพื่อนๆรับช่วงต่ออย่างนั้นเหรอ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เล็กแฟนสาวรีบจับคอเสื้อไอ้บิ๊กขึ้นมาถามทันที
“นี่แสดงว่าเป็นกันทั้งก๊กเลยใช่ไหม ตอบ” ไอ้บิ๊กแย่แล้ว จึงรีบแก้ตัวยังไงหละทีนี้
ซวยแล้วไง จะแก้ตัวให้เพื่อน แต่ดั้นพลาดจนตัวเองจะเอาตัวไม่รอดแล้ว
“ไม่ใช่ก๊กเรานะ ก๊กอื่นหนะ จริงๆ จริงๆนะเล็ก แม่ทูนหัว แม่บัวพ้นน้ำ”
“อะไรนะ แกว่าอะไรนะ ว่าฉันเป็นอะไรนะ แสดงว่าที่ผ่านมาฉันเป็นบัวใต้น้ำใช่ไหมไอ้บิ๊ก แกอย่าอยู่เลย”
ไปกันใหญ่แล้ว เล็กตีบิ๊กใหญ่เลย บิ๊กก็ได้แต่เอามือปิดตามลำตัวเอาไว้ จนปริ๊นซ์ต้องบอกให้หยุด เพราะรำคาญลูกกะตามาก
“เฮ้ยพอแล้ว ทะเลาะกันเป็นเด็กอยู่ได้”
เล็กชี้หน้าบิ๊กและหมายหัวไว้ ถ้าผิดมาไอ้บิ๊กโดนแน่
“นี่เพราะเพื่อนเลวๆของนายคนเดียวเลยนะบิ๊ก” ยัยปริ๊นซ์พูดออกมา
“เนี่ย ถึงทำให้เพื่อนที่แสนสวยและน่ารักของฉัน ต้องเป็นแบบนี้ นายจะว่าไง”
ยัยปริ๊นซ์ด่าไอ้บิ๊กเป็นชุด แล้วหันไปปลอบเพื่อนที่ซึ่งกำลังนั่งร้องไห้อยู่ บิ๊กพูดอะไรไม่ออกเลย ได้แต่ทำหน้าเจี๋ยมเจี๊ยม
“ไม่รู้ดิ ตอบไม่ได้ ก็ไม่ทำไง ก็เค้าไม่ได้เป็นคนทำนี่” บิ๊กกำลังเอาตัวรอด
“ไปว่าไอ้ปิคมันดิ มันเป็นคนก่อเรื่อง จริงไหม” ทั้งหมดเซ่อแดกเลย
<<<<< ----- >>>>>
ทางฝ่ายเจ้าปิคยังคงค้นหาวิธีที่จะคืนดีกับมิ้นให้ได้ กำลังนั่งคิดแผนการอยู่ จู่ๆก็ของขึ้น
“ไม่ได้” ทุบโต๊ะเสียงดังแล้วลุกขึ้น ทำหน้าขึงขังเสียงดัง
“กูจะเสียยัยมิ้นไปไม่ได้ กูรักของกูนี่หว่า จะให้ใครมาแย่งไปได้ยังไง อุตส่าห์จีบติดแล้วนี่” ไอ้ปิคทำท่าหวง
“เข้าทำนองที่ว่า ผู้หญิงข้าใครอย่าแต่ ว่างั้นเต๊อะ” ไอ้เชาว์แซว
“เออ” ไอ้ปิคตอบแบบโมโห
“เฮ้ย ข้าได้ข่าวว่า ไอ้คนที่มาจีบยัยมิ้นหนะ รวยด้วยนะโว๊ย จะบอกให้” ไอ้ปอนด์รีบแจ้งข่าว
“มึงหนะได้เปรียบอยู่แล้ว 2 ปีเต็มๆเชียวนะมึงที่เป็นแฟนกันมา กูว่ายัยมิ้นยังมีเยื่อใยกับมึงอยู่นา” ไอ้ปอนด์รีบโหมไฟใหญ่เลย
“ขอบใจโว๊ยเพื่อน อย่างนี้ต้องลุยสักตั้ง ไว้ลายเด็กเพาะช่างสักหน่อย” ไอ้ปิคฮึกเหิม
“ถึงกับลุยเชียวรึ” ไอ้เชาว์ถามด้วยความไม่แน่ใจ
ไอ้ปิคหันหน้ามายังเพื่อนทั้งสองคน แล้วยกมือขวาขึ้นมาทำท่าสู้ จนเพื่อนๆส่ายหัว
“เวร” ทั้งสองคนอุทานออกมาพร้อมกัน
///// +++++ /////
ไอ้ปิคตามง้อยัยมิ้นอย่างไม่ลดละเลยทีเดียว ไม่ว่ายัยมิ้นจะไปที่ไหน ทางไหน มันก็ตาม ห้องน้ำ ลานสเก็ต ห้างสรรพสินค้า ฟาสฟู๊ด แม้กระทั่งป้ายรถเมล์
“มิ้น ฟังปิคก่อนซิ” มิ้นไม่สนใจยืนหันหลังกอดอก งอน
“ไม่ฟัง คนโกหก หลอกลวง ไปให้พ้นนะ”
“น่า ฟังปิคอธิบายนิสนุง ก็ยังดี” ปิคทำนิ้วให้ดู
“ไม่ ไปให้ห่างๆ ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย ไอ้คนทุเรศ ไอ้คนหลายใจ”
มิ้นไล่ แล้วเธอก็เดินออกจากป้ายรถเมล์เดินไปเรื่อยๆ
“ปิคขอโทษ มันเหตุบังเอิญ” ปิคพยายามเดินตาม
“นายจะแก้ตัวยังไงก็ได้ แต่ฉันไม่ฟัง ฉันไม่สน เพราะมันเสียความรู้สึกไปแล้ว” มิ้นหยุดเดินแล้วหันมาพูดกับปิค
“ย้ำ มันเสียความรู้สึกไปแล้ว เข้าใจไหม” แล้วก็เอานิ้วจิ้มไปที่หน้าอกตรงหัวใจของปิคหลายที และสุดท้ายก็มาจบที่หน้าผาก
เดินมาจนถึงป้ายรถเมล์อีกป้ายนึงได้ยังไงก็ไม่รู้ จึงยืนรอและทำเป็นไม่สนใจ
“น่า เอาเป็นอันว่า ปิคผิด พอใจหรือยัง รับรอง ปิคขอให้สัญญากับมิ้นตรงนี้เลยว่า จะไม่ทำอย่างนั้นอีก”
มิ้นไม่สนใจ รถเมล์มา มิ้นขึ้นทันที “มิ้น” ไอ้ปิคกระโดดตามขึ้นไป
“2 คนครับ..มิ้น ฟังปิคหน่อยซิ” มิ้นเดินขยับหนีนิดนึงเพื่อให้พ้นบันได
“เอาหละมิ้น จะโกรธจะเกลียดปิคยังไง ปิคก็ยอมแล้ว” มิ้นยืนอยู่ข้างหน้า
คนเริ่มขึ้นมาเยอะแล้ว ต่างก็ขยับกันไปเรื่อยๆทีละนิด จนมิ้นกับปิคเริ่มห่างกัน เพราะไอ้ปิคมัวแต่ก้มหน้าขอโทษพูดอย่างเดียว ไม่ได้ดูอะไรกะเขาบ้างเลย
“แต่ขอให้พูดกับปิคบ้าง” เงียบไม่มีคำตอบจากยัยมิ้น ไอ้ปิคยังคงทำหน้าเศร้า ก้มหน้าพูดอย่างเดียว
ยัยมิ้นขยับเดินหน้าเข้าไปนานแล้ว แต่ไอ้ปิคยังคงอยู่ที่เดิม แล้วพูดไม่หยุด
“มิ้น เรารักเธอนะ เรารักเธอจริงๆ เราไม่ยอมให้ใครได้เธอไปหรอก” ยังยังอีก ยังไม่ยอมเงยหน้ามาดูว่าใคร
“อ๋อ! ใช่ซิ ไอ้หมอนั่น มันรวยกว่าเราใช่ไหม เธอถึงได้หนีหน้าเรา”
ยัยคนที่ยืนอยู่หน้าปิคมากที่สุด ยืนฟังปิคสารภาพรักมาได้สักพักแล้ว ทนไม่ไหว ก็เลยหันมา
“คุณรักฉันจริงๆเหรอค่ะ” พอไอ้ปิคเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจ
“ว๊าก!หมีควาย” ไม่ใช่ยัยมิ้นแฟนตัวเองนี่ ทั้งอ้วนทั้งเตี๊ย
เมื่อมองหามิ้นไม่เจอเลยตัดสินใจกดออดขอลงทันที หน้าแตก หมอไม่รับเย็บเลยคราวนี้ พอลงรถเมล์มาได้ เลยบ่นพึมพำ
“โอย..ฝันร้ายแน่กรู คืนนี้ บรื้อ” จึงเดินกลับไปอีกฟากนึงของถนนเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้านตัวเอง
***** ฿฿฿฿฿ *****
วันจันทร์วันต่อมาที่โรงเรียน มิ้นก็มานั่งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้กับพวกเพื่อนๆฟังอย่างสนุกสนานเลยทีเดียว ว่าแกล้งไอ้ปิคยังไงบ้าง เพื่อนๆหัวเราะกันก๊ากเลย เมื่อยัยมิ้นทำท่าทางประกอบให้ดูด้วย
“จริงหรือเปล่าวะมิ้น” วาถามย้ำเพื่อความสะใจ
“จริงซิวะ ฉันจะไปหลอกพวกแกทำไมวะ ฉันเนี่ยนะ ยังอดขำไม่ได้เลยที่หันไปเห็นตอนนั้น หน้าไอ้ปิคนะ ถอดสีจนดูไม่ได้เลยแก”
มิ้นตอบแบบสะใจและมีความสุขเป็นที่สุดที่ได้แก้เผ็ดแฟนจอมกะล่อนอย่างปิคได้ เพื่อนๆเลยหัวเราะกันทั้งกลุ่ม ชอบที่มิ้นกล้าทำ
----- ^^^^^ -----
ส่วนทางเจ้าปิค เมื่อมาเล่าวีรกรรมเมื่อวานให้เพื่อนๆฟัง เพื่อนๆแทบจะหมดแรงหมดลมไปตามๆกัน เพราะเสียชื่อเด็กศิลป์หมด
“หมดลายเด็กศิลป์เลยมึงไอ้ปิคคราวนี้” ไอ้ปอนด์บ่น
“นี่ถ้าเขารู้ว่าเป็นเด็กเพาะช่างนะมึง กูอายเขาฉิบหายเลย” ไอ้เชาว์กล่าวช่วย
“เสียหมาเลยหละซิมึง สมน้ำหน้า ไปถึงเวลาไปรับแล้ว ไปกันเถอะ”
ไอ้บิ๊กด่าก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปรับบรรดาแฟนๆที่สายน้ำผึ้ง ไอ้ปิคไม่กล้าไป ป๊อดซะแล้ว จนเพื่อนๆต้องหันมาเรียก
“เร็วซิไอ้เวร นี่พวกกูทำเพื่อมึงคนเดียวเลยนะ ไป” บิ๊กเรียก ปิคจึงยอมไป
***** +++++ *****
แต่พอตกช่วงเย็นหลังโรงเรียนเลิก เล็กกลับมีทีท่าที่เปลี่ยนไปหลังจากที่คิดไปคิดมาทั้งวัน
“อันที่จริงก็สงสารปิคนะ ฉันว่าแกก็ทำเกินไป มันอุตส่าห์ด้านหน้ามางอนง้อ แต่แกก็ใจแข็ง ไม่ยอมคืนดีเสียที” เล็กกลับเห็นใจปิค
“เฮ้ย แต่ฉันว่าสมแล้วหละ คนอย่างนี้ต้องทำให้เจ็บเสียบ้าง อะไร กะล่อนนัก”
แต่ปริ๊นซ์ กลับตอบกลับแบบนักเลง สักพักก็มีเสียงแตรรถดังขึ้น <ปิ้นๆ> เพื่อนๆหันไปดู
“เฮ้ย ใครวะ” ปริ๊นซ์ถามด้วยความแปลกใจ และมองไปยังเพื่อนๆในกลุ่ม
“ลูกคุณลุง เพื่อนพ่อ” มิ้นตอบข้อซักถาม ทางฝ่ายหนุ่มๆ กำลังเดินเข้ามารับสาวๆ พอดี
“พี่ผ่านมาทางนี้พอดี นึกได้ว่าน้องมิ้นเรียนที่นี่ เลยวะเข้ามารับกลับบ้าน เชิญทางนี้เลยครับ” มิ้นไม่อยากไป
“เออ..มิ้น” ปิคเห็นแฟนสาวแต่ไกลจึงเรียก
“มิ้นๆๆ” แต่พอได้ยินเสียงเรียกของปิคจึงเปลี่ยนใจทันที
“ไปค่ะ” เมื่อมาถึงตัว ปิคทำใจดีสู้เสือ ยิ้มสู้อีกต่างหาก แบบมีความหวังเต็มที่ แต่ก็ต้องผิดหวัง
“แหม กำลังคิดถึงพี่ธีระอยู่พอดีเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อ ว่าพี่ก็มาเลย” มิ้นตอบน้ำเสียงเหมือนจะเต็มใจมาก
แต่เพื่อนๆมิ้นเองกลับงง เพราะเมื่อกี้ยังอิดออดไม่อยากไปอยู่เลย พูดจบมิ้นก็เดินผ่านหน้าปิคขึ้นรถธีระไปเลย
“ถ้างั้นเชิญเลยครับ องค์หญิงน้อย”
ธีระดีใจมาก รีบกุลีกุจอ เปิดประตูรถให้มิ้นอย่างไม่รอช้า หลังจากธีระปิดประตูรถให้ มิ้นก็หันมาโบกมือลาเพื่อนๆทันที
“พวกแกฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”
เพื่อนๆทั้งสามทำหน้าไม่ถูกเลย เมื่อบรรดาแฟนๆมาประจำที่
“ไปก่อนนะครับ โอกาสหน้าค่อยพบกันใหม่”
ธีระรีบวิ่งไปขึ้นรถและขับออกไปทันที ต่อหน้าต่อตาปิค ปล่อยให้ปิคยืนดูอย่างตาละห้อย พวกเพื่อนๆทั้ง 6 คนไม่พอใจ จึงโห่ไล่หลัง
“ชิ้วๆ” ไอ้เชาว์ตะโกนต่อไปอีกเพียงคนเดียว
“ไปตายเลย” อีก 5 คนหันมามองหน้า วาแฟนสาวด่าเข้าให้
“ปากเสีย” ไอ้เชาว์หันมาพูด
“ตะเอง มาว่าเค้าทำไม” วาเลยเอามือชี้ไปที่หัว
“แล้วใครอยู่ในรถ ไอ้มิ้นเพื่อนฉันใช่ไหม” ไอ้เชาว์ลืมตัว
“นายบอก ไปตายเลย ถ้ารถเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ ไอ้มิ้นจะเป็นยังไง” ไอ้เชาว์นึกขึ้นได้
“เออ จริงด้วย” วาเลยบิดหูไอ้เชาว์ทันที
“มานี่เลย พ่อตัวดี ปากเสียจริงๆ ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้” ไอ้เชาว์กลัวแฟนมาก เลยต้องทำตาม
ทั้ง 6 คนมองปิคเป็นตาเดียวกันเลย ยืนหมดอาลัยตาอยาก จึงเดินเข้ามาหา
“ไปโว๊ยปิค กลับบ้านเรา” บิ๊กให้กำลังใจ ตอนนี้ไอ้ปิคเศร้าไปถนัดตา ไม่ทะลึง ไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน
แต่ใช่ว่าอาการเศร้านี้จะเป็นแต่เจ้าปิคเพียงคนเดียว ยัยมิ้นก็เป็นด้วย เพราะความทิฐิ ระหว่างที่นั่งรถกลับบ้าน เธอก็ได้นั่งทบทวนกับสิ่งที่เล็กบอก มันงอนนานเกินไปแล้วจริงๆหรือ แต่พอนึกถึงคำของปริ๊นซ์ มันก็เกิดความขัดแย้งขึ้นมาตลอดเวลา เลยยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดีกับชีวิตนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเพื่อนๆทั้ง 6 ก็เลยหาทางช่วยทันที
<<<<< ----- >>>>>
5 วันผ่านไป โอกาสก็มาถึง เมื่อวาจอมวางแผนมาบอกข่าวดีกับปิคในบ่ายวันเสาร์
“นี่ๆพวกเรา ฉันมีข่าวดีมาบอก”
วาวิ่งตะโกนนำหน้าบรรดาเพื่อนๆอีก 2 คน เมื่อนัดกันมาเจอที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง กลางใจเมืองหลวง จนเชาว์ต้องเบรกแฟนสาว
“หยุด ที่รัก ยอๆ” มาเมื่อมาถึงไม่สนใจแฟนเอามือปัดหน้าหนีให้ไปห่างๆ แล้วมุ่งไปที่ไอ้ปิคเพียงคนเดียว
“เฮ้..คืนนี้ไอ้คุณธีระนั่น จะพายัยมิ้นและพวกเราไปเที่ยวเธคด้วยแหละ แล้วเจอกันที่เดอะพาเลซ 2 ทุ่มนะปิค”
พูดจบก็นั่งพัก เพราะหอบ ลงรถเมล์ได้ก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งด่วน ปริ๊นซ์กับเล็ก วิ่งตามมาทันก็นั่งหอบไปตามๆกัน
“แกจะรีบไปไหนวะอีวา ไม่รอกันบ้างเลย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
เล็กนั่งหอบ บิ๊กยืนเอากระดาษแข็งพัดให้พร้อมกับยาดมให้ดม
“นั่นดิ ทำยังกะมากู้ระเบิดอย่างนั้นแหละ”
แล้วปริ๊นซ์ก็เอามือดันหัววาเบาๆ ปอนด์ก็ไม่น้อยหน้าบิ๊ก เชาว์กลัวน้อยหน้าจึงเอาใจบ้าง
“กระเป๋าแห้งอีกแล้วกรู” ไอ้ปิคครวญเสียงอ่อยๆเชียว เพื่อนทั้ง 6 พร้อมใจตะโกนออกไป
“กวนกาละแมอีกแล้วมึง” ปริ๊นซ์นั่งพูดแบบนักเลง
“จะจีบผู้หญิงทั้งที มันก็ต้องมีการลงทุนหน่อยซิวะ”
“นั่นดิ จะมามัวขี้เหนียว คิดเล็กคิดน้อยทำไม” เล็กเสริม
“อุตส่าห์รีบมาบอกเนี่ย ยังไม่ดีอีกรึไง” วาพูดเหมือนน้อยใจ
“อุตส่าห์หาวิธีอะไรเด็ดๆช่วยนายได้แล้วคืนนี้ ถ้านายไม่ลงทุน ไม่ไป ก็ตามใจนะ”
“กวนกาละแมจริงๆเลยพวกมึงเนี่ย” ไอ้ปิคด่ากลับ แล้วมองหน้าเพื่อนๆ
“ใครบอกว่ากูจะไม่สู้ แต่ที่กูลำบากใจในตอนนี้คือ กูไม่มีตัง มึงก็รู้ว่ากูเอาไปซื้อบัตรคอนเสิร์ตคืนนั้นจนเกลี้ยงแล้ว เพื่อที่จะเอาใจยัยมิ้น กูถึงต้องมากลุ้มอยู่นี่ไง”
“นึกว่าเรื่องอะไร ไม่เป็นไร ไม่ยาก” วารีบยื่นมือไปยังเพื่อนทั้ง 5
“อะไร ทำอะไรหนะวา” เชาว์ถามแฟนสาว
“ลงขัน” วาตอบสั้นๆ
“เอาวะ เพื่อเพื่อน” เชาว์เอาด้วย
ทุกคนจึงช่วยกันคนละเล็กละน้อยตามมีตามเกิด จึงได้มาก้อนนึงประมาณ 3,500 ปิคซึ้งใจเพื่อนๆมาก
\\\\\ +++++ \\\\\
ค่ำคืนที่เดอะพาเลซ ข้างในสนุกสนานมากสำหรับผู้คนทั่วไป ชีวิตของหนุ่มสาวบนฟอร์ ปล่อยไปตามจังหวะชีวิต ด้วยเท้าและเสียงเพลง
“เป็นไงบ้างครับน้องมิ้น สนุกไหม”
ธีระถามแบบเอาใจ หลังจากที่ออกไปเต้นออกเสตปกันจนได้เหงื่อและกลับเข้ามานั่งพัก ได้สักพักใหญ่
“ก็มันส์ดี” มิ้นตอบแบบเซ็งๆ
“ออกไปเอาเหงื่อออกอีกสักรอบไหม” ธีระชวน
“เอาซิคะ” ว่าแล้วทั้งสองคนก็ออกไปเต้นต่อ
ไอ้ปิคและเพื่อนๆพึ่งมาถึง รีบมองหาว่ายัยมิ้นอยู่ไหน สักครู่ก็เจอ เมื่อสายตาส่ายไปมาที่บนฟอร์ ไอ้ปิคจึงค่อยๆดิ้นเข้าไปหา และเต้นอยู่ข้างๆ สักพักก็ผลักธีระให้กระเด็นออกไป
“มิ้น ยังไม่หายโกรธปิคอีกเหรอ”
มิ้นตกใจมากที่ไอ้ปิคมาได้ยังไง ธีระงงมากที่กระเด็นออกมาจากฟอร์ได้ยังไง
"กูมาอยู่ตรงนี้ได้ไงวะ"
เมื่อมองหามิ้นก็ไม่เจอ จึงเดินกลับเข้าไปในฟอร์ใหม่อีกครั้งแบบหัวเสีย ทางด้านมิ้นก็ตอบกลับไอ้ปิคไป ไหนๆก็มาแล้วนี่
“ยัง” ตอบแบบเสียงแข็ง
“แล้วเมื่อไหร่หละ” ปิคถามย้ำเพื่ออยากจะรู้ระยะเวลา
“ไม่มีกำหนด” มิ้นตอบกลับแบบกำปั้นทุบดิน
“เราดีกันนะ” มิ้นไม่สนใจ คงเต้นต่อไป
“เรารักมิ้นนะ” แต่ปิคกลับลุกหนัก
“ใครก็พูดได้ ฉันก็พูดได้ มิ้นรักคุณค่ะ”
มิ้นทำเป็นเล่น ไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมรับความรู้สึกของไอ้ปิค แล้วยังตอบกลับแบบกวนๆอีก ธีระเจอมิ้นแล้วจึงเข้ามาเต้นต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ใครเนี่ย” ธีระถามว่าใครที่กำลังยึกยักๆอยู่ตรงหน้าเธอ มิ้นถามอีกครั้ง เพราะได้ยินไม่ชัด
“ขา พี่ว่าไงนะ” ธีระชี้ไปที่ปิค
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร อย่าไปสนใจเลย พวกจ้าวไม่มีศาล หลีสาวไปทั่ว” มิ้นแก้ตัว (เกือบไปแล้ว กวนซะไม่มี)
“หนูเหนื่อยแล้วหละคะพี่ นั่งเถอะ” ธีระตามใจ
“ก็ได้ครับ” เพราะชอบมิ้นนั่นเอง ปล่อยให้ไอ้ปิคยืนมองตามตาปลิบๆ
สักพักพวกเพื่อนทั้ง 6 คน ก็เต้นเข้ามา แล้วพากันเข้าไปนั่งที่โต๊ะ
“ไปนั่งก่อนเถอะ ไป”
วาพูดขึ้นและลากตัวปิคไปทันที ว่าแล้วก็ไปนั่งแหมะใกล้ๆกัน และก็เริ่มทำตามแผนที่เตี๊ยมกันไว้ทันที
“ขอโทษนะคะพี่ ขอเพื่อนเล็กนั่งด้วยสักคน”
ธีระยังไม่ทันได้ตอบอะไร เล็กรีบผลักไอ้ปิคลงไปแทรกกลางระหว่างมิ้นกับธีระทันที
“นั่งตรงนี้เลย เขาเวียนหัว มันพิงได้”
เล็กขอร้องธีระอีกครั้ง แต่ธีระมองแบบไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าใด แล้วก็วางมาดถาม
“ถ้าจะไม่เคยกินหละซิเบียร์หนะ ถึงเมาได้ขนาดนี้” ธีระมองแบบเหยียดๆ
“เปล่าหรอกพี่ เบียร์หนะ มันไม่เมาหรอก มันเมาอย่างอื่น” เชาว์ตอบแก้ลำธีระ
“เบียร์สำหรับมันเหมือนน้ำ แต่สำหรับอย่างอื่นมันอ่อน” บิ๊กกล่าวช่วย
“อะไรครับ” ธีระสงสัย
“ผู้หญิงครับพี่ มันเมาผู้หญิง” ปอนด์ตอบ
“ยังเด็กกันอยู่เลยนี่ ริมีแฟนกันแล้วเหรอเนี่ย ตายตาย” ธีระพูดแบบผู้ใหญ่สอนเด็ก
“เด็กแต่ตัว แต่อย่างอื่นใหญ่นะพี่” เชาว์ตอบแบบกวนๆ
“อะแฮ่ม น้อยๆหน่อยเชาว์ ที่ว่าใหญ่หนะ อะไร พูดให้ดีนะ ถ้าตอบไม่ดี มีเจ็บ”
วาแฟนสาวเบรกดังเอี๊ยด “ใจจร้าใจครับแม่” เกือบซวยแล้วไหมหละปาก วาชี้หน้าแฟน
“อย่าให้มันมากจนเกินไป กรุณาอย่ากวน”
“เอ้อ มิ้นขอเราเดี่ยวสักเพลงซิ” ปอนด์เริ่มแผนสองทันที
“เอาซิ “ ว่าแล้วก็ลุกกันออกไป ปล่อยให้ธีระนั่งตาค้างเลย ทำท่าจะลุกตาม
บิ๊กห้ามทัพทันที “ผมว่าพี่นั่งพักเถอะครับ” บิ๊กดึงไหล่ของธีระไว้แล้วกดลง
“นี่เบียร์ครับ มา ผมจุดบุหรี่ให้ นั่นแหละน่ารัก”
“ไปปิค ไปเต้นกันต่อดีกว่า จะได้สร่าง”
ปริ๊นซ์ทำทีชวนปิคออกไปเต้น ปิคไม่ขัดข้อง ว่าแล้วก็ลุกไปอีก 1 คู่ ดิ้นได้สักพักก็เป็นเพลงช้า ปอนด์เต้นมาใกล้ๆเอาหลังมันชนกับหลังปริ๊นซ์ไว้ แล้วกระซิบที่หูเบาๆ
“ปริ๊นซ์ เปลี่ยนได้แล้ว เราหึงนะ” ปอนด์พูดออกไปเพื่อที่จะให้ปริ๊นซ์รีบเปลี่ยน เพราะมันนานแล้ว หวงว่างั้น
“น้อยหน่อยเกินเหตุ นี่ไม่ได้อยู่ในแผนนะ ระวังปากหน่อย เดี๋ยวจะใช้ปากไม่ได้ไปอีกตลอดชีวิต”
แล้วปริ๊นซ์ก็หันมาบอกปิค “เอ้า ได้เวลาแล้วเพื่อน” ปิคพยักหน้า
“จากนี้ต่อไปสานต่อให้สำเร็จ ปิคจัดการต่อเอาเองนะ” ปิคมองเพื่อนทั้งสอง
“ขอบใจนะเพื่อน” ไม่รอช้า ปอนด์และปริ๊นซ์ก็เปลี่ยนคู่ให้ทันที
เมื่อปิคมาอยู่ตรงหน้าแฟนสาว ก็เริ่มง้อทันที เนื่องจากเป็นเพลงสโลว จึงต้องมีการเกี่ยวข้องกันบ้างกับมือ
“มิ้น จะไม่ยอมยกโทษให้เราจริงๆเหรอ” ปิคถามแบบน้อยใจ
“ไม่ และไม่มีทางที่จะเหมือนเดิมอีก ฉันเกลียดคนที่หลอกลวงฉันมากที่สุด” มิ้นกล่าวแบบตัดเยื่อใยเลย
“ก็บอกแล้วไง ว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย เราชวนมิ้นแล้ว เธอก็บอกไม่ว่าง เราก็เลยต้องชวนคนอื่นซิ บัตรเราก็ซื้อไปแล้ว จะให้เราเอาบัตรไปทิ้งที่ไหน” ปิคอธิบายแบบจริงจัง
“ไปมิ้นไม่เคยว่า แล้วไอ้กอดจูบนั้นหละ ต้องทำด้วยเหรอ มันเกินไปไหมปิค” มิ้นเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าปิคแบบน้อยใจ
“เออ..มันก็เหมือนอย่างที่เราทำกับมิ้นอยู่ตอนนี้ไง” ปิคอธิบายต่อ
“ส่วนเรื่องจูบนั้น มิ้นมองผิดมั้ง เธออยู่ตั้งไกล ห่างออกขนาดนั้น ผมเป่าขี้ผงที่ตาเค้าออกให้ต่างหาก” ปิคเริ่มแก้ตัว
“ไม่เชื่อ โกหก ฉันพึ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคนอย่างนาย โกหกได้เรื่อยๆอย่างหน้าด้านๆ ฉันเกลียดนาย”
มิ้นยังคงยืนยันคำเดิม คือไม่เชื่อและพยายามจะสลัดตัวออกจากอ้อมกอดของปิค แต่ก็ไม่สำเร็จ
“มิ้น แต่ผมรักคุณนะ” ปิครุกเล้าอารมณ์ด้วยคำพูดที่หนักแน่น
“แต่ฉันเกลียดคุณ” มิ้นก็ยังหนักแน่น และยังคงเล่นตัวไม่ดีด้วยง่ายๆ
สักพักเพลงเปลี่ยนจากช้าเป็นเร็ว ทั้งคู่จึงต้องเปลี่ยนท่าเต้นตามไปด้วย
“แต่ผมรักคุณ ผมรักคุณคนเดียว ผมไม่ยอมให้ใครแย่งคุณไปจากผมหรอก แต่งงานกับผมนะ”
มิ้นไม่รู้เรื่องว่าปิคพูดอะไร “อะไรนะฉันไม่ได้ยิน” มิ้นถามย้ำ เพราะไม่ได้ยินจริงๆ
“ผมว่า..” ไม่รู้ว่าใครไปปิดเครื่องเสียง ไอ้ปิคกำลังตะโกนบอกมิ้น เสียงดังลั่นเลย ทุกคนได้ยินชัด
“ผมรักคุณนะมิ้น แต่งงานกับผมนะ”
เสียงเงียบไปทั้งเธค ไอ้ปิคกับยัยมิ้นก็ชะงักทั้งคู่ เหมือนกัน แล้วมองไปรอบๆตัวเอง ทุกคนคอยลุ้นว่ามิ้นจะตอบอะไรออกมา
“ค่ะ ตกลง” สักพักก็มีเสียงเฮ
“มันต้องแบบนั้นซิ ไอ้น้อง” ไม่ใช่เสียงใคร เสียงของ DJ.นั่นเอง
ทั้งไอ้ปิคและยัยมิ้นหน้าแดงไปตามๆกัน ไอ้ปิคเอื้อมมือไปดึงยัยมิ้นเข้ามากอด แล้วหอมแก้มทันที ยัยมิ้นอายม้วนต้วนเลย
“ไชโย ฉันทำสำเร็จแล้ว”
นั่นคือเสียงที่ดีใจอันกึกก้องของไอ้ปิค แล้ว DJ.ก็เปิดเพลงต่อ ปิคจูงมือมิ้นเข้ามายังโต๊ะที่นั่งของเขา
“ยอดไปเลยเพื่อน” ปอนด์บอก
“ไปเลยเพื่อน ทางนี้พวกกูจัดการต่อเอง” เชาว์บอกต่อ เพื่อนๆทุกคนพยักหน้าให้
“ขอให้โชคดี มีความสุขนะแก” วาบอกเพื่อน
“ขอบใจมากนะเพื่อน ฉันขอบใจมาก” มิ้นขอบใจเพื่อนๆทุกคนที่ช่วยในคืนนี้
พวกเพื่อนๆกล่าวแบบเปิดทางสะดวก ทางธีระงงมาก ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ลุกขึ้นจะวิ่งตาม แต่พรรคพวกของปิค ดึงตัวเอาไว้
“อย่าเสี่ยงดีกว่าพี่” ปอนด์ดึงแขนธีระเอาไว้
“เขาแฟนกัน” ปริ๊นซ์ พูดเบาๆที่หู
“อะไรนะ แฟนกัน” ธีระตาแทบถลนออกมานอกเบ้า
“ใช่ เขาแฟนกัน พี่ไม่เกี่ยว” เชาว์ย้ำอีกที
“มาเกี่ยวกับผมดีกว่า” บิ๊กรีบพูดสวนเข้ามา
จากนั้นทั้ง 6 คนก็ต้อนธีระ ไปดิ้นอยู่กลางฟอร์ ส่วนปิคกับมิ้นก็วิ่งออกมานอกเธค
>>>>> ***** <<<<<
เมื่อมาถึงด้านนอกเธค ก็พบกับอากาศที่บริสุทธิ์แจ่มใสกว่าด้านใน โล่งและปลอดโปร่ง ไม่ต้องพบกับควันบุหรี่และเสียงที่ดังจนหูแทบตะอื้อให้ได้ ทั้งสองวิ่งจูงมือกันออกมาด้วยท่าที ที่มีความสุข มาหยุดนั่งพักที่สวยหย่อมแถวนั้น ทั้งสองนั่งจ้องมองตากันอยู่นาน ไม่นาน ปิคก็เอ่ยวาจาขึ้นมาก่อน
“มิ้นครับ” ปิคถามแบบดวงตาที่เว้าวอน
“ขา อะไรคะ” มิ้นตอบแบบเอาใจ
“แต่งงานกับปิคนะ” ถามย้ำเอาดื้อๆอีกครั้ง
“แต่มิ้นยังเรียนไม่จบเลย” เธออิดออด
“ปิครอได้ อีกไม่กี่เดือนเอง” ปิคตื้อจะเอาคำตอบให้ได้
มิ้นตอบแบบกวนๆ เพราะรู้ว่า ยังไงปิคก็สามารถรอเธอได้อยู่ดี
“รอได้รอไป มิ้นไม่แต่งให้โง่หรอก ถือว่าบ้านรวยเหรอ ไม่มีทาง”
พอมิ้นพูดจบ ปิคไม่ฟังเสียง รีบช้อนตัวยัยมิ้นขึ้นมาอุ้มแล้วก้มลงไปหอม เก็บคะแนนไปก่อนอย่างเร็ว แล้วรีบวิ่งไปเลยทันที มิ้นกระโดดลงแล้ววิ่งหนี ปิควิ่งตามจับ ทั้งสองมีความสุขมาก
“ฉันไม่แต่ง ถ้ายังทำตัวไม่ดี ทำตัวดีเมื่อไหร่ถึงจะแต่งด้วย ฉันให้แค่หมั้นไว้ก่อนเท่านั้น” มิ้นวิ่งไป พูดไปด้วย
“ได้เลย ปิค จะทำให้มิ้นเห็นว่า ปิคดีเสมอสำหรับมิ้น และพึ่งพาได้” ปิครับปากมิ้นด้วยใจที่แน่วแน่
“อีก 4 ปี จบปริญญาถึงจะแต่ง รอได้ไหมหละ” มิ้น มีข้อต่อรอง
“ได้ ถ้ามิ้น ยอมหมั้นกะปิค ถือว่าตกลงแล้วนะ ปิคจะขอหมั้นและจองไว้ก่อน” ปิคดีใจมากที่มิ้นให้โอกาสเขา
แล้วจากนั้น ทั้งสองก็วิ่งไล่จับกันไปอย่างสนุกสนานทั้งคืนเลยคืนนี้ พอปิคจับมิ้นได้ ก็หอมแก้มเข้าให้ทั้งสองข้าง มิ้นทำตาโตเลย
“ปิคหนะ เอาเปรียบมิ้นอีกแล้วนะ” ปิคอ้อนแฟนสาว
“แล้วรักไหม” มิ้นพยักหน้า
***** >>><<< *****
รุ่งเช้าวันใหม่ วันอาทิตย์ ทุกคนก็มารวมตัวกันที่บ้านของปิค คู่ใครคู่มันก็นั่งจัดคู่กันเองตามสะดวก
“หมั่นไส้” ปริ๊นซ์แซวเพื่อนเป็นคนแรก หลังจากที่เห็นมิ้นกับปิค กลับมาหวานชื่นกันอีกครั้ง
“อะไรไอ้ปริ๊นซ์” มิ้นมองหน้า
“เปล่า เห็นได้ข่าวว่า แอบไปตกลงอะไรกันไว้ก็เท่านั้น” ปริ๊นซ์สงสัยเลยถามไปตรงๆ
“ถามจริงๆ ไม่คิดที่จะบอกเพื่อนฝูงเลยใช่ไหม”
“แกนี่กวนกาละแมอีกแล้ว ไอ้ปริ๊นซ์ ไม่มี” เสียงสูงออกขนาดนั้น เมื่อมิ้นโกหกเพื่อน
แต่ทุกคนก็รู้ว่า มันเรื่องส่วนตัว ไม่อยากจะยุ่ง
“ว่าแต่พวกแกเถอะ มองอนาคตกันยังไงบ้างหละ” มิ้นถามด้วยความเป็นห่วง
“อีกไม่กี่เดือนพวกเราก็จะจบ ม.6 กันแล้วนะ ตกลงว่าจะเอ็นฯกันที่ไหนกันบ้าง” ตอนนี้มิ้นกลับมาในโหมดจริงจัง
“แม่ฉันชอบบริหารเงิน ก็อยากจะให้ฉันเรียน บริหารธุรกิจ” เล็กพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เหมือนไม่อยากจะเรียน บิ๊กเลยขอแสดงความคิดเห็น
“แล้วทำไมเธอถึงไม่บอกกับแม่ไปตรงๆหละเล็ก ว่าไม่ชอบ เธออยากเรียนหมอไม่ใช่เหรอ เห็นเคยบอกไว้” เล็กเอาหัวพิงไหล่แฟนหนุ่ม
“เคยบอกแล้ว แต่แม่ไม่ให้เรียน ก็เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ก็คงต้องตามใจแม่”
“ยังงี้เขาเรียกเผด็จการนี่หว่า” เชาว์โพล้งออกมา จนวาต้องปราม
“พูดอะไรเกรงใจเพื่อนฉันด้วย ปากไม่ดีอีกแล้ว เดี๋ยวจะโดน”
“แล้วแกหละวา คิดไว้หรือยังว่าจะเรียนอะไร” มิ้นหันไปที่วา วาพูดออกมาแบบลอยๆ
“ฉันชอบนิติศาตร์ ลองมาบังคับฉันซิฉันจะหนีออกจากบ้านให้ดู แต่ที่บ้านฉัน เค้าไม่ได้เฮี๊ยบเหมือนบ้านไอ้เล็กมัน บ้านฉันเป็นร้านขายของชำ อิสระเสรี ฉันไม่เดือดร้อน”
“ของฉันก็คล้ายๆกับไอ้เล็กมัน” ปริ๊นซ์ระบายออกมา
“ฉันอยากเรียนนิเทศฯ แต่ไม่รู้ว่าพ่อจะยอมให้ฉันเอ็นฯไหม โน้นบอกจะส่งฉันไปเมืองนอกเลยเชียว นี่ก็กำลังจะหาเวลาคุยเหมือนกัน แล้วแกหละมิ้น คิดรึยังว่าจะเลือกคณะอะไร มีไว้ในใจหรือยัง”
มิ้นหันไปมองหน้าสามีในอนาคตอย่างปิคและจับมือมาสวมกอดเอาไว้
“ฉันชอบความเงียบสงบ ฉันรักการอ่านและตัวหนังสือ ฉันเลือกอักษรหวะ” มิ้นพูดไปแล้วก็มองหน้าเพื่อน
“แก 2 คนโชคดีนะไอ้มิ้น วาด้วยที่สามารถเลือกคณะที่ตัวเองอยากเรียน แต่ฉันกับไอ้เล็กคงต้องทำตามต้องการของพ่อแม่”
ปริ๊นซ์บ่นออกมาเล็กน้อย วาเลยพูดให้กำลังใจเพื่อน ขณะที่สองคนนั้นหน้าตาไม่ค่อยดี
“เอาน่าเพื่อน ไม่ว่าพวกเรา 4 คนจะเรียนหรือแยกย้ายกันไปหาความรู้ที่ไหน ยังไงพวกเรา ก็ต้องกลับมาเจอกันน่า สำหรับฉันนะ ถ้าไม่ติดธรรมศาสตร์ฉันก็จะลงเรียนที่รามฯเลย ง่ายดี ไม่กดดันด้วย ว่าแต่พวกหนุ่มๆหละ มีโครงการชีวิตกันยังไงบ้าง อนาคตพวกเธอต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวนะ ว่าไง ไหนลองบอกให้ฟังน่อยซิ เอาเริ่มที่เธอก่อนเลย เชาว์ พ่อตัวดี”
“ฉันกับไอ้ปอนด์ ว่าจะไปต่อที่ศิลปากร แต่ไอ้บิ๊กกับไอ้ปิคไม่รู้ ยังไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย” เชาว์เลยถือโอกาสถามเลยทันที
“ว่าไงวะ ว่าจะถามตั้งนานแล้ว ไอ้บิ๊กว่าไง”
“กูกะว่าจะไม่ต่อแล้ว อยากออกหางานทำสักพัก แล้วค่อยเรียนต่อทีหลังสักปี 2 ปี พอดีรุ่นพี่ติดต่อมา อยากให้ไปช่วยเขียนรูปที่เชียงใหม่ เห็นได้ข่าวว่า ที่ถนนคนเดินที่นั่น รายได้ดี กูก็อยากจะไปลองเสี่ยงโชคดู พอดีเห็นว่า เล็กต้องเอ็นและไปลงที่ มอชอ.กูก็เลยตัดสินใจรับปากพี่เขาไปแล้ว จะได้อยู่ใกล้ๆแฟนกูด้วย”
พูดประโยคนี้มาเล็กน้ำตาจะไหล จึงดึงเอามือของบิ๊กมาหอมต่อหน้าเพื่อน
“ขอบใจนะบิ๊กที่รักเราขนาดนี้ ได้ยินแบบนี้แล้วฉันก็คงไม่คิดมากแล้วหละ อย่างน้อยก็มีเธออยู่ใกล้ฉันที่นั่น” เล็กเริ่มดีขึ้น
“แล้วมึงหละไอ้ปิค เหลือมึงคนเดียวแล้วนะ ที่ยังไม่ได้บอกอะไรพวกเราเลย” เมื่อปอนด์ถามขึ้นมา ปิคซึ่งนั่งกอดมิ้นอยู่จึงบอกออกไป
“พ่อกับแม่กู อยากจะให้กูไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเหมือนกับปริ๊นซ์นั่นแหละ แต่กูไม่อยากจากมิ้นไปไหนไกลๆ” พวกเพื่อนๆโห่ใส่เลย
“กูอยากจะอ๊วก” ไอ้เชาว์แซว
“ทำยังกะพวกกูอยากจะจากไปอย่างนั้นแหละ ใครๆก็อยากจะอยู่กับคนที่เรารักทั้งนั้นแหละ ตอบกวนนักนะมึง เอาดีๆ จริงจังหน่อย” บิ๊กด่าเพื่อน
“นั่นมันก็ส่วนนึง กูก็เลยขอต่อรองว่า ไม่ไปได้ไหมขอทำงานอยู่ที่นี่ หลังจากหมั้นกับมิ้นแล้ว ท่านสองคนอยากให้ฉันบริหารงานรีสอร์ทที่ใต้และโรงแรมที่เชียงรายต่อ”
ปิคอธิบายให้เพื่อนๆฟังถึงความต้องการของพ่อแม่ ว่าต้องการอะไรบ้างจากตัวเขา
“ถ้าทำได้ ฉันก็ไม่ต้องไปเมืองนอก และฉันก็สามารถเรียนต่อ ตรี โท ที่เมืองไทยนี้ได้เช่นกัน ถ้าฉันยอมทำตามใจท่าน 3 ปี ต่อไปท่านก็จะไม่มาวุ่นวายกับชีวิตของฉันอีกแล้ว”
“ฟังๆดูแล้วก็ดีนะ” เล็กเริ่มเข้าใจคนที่เป็นพ่อกับแม่มากขึ้น
“ตกลงเรียนจบ ม.6 แกจะหมั้นจริงๆเหรอวะไอ้มิ้น ไม่เร็วไปเหรอ” วาถามเพราะเป็นห่วงเพื่อน
“อย่าว่าฉันปากหมาเลยนะปิค พวกเธอด้วย ไม่จะเป็นปอนด์ เชาว์และบิ๊ก” วาอยากรู้เหตุผล
“อนาคต พวกเรายังต้องเจอใครต่อใครอีกตั้งหลายคน เวลาในรั้วมหาลัยตั้ง 4 ปีเลยนะ มันอาจจะต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ แกคิดว่าจะใจแข็งพอเหรอ เวลาเจอเพื่อนใหม่ คนใหม่ นอกจากปิค”
วาพยายามพูดให้ทุกคนเข้าใจกับความจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตามความเข้าใจของเธอเท่านั้น
“ที่พูดเนี่ย ฉันไม่ได้หมายความว่าให้แกหาแฟนใหม่นะ เพียงแต่ แค่ไม่อยากจะแกต้องมีอะไรมาผูกมัดเพราะคำว่าคู่หมั้น เวลาจะทำอะไร มันก็ไม่สะดวก คนอื่นเขาจะว่าเอาได้ ถ้าเกิดไปทำอะไรไม่ดีขึ้นมา ถ้าพวกแกรักกันจริง ไม่ต้องผูกมัดด้วยวิธีนี้ได้ไหมหละ”
เจอประโยคนี้จากวาเข้าไป ทำให้ปิคกับมิ้น ถึงกับต้องมองหน้ากันเลย มิ้นทำหน้าไม่ถูกแล้วคราวนี้
“มิ้น” มิ้นแกะมือปิคออกจากเอวและลุกขึ้น ปิคเรียกมิ้นทันที
“งานกร่อยแล้วไง” เชาว์บ่นออกมาแล้วหันไปมองวา
“พูดอะไรออกไปหนะวา เห็นไหม”
“อย่าคิดมากน่าวา ไอ้เชาว์มันก็ปากหมาไปแบบนั้นแหละ” ปอนด์ให้กำลังใจ ปริ๊นซ์เลยหาทางออกให้
“เอาน่าๆ ชีวิตใครก็ของมันซิวะ ก็มันรักของมัน ใครจะหมั้นไม่หมั้น ใครจะจองไม่จอง ก็ปล่อยให้มันสองคนตัดสินใจกันเองซิ เราไม่มีสิทธิ์ไปบังคับใครได้ จริงไหม”
ปริ๊นซ์พยายามพูดหว่านล้อมอีก
“ถ้าไอ้ปิคมันรักไอ้มิ้นจริง อยู่ตรงไหนบนโลกใบนี้ มันก็ต้องซื่อสัตย์ และได้แต่งงานกันจนได้น่า”
“ใช่ชีวิตคู่มันเป็นเรื่องของคนเพียงสองคน ตอนนี้พวกเรายังอายุเพียงแค่นี้กันอยู่ อย่าพึ่งคิดอะไรไปไกลเลย อนาคตยังต้องเจออะไรอีกมากมาย เจอผู้คนอีกมากหน้าหลายตา ถ้าไอ้ปิคมันมั่นคงกับไอ้มิ้นตั้งแต่ตอนนี้ ฉันก็ดีใจกับมันด้วยที่ได้คู่แท้ และอยากที่จะใช่ชีวิตคู่กันไปในอนาคต ก็ต้องปล่อยมัน พวกเราก็คงต้องสนับสนุนไม่ใช่กีดกัน ส่งกำลังใจและความห่วงใยอยู่ห่างๆเท่านั้นพอ อย่าว่าแต่มันสองคนเลย พวกเราก็เหมือนกัน คู่ใครคู่มัน คอยดูแลกันให้ดีก็แล้วกัน เครไหมเพื่อน ในเมื่อมันทั้งสองคนตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว เราคงก็ไม่สามารถที่จะไปขัดขวางหรือเปลี่ยนใจมันได้ วา แกไม่ผิดหรอกนะที่คิดแบบนั้น” เล็กพูดซะยาวเลยคราวนี้
“ฉันขอโทษนะมิ้นที่พูดอะไรออกไปโดยไม่คิด ฉันยอมรับว่าฉันอิจฉาแก แต่ไม่ใช่เพราะว่าแกมีแฟนรวยนะ แต่เพราะแกมีความคิดเป็นตัวของตัวเองต่างหาก”
มิ้นเดินกลับมาหาเพื่อนๆและอ้าแขนต้อนรับทุกคน
“ฉันรักพวกแกทุกคนนะ ปริ๊น เล็ก วา อย่าคิดมาก” มิ้นหันไปกวักมือเรียกปิคเข้ามาและพูดต่อหน้าเพื่อนทุกคน
“ฉันจะหมั้นกับนายเหมือนเดิมอย่างแน่นอน ปิค เพราะฉันรักนาย” ปิคดีใจมาก จึงเดินเข้ามากอดและหอมมิ้น
<<<<<<<<< ---------- >>>>>>>>>
จบแล้วจร้า สำหรับชุดนี้ อิอิ ..
โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 3 .. “ วันเวลาแห่งความทรงจำ ”
ตอนที่ 2 .. “ เปิดตำรารัก ตอน กวนกาละแม ”
รวมเรื่องสั้น นิยายรัก นักศึกษา (Romance Fiction - นิยายรัก)
รายชื่อตัวละครหลักในนิยายชุดนี้
1.ไอ้ปิค+2.ยัยมิ้น 3.ไอ้ปอนด์+4.ยัยปริ๊นซ์ 5.ไอ้เชาว์+6.ยัยวา 7.ไอ้บิ๊ก+8.ยัยเล็ก 9.ธีระ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 149
แสดงความคิดเห็น