บทที่ 606: เด็ดปีก

-A A +A

บทที่ 606: เด็ดปีก

หลงโม่ขมวดคิ้วมองเข้าไปในห้องของหลงจง

 

กลิ่นฉุนนั้นพอดมดูดี ๆ แล้วมันก็คุ้นจมูกอยู่บ้าง 

 

“อะแฮ่ม…”

 

ทางด้านหูเจียวเจียวไอเบา ๆ ก่อนจะหยิบหนังสัตว์ขนาดเท่าฝ่ามือออกมา 2 ผืนเพื่อปิดจมูกตัวเอง แล้วอธิบายว่า 

 

“ก็แค่อาหารไม่กี่ชนิดที่มีกลิ่นเข้มข้น อดทนกันอีกหน่อย รอให้อากาศระบายออกไปก็จะดีขึ้นเอง...” 

 

ขณะที่จิ้งจอกสาวพูด นางก็โบกมือไล่กลิ่นตรงหน้าตน

 

แต่ถึงจะทำแบบนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก

 

เตี๋ยฉ่ายที่ได้ยินคำอธิบายของหูเจียวเจียวถึงกับมุมปากกระตุก “อาหารหรือ?” 

 

จ้าแน่ใจนะว่านี่เป็นกลิ่นของอาหารจริง ๆ?

 

มันไม่ใช่กลิ่นที่ถูกขับถ่ายออกมาจากร่างกายของภูตหลังจากได้กินของเน่าเสียมาหรือไง?

 

บัดนี้หญิงสาวมีคำถามหลายประการที่ยังไม่เข้าใจ แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

จากนั้นนางก็หันไปสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

 

“นั่นอะไรน่ะ?!” เตี๋ยฉ่ายมองเข้าไปในห้องด้วยความประหลาดใจ “ทำไมห้องนี้ถึงเปลี่ยนเป็นสีเขียวล่ะ?”

 

ตั้งแต่ที่เกิดภัยแล้งรุนแรงทั่วทั้งภูมิภาค ผู้คนก็ได้เห็นอะไรที่เป็นสีเขียวน้อยลงเรื่อย ๆ

 

ขณะเดียวกัน หูเจียวเจียวกวาดตามองห้องที่สว่างไสวไปด้วยแสงสีเขียวจนเกือบจะเหมือนภาพทุ่งหญ้าที่เคยเห็นนอกเผ่า

 

ส่วนหลงโม่เองก็ยืนอยู่ที่ประตู เขาเอียงคอพลางทำหน้าเบ้ด้วยความรู้สึกรังเกียจ แต่เขาก็ยังคงมองเข้าไปข้างใน

 

ปัจจุบันบนเตียงถูกโรยด้วยบางสิ่งบางอย่างแล้วก็มีแสงสีเขียวส่องประกายออกมาจากสิ่งนั้น

 

นอกจากนี้ยังมีเศษรูปร่างแปลก ๆ กระจัดกระจายอยู่บนเตียง ซึ่งดูเหมือนว่าเศษพวกนั้นจะเป็นต้นตอของกลิ่นเหม็น

 

เศษที่ว่าคือส่วนผสมระหว่างปลาร้า, ทุเรียน และหลัวซือเฝิ่น*

*หลัวซือเฝิ่น (螺蛳粉) หรือบะหมี่ซุปหอยขม เป็นอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงของเมืองหลิ่วโจว มีฉายาว่า ทุเรียนฉบับบะหมี่ (Durian of Soup) เนื่องจากมีกลิ่นแรง

 

กลิ่นของอาหารดังกล่าวได้รับการยกย่องจากทั่วโลกมนุษย์ว่ามีกลิ่นรุนแรง แต่สำหรับภูตที่มีประสาทสัมผัสดีกว่ามนุษย์นั้นถือได้ว่าเป็นอาหารที่พวกเขาไม่อยากจะกินเลยสักนิด

 

หลงโม่เองก็เป็น 1 ในคนที่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นเต็ม ๆ ขณะนี้เขาพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองสำรอกอาหารที่กินไปตอนเย็นออกมาสุดชีวิต

 

เวลานั้นเตี๋ยฉ่ายที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รู้สึกกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด

 

เมื่อหูเจียวเจียวเห็นฉากเบื้องหน้า เธอก็เม้มริมฝีปากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงมีความสุข

 

“มันได้ผล”

 

ถัดมา เธอหันหน้าไปพูดกับหลงโม่ “ตอนนี้บนตัวของมันมีกลิ่นอาหารพวกนี้แล้วยังมีผงเรืองแสงสีเขียวติดอยู่ด้วย เรารีบไปตามหามันกันเถอะ” 

 

ในคืนที่หลงเหยาถูกจับตัวไป แม่จิ้งจอกก็ได้คิดวางแผนตอบโต้กู่สืออยู่ที่บ้านมาตลอด

 

การที่ครอบครัวตระกูลหลงไม่ได้ออกไปข้างนอกเป็นเวลากว่า 2 วันก็เป็นสิ่งที่เธอจงใจทำเช่นกัน

 

จุดประสงค์ของการกระทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้กู่สือผู้จองหองลักลอบเข้ามาในบ้านมาติดกับดักด้วยตัวเอง

 

ส่วน ‘หลงจง’ ในห้อง

 

จิ้งจอกสาวเจอวัสดุพิเศษในมิติ  ซึ่งเธอนำมันมาทำเป็นตุ๊กตาหุ่นจำลองแล้วยัดผงเรืองแสงชนิดพิเศษจำนวนมากรวมถึงอาหารที่เธอเตรียมไว้เข้าไป

 

จากนั้นหญิงสาวก็นำหนังสัตว์มาหุ้มตุ๊กตา จึงทำให้ในยามค่ำคืนจะมองได้ยากว่ามันเป็นคนหรือเป็นแค่กับดัก

 

อีกทั้งเธอยังวางกลไกเอาไว้โดยเพียงแค่มีคนมาสัมผัสมันเข้า ตุ๊กตาก็จะระเบิดทันที

 

แต่แรงระเบิดนั้นไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับภูตได้ มันแค่จะกระจายสิ่งที่อยู่ข้างในเข้าใส่คนที่อยู่รอบตุ๊กตาแบบไม่มีมุมอับแม้แต่จุดเดียว

 

ด้วยวิธีที่กล่าวมาข้างต้น แม้ว่ากู่สือจะล่องหนอยู่ในอากาศ แต่พวกเธอก็ยังสามารถตามหาตัวอีกฝ่ายจนพบได้อย่างแน่นอน!

 

เมื่อเตี๋ยฉ่ายได้ยินคำพูดของหูเจียวเจียว นางก็กลืนก้อนเหนียว ๆ ลงคอ ในขณะที่นางคิดว่าคราวนี้กู่สือโชคร้ายจริง ๆ 

 

ปกติแล้วกู่สือเป็นคนที่ไปไหนมาไหนแบบไร้ร่องรอยเสมอ แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ตรงหน้าพวกนางก็ตาม แต่ถ้าเขาไม่อยากให้ใครพบเห็น เขาก็หายไปจากตรงนั้นได้ในพริบตา

 

แต่ครั้งนี้… แผนการของชายผมแดงน่าจะล้มเหลว

 

ถ้ากลิ่นเหม็นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวติดตัวใครไป ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นจิงหลิงตัวจริง เขาก็จะไม่มีทางหนีรอดไปได้อีก!

 

“อืม” หลงโม่พยักหน้าและตามกลิ่นที่ค้างอยู่ในอากาศเพื่อค้นหาศัตรูแบบไม่รอช้า

 

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่ากู่สือยังมีทักษะอยู่บ้าง

 

แม้นผงเรืองแสงจะถูกโปรยไปทั่วร่างกายของอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่ทิ้งรอยเท้าเอาไว้บนพื้นเลยแม้แต่รอยเดียว

 

สภาพนั้นมันเหมือนกับว่าเขาหายตัวไปในอากาศ แล้วเข้าสู่อีกมิติหนึ่งไปเลย

 

หากหูเจียวเจียวเตรียมเพียงผงเรืองแสงเอาไว้ ชายหนุ่มคงจะตามเบาะแสของกู่สือไม่ได้อีก

 

ต่อมา มังกรหนุ่มหลับตาลง พอเขาเปิดตาอีกครั้งก็มีแสงวาวโรจน์ส่องสว่างอยู่ในดวงตาสีทอง 

 

“ข้าเจอแล้ว”

 

ทันทีที่ร่างสูงพูดจบ เขาก็กระโดดออกไปนอกหน้าต่างและแปลงร่างเป็นมังกรเพื่อไล่ตามเป้าหมายไปในทิศทางหนึ่ง

 

“เร็วขนาดนั้นเลยหรือ? ข้ายังไม่เห็นอะไรเลย…” เตี๋ยฉ่ายมองตามหลังหลงโม่ไปด้วยความประหลาดใจ 

 

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไล่ตามผิดคน?”

 

“ไม่มีทางผิดแน่นอน นั่นจะต้องเป็นกู่สือแน่”

 

หูเจียวเจียวเดินไปตรงหน้าต่างที่สามีหนุ่มกระโดดออกไปพลางใช้นิ้วลูบไปบนขอบหน้าต่าง

 

พอจิ้งจอกสาวยกนิ้วขึ้นมาดู บนนิ้วชี้ของเธอก็มีบางอย่างสีเขียวเรืองแสงอยู่บนนั้น

 

“เจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” เตี๋ยฉ่ายถามพร้อมกับทำหน้าเหลือเชื่อ ตัวนางเองยังไม่ทันสังเกตเห็นอะไรเลย ทำไมอีกฝ่ายถึงกล้ายืนยัน?

 

สามีภรรยาคู่นี้ช่างเก่งกาจเสียจริง คนหนึ่งเป็นคนที่ทรงพลังมาก ส่วนอีกคนก็ฉลาดหลักแหลม มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวกันพอดีทีเดียว

 

“เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าพ่อของมันอาจเป็นจิงหลิง ถึงยังไงมันก็ไม่ใช่จิงหลิงจริง ๆ มันแค่ไปไหนมาไหนได้แบบไร้ร่องรอย เพราะแบบนั้นเราจะหามันด้วยตาเปล่าไม่ได้ และไม่ว่ายังไงมันก็ไม่มีทางทะลุกำแพงได้ด้วย มันคงมีแค่ความสามารถพิเศษบางอย่างที่ทำให้เรามองไม่เห็นมันเท่านั้น”

 

หูเจียวเจียวอธิบายช้า ๆ

 

ซึ่งความสามารถนี้คล้ายกับการล่องหน

 

ในความรู้สึกของมนุษย์ จิงหลิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับหาตัวจับได้ยาก แต่ในโลกภูต จิงหลิงก็เทียบเท่ากับผี

 

เท่าที่เธอเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับโลกภูตในมิติ จิงหลิงจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าภูตจนทำให้เกิดข่าวลือต่าง ๆ นานา

 

กลายเป็นว่าพฤติกรรมของกู่สือไม่ได้สอดคล้องกับคำอธิบายของจิงหลิงอย่างเห็นได้ชัด

 

ต่อให้พ่อของเขาจะเป็นจิงหลิงจริง ๆ แต่เขาก็ยังเป็นแค่... ลูกครึ่ง เขายังคงมีกายเนื้อเหมือนภูตทั่วไป

 

ทางด้านเตี๋ยฉ่ายที่ได้รับคำอธิบายก็ยังคงรู้สึกไม่เข้าใจอยู่ดี 

 

“งั้นเจ้าค่อย ๆ คิดตามข้านะ ห้องนี้มีหน้าต่างเพียงบานเดียว ในเมื่อมันทะลุกำแพงออกไปไม่ได้ มันจะออกไปทางไหนได้อีกนอกจากทางหน้าต่างบานนี้” หูเจียวเจียวยกคางขึ้นแล้วชี้ให้หญิงสาวดูโครงสร้างของห้อง

 

“...” 

 

แบบนี้นี่เอง… ข้าเข้าใจแล้ว

 

 

อีกด้านหนึ่งในเผ่า

 

ขณะนี้กู่สือบินหนีไปพร้อมกับสบถด่าเสียงต่ำ

 

“นี่มันบ้าอะไร ทำไมมันถึงกลิ่นแรงขนาดนี้” 

 

“แล้วไอ้เขียว ๆ นี่มันอะไรกัน ทำไมยังเรืองแสงอยู่! ข้าต้องรีบสลัดมันออกให้หมด!” 

 

ทำไมช่วงนี้โชคไม่เข้าข้างข้าเลยนะ

 

แล้วทุกอย่างมันก็เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนที่เขาจับไอ้เด็กนั่นมา

 

ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเริ่มสงสัยในใจ

 

เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่ควรกินเด็กคนนั้นจริง ๆ?

 

ทว่าน่าเสียดายที่ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะมานั่งเสียใจแล้ว

 

“ให้ตายเถอะ! มีคนตามมา…” เมื่อกู่สือสัมผัสได้ถึงรังสีอันตรายที่มาจากด้านหลัง เขาก็สบถเสียงต่ำแล้วรีบหนีด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 

 

จากนั้นเขาก็พยายามที่จะเปลี่ยนร่างตัวเองให้กลืนเข้ากับความมืด

 

แต่ผงเรืองแสงบนร่างกายของเขากลับไม่อนุญาตให้ตนทำในสิ่งที่ต้องการ ยิ่งตัวเขาเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งขับให้ผงแปลกประหลาดเรืองแสงสว่างขึ้นเท่านั้น

 

ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทันทีที่หลงโม่ตามมาทัน เขาก็เห็นอะไรบางอย่างเรืองแสงโดดเด่นอยู่ท่ามกลางความมืด

 

พอเขาเห็นแสงสีเขียวเสี้ยววินาทีแรก เขาก็นึกถึงผลไม้สีเขียวที่อยู่ในครัวของเจียวเจียว

 

ตอนนั้นเขาลองชิมผลไม้ดังกล่าว ซึ่งรสชาติของมันทำให้เขากระเดือกแทบไม่ลงเลยทีเดียว

 

แล้วเขาก็เกลียดมันพอ ๆ กับภูตแมลงที่ตนกำลังไล่ล่าอยู่

 

ยามนี้ดวงตาของมังกรหนุ่มจับจ้องไปที่เป้าหมาย พร้อมกับที่รูม่านตาหดลงและมีประกายแสงบางอย่างที่เกิดจากความกระหายเลือดส่องผ่านนัยน์ตาสีทอง ในเวลาเดียวกัน เขาก็เร่งความเร็วของตัวเองไล่ตามศัตรูไป

 

ระหว่างนั้นกู่สือได้ยินเสียงบางอย่างแหวกอากาศมาจากด้านหลัง

 

ในจังหวะที่เขากำลังจะบิดตัวหลบ มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

 

ชั่วพริบตา หางของมังกรดำได้ฟาดเข้าใส่หน้าผากของเขาเต็มเปา

 

ผัวะ!

 

แรงตบมหาศาลซัดเข้าใส่ร่างของกู่สือจนปลิวไปด้านข้างและกระแทกเข้ากับพื้นจนทำให้เขารู้สึกมึนงงอยู่พักหนึ่ง

 

ด้วยความสามารถที่เขาภาคภูมิใจตั้งแต่เด็ก เขาแทบไม่เคยถูกทำร้ายร่างกายมาก่อน ไม่ว่าเขาจะต้องเผชิญกับคนที่แข็งแกร่งแค่ไหน คนพวกนั้นก็ไม่เคยจับตัวเขาได้

 

ทว่าการโจมตีครั้งนี้ทำให้ชายผมแดงเจ็บปวดมากจนเหมือนร่างกำลังจะแหลก

 

“อั่ก!!”

 

กู่สือนั่งมึนงงอยู่กับที่หลายวินาที จากนั้นเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเขายังไม่รีบหนี เขาคงจะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ไม่ได้ ชายหนุ่มจึงตั้งท่าจะวิ่งหนีต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม มังกรดำตัวใหญ่ไม่ให้โอกาสศัตรูให้ได้พักหายใจ เขาสะบัดหางตัวเองอีกครั้ง คราวนี้เป็นการฟาดหางจากด้านบนลงด้านล่างเพื่อตะปบร่างของภูตแมลงให้แนบติดกับพื้น

 

โครม!

 

เป็นผลให้หลุมขนาดใหญ่ลึกหลายเมตรปรากฏขึ้นบนพื้น ในขณะที่กู่สือที่เนื้อตัวเรืองแสงสีเขียวแบนติดอยู่กับพื้นทันที “ช้าก่อน! ลูกของเจ้ายังไม่ตาย อย่าฆ่าข้า…”

 

ชายผมแดงรีบร้องขอความเมตตาพร้อมกับพยายามถดตัวหนีจากเงื้อมมือของหลงโม่

 

แต่ครู่ต่อมา ปีกเปื้อนเลือด 2 ข้างก็ถูกดึงออกมาจากด้านหลังเขา

 

“อ๊ากกกก!!” 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.