บทที่ 8...3/3
พอเปิดตัวว่าคบหากันแล้ว แม้ว่าพ่อกับแม่จะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ดรุณีก็รักสรัชมากจนลืมความทุกข์ใจเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าทางบ้านคงไม่ยอมรับคนรักภายในวันสองวันนี้ ภายใต้ความหัวอ่อน หญิงสาวซ่อนความดื้อเงียบเอาไว้ เธอทำตามคำสั่งของทางบ้านมาตลอด แต่พอได้ทำตามใจตัวเองถึงได้รู้ว่าความรักหน้าตาเป็นอย่างไร
วันนี้เธอมาหาสรัชถึงห้องทำงานอย่างเปิดเผย ไม่ต้องแอบพบกันเหมือนแต่ก่อนอีก ถ้าไม่ได้เป็นดาราที่ได้รับความสนใจจากนักข่าวคงไม่ต้องทนอึดอัดมาเป็นปี แต่ก็นั่นล่ะการแสดงมันเป็นอาชีพของเธอ แม้ว่านักข่าวจะตามไม่เลิก พอมาคิดๆ ดูแล้ว พันธินทำแบบนั้นก็ดีเหมือนกันเพราะมันคงดีกว่าเธอประกาศออกไปเองว่ากำลังคบกับใคร กลายเป็นคนที่เสียภาพพจน์เสียเอง
“จะเที่ยงแล้วค่ะ เราไปทานข้าวกันดีไหมคะ” มือบางวางลงบนมือหนา
สรัชเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้ม “ได้สิครับ เราไปทานข้าวกันแถวๆ นี้ได้ไหม ตอนบ่ายผมมีประชุม”
“ยังไงก็ได้ค่ะ แค่มีคุณกับณี เท่านี้ก็พอแล้ว”
ราวกับโลกทั้งใบมาอยู่ในมือ ถึงจะผิดแผน จากการสะบั้นถอนหมั้นแล้วบอกว่ากำลังคบกับใคร เธอคงถูกสังคมต่อว่า แต่สรัชจะเชื่อมั่นใจความรักของเธอ พอพันธินทำแบบนั้น เธอกับสรัชจึงคบกันได้อย่างเปิดเผย แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าคนรักหงุดหงิดที่ตัวเองกลายเป็นมือที่สามก็ตาม
คู่รักที่เป็นข่าวดังทั้งในวงสังคมและวงการบันเทิงกำลังควงกันเข้ามาในร้านอาหารด้วยกัน แขกหลายคนมองตามแล้วพากันเห็นถึงความเหมาะสม ผู้หญิงสวย ผู้ชายหล่อ ฐานะเท่าเทียมกัน ทว่ากลับตามมาด้วยคำถามที่แอบกระซิบกระซาบว่าสรัชดีกว่าพันธินตรงไหน สองคนนี้คบกันเมื่อไหร่ เป็นการคบซ้อนอย่างที่นักข่าวเขียนหรือเปล่า คะแนนความสงสารเลยกลายเป็นของผู้เสียสละในท้ายที่สุด
ธนิดากับอรอินทุ์มานั่งทานอาหารด้วยกันอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นคู่หวานเดินควงกันมาก็อดที่จะวิจารณ์ไม่ได้
“น่าสงสารคุณธินของอรเหมือนกันเนอะ ดูสิ เสียสละยกคู่หมั้นให้คู่แข่งทางธุรกิจ ถามจริงๆ เถอะ สองคนนี้จะซึ้งใจบ้างไหมเนี่ย”
“ไม่ยักรู้ว่าอยู่วงในเหมือนกันนะยัยดา”
“แหม ข่าวนี้ออกจะดัง ฉันน่ะอยากจะเข้าไปดามอกล่ำๆ ให้คุณพันธินจะตาย หล่อ รวย ฉลาด เสียสละ ชาตินี้ทั้งชาติฉันจะหาได้ไหมเนี่ย” ธนิดาถอนใจยาว ถ้าเกิดมามีเพื่อนบ้านแบบพันธิน เธอจะไม่ปล่อยให้รอดมือเลย
อรอินทุ์หัวเราะธนิดาพลางปรายตามองไปที่โต๊ะ VIP ดรุณีดูมีความสุข รอยยิ้มนั้นบอกคนทั้งโลกว่ารักสรัชสุดหัวใจ ส่วนผู้ชายคนนั้น ทำไมพันธินพูดเหมือนว่าสรัชไม่จริงใจ เฮ้อ อย่าสนใจเลยมันไม่ใช่เรื่องของเธอ
“กินๆ ไปเร็วเข้า เดี๋ยวเราต้องไปตรวจงานช่างที่ออฟฟิศนะ สัปดาห์หน้าจะได้ทำงานหาเงินเสียที”
“จ้า แม่หุ้นส่วนใหญ่”
อาหารที่สั่งมาถูกจัดการจนเรียบภายในพริบตา แม้ว่าธนิดาจะกินพลางบ่นว่าอ้วน อรอินทุ์มองไปยังคู่รักที่โต๊ะ VIP อีกครั้ง สองหนุ่มสาวหัวเราะและยิ้มให้กัน บางทีพันธินอาจจะอกหัก แต่ปลอบใจตัวเองว่าสักวันดรุณรีจะเลิกกับสรัชก็ได้ละมั้ง ดูยังไงสองคนนั้นก็รักกันดี
ตกเย็นหลังจากปลื้มปริ่มว่าออฟฟิศเสร็จทันเวลา อรอินทุ์คิดว่าต้องเริ่มทำงานก่อนที่จะถึงฤกษ์เปิดออฟฟิศอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในสัปดาห์หน้า คงต้องทำมันทุกอย่างตั้งแต่หาลูกค้า หาพนักงานเพิ่ม ยันคิดงานนั่นแหละ ธนิดาทำสตอรี่บอร์ด ส่วนพิพัฒกำกับงานโฆษณา เรื่องเครื่องมือคงต้องเช่ามาใช้ไปก่อน หลังจากนี้ค่อยขยับขยาย แรกๆ คงขลุกขลักบ้าง ต่อไปทุกอย่างต้องดีขึ้นล่ะน่า
กระดาษใบหนึ่งวางลง อิชย์เป็นคนส่งมาให้แล้วนั่งลงใกล้ๆ อรอินทุ์หยิบกระดาษมาดูพร้อมกับถาม ยังไม่ได้อ่าน
“อะไรหรือคะพ่อ”
“ใบขอเสนองานโฆษณาสำหรับเอ็มไพร์ กรุ๊ป” อิชย์ตอบก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาอุดหู
อรอินทุ์กรี๊ดลั่น จนยัยเฉาก๊วยเห่าส่ง เธอเดินเหมือนลีลาศอ้อมโต๊ะมากอดพ่อไว้ แถมจูบแก้มคนหล่อประจำบ้านหนึ่งที
“โหย ขอบคุณค่ะพ่อ”
“พ่อช่วยแค่นี้แหละนะ ที่เหลือลูกสาวของพ่อต้องไปคว้าโอกาสให้ได้เอง”
หญิงสาวยิ้มกว้าง ถึงไม่พูดตรงๆ ก็เข้าใจได้ไม่ยาก การใช้เส้นสายไม่ใช่นิสัยของพ่อและเธอก็ไม่คิดจะใช้เส้นสายเพื่อให้ได้งานอยู่แล้ว พ่อเป็นคนดีเกินกว่าจะทำเรื่องแบบนี้และเธอย่อมไม่ภูมิใจในสิ่งที่ได้รับ
“แค่นี้ก็ช่วยได้มากแล้วค่ะ ศุกร์นี้อรจะไปเสนอตัวทำงานนี้ ได้ไม่ได้อีกเรื่องนึง ขอให้ได้พยายามก่อนเป็นพอ”
อิชย์ยิ้มกว้าง สายตาที่มองลูกเต็มไปด้วยความภูมิใจ “ดีมาก อย่าทำงานดึกล่ะ”
“ค่ะพ่อ”
เพื่อตอบแทนความรักอันสวยงามของพ่อ ลูกสาวเลยเดินไปส่งอิชย์ถึงห้อง แถมยังช่วยเตรียมเสื้อผ้าสำหรับวันพรุ่งนี้ไว้ด้วย ผู้เป็นพ่อโล่งอกเมื่อได้เห็นก้าวสำคัญอีกก้าวของอรอินทุ์ ครอบครัวของเขามีเพียงเท่านี้ ตราบใดลูกสาวยังไม่มั่นคงในชีวิต เขาต้องประคับประคองจนกว่าจะถึงวันที่ปล่อยมือได้
เอกสารต่างๆ ที่ต้องใช้อรอินทุ์ได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว พอเห็นโปรเจคของเอ็มไพร์ กรุ๊ป สมองที่ห่างหายจากการคิดโดยใช้จินตนาการก็เหมือนได้โลดเล่น เธอเปิดคอมหางานโฆษณาเก่าๆ ของเอ็มไพร์ กรุ๊ปมาดู ไม่ใช่เพื่อเลียนแบบ แต่เพื่อหาแนวอื่นๆ ที่ไม่ซ้ำของเดิมต่างหาก หญิงสาวเขียนเรื่องราวคร่าวๆ ที่อยากนำเสนอในโฆษณาเอาไว้กันลืม เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง ทว่ารวดเร็วเมื่อได้ทำงานที่รัก
พอรู้ตัวอีกทีก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว เธอบิดตัวอย่างเมื่อยล้าเพราะนั่งมานาน พอปิดคอมจึงเดินมาที่ระเบียงคิดว่าจะนั่งเล่นให้สมองโล่งก่อนเข้าไปนอน คืนนี้พระจันทร์สวย คนอารมณ์ดีเลยยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป แต่ยังไม่ทันได้ถ่ายเสียงเตือนข้อความแชทก็ดังขึ้น เธอเปิดข้อความดู เผื่อว่าธนิดาหรือพิพัฒจะคุยงาน แต่กลับไม่ใช่แฮะ
‘ทำไมยังไม่นอน ฉันเอง มองตรงมาสิ’
เธอเงยหน้ามองไป พันธินโบกมือให้แล้วโบกโทรศัพท์ให้เห็นแสงจากหน้าจอ เรียวปากบางยิ้ม เข้าใจล่ะ
‘เพิ่งทำงานเสร็จค่ะ แล้วคุณธินล่ะคะ ทำงานเพิ่งเสร็จหรือแค่ออกมายืนพัก เดี๋ยวไปทำต่อ’
น่าแปลก ร้อยวันพันปี พันธินเคยสนใจอยากคุยกับเธอที่ไหน แต่ตั้งแต่กลับมาเขาทำตัวเป็นกันเองไม่เหมือนก้อนหินเดินได้ คนเราเปลี่ยนตัวเองได้ขนาดนี้เพราะอะไร
‘พอแล้ว เริ่มเหนื่อย’
‘ไม่ได้อกหักต้องกินน้ำใบบัวบกแก้ช้ำใจจริงๆ นะคะ’ เอ เขาจะโกรธจนเดินกลับเข้าห้องไปหรือเปล่านะ อรอินทุ์ลุ้น แต่เขายังยืนอยู่ที่เดิมก็ค่อยโล่งใจ
พันธินหัวเราะให้ตัวเองฟัง ทำไมหรือ เขาไปเดินคอตก หน้าหงอยให้ใครเห็นหรือเปล่า เขารู้ใจตัวเองดีว่าโล่งอกขนาดไหนที่กลับมาเป็นโสดอีกครั้ง
‘จริงสิ ได้ใบเสนองานแล้วใช่ไหม’ เขาถาม
‘ค่ะ ศุกร์นี้ฉันจะไปที่เอ็มไพร์ กรุ๊ป สำนักงานใหญ่ ถ้าเจอกัน อย่าทักฉันนะคะ ฉันไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด ถ้าเกิดโฆษณาของฉันได้รับคัดเลือกว่าเป็นเพราะรู้จักกับคุณธิน’
ถ้าอยู่ใกล้ๆ เธอคงอธิบายได้ง่ายกว่านี้ ครั้นจะโทรหาก็ใช่ที่ เราสนิทกันถึงขนาดคุยกันก่อนนอนตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วที่สำคัญเขาเพิ่งอกหัก เธอไม่ได้อยากเอาตัวไปดามอกหักๆ ให้เขาหรอกนะ
พันธินส่ายหน้า ผู้หญิงต่อให้มั่นใจขนาดไหนก็หวั่นไหวและคิดมาก อยากบอกว่าถึงระวังขนาดไหน เรื่องแบบนี้อย่างไรเสียก็ห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้
‘สนใจอะไรกับปากคน’ เขากดส่งแล้วอยากตีมือตัวเอง ผู้หญิงกับผู้ชายคงคิดเล็กคิดน้อยต่างกัน เพื่อปลอบใจเขาเลยพิมพ์ต่อไปอีก ‘ก็ได้’
‘ไปนอนแล้วนะคะ’ เธอส่งข้อความไปพร้อมกับอีโมจิเปิดปากหาว
พันธินอ่านแล้วเงยหน้ามอง ถึงจะไกล แต่ก็พอเห็นดวงหน้าของอรอินทุ์ได้ แม้ไม่ชัด แต่ก็เห็นว่าเธอยิ้มให้
อรอินทุ์โบกมือลา ทว่าพันธินกลับชี้นิ้วไปที่ท้องฟ้า เธอมองตามจึงทันได้เห็นดาวกำลังตก มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาประสานเพื่ออธิษฐานเหมือนกับทุกครั้ง
...ขอให้คุณแสงกลับมา
วินาทีต่อมา มือบางทั้งสองข้างเลื่อนลงมาข้างตัวอย่างสิ้นหวัง เธอจะบ้าไปแล้วหรือไง เขาตายไปแล้ว ทำไมไม่ยอมรับให้ได้เสียที เธอรู้ไม่ใช่เพราะติดค้างคำขอโทษ แต่เพราะมีหลายสิ่งที่อยากจะบอก ทว่าคนที่อยากบอกเขาไม่อยู่แล้ว เขาไม่มีโอกาสได้ฟังเธอเรียกเขาว่า ‘พี่’ สักครั้ง ทั้งที่สัญญาว่าจะรอฟัง วันนี้พันแสงตายไป หนึ่งปี หนึ่งเดือนกับสองวันแล้ว แต่เขาไม่เคยตายไปจากความทรงจำของเธอเลยสักวันเดียว
พันธินอยากไปยืนใกล้ๆ อรอินทุ์ในตอนนี้ เธอเป็นอะไรทำไมถึงเดินคอตก ไหล่ตกเข้าบ้านไปแบบนั้น เรื่องอะไรกันที่เธอเพิ่งขอ
อรอินทุ์ได้เลือกทางชีวิตของตัวเองบ้างแล้ว
จะมา up เรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 186
แสดงความคิดเห็น