ตอนที่ 3 .. “ วันเวลาแห่งความทรงจำ ”
ตอนที่ 3 .. “ วันเวลาแห่งความทรงจำ ”
รวมเรื่องสั้น นิยายรัก นักศึกษา (Romance Fiction - นิยายรัก)
ตอนที่ 3 .. “ วันเวลาแห่งความทรงจำ ”
เสียงนาฬิกาตีดังบอกเวลา 24.00น./เที่ยงคืนนั่นเอง ของคืนวันที่ 31 ธ.ค. แต่ในใจของนกยูงหละ ทำไมหนอเธอถึงไม่มีความสุขเลย เธอกำลังคิดถึงใครอยู่ เธอเป็นอะไรหนอ ผิดกับเพื่อนๆที่ดูร่าเริงสนุกสนาน เฮฮาตามประสาวัยรุ่น จนพี่สาวต้องเดินเข้ามาดูอาการ
“เป็นอะไรไปยูง” นกยูง ทำหน้าร่าเริงใส่พี่
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอกพี่หงส์” เธอแก้ตัวทั้งๆที่อาการมันฟ้องออกชัดขนาดนั้น
“เงียบ ดูไม่เหมือนแกคนเดิมเลยนะ นี่มันก็เที่ยงคืน วันใหม่แล้วนะ วันนี้วันที่ 1 ปีใหม่ ไป ไปสนุกกันต่อดีกว่า”
“ตามสบายเถอะพี่ ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอก อยากอยู่เงียบๆสักพัก” ดูท่าทางจะเป็นเอามากจริงๆ หงส์จึงพูดออกไป
“คิดถึงเขาหละซิ” หงส์ฟ้ายิงคำถามนี้เข้าไป ทำให้นกยูงถึงกับสะดุ้งเลย
“เปล่าๆ” นกยูงตอบแบบเสียงเครือๆ
“แล้วทำไมถึงทำสีหน้าแบบนั้นหละ ถ้าไม่ได้คิดถึงเค้าคนนั้น” พี่สาวถามด้วยความเป็นห่วง
“มันอบหนะพี่อากาศข้างใน ก็เลยออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าง” นกยูงแก้ตัวอีกแล้ว
“แล้วทำไมไม่ไปหาเค้าหละ” หงส์แกล้งถามอีกครั้งทั้งที่นกยูงก็ปฏิเสธไปแล้ว
“เราเป็นผู้หญิงนะพี่ มันน่าเกลียด” เธอเผลอตอบออกมาจนได้ จนต้องเอามือปิดปากตัวเอง
“นั่นไงหลุดออกมาแล้ว ไม่ต้องอายพี่หรอก พี่มองแป๊บเดียวก็รู้แล้ว ทะเลาะกันเหรอ” หงส์ถามเพราะอยากรู้
“ไม่ได้ทะเลาะหรอกพี่ แค่หนูไม่กล้าเท่านั้นเอง” นกยูงตอบอย่างไม่อาย มือเย็นเจี๊ยบ หงส์จึงเอื้อมไปกุมมือน้องเอาไว้
“ความรักมันไม่มีคำว่าน่าเกลียดหรอก ทางออกมันมีตั้งเยอะ ไปเยี่ยม ชวนไปเที่ยว หรืออะไรก็ได้จีปาถะตามแต่ที่เราจะนึกเอา มันอยู่ตรงที่ว่า เรากล้าหรือเปล่า นิดเดียวเท่านั้นเอง”
หงส์อธิบายส่องทางสว่างให้กับนกยูง เธอดีใจมาก ก็เลยขอบคุณพี่สาวยกใหญ่
“ขอบคุณมากค่ะพี่ แล้วหนูจะทำตาม ขอบใจจริงๆ” นกยูงเริ่มมีรอยยิ้มออกมานิดนึง
“สบายใจหละซิ ถ้างั้นเข้าไปในงาน สนุกกันต่อกับเพื่อนๆดีกว่า ปาดนี้คงรอกันแย่แล้ว”
“ค่ะ” นกยูงตอบรับด้วยรอยยิ้ม จึงลุกขึ้นเพื่อกลับเข้าไปสนุกต่อในงาน
แล้วสองพี่น้องก็เดินหัวเราะกันเข้าไปในงาน หาความสุขกันต่อ นกยูงสลัดความทุกข์เต้นอย่างสนุกไปเลย
##### ^^^^^ #####
หนุ่มมาร์ค กำลังวุ่นวายอยู่กับงานประดิษฐ์บ้าๆบอๆของเขา
“อย่าพึ่งเข้ามานะไอ้ต่อ บอกว่าอย่า” มาร์คร้องลั่นเลยเมื่อเพื่อนซี้กำลังจะเดินผ่านประตูเข้ามา
“มันมีอะไรวะ ไอ้มาร์ค” ต่อสงสัย “บอกว่าอย่า ก็อย่าซิ อย่า”
รู้สึกว่า คำเตือนของมาร์คนั้นจะไม่เป็นผลเอาซะเลย ต่อเดินดุ่ยๆผ่านประตูเข้ามาอย่างหน้าตาเฉย กระป๋องน้ำที่วางอยู่บนประตู ก็หล่นโครมลงมาครอบหัวไอ้ต่อทันที
“อ๊าก” เปียกทั้งตัว มอมเป็นลูกหมาตกน้ำเลย
“กูว่าแล้ว กูเตือนมึงแล้วนะไอ้ต่อ” มาร์คตะโกนออกไปเสียงดังลั่น เพื่อนข้างๆห้อง วิ่งมาดูก็หัวเราะกันทั้งตึกเลย
“มองอะไรกันเล่า ไป จะไปไหนก็ไป” ต่ออารมณ์เสีย เลยพาลมาโกรธมาร์คด้วย เดือดร้อนมาร์คซิ ต้องถูพื้นหน้าห้องให้แห้งก่อน
“เอ้า เข้ามาได้แล้ว” แล้วมาร์คก็หันไปบอกเพื่อนๆนอกห้อง
“เพื่อนๆครับ อุบัติเหตุนิดหน่อย แยกย้ายกันได้แล้วนะ ไม่มีอะไรแล้ว”
ทุกคนก็แยกย้ายกันไปห้องใครห้องมัน ต่อเดินเข้าไป มาร์คโยนผ้าเช็ดตัวให้ ต่อก็เดินเช็ดหัวเข้ามา
“มีอะไรเหรอวะ ถึงมาหากูวันนี้” มาร์คอยากรู้
“ไม่มีแล้วจะมาเหรอวะ” ต่อตอบแบบอารมณ์เสีย
“เอ้า ทานกาแฟร้อนๆซะก่อน เดี๋ยวจะเป็นหวัด” มาร์คยื่นกาแฟร้อนให้ ต่อก็ทานไปคุยไป
“นี่ถ้ามาช้าอีกน่อย ก็ไม่เจอแล้วนะเนี่ย”
มาร์คเดินไปดึงน้ำอัดลมมาทานและปิดตู้เย็น แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอก
“นี่ก็แสดงว่ากูดวงดี และก็ซวยด้วยไปพร้อมๆกัน ว่างั้น”
ต่อหันไปหามาร์ค “ก็แล้วแต่แกจะคิด” มาร์คพูดออกมา
“เออ! พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่าวะ” ต่อครวญด้วยเสียงอ่อยๆ เพราะร้อนปาก ซดกาแฟอยู่
“พรุ่งนี้ กี่โมงหละ ไม่เสือกบอกมาให้หมดซะทีเดียว กั๊กอยู่ได้ ถ้าเช้าไม่ว่าง มีสอน” มาร์คหันไปด่าเพื่อน
เพื่อความแน่ใจ จึงแหงะไปดูตารางทำงานที่แปะอยู่ที่ข้างฝาอีกที แล้วก็ยกมือ Ok
“แจ๋ว งั้นไปบ่าย” ต่อดีดนิ้วเปาะ “ไปไหน” มาร์คสงสัย
“เหอะน่า ไม่ต้องถาม แล้วพรุ่งนี้กูจะไปหามึงที่วิลัยที่ทำงานมึงเองก็แล้วกัน กูไปหละ”
“เออ” มาร์คยกมือให้เพื่อน แล้วต่อก็ปิดประตูห้องให้ แล้วเดินฮัมเพลงออกไปแบบสบายใจ
“อะไรของมันวะ มาแล้วก็ไม่บอก โทรมาก็ได้ ถ้าจะบอกแค่นี้ ท่าจะบ้าซะแล้วเพื่อนกู ว่าแล้วก็ ออกไปหาอะไรทานดีก่า”
หลังจากที่เก็บกวาดห้องจนสะอาดดีแล้วเก็บของที่เกลื่อนกลาดจนหมด มาร์คก็เดินออกไปหาอะไรทานตามประสาคนโสด
!!!!! &&&&& !!!!!
นกยูงกำลังเพลินอยู่กับการเดินอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ริมถนน สักครู่ก็มีเสียงทักทายมาจากทางด้านหน้าของเธอ เธอจึงหยุด
“สวัสดีครับคุณ..” ไอ้แจ๊คเป็นเจ้าของเสียงนั้น
นกยูงเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นไอ้แจ๊คยืนยิ้มเหงือกแห้งอยู่ งงมาก
“นาย..” สักพักมือที่ไผล่หลังอยู่ก็โผล่ออกมาพร้อมกับดอกไม้ช่องามช่อหนึ่ง ซึ่งไม่ใหญ่มาก กำลังดี
“ผมให้คุณครับ” นกยูงไม่สนใจ
“เอามาให้ฉันทำไม” นกยูงถามเพราะแปลกใจ
“ก็ผมอยากรู้จักคุณ ก็เลยเอามาให้ ผิดด้วยเหรอครับ” นกยูงจ้องหน้าแจ๊ค
“ก็คุณอยากเกิดมาสวยและน่ารักทำไมหละ” ไอ้แจ๊คตอบแบบซื่อๆและกวนๆ
“นี่คุณ จะจีบผู้หญิงทั้งที เดี๋ยวนี้เค้าทำกันข้างถนนอย่างนี้เนี่ยนะเหรอ บ้าหรือเปล่า” นกยูงตอกกลับ
“นี่เจ๊! ไอ้เรามันก็บ้านใกล้เรือนเคียงกันนะ ประตูวิลัย มันก็ติดๆกัน แนวเดียวกัน ทำไมเราสองคนจะมีมิตรไมตรีต่อกันบ้างไม่ได้เชียวเหรอ นั่นสวนดุสิต นี่สวนสุนันทา อีกอย่าง ถ้าผมไม่พูดกับคุณตรงนี้ คุณจะให้ผมไปพูดที่ไหน ที่บ้านคุณเอาไหม”
ไอ้แจ๊คใส่เป็นชุด ไม่เว้นวรรคให้นกยูงพูดอะไรบ้างเลย สงสัยจะฉุนที่สาวไม่สนใจ เลยปล่อยของ
“หยุด Stop” นกยูงยกมือเบรกและชี้หน้า
“นี่อย่ามาเรียกฉันเจ๊นะ ฉันคนไทย คนสยาม โดยแท้แต่กำเนิด ไม่ใช่คนจีน อีกอย่างฉันไม่ชอบนักหรอกนะที่จะคบกับคนหน้าตาโหลโท้ยอย่างนายเนี่ย ยี้! อะเฟรด ทุเรศ”
พูดจบก็เดินเข้าวิลัยไปเลย ปล่อยให้ไอ้แจ๊คยืนงงอยู่พักนึง พอตั้งสติได้ ก็เลยหันไปตะโกนตามหลังพร้อมกับยกช่อดอกไม้ที่ถืออยู่ชี้ไปยังนกยูงที่เดินอยู่ลิบๆ
“ทำไม หน้าตาอย่างผมมันไม่ดีตรงไหน” ไอ้แจ๊คฉุน
“มันเป็นยังไงห๊ะ ถึงคบไม่ได้ คอยดูนะสักวันพ่อจะเอามาควงให้ได้ อีโธ่ ถือว่าสวยรึไง แม่คู๊น”
พูดจบก็เดินกลับไปที่วิลัยของตัวเอง เดินไปสักพักก็เจอเพื่อนสาวคนหนึ่งค่อนข้างเจ้าเนื้อสักหน่อย เธอก็รีบปรี่เข้ามาและทักทาย
“สวัสดีตอนเช้าจร้า” บัวทักทาย ไม่มีคำตอบจากแจ๊ค ก็เลยถามต่อ และเหลือบไปเห็นดอกไม้ที่แจ๊คถืออยู่
“ดอกไม้สวยนะแจ๊ค ให้ใครหนะ” แจ๊คกำลังฉุนขณะที่เดินไปเลยยื่นให้
“เอ้าฉันให้” บัวงง แต่ก็รับไว้ หลังจากที่แจ๊คยื่นให้ เขาก็เดินหายไปเลย ปล่อยให้บัวยืนไม่รู้อนาคตอยู่คนเดียว
>>>>> ##### <<<<<
นกยูงพอเดินเข้าวิลัย สายตาก็มองไปเห็นเอายอดชายของตัวเองเข้าซึ่งกำลังลงมาจากรถ ก็เลยปรี่เข้าไปหาเลยทันที
“สวัสดีค่ะอาจารย์” มาร์คหันมา
“สวัสดีจ๊ะ เดี๋ยวนะ เธอ เออ..ครูจำไม่ได้ว่าเธออยู่คณะไหน”
มาร์คจำนกยูงไม่ได้ เพราะเด็กนักศึกษามันเยอะมากจริงๆ นกยูงเลยรีบเตือนความจำ
“หนูอยู่นิเทศ เอกการแสดงไงค่ะอาจารย์” ความจำมาร์คจึงเริ่มฟื้นคืนมาทันที ถึงกับร้องอ๋อ
“อ๋อ นึกออกแล้ว ชื่อนกยูงใช่ไหม” นกยูงหน้าแดงขึ้นมาทันทีเลย เมื่อคุณครูสุดที่รักของเธอจำได้
“ค่ะๆ น่ารักจัง” มาร์คได้ยินไม่ชัด
“ว่าไงนะ” นกยูงรีบเบี่ยงประเด็น
“ไม่มีอะไรๆ เออ..ไม่ทราบว่า ของขวัญถูกใจไหมค่ะ” เธอลองถามถึงของขวัญปีใหม่
“อ๋อ ของขวัญลึกลับกล่องนั้นนั่นเอง ของเธอเหรอ สวยมากจ๊ะ ขอบใจมากนะ ครูหาเจ้าของไม่เจอ ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปขอบใจใคร จะขอบใจตั้งนานแล้ว งั้นเจอตัวเจ้าของวันนี้แล้ว ครูก็ขอขอบใจมากนะ มันสวยและน่ารักมากจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่อาจารย์ค่ะ” มาร์คกำลังจะเดินไปนกยูงเรียกไว้
“มีไรเหรอจ๊ะ” มาร์คหันมา
“มันมีชื่อนะคะจารย์” นกยูงรีบอธิบายอย่างทันควัน
“ไม่มีจริงๆนะ” มาร์คเถียงกลับ
“จริงๆเหรอค่ะจารย์” นกยูงถามเพื่อความแน่ใจ มาร์คมองหน้า
“จริงซิ แล้วครูจะไปหลอกเธอทำไม เอ สงสัยจัง หรือว่าลมคงจะพัดตกไปหละมั้ง ครูก็ลืมดูซะด้วยวันนั้น”
ยังไงนกยูงก็ดีใจที่มาร์คไม่ปาของเธอทิ้ง มีความสุขมากกับปีใหม่ปีนี้
“เอาหละถึงจะยังไงก็ตาม ครูก็ขอขอบใจมากนะ แล้วคราวหลังครูจะระวังให้มากกว่านี้” มาร์คยิ้มให้
“มารู้เอาตอนนี้มันก็กระทันหันเนาะ เตรียมของขวัญให้เธอไม่ทัน” มาร์คทำท่าคิด
“เอ..แล้วจะเอาอะไรให้เธอดีหละเนี่ย เอางี้ เอาไว้วันหลังแล้วกันนะ ถ้าไม่ลืม”
นกยูงเบรกมาร์คดังเอี๊ยด ยกมือห้ามทันควัน
“อย่านะจารย์ ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูให้ด้วยความเต็มใจ ไม่ได้หวังผลตอบแทน” แหม นกยูงแสดงสปีริต
“ไม่ได้ ครูจะเอาเปรียบเธอได้ยังไง เอาหละ ถือว่า ครูติดเธออยู่อย่างหนึ่งก็แล้วกัน” เสียงออดดังขึ้นพอดี
“เอาหละได้เวลาเรียนแล้ว ไปเถอะ” มาร์คไล่ยูงไปเรียน เธอก็ไปโดยดี
“งั้นหนูไปก่อนนะคะ” นกยูงก้มกราบงามๆหนึ่งที แล้วก็รีบวิ่งไปเลย แต่เธอทำกระเป๋าตังหล่นไว้
มาร์คก้มหยิบเอากระเป๋าเอกสารที่จะสอนในรถและปิด ก้าวเท้าจะเดินไปสอน ก็รู้สึกว่า จะเหยียบเอาอะไรสักอย่างเข้า เลยก้มไปดู
“กระเป๋าตังค์นี่ ของยัยเด็กคนนั้นแน่เลย” มาร์คเลยก้มเก็บเอาใส่กระเป๋าเอกสาร แล้วเดินไปทำงานต่อทันที
<<<<< $$$$$ >>>>>
เวลาผ่านไปจนหมดคาบเช้า ถึงเวลาเที่ยงแล้ว นกยูงก็จะไปทานข้าวกับเพื่อน เธอเปิดกระเป๋าใบใหญ่ เพื่อจะเอากระเป๋าสตางค์ที่อยู่ด้านในออกมา ต้องตกใจ เพราะหาไม่เจอ เลยหันไปถามเพื่อนๆ
“นี่ มีใครเห็นกระเป๋าสตางค์สีชมพูของเราบ้างไหม” ทุกคนส่ายหน้า แล้วก็ทยอยกันเดินออกไป
“ฉันก็ไม่เห็นนะแก แกนึกดีๆ” เพื่อนช่วยเตือนความจำ
“แกลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า ลองทบทวนดูซิว่าตั้งแต่ออกจากบ้านตอนเช้า แวะทำธุระหรือซื้อของที่ไหนบ้าง เจอใครบ้าง เอ้าลองดู” แก้วเพื่อนสนิทแนะนำ
“ตั้งแต่เช้าจนมาถึงตอนนี้ ฉันไม่ได้เปิดกระเป๋าใบใหญ่เลย” นกยูงพยายามบอกเพื่อน
“นึกดูดีๆอีกทีซิ ตั้งแต่ออกจากบ้านมา ไปทำอะไรที่ไหนบ้าง หรือแวะหยุดตรงไหนบ้าง ถ้าแกไม่ได้เปิดกระเป๋าใบใหญ่จริง นั่นก็แสดงว่า แกถือมันเอาไว้แล้วเปลอทำหล่น อาจจะบนรถเมล์ หรือ..”
ยังไม่ทันที่แก้วจะพูดจบ นกยูงก็รีบเบรกเพื่อนทันที
“Stop” นกยูงกำลังใช้สมาธิในการนึก
เธอยืนทบทวนเหตุการณ์ตั้งแต่ลงรถเมล์ เจอไอ้แจ๊ค เจออาจารย์ แต่ใจกลับไปคิดถึงไอ้แจ๊ค
“ใช่แล้ว ไอ้หมอนั่น ต้องเป็นไอ้หมอนั่นอย่างแน่นอนเลย ไม่ผิดตัว” นกยูงมั่นใจเกิน 100 แต่แก้วงง
“ใครกันไอ้หมอนั่น แกหมายถึงใคร” นกยูงเลยอธิบายถึงรูปลักษณ์อันอัปลักษณ์ ในความคิดของเธอให้กับแก้วฟัง ซึ่งมันตรงข้ามกับความเป็นจริงเป็นที่สุด
“ก็ไอ้ตี๋หน้าปลาจวด ที่อยู่วิลัยข้างๆเรานี่หนะซิ เมื่อเช้ามันมาดักจีบฉัน” นกยูงมั่นใจเต็มที่
“พอฉันไม่เล่นด้วย สงสัยว่าคงจะแกล้งเอากระเป๋าตังฉันไป เพื่อที่อยากจะรู้ชื่อและ..โอ๊ย ไม่อยากจะคิดเลย ปาดนี้ไม่รูว่ามันเองเงินในนั้นไปหมดหรือยัง และๆ และรู้ชื่อฉันแล้ว ที่อยู่และอายุของฉันด้วย แก้ว ไปแก ไป ไม่กินแล้วข้าว กะว่าจะทานก่อนกลับ ฉันไม่มีอารมณ์แล้ว ขอไปตั้นหน้าไอ้หมอนั่นหน่อย” นกยูงรีบลากเพื่อนออกไปจากห้อง
“เดี๋ยว” นกยูงหันมา “แน่ใจ” แก้วถามย้ำ
“Sure ไป ลุย” นกยูงเดินหน้าอย่างเดียว
“ไปไหน” แก้วไม่อยากจะไปเลยแกล้งถาม
“ก็ไปหาไอ้หน้าปลาจวดนั่นไง” นกยูงย้ำเพื่อความมั่นใจ หนักแน่นกับเพื่อนแบบสุดๆ
“แล้วแกรู้เหรอ ว่าเค้าคนนั้นอยู่ที่ไหน” แก้วสงสัยมาก
“พอรู้ไป มาซิ จะกลัวอะไรวะ เราต้องพิทักษ์และผดุงความยุติธรรมซิ” แก้วงง
“อะไรของมันวะไอ้ยูง เดี๋ยว ความยุติธรรม บ้าบอ อะไรของแก เลอะเทอะไปใหญ่แล้วอีนี่”
ว่าแล้วนกยูงก็ลากเพื่อนออกมาจากวิลัย และเดินเลาะกำแพงไปที่ป้ายรถประจำทาง
“นั่นไง เจอจริงๆด้วย กำลังจะหนีพอดี”
ไอ้แจ๊คกำลังยืนรอรถเมล์อยู่กับมดเพื่อนรัก นกยูงรีบปรี่เข้าไปหาและดึงแขนไว้ก่อนทันที ก่อนที่ไอ้แจ๊คจะวิ่งไปขึ้นรถ แจ๊คงงมากเลยหันไปดูว่าใครคว้าแขนมันเอาไว้ จนไม่ได้ขึ้นรถ และรถก็ออกไปแล้วด้วย แจ๊คมองหน้านกยูงและมองมือที่จับแขนมัน
“อะไร นี่เธอทำอะไร คิดถึงฉันมากถึงต้องมาถูกเนื้อต้องตัวเองเลยเหรอ แหม เมื่อเช้านี้เห็นทำตัวหยิ่งน่าดู แล้วนี่อะไร จับไม่ปล่อย” นกยูงตกใจจึงรีบปล่อย
“อุ๊ย” มดกับแก้ว งงมากไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วรีบแบบมือและกระดิกนิ้ว พร้อมกับพูด
“นี่นาย ไอ้หน้าปลาจวด เอากระเป๋าสตางค์คืนฉันมาซะดีๆเดี๋ยวนี้” ไอ้แจ๊คทำหน้างง นกยูงหมายความว่าอะไร
“ผู้ชายอะไรวะ พอผู้หญิงเค้าไม่เล่นด้วย ก็แกล้งเค้า เอากระเป๋าตังไปซะงั้น อยากรู้ชื่อมากนักจนต้องทำแบบนี้เลยเหรอ หน้าไม่อายหวะ ทำไมไม่ถาม ไม่ขอดีๆ เอามา ไหนๆก็รู้แล้วนี่ว่าฉันชื่ออะไร คืนมา”
นกยูงยื่นมือออกไป “ยังอีก บอกว่าให้เอามา” ไอ้แจ๊คงง ไม่รู้ว่านกยูงพูดอะไร หันไปมองหน้ามด และแก้วก็มองไปที่แจ๊คเช่นกัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะแจ๊ค ยัยน้องคนนี้เป็นใคร ทำไม ต้องมาทวงอะไรจากมึงด้วย”
“เร็ว เอามา ฉันเมื่อยแล้วนะ คืนมา แล้วฉันจะไม่เอาความอะไรนาย ยังอีก เป็นผู้ชายยังไงวะ นิสัยไม่ดี มิน่าหละถึงไม่มีหญิงที่ไหนเอา”
แจ๊คตั้งตัวไม่ติดเลยคราวนี้ เจอการทวงของแบบหาที่ไปที่มาไม่ได้ นกยูงไม่ฟังเสียงลุยและใส่ลูกเดียว แจ๊คก็งงซิ อยู่ดีๆ ก็โดนแจ๊คพอต หรือหางเลข แบบไม่รู้ที่ไปที่มา แก้วอายแทนนกยูง เพราะคนจ้องมองมาที่นี่เป็นสายตาเดียวกันหมด
“ไอ้ยูง ฉันว่า ค่อยๆพูด ค่อยๆจากันก่อนนะแก เค้าอาจจะไม่ได้เอาของแกไปก็ได้ นะใจเย็น”
“ใช่ครับ เพื่อนผมไม่ได้เอากระเป๋าตังของคุณไปอย่างแน่นอน ผมเอาหัวเป็นประกันได้” มดพยายามไกล่เกลี่ย แต่นกยูงไม่เชื่อ
“พวกเดียวกัน ฉันไม่เชื่อ หน้าตาก็ไม่ได้เรื่อง นิสัยก็เลวซะไม่มี ว่าไงจะคืนหรือเปล่า” นกยูงยังมั่นใจในความรู้สึกของเธอ
“คุณพูดอะไรของคุณ เรื่องอะไรหนะ ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” แจ๊คปฏิเสธข้อกล่าวหา คนมุงดูกันเต็มไปหมด เพราะนานๆจะมีเรื่อง
“อย่ามาทำเป็นไก๋ หรือว่าจะให้ฉันบอกโปลิศเอาไหมห๊ะ เอาไหมโปหนะโป” แน่ะนักเลงซะด้วยคนสวยของเรา
ขณะที่กำลังชุลมุนกันอยู่นั้น มาร์คก็ขับรถออกมาพอดีเห็นนกยูง จึงเปิดไฟขอทาง แล้วจอดริมถนน และรีบลงไป แทรกตัวเข้าไปแล้วยื่นกระเป๋าสตางค์ออกไปตรงหน้า
“หาไอ้นี่กันอยู่ใช่ไหม” ทุกคนถึงกับต้องหยุดทันที และหันไปดูตามเสียงที่มือยื่นเข้ามา นกยูงอุทานออกมาอย่างดัง
“อาจารย์” เพื่อไม่ให้เรื่องยืดเยื้อ เพราะรถจอดนานไม่ได้ รถมันติด มหาวิทยาลัยกำลังเลิก จึงพูดแบบนิ่มๆ
“เธอทำเจ้านี่ตกไว้ที่ข้างรถครูเมื่อเช้า ตอนที่เธอวิ่งขึ้นไปเรียน เอ้าเก็บไว้ให้ดีหละ” มาร์คยื่นกระเป๋าสตางค์ให้นกยูง นกยูงนิ่งเลย
“แล้วทีหลังอย่าซุ่มซ่ามอีกหละ” แถมเอามือเขย่าหัวด้วยอีกต่างหาก นกยูงยิ่งกำลังยืนตัวเกร็งเขินอยู่ทำอะไรไม่ถูกเลยตอนนี้เขินสุดๆ
“อ้อ อย่างน้อยก็อย่าลืมขอโทษเพื่อนด้วยหละที่เข้าใจเค้าผิด ครูไปหละ”
ต้องรีบไปทำธุระกับต่ออีก รถก็เริ่มติดแล้ว มาร์คเดินเร็วมาก นกยูงพอตั้งสติได้จะเรียก ก็ไม่ทันแล้ว
“อาจารย์ เดี๋ยวค่ะ” มาร์คขับรถออกไปแล้ว แก้วเดินเข้ามาสมน้ำหน้าเพื่อน
“ไงหละแก หน้าแตกไหมหละ ฉันบอกแกแล้ว ให้ใจเย็นๆ เค้าไม่ได้เป็นคนเอาไป ไปซิ ไปขอโทษ เรื่องจะได้จบๆ”
แต่ไม่ทันซะแล้ว ก่อนที่แจ๊คจะวิ่งขึ้นรถแมล์กลับบ้าน มันได้โฉบมาฝากประโยคที่เจ็บแสบทิ้งท้ายไว้ให้
“หน้าตาก็ดีหร๊อกนะ แต่เสียอย่างเดียว แหมๆๆ คนสวยๆ ทำไมถึงได้โง่และปัญญานิ่มนักวะไอ้มด ไป”
พูดจบก็กระโดดขึ้นรถเมล์ทันที ปล่อยให้นกยูงยืนหน้าแตก กำหมัดแน่นอยู่ที่ป้ายรถเมล์กับแก้ว
((((( ----- )))))
“นี่มึงจะพากูไปไหนวะไอ้ต่อ” มาร์คถามเพราะรู้สึกว่า ต่อจะขับรถออกนอกเมือง
“พัทยา” ต่อตอบสั้นๆ มาร์คสะดุ้งโหยง
“พัทยา..ตอนบ่ายๆเนี่ยนะไอ้เวร” ต่อพยักหน้า
“ไปทำไมวะ แล้วทำไมต้องวันนี้ด้วย ไม่ไปวันหยุด เสาร์อาทิตย์” ต่อพูดไปยิ้มไป
“มีอะไรจะให้ช่วยนิดหน่อย น่า ไปแล้วรู้เอง”
พูดจบ ต่อก็รีบบึ่งรถมุ่งสู่พัทยาทันทีในบ่ายวันนี้ มาร์คไม่รู้จะทำยังไง ต้องปล่อย
{{{{{ ===== }}}}}
หลังจากที่ไปหาข้อมูลเพื่อที่จะทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องเรียนที่หอสมุดแห่งชาติ หลังจากลงรถสาย 110 ที่ตีนสะพานซังฮี้ ในช่วงค่ำ ก็ขึ้นสาย 125 ต่อทันที ไม่รู้ว่าทำไมแจ๊คถึงได้นึกถึงเรื่องของนกยูงขึ้นมา ก็เลยหัวเสีย ยืนบ่นกับมดบนรถเมล์
“ให้ตายห่าเถอะวะไอ้มด วันนี้ไม่รู้เป็นไร เจอแต่เรื่องที่เวียนหัวตั้งแต่เช้ายันบ่าย ดีนะที่ช่วงเย็นๆนี้ไม่เจออะไรเข้าอีก ได้นั่งสงบสติที่หอสมุด งานจะได้เสร็จซะที” มดปลอบใจเพื่อน
“น่า นึกว่าทำบุญเถอะวะ” สักพักมดก็มองไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนเกาะราวรถเมล์อยู่ นางสวยและน่ารักถูกใจมดมาก เลยสะกิดให้แจ๊คดู
“เฮ้ย เลิกบ่นได้แล้ว มึงดูทางโน้นดีกว่า” แจ๊คหันไป แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนจะให้ดูอะไร
“อะไร ไหนวะ กูไม่เห็นอะไรที่เจริญตาเลย” แจ๊คมองไป ก็ยังไม่เห็นอะไรเลย
“นั่นไง ที่ยืนโยกย้ายไปมาอยู่ที่หน้าพวกเรานี่ไง เมื่อกี้ข้าเห็นนางหันมาทีนึง น่ารักฉิบโพงเลย”
ต่อบรรยานสรรพคุณจนแจ๊คคิดภาพตามได้เลย สักพักที่ข้างๆที่แจ๊คกับมดยืนอยู่ ก็ว่างสองที่ คนลงไปเมื่อกี้ แจ๊คเข้าไปนั่งตามปกติ แต่มดหวังดีอยากเป็นสุภาพบุรุษ จึงสะกิดและเรียกน้องคนนั้นมานั่ง แต่สาวน้อยเข้าใจผิดซะแล้ว
“คุณๆ เออ คุณครับ” ตั๊กหันมา
“อะไรคะ ค่ารถก็ให้ไปแล้วนี่” เวรกรรม ไอ้มดหน้าจ๋อยไปเลย เห็นเป็นกระเป๋ารถไปซะแล้ว
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ใช่กระเป๋ารถ ดูชุดก็รู้” มดตอบกลับยัยตั๊กก็ตอบกลับบ้างแบบซื่อๆ
“ใครจะไปรู้หละ เห็นสะกิดๆ ก็นึกว่าจะเก็บค่ารถอีก” ตั๊กเข้าใจแบบนั้น
“นี่ก็รถร่วมเอกชนด้วย เห็นมีบ่อย แล้วมีอะไรเหรอคะ เราไม่รู้จักกันซะหน่อย”
“มาเป็นชุดเลย” มดบ่นนิดหน่อยในใจ
“เชิญนั่งครับ” มดบอกสั้นๆ
“ขอบคุณค่ะ” ตั๊กก็ตอบสั้นๆ แถมยิ้มให้อีกต่างหากนิดนึง
มดถึงกับตาลอยเลย แล้วเธอก็ถือหนังสือให้มดด้วย มดจะหาโอกาสพูดคุยกับตั๊กซะหน่อยก็ไม่มีโอกาส เพราะคนขึ้นลงพอสมควร ส่วนแจ๊คนั่งอยู่ริมหน้าต่างอย่างสบาย แต่ก็ต้องเจอกับปัญหา เมื่อลมพัดเข้ามา ทำให้ผมของตั๊กสะบัดไปเข้าปากของแจ๊คเข้าให้ แจ๊คก็ปัดออก ตั๊กเหลือบไปเห็นเข้า จึงรวบผมเข้ามา สักพักก็ปลิวอีก เธอรวบอีก แจ๊คเลยยื่นหนังยางให้เส้นนึง เธอยิ้มและรับมาโดยดี แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้รวบผม รถเมล์ก์เบรกกะทันหัน มดที่ยืนอยู่ไม่ทันได้ตั้งตัว กลิ้งโค่โล่ไปหน้ารถยังกะลูกฟุตบอลเลย
“อะจ๊าก” แจ๊คกับตั๊กหัวทิ่มไปข้างหน้าอย่างแรง ทั้งคู่เอามือยันเบาะไว้ทัน กลับไปดูไอ้มดอีกที กำลังเดินสะโพกครากกลับมา
“ไงน้อง ไหวไหม พี่ขอโทษ คันหน้ามันเบรกกะทันหัน เลยทำให้น้องต้องเจ็บตัว” คนขับหันไปขอโทษมด
“ไม่เป็นไรพี่ ผมเข้าใจ” แล้วมดก็เดินกลับไปที่เดิม คนขับหันกลับไปที่เดิม เตรียมตัวออกรถตามปกติ
แจ๊คกับตั๊กกำลังจะเงยหน้าขึ้นมาจากเบาะ รถก็ออกตัวอย่างแรง ทำให้หัวของแจ๊คกับตั๊กโขกกันอย่างแรงดังโป๊ก ทั้งคู่กุมหัวอย่างเร็ว
“ซุ่มซ่าม” ตั๊กพูดออกมาก่อน
“คุณนั่นแหละ” แจ๊คสวนกลับ ตั๊กไม่พูดอะไร ได้แต่มองหน้า แจ๊คหันไปทักเพื่อน
“ไงมึง เป็นไงบ้างไอ้มด กลิ้งเป็นลูกฟุตบอลเลยนะมึงเมื่อกี้” ตั๊กแอบหัวเราะ เอามือปิดปากไว้
“ก็เจ็บซิมึง ไม่น่าถาม ลองมาเป็นอย่างกูไหมหละ ไอ้เวรถามได้ ไกลขนาดนั้น กระดูกไม่หัก คอไม่เคล็ดก็บุญแล้ว” แล้วก็หันเลี้ยวมาที่ตั๊ก
“แล้วน้องหละครับเจ็บไหม” ตั๊กหันไปยิ้มให้และตอบแบบหวานหยด ต่างกับที่พูดกับแจ๊คเลย
“เจ็บซิพี่ ถามได้ ตั้งสองหนแหนะ” ว่าแล้วเธอก็ก้มลงไปหยิบหนังสือที่ตกอยู่ขึ้นมา
แจ๊คก็ก้มอีก หัวเลยโขกกันอีกแล้ว ตั๊กเลยยั๊วะ “นี่คุณจะเอายังไง” แจ๊คสวนกลับทันที
“ผมหนะไม่เอายังไงหรอก ว่าแต่คุณเถอะ” ไอ้แจ๊คฉุนขึ้นมาทันที
“จะเอายังไง ทำไมนะแค่จะก้มลงไปเก็บของในที่แคบๆแบบนี้ จะบอกกันสักหน่อยมันคงจะไม่เสียศักดิ์ศรีมากจนเกินไปหรอกมั้งครับ แล้วนี่อีก ผมเนี่ยก็เหมือนกัน ขึ้นรถมาเรียน ไม่รู้จักหาอะไรมามัด หรือรวบเก็บให้ดี ไม่ใช่รถส่วนตัวนะ ถึงจะปล่อยให้ปลิวเข้าปากคนโน้นที คนนี้ที มันสนุกนักรึไง” ไอ้แจ๊คได้โอกาสใส่เป็นชุดเลย จนมดต้องมาห้ามทัพ
“เอาน่าเพื่อน น้องเค้าหวังดี ไม่ได้เจตนาหรอก มันก็เจ็บทั้งคู่หละว๊า”
“เอ้าจะหยิบอะไรก็หยิบ” ไอ้แจ๊คตะคอกใส่ ยัยตั๊กบ่นพึมพัม
“ผู้ชายอะไรวะ ดุฉิบหาย ยิ่งกว่าร๊อกไวเลอร์อีก ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น” แจ๊คโวยกลับเพราะเห็นนิ่งเงียบ
“บ่นไรอีก เอ้า เก็บซิ ฉันจะได้เก็บบ้าง เป็นเด็กเป็นเล็ก หัดเถียงผู้ใหญ่ เดี๋ยวปั๊ด”
แหมไอ้แจ๊ค ห้าวจังวุ๊ย และยังไม่ทันที่แจ๊คจะพูดอะไรต่อ ตั๊กก็ก้มลงไปหยิบหนังสือของมดขึ้นมา สักพักพอเหตุการณ์สงบลง ก็ถึงป้ายที่เธอจะลงพอดี เธอส่งหนังสือกลับคืนให้มด ต่างคนต่างส่งยิ้มให้กัน
“ขอบคุณค่ะพี่” และก็ลุกออกไป แจ๊คก็ลุกตาม
“กูไปหละ” เอามือแตะไหล่เพื่อน มดนั่งลงเพราะยังอีกไกล อยู่เกือบถึงแม็คโครศาลายา
ระหว่างรอรถจอด ตั๊กก็ไม่หันไปมองใคร พอรถจอด เธอก็รีบลงไปทันที แจ๊คก็เดินลงไปตามปกติ ตั๊กรีบวิ่งขึ้นสะพานลอย เพราะมืดแล้ว อยากจะเอาตัวเอนลงที่นอนนุ่มๆแล้ว หลังจากที่ลงจากสะพานลอย ขณะที่เดินกำลังจะเดินเข้าบ้าน ก็รู้สึกว่า มีใครคนหนึ่งเดินตามเธอมาได้สักพักแล้วจึงหันไปดู เห็นเป็นไอ้แจ๊คเลยตะโกนออกไป
“โรคจิตหรือเปล่าเนี่ยนาย ตามฉันมาทำไม หรือว่าอยากจะมีเรื่อง ก็ได้นะ” แจ๊คเดินผ่านไม่สนใจ
“อีโธ่ พอจับได้ ก็ทำเป็นเดินเลย ลูกไม้ตื้นๆ ทุเรศหวะ”
คราวนี้ไอ้แจ๊คหยุดเดินได้ แล้วก็หันหน้าหันหลัง ชี้ไปที่ตัวมันเอง
“ผมเหรอ” ตั๊กตอบกลับไป
“เออ ก็นายนั่นแหละ ไม่ต้องมองใคร”
แจ๊คงงมาก ตั๊กนึกว่าแจ๊คกวนตีน เลยตอกกลับไปอีกดอก
“อ้าวไอ้นี่ ทำเป็นโง่ บื้อหรือเปล่าวะ” ตั๊กใส่ใหญ่เลยคราวนี้
“ก็ตรงนี้มีใคร นอกจากฉันกับนายสองคนเท่านั้น กวนตีน” แจ๊คไม่พอใจมากกับคำนั้น
ตั๊กส่งท้ายแบบแรงมาก จนแจ๊คต้องปกป้องตัวเองบ้าง ทนมานานแล้ว จึงชี้ไปที่หน้าของตั๊กทันที
“เธอนั่นแหละ โง่หรือเปล่า” แจ๊คพูดใส่หน้า
“แก” ตั๊กกลัวเหมือนกัน จึงมองหาอาวุธแถวนั้น แต่ก็ไม่มีอะไรเลย มืดก็มืด อีกนิดเดียวจะเข้าบ้านอยู่แล้ว ไม่น่าหาเรื่องเลย
“อย่าคิดเอง เออเองคนเดียวซิ คิดซะบ้างว่า นี่มันทางส่วนรวมหรือส่วนตัว” แจ๊คอธิบาย
“ใครก็สามารถสัญจรไปมาได้ แล้วฉันจะตามเธอทำไม” แจ๊คพูดด้วยเหตุผล
ตั๊กไม่รู้จะแก้ตัวยังไง เพราะความวิตกของเธอมากจนเกินไปนั่นเอง เมื่อแจ๊คเห็นตั๊กเงียบจึงพูดออกไปบ้าง
“เอางี้ดีกว่า ผมถามคุณบ้าง คุณเรียกผมทำไม สนใจผมเหรอ ไม่นะ อย่าเลย เออ”
แจ๊คใช้สายตาสำรวจรูปร่าง ทรวดทรงและรูปร่างของตั๊กในชุดนักศึกษาพาณิชย์ จนเป็นที่เรียบร้อยก็เปล่งวาจาออกไป
“ผมไม่สนใจคนหุ่นแบบคุณหรอก ไม่ใช่สเป็ค แต่เอ..” แจ๊คแกล้งเดินไปมา 2-3 รอบ และชี้ไปที่ตัวของตั๊ก
“ก็ยังพอไหวนะ ถ้าจะเอามาแก้ขัด ยังพอได้บ้าง” ตั๊กโกรธมากที่เจอแจ๊คดูถูกว่าเธอไม่สวย
“แก ไอ้เลว” ตั๊กชี้หน้าแจ๊ค แล้วกระถืบเท้าเล็กน้อย
“มาดูถูกฉัน” แต่แจ๊คไม่สน กับลอยหน้าลอยตากวนตั๊กต่อไป
“เอ้า มีอะไรว่ามา เวลาผมมีน้อย”
แจ๊คเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่มืดมิดสนิทแล้วในตอนนี้ จึงกวนอารมณ์ต่อเป็นชุดเลย
“ว่าไง” ตั๊กยืนตัวสั่นเป็นจ้าวเข้า เต้นพล่านๆ เพราะทำอะไรแจ๊คไม่ได้ เลยชี้หน้า ด่าไอ้แจ๊คกลับ
“ใครว่าฉันสนใจแกยะ ไอ้กุ้งแห้ง โย่งก็โย่ง แถมหน้าก็ไม่หล่อ” ตั๊กใส่เป็นชุด
“ชั่วชีวิตจ้างให้ แกก็ไม่ได้เห็นขาอ่อนของฉันหรอกจะบอกให้” เสียงไอ้แจ๊คตอบกลับมาแบบกวนๆ
“งั้นเหรอ งั้นน้องหนูเรียกพี่ทำส้นตีนอะไรมิทราบครับ” เจอแจ๊คสวนคำหยาบกลับบ้างหละ
“ปากเสีย พูดจาก็ไม่เพราะ” แจ๊ครีบสวนกลับทันที
“อ้าว แล้วเมื่อกี้ใครพูดก่อนหละ งั้นเธอก็ปากเสียก่อนฉันหนะซิ ฮู้คนอะไรวะ”
<<<<<<<<< ---------- >>>>>>>>>
โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 4 .. “ วันเวลาแห่งความทรงจำ 2 ”
ตอนที่ 3 .. “ วันเวลาแห่งความทรงจำ ”
รวมเรื่องสั้น นิยายรัก นักศึกษา (Romance Fiction - นิยายรัก)
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 277
แสดงความคิดเห็น