บทที่ 4...1/3
หากผ่านความยากลำบากในวันแรกไปได้แล้ว วันต่อๆ ไปย่อมไม่ยากกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้ธามิณีรู้สึกได้เพราะก้าวผ่านมาด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาชีวิตของเธอก็ไม่ได้แย่นัก อย่างน้อยเธอยังมีเพื่อนสนิทคอยให้กำลังใจในวันแย่ๆ เธอมีความหวังจะใช้ชีวิตที่อบอุ่นอีกครั้ง แม้ว่าในตอนนี้ใครคนนั้นที่คอยปกป้องเธอจะหายไปจากชีวิตเกือบ 3 ปีแล้ว เธอเรียนจบมัธยม 6 ในที่สุด และได้เข้าเรียนในมหา’ลัย
ธามิณีสอบติดคณะคหกรรมศาสตร์ สาขาอาหารและโภชนาการ ความที่เธอชอบทำอาหาร แต่ไม่ได้วาดฝันการเป็นเชฟ แต่เธออยากเป็นนักกำหนดอาหารในอนาคต นอกจากการได้ดูแลตัวเองเรื่องอาหารแล้ว มันยังเป็นอาชีพที่ดูแลคนอื่นและสามารถเลี้ยงชีพตัวเองได้ด้วย ส่วนกัลยาก็สอบติดมหา’ลัยเดียวกัน เพียงแต่เรียนกันคนละคณะ รายนั้นเลือกเรียนบริหารเพราะครอบครัวมีธุรกิจที่กัลยารู้เสมอว่าต้องเข้าไปดูแลแทนพ่อแม่ในอนาคต
แต่การสอบติดมหา’ลัยย่อมมีค่าใช้จ่ายที่ตามมา ดังนั้นธามิณีจึงขอให้ลุงทนายวาทินเพื่อนของพ่อช่วยขายรถของเธอที่พ่อซื้อไว้ก่อนท่านเสียชีวิต ทำให้เงินตรงนั้นต่อยอดจนเธอมาไกลถึงตอนนี้ได้ ลุงทนายนอกจากดูแลเรื่องต่างๆ ในชีวิตเธอแล้ว ยังยื่นเรื่องเป็นผู้ปกครองเพื่อทำธุรกรรมต่างๆ มันไม่ง่ายที่จะผ่านมาได้ แต่ก็ไม่ยากจนเธอยังไม่โดดเดี่ยวไปเสียทีเดียว
ข่าวดีเกิดขึ้นในวันธรรมดาๆ ลุงทนายวาทินบอกว่ามีเพื่อนของพ่อขอช่วยในเรื่องเรียนเป็นเงินซึ่งไม่มีเงื่อนไขหรือการผูกมัดใดๆ เขาแนะนำให้รับไว้ ธามิณียอมรับเงินนั้นเพราะเงินที่ขายรถอย่างไรเสียก็มีวันหมด อีกทั้งเงินที่ได้จากการทำงานพิเศษบางเดือนก็ไม่พอกับค่าใช้จ่าย เธอคิดไว้ว่าหากได้ทำงานหลังจากเรียนจบเมื่อไหร่จะทยอยคืนเงินให้เจ้าของน้ำใจนี้ ส่วนเงินที่ป้ารัดเกล้าเคยบอกว่าจะโอนมาให้นั้น ธามิณีได้รับอยู่ 5 เดือนแล้วก็ไม่ได้รับอีก เช่นเดียวกับไม่เคยได้รับการติดต่ออีกเลย
ทว่าหลังจากผ่านมานานเกือบ 3 ปี จนธามิณีลืมความเจ็บปวดของการถูกทอดทิ้งได้แล้ว ป้ารัดเกล้าก็กลับมาหาเธอในวันที่ฟ้าสดใส แต่ว่าหัวใจของเธอกลับหวนไปถึงความบอบช้ำในวันที่แตกสลาย จนกระทั่งวันนี้เธอเข้มแข็งพอที่จะไม่ร้องไห้เพราะการถูกทอดทิ้งได้แล้ว
“ธาม...” รัดเกล้ามองหลานด้วยความละอายใจจนพูดไม่ออก
เตชิตบอกรัดเกล้าว่าธามิณีไปอยู่กับญาติของเขาแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี จนกระทั่งหลายวันผ่านไปนางติดต่อหลานสาวไม่ได้ จึงได้คำตอบว่าเตชิตทำอะไรลงไป เขาจงใจแก้ไขเบอร์โทรของหลานสาวที่บันทึกไว้ที่โทรศัพท์ของนาง ทำให้นางโทรหาธามิณีเท่าไหร่ก็ไม่มีสัญญาณเพราะเบอร์ถูกสามีแก้ไขไปแล้ว
รัดเกล้าจึงโทรหาเพื่อนบางคนที่โรงเรียนให้ช่วยตามหาธามิณี แต่ให้อย่างไรก็หาไม่พบเพราะตอนนั้นยังอยู่ในช่วงปิดเทอม พอผ่านไป 5 เดือนนางจึงเดินทางกลับมาไทยโดยใช้เงินเก็บที่มี ทำให้ไม่เหลือเงินที่จะโอนให้ธามิณีได้ต่อ อีกทั้งเตชิตก็มีภาระค่าใช้จ่ายมากจนนางขอมาให้หลานไม่ได้ พอกลับถึงไทยรัดเกล้าตามหาหลานสาวไปทุกที่ แต่หาอย่างไรก็ไม่พบ ในระหว่างนั้นกาญเกล้าเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ญี่ปุ่น ทำให้นางต้องเดินทางกลับไป การดูแลลูกสาวที่ขาหักต้องทำกายภาพ ทำให้ผ่านไปอีกหลายเดือน จนกระทั่งล่วงเลยมาจนป่านนี้ แม้จะรู้ว่าธามิณีอยู่ที่ไหนเมื่อหลายเดือนก่อน แต่เพราะความละอายใจและไม่อยากขัดแย้งกับสามีทำให้นางพึ่งมาหาหลาน
ธามิณียกมือไหว้รัดเกล้าพลางยิ้ม ในที่สุด...การรอคอยของเธอก็มาถึงเสียที
“สวัสดีค่ะป้ารัด ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ”
รัดเกล้าจับมือของธามิณีไว้ด้วยความรู้สึกละอายใจ “ป้าขอโทษที่ไม่ได้ดูแลธามเลย จนผ่านไปเกือบ 3 ปีแล้วถึงได้มาหา ธามสบายดีไหม”
“ค่ะ ธามสบายดี” ธามิณียิ้ม แม้จะรู้สึกว่าภายในหัวใจยวบลงราวกับมีหลุมลึก ตอนนั้นที่เธอต้องการใครสักคน ป้ารัดเกล้าหายไปไหน เธออยากจะถามอย่างนั้น แต่มันจะมีประโยชน์อะไรอีกเล่า ในเมื่อเธอผ่านความยากลำบากมาได้ด้วยตัวเองแล้ว “ป้ารัดล่ะคะ สบายดีไหมคะ”
“สบายดี” รัดเกล้ามองหลานแล้วเป็นฝ่ายหลุบตาลง “ธามโกรธป้าไหมที่ป้า...”
“ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจค่ะ” ธามิณีตอบเพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะโกหก อย่างน้อยป้ารัดเกล้ายังกลับมาหาเธอ แม้จะเหมือนกับคนรู้จัก ไม่ใช่ญาติสนิทอีกแล้วก็ตาม “แต่มันนานจนธามพยายามลืมไปแล้วว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง วันนี้ป้ารัดมาหาธามมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ลุงเตกลับมาทำธุระน่ะ ป้าเลยขอกลับมาด้วย งานของลุงเตกำลังไปได้ดีเลยนะ ถ้ายังไงธามไปอยู่กับป้าดีไหม ป้าจะได้ดูแลธาม คราวนี้ป้าสัญญาว่าจะทำเพื่อธามทุกอย่าง ป้าจะไม่ทิ้งธามอีก”
เรื่องนี้รัดเกล้าคุยกับเตชิตแล้ว สามียอมตามใจนาง แม้จะมีเงื่อนไขว่าต้องให้ธามิณีดูแลค่าใช้จ่ายของตัวเอง ซึ่งรัดเกล้าเตรียมหางานพิเศษไว้ให้หลานแล้ว ส่วนการเรียน นางจะออกค่าเทอมให้ทั้งหมด
“ธามขอบคุณป้ารัดนะคะ”
ธามิณียกมือไหว้ผู้เป็นป้า ความกลัวกลายเป็นสิ่งที่ธามิณีพบว่าตัวเองต้องมี ไม่อย่างนั้นเธออาจจะเสียใจอีก การพึ่งพาตัวเองเป็นสิ่งที่เธอมั่นใจว่าทำได้แล้ว หากรัดเกล้าบอกเธอแบบนี้เมื่อ 3 ปีก่อนคงจะดี
“แต่ธามคิดว่าให้มันเป็นไปอย่างนี้ดีกว่านะคะ ในคำว่าครอบครัวไม่ควรมีคนอื่นเข้าไปอยู่ในนั้น ธามรู้ตัวดีว่าไม่เคยเป็นคนในครอบครัวของป้ารัดเลย เพราะฉะนั้นถ้ามันจะเป็นแบบนี้ต่อไป ธามก็ยังมีชีวิตต่อไปได้อยู่ดีค่ะ”
รัดเกล้าฟังหลานแล้วยิ่งรู้สึกผิด “ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะธาม ป้าไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ”
“ธามเชื่อป้ารัดค่ะ” รอยยิ้มคือคำตอบของธามิณี การมีเธอจะทำให้หลายคนลำบากใจมากกว่า คนที่จะลำบากใจที่สุดคงไม่พ้นรัดเกล้าอยู่ดี “เดี๋ยวธามจะไปทำงานพิเศษแล้ว ธามขอให้ป้ารัดเดินทางกลับอย่างปลอดภัยนะคะ”
ธามิณียกมือไหว้ ทว่ารัดเกล้ากลับหยิบบางอย่างมาจากกระเป๋าแล้ววางบนมือของหลานสาว หากไม่ได้ดูแลอย่างที่คิดไว้ สิ่งนี้คงทำให้นางหายจากความรู้สึกผิดลงไปบ้าง
“เก็บเงินไว้ใช้นะธาม พรุ่งนี้ป้าจะเดินทางกลับแล้ว แต่ถ้าธามเปลี่ยนใจบอกป้าได้นะ ป้าจะซื้อตั๋วให้ธามขึ้นเครื่องบินตามไปที่ญี่ปุ่นเอง”
การสัมผัสเพียงไม่กี่วินาที กลับทำให้ธามิณีเห็นภาพบางอย่างที่ทำให้เธอผงะเบิกตากว้างด้วยความตกใจกลัว สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน
เธอเห็นเครื่องบินกำลังจะตก!
ในเครื่องบินลำนั้นมีรัดเกล้าและเตชิตอยู่ด้วย ทั้งสองคนกำลังหวาดกลัวและกรีดร้องเช่นเดียวกับผู้โดยสารคนอื่นๆ แต่สุดท้ายเครื่องบินทั้งลำก็พุ่งลงสู่มหาสมุทรในที่สุด เกิดดวงไฟลูกใหญ่สว่างวาบจากการระเบิด ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสีในฉับพลัน แรงระเบิดสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น นี่มันอะไรกัน?
“ป้ารัดอย่าเพิ่งเดินทางกลับวันพรุ่งนี้ได้ไหมคะ เอาไว้อีกสองสามวันค่อยกลับ”
ธามิณีไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นมันเป็นจริงแค่ไหน แต่ถ้ามันจะเกิดขึ้นแล้วเธอแก้ไขไม่ให้รัดเกล้ากับเตชิตอยู่ในเหตุการณ์นั้นได้ มันย่อมดีกว่าได้รู้ข่าวว่าทั้งสองคนเกิดเรื่องร้ายแรงตามที่เธอเห็นในนิมิตประหลาดนั้น
“มีอะไรหรือธาม ทำไมถึงไม่อยากให้ป้ากลับพรุ่งนี้” รัดเกล้ามองสีหน้าของหลานทำให้คิดไปว่าตอนนี้ธามิณีอาจจะกำลังลังเล ต้องการเวลาสำหรับตัดสินใจอีกสักนิด “ถ้าธามอยากจะไปด้วยกัน ป้าก็จะรอนะ”
“ธาม...ธามก็ไม่แน่ใจ เอ่อ ธามหมายถึง นานๆ กลับมาไทยสักที ป้ารัดอย่าเพิ่งรีบกลับเลยนะคะ” ธามิณีย้ำอีกครั้ง แม้ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นจะเกิดขึ้นหรือเปล่า “ระวังเรื่องการนั่งเครื่องบินด้วยนะคะ ธามไปก่อนแล้วค่ะ”
ธามิณียื่นแขนไปกอดรัดเกล้าเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบกันอีก เธอยิ้มให้ผู้เป็นป้าและหวังใจว่าชีวิตที่ดำเนินต่อจากนี้จะเต็มไปด้วยความสุขกับครอบครัวและลูกๆ หากไม่ได้รัดเกล้าดูแลตอนที่เธอเข้าโรงพยาบาลในตอนนั้น เธอคงโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง ตอนนี้เธอคงได้แต่อวยพรอยู่ในใจและหวังว่าจะได้ตอบแทนพระคุณของผู้เป็นป้าในสักวัน
นิมิตที่ธามิณีเห็นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเครื่องบินไม่ได้ตก รัดเกล้าและเตชิตกลับไปถึงญี่ปุ่นอย่างปลอดภัย ธามิณีดีใจที่การเห็นนิมิตที่ผุดขึ้นมาในสมองเป็นแค่ความฟุ้งซ่านของเธอเอง เธอไม่ชอบเลยที่เห็นการตายแบบนั้น แม้ว่ามันจะเป็นแค่ไม่กี่วินาทีก็ตาม
แต่แล้วข่าวร้ายก็มาถึงในวันหนึ่งที่ธามิณีเริ่มลืมเลือนนิมิตนั้น ทว่ามันได้เกิดขึ้นในสุด รัดเกล้ากับเตชิตเสียชีวิตแล้วจากเหตุการณ์เครื่องบินตกลงกลางมหาสมุทร 3 เดือนหลังจากที่ธามิณีได้พบกับรัดเกล้า มีข่าวออกทางโทรทัศน์ในเย็นวันนั้นซึ่งไม่นานรายชื่อของผู้เสียชีวิตก็ถูกประกาศออกไป
นอกเหนือจากความเสียใจแล้ว ธามิณีอดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่าเธอละเลยในสิ่งที่เห็นใช่ไหมนะ ถ้าเธอย้ำกับป้ารัดเกล้าเรื่องเครื่องบินอาจตกอีกหลายๆ ครั้ง เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นใช่ไหม ความตายจะไม่เกิดขึ้นใช่หรือเปล่า
...ไม่มีใครตอบคำถามทั้งหมดนี้ได้ แม้กระทั่งธามิณีเอง
สิ่งเดียวที่ธามิณีมั่นใจนั่นคือ มีบางอย่างในตัวเธอที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดและเห็นอนาคตในบางคราว เธอไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จนกระทั่งมันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้ที่จะตอบคำถามนี้ของเธอได้ ตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหน ธามิณีไม่รู้เลย ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาชีวิตของเธอปกติดี เช่นเดียวกับเขาคนนั้นได้หายไปตามที่เอ่ยลา
หลังจากผ่านไปเกือบสัปดาห์งานศพของรัดเกล้ากับเตชิตจึงได้ถูกจัดขึ้น ร่างของทั้งสองคนถูกส่งกลับมาที่ประเทศไทย โดยมีลูกสาวและลูกชายมารอรับ ธามิณีเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่ากาญเกล้ากับเตวินกลับมาอยู่ประเทศไทยหลายเดือนแล้ว แม้จะไม่ได้ติดต่อกันมาพักใหญ่ แต่เมื่อถึงวาระสุดท้ายของรัดเกล้ากับเตชิต ธามิณีคิดว่าให้อย่างไรก็ต้องมาที่งานศพของลุงกับป้าสักครั้ง
ยังไงๆ ทำไมธามเห็นจุดจบของป้ารัดเกล้า ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 158
แสดงความคิดเห็น