บทที่ 167 เมเทโอฟอลล์เลเวล 2
บทที่ 167 เมเทโอฟอลล์เลเวล 2
“เย่กู่ซิง!?” บิทเทอร์เลิฟอุทานพร้อมกับขมวดคิ้ว เพราะในช่วงนี้ชื่อเสียงของอีกฝ่ายแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเกม ท้ายที่สุดเย่กู่ซิงก็คอยนำทัพต่อสู้กับผู้เล่นอิสระหลายครั้งจนทำให้อีกฝ่ายได้รับฉายาว่าแม่ทัพอำมหิต
“มาดูซิว่าคราวนี้แกจะหนีไปไหนได้” เย่กู่ซิงจ้องมองไปทางลู่หยางโดยไม่สนใจบิทเทอร์เลิฟเลย
“คนอย่างแกเนี่ยนะที่จะมาหยุดฉัน” ลู่หยางตอบอย่างเยาะเย้ย
“แค่ฆ่าคนอย่างแกมันไม่จำเป็นจะต้องถึงมือฉันหรอก” เย่กู่ซิงพูดด้วยความโกรธ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งก่อนที่เขาถูกอีกฝ่ายสังหาร
“วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของแกในเซคคัลเวิลด์ ฉันจะสอนให้แกรู้เองว่าการหาเรื่องบลัดเติสตี้ มันจะทำให้พวกแกต้องสูญเสียหนักแค่ไหน” เย่กู่ซิงตะโกนก่อนที่จะโบกมือให้ผู้เล่นทั้ง 200 คนเข้าจู่โจม
“แย่แล้ว อีกฝ่ายมันมีคนเยอะเกินไป!” ทไวไลท์รีปเปอร์พูดอย่างตื่นตระหนก
“อาจารย์ พวกคุณรีบหนีไปเถอะ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะพวกเรา พวกเราจะเป็นคนคอยขวางพวกมันให้เอง” บิทเทอร์เลิฟกล่าวพร้อมกับออกมายืนขวางลู่หยาง
“ใช่แล้วอาจารย์ คุณรีบหนีไปเถอะ” ไลท์ไทม์กัดฟันพูด
ระหว่างนั้นพวกโคลด์วิลโลว์ก็ออกมายืนขวางหน้าลู่หยางเอาไว้ด้วยเช่นกัน
นักเวทหนุ่มไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีน้ำใจกับเขาขนาดนี้ เขาจึงพูดออกไปว่า
“ตามฉันมา ห่างออกไปไม่ไกลคือภูเขาสองยอด ฉันคุ้นเคยกับภูมิประเทศแถวนั้นดี ฉันพอจะมีวิธีสลัดพวกมันออกไปได้”
“จริงเหรอครับ?” บิทเทอร์เลิฟคิดไว้แล้วว่าพวกเขาคงจะตายแน่ ๆ เขาจึงไม่เคยคิดเลยว่ามันจะยังพอมีทางรอดอยู่
“ทุกคนตามฉันมา” ลู่หยางกล่าวก่อนจะนำทีมวิ่งเข้าไปในแผนที่เลเวล 10
“หัวหน้า พวกมันกำลังหนีไปแล้ว” เครซี่วูฟกล่าวอย่างร้อนรน
“แกจะมาตื่นเต้นทำไม ข้างหน้าเป็นแผนที่เลเวล 10 พวกมันจำเป็นจะต้องฆ่ามอนสเตอร์ตามทางไปเรื่อย ๆ แล้วพวกมันจะหนีไปไหนได้ ตามฉันมาฉันจะสอนให้มันรู้เองว่าความสิ้นหวังมันเป็นยังไง” เย่กู่ซิงกล่าวอย่างหยิ่งผยอง
สมาชิกภายในทีมกว่า 200 คนตามเย่กู่ซิงเข้าไปในอุโมงค์อันคับแคบของแผนที่เลเวล 10 ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้คือเส้นทางที่จะต้องผ่านจากหุบเขางูพิษไปยังแผนที่ที่อยู่ถัดไป
ลู่หยางวิ่งนำทีมไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในระหว่างทางที่เจองูพิษเขาก็จะทำการใช้สกิลคอมบัสชันดึงความสนใจงูพวกนั้นมาที่ตัวเอง หลังจากสะสมบัฟได้ถึงห้าชั้นแล้วเขาก็จะทำการใช้เฟลมสตอร์มและเฟลมเบิร์ดเพื่อทำการสังหาร
พวกงูพิษเลเวล 10 มีพลังชีวิตเพียงแค่ประมาณ 1,400 หน่วย พวกมันจึงถูกลู่หยางสังหารอย่างง่ายดายและทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเขาแทบไม่ลดลงเลย
“หัวหน้า พวกเราจะเอายังไงกันต่อดีครับหรือพวกเราจะต้องวิ่งหนีไปเรื่อย ๆ?” ไป๋เหลิงถาม
“อีกฝ่ายคนเยอะมาก แต่ถ้าพวกมันแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ ละประมาณ 30 คนแบบนั้นพวกเราก็น่าจะพอสู้ได้” ไป๋ฉือกล่าว
“ไม่ต้องห่วง ตามฉันมาก่อน ถ้ามีโอกาสเดี๋ยวฉันจะให้พวกนายลงมือเอง” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อบิทเทอร์เลิฟได้ยินว่าลู่หยางมีแผนที่จะตอบโต้ในสถานการณ์แบบนี้ เขาจึงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าอันตื่นเต้นว่า
“ถ้าจะสู้ก็รวมพวกเราทั้งห้าคนเข้าไปในแผนด้วยนะครับ”
“พวกกระจอกพวกนั้นมันมีดีแค่คนเยอะเท่านั้นแหละ ถึงจะสู้ 1 ต่อ 2 แต่พวกเราก็ไม่มีปัญหา” ไลฟ์ไทม์กล่าว
พวกบิทเทอร์เลิฟสวมใส่เพียงแค่อุปกรณ์ระดับเหล็กเลเวล 5 การที่พวกเขากล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าทีมชั้นยอดของบลัดเติสตี้ มันก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง
ลู่หยางมองไปยังหน้าผาสองข้างทางที่ค่อย ๆ มีความสูงลดลงก่อนพูดว่า
“พวกนายเชื่อใจฉันไหม?”
“เชื่อสิครับ” ไป๋เหลิงกล่าว
พวกบิทเทอร์เลิฟก็พยักหน้าด้วยเช่นกัน
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเข้ามาช่วย พวกเราก็คงจะตายกันไปแล้ว” ไลฟ์ไทม์กล่าว
“คุณมีความคิดดี ๆ บ้างไหม?” โคลด์วิลโลว์ถาม
“ฉันต้องวิ่งเข้าไปในหุบเขาข้างหน้าก่อนเพื่อเตรียมความพร้อม ระหว่างนั้นทุกคนช่วยดึงความสนใจพวกมันเอาไว้ที่นี่ อย่าปล่อยให้พวกมันแยกจากกันเป็นอันขาด” ลู่หยางกล่าว
“ไม่มีปัญหา” ไป๋ฉือกล่าวอย่างไม่ลังเล
“หัวหน้า คุณจะทำอะไรงั้นเหรอ?” ไป๋เหลิงถาม
“เดี๋ยวก็รู้เอง” หลังจากกล่าวจบลู่หยางก็พุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยมีเปลวไฟปรากฏขึ้นมาบริเวณใต้ฝ่าเท้าของเขา
สคอร์ชิ่งสปีดเลเวล 2 สามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ได้ 150% ขณะที่โจรมีสกิลที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ได้เพียงแค่ 50% เท่านั้น ความเร็วของลู่หยางในตอนนี้จึงเร็วกว่าผู้เล่นปกติเป็น 2 เท่า
“เร็วมาก” ทไวไลท์รีปเปอร์อุทาน
สามฝาแฝดตระกูลไป๋พยักหน้าอย่างเห็นด้วยและพวกเขาก็เพิ่งรู้ว่าความเร็วที่แท้จริงของลู่หยางมันสามารถรวดเร็วได้ขนาดนี้
“ถ้าหัวหน้าเปิดใช้สคอร์ชิ่งสปีดตอนสู้กับพวกเรา ตอนนั้นพวกเราก็คงจะกลายเป็นแค่เป้านิ่งแน่ ๆ” ไป๋เหลิงกล่าวอย่างท้อแท้
“ไม่เป็นไร หัวหน้าแค่มีสกิลเยอะกว่าพวกเรา อีกหน่อยถ้าเราติดตามเขา เราก็จะมีสกิลจำเป็น ๆ ครบอย่างแน่นอน” ไป๋ฉือกล่าว
“นั่นก็จริง” ไป๋เหลิงกล่าวพร้อมกับกลับมาร่าเริงอีกครั้ง
ไป๋หูฟังสองฝาแฝดพูดกันด้วยรอยยิ้ม ท้ายที่สุดการพ่ายแพ้ลู่หยางในครั้งนี้ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกอับอายเลย ในทางกลับกันมันยิ่งกระตุ้นความมุ่งมั่นของพวกเขาให้มีมากขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามพวกบิทเทอร์เลิฟกลับฟังบทสนทนาด้วยสีหน้าแปลก ๆ เพราะตอนไล่ฆ่าพวกเครซี่วูฟส่วนที่เหลือ พวกเขาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสามฝาแฝดตระกูลไป๋ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ท้ายที่สุดทุกคนที่เหลือรอดชีวิตในตอนนั้นต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสมาชิกชั้นยอดของบลัดเติสตี้ แต่ทั้งสามกลับแทบที่จะไม่เสียพลังชีวิตในระหว่างการไล่ฆ่าคนของบลัดเติสตี้เลย
“ตามทันแล้ว! ฆ่าพวกมันเลย!!” จู่ ๆ มันก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากระยะไกล ก่อนที่พวกเย่กู่ซิงจะไล่ตามมาพร้อมกับตราสัญลักษณ์บัฟรูปเกือกม้าสีขาวเหนือศีรษะของพวกเขา
“ทำไมพวกมันถึงตามมาเร็วขนาดนี้?” โคลด์วิลโลว์กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
หากลู่หยางอยู่ที่นี่เขาย่อมจดจำตราสัญลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแน่นอน เพราะมันคือผลของคัมภีร์เพิ่มความเร็วที่จะช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ให้กับผู้เล่นสูงสุด 50 คนได้ 50% ในเวลาเดียวกัน และมันก็มีระยะเวลาการแสดงผลอยู่ที่ 30 วินาที
“ยังไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนั้น ทุกคนรีบวิ่งเข้าไปใกล้ทางเข้าหุบเขาก่อนเร็วเข้า” ไป๋ฉือกล่าว
“มันมีสกิลที่ฆ่าคน 200 คนได้ในคราวเดียวด้วยเหรอ?” ไป๋เหลิงถามอย่างสงสัย
“มันไม่มีสกิลแบบนั้นหรอก” ไป๋หูกล่าวพร้อมกับส่ายหน้า
“แล้วหัวหน้ากำลังวางแผนจะทำอะไรอยู่กันแน่?” ไป๋เหลิงถาม
“ฉันไม่รู้แต่เขาไม่มีทางคิดไม่ดีกับพวกเราแน่นอน” ไป๋หูกล่าวอย่างเชื่อมั่น
พวกเย่กู่ซิงร่นระยะเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องมาจากภายในกลุ่มของบิทเทอร์เลิฟไม่มีนักธนู มันจึงยิ่งทำให้ความเร็วของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันเนื่องมาจากสกิลชีต้าออร่า
“ลู่หยางไปไหนแล้ว?” เย่กู่ซิงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“คงไม่ใช่ว่ามันทิ้งพรรคพวกแล้วหนีไปแล้วหรอกนะ” เครซี่วูฟกล่าว
“เราจะปล่อยให้มันหนีไม่ได้เป็นอันขาด” เย่กู่ซิงกล่าวก่อนที่เขาจะเปิดใช้งานม้วนคัมภีร์ภายในมือ ทันใดนั้นม่านแสงสีม่วงก็แผ่ขยายออกไปอย่างฉับพลัน ผ่านร่างของพวกฝาแฝดตระกูลไป๋รวมถึงลู่หยางที่เพิ่งกำจัดมอนสเตอร์ในหุบเขารอบ ๆ ตัวได้สำเร็จ
“นี่พวกมันถึงกับลงทุนใช้คัมภีร์ห้ามกลับเมืองเลยเหรอเนี่ย?!” ลู่หยางอุทานอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะลงทุนใช้คัมภีร์ที่มีมูลค่า 10,000 เครดิตแบบนี้
อย่างไรก็ตามเขาก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าบลัดไทแรนท์จะส่งคนมาไล่ล่าเขา การพาพวกบิทเทอร์เลิฟมายังพื้นที่มอนสเตอร์เลเวล 10 ก็เป็นการจงใจล่อเหยื่อของเขาด้วยเช่นกัน เพียงแต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะส่งผู้เล่นชั้นยอดมาถึง 200 คน ที่สำคัญคือเย่กู่ซิงยังเป็นคนนำทีมด้วยตัวเอง
ความแค้นในชาติก่อนทำให้ลู่หยางรู้สึกโกรธจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ และเขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับผู้เล่นภายในกิลด์บลัดเติสตี้คนไหนเลย
ทางเข้าหุบเขาปากหม้อสามารถเดินผ่านไปได้ทีละคนเท่านั้น และพื้นที่บริเวณรอบ ๆ เป็นหน้าผาสูงชันที่ไม่สามารถปีนขึ้นไปทางด้านบนได้เลย
ลู่หยางยืนอยู่ตรงบริเวณกลางทางเข้า ก่อนที่เขาจะเริ่มท่องคาถาที่เข้าใจได้ยากออกมาทีละคำ
คาถาโบราณแต่ละท่อนให้ความรู้สึกถึงพลังอันน่าหวาดกลัว การเปล่งคาถาจึงทำให้หุบเขาสั่นสะเทือนพร้อมกับเมฆดำที่เริ่มปกคลุมทั่วทั้งหุบเขาอย่างสยดสยอง
เย่กู่ซิงนำสมาชิกชั้นยอดทั้ง 200 คนไล่ตามเข้ามาในหุบเขาปากหม้อได้สำเร็จ และเนื่องจากพื้นที่โล่งกว้างมันจึงทำให้พวกเขาสามารถจัดทัพได้ในที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้พวกเขาดีใจคือทุกคนเห็นลู่หยางยืนอยู่ตรงบริเวณปากทางเข้าของหุบเขาอีกด้วย
“แกคงจะรู้ตัวแล้วสินะว่าไม่สามารถใช้คัมภีร์ย้อนกลับได้ ส่วนทางข้างหน้ามันก็แคบเกินไปแถมยังมีมอนสเตอร์ขวางอยู่อีกเยอะเลย” เย่กู่ซิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
สามฝาแฝดตระกูลไป๋และพวกบิทเทอร์เลิฟแสดงสีหน้าออกมาอย่างเคร่งเครียด ก่อนที่ทุกคนจะรีบวิ่งไปยืนขวางหน้าลู่หยางเอาไว้ก่อน
เย่กู่ซิงเดินมาหยุดเว้นระยะห่างเอาไว้ที่ 31 เมตร เพราะเขาคิดว่าในระยะนี้ลู่หยางจะไม่สามารถโจมตีเขาได้ จากนั้นเขาจึงโบกมือสั่งผู้เล่นทั้ง 200 คนให้แบ่งออกเป็น 15 แถวยืนอยู่ทางด้านหลังของเขา
การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายทำให้ลู่หยางเผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปาก จากนั้นเขาก็มองไปทางเย่กู่ซิงด้วยแววตาอันเย็นชา
“ฝากบอกบลัดไทแรนท์ด้วยว่าฉันจะเป็นคนทำลายกิลด์ของมันด้วยมือของฉันเอง”
“นั่นคือคำสั่งเสียของแกสินะ ฆ่ามัน! ใครฆ่าลู่หยางได้จะได้รับรางวัล 10,000 เครดิต!!” เย่กู่ซิงออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงอันโหดเหี้ยม
สามฝาแฝดและพวกบิทเทอร์เลิฟเตรียมจัดกระบวนทัพป้องกัน แต่ในทันใดนั้นทุกคนก็เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนที่จะวางอาวุธภายในมือลงโดยไม่รู้ตัว
เย่กู่ซิงมองการเคลื่อนไหวของสามฝาแฝดอย่างงุนงง แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงวัตถุเคลื่อนไหวแหวกอากาศ เขาจึงเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะได้เห็นดาวตกขนาดใหญ่กำลังพุ่งเข้ามาทางพวกเขา
เมเทโอฟอลล์!
ลู่หยางส่งเสียงตะโกนและก่อนที่เย่กู่ซิงจะทันได้พูดอะไร ดาวตกขนาดใหญ่ก็สร้างคลื่นทำลายออกไปไกลกว่า 15 เมตร
เสาเพลิงพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้าและแสงไฟจากการระเบิดอันเจิดจ้าก็ทำให้ทุกคนไม่สามารถลืมตามองเหตุการณ์ตรง ๆ ได้
หลังจากรอไป 3 วินาทีจนดวงตากลับมามองเห็นเหตุการณ์ได้อีกครั้ง ไป๋เหลิงก็ได้พบว่าสมาชิกทั้ง 200 กว่าคนที่เย่กู่ซิงนำพามาตอนนี้เหลือรอดชีวิตอยู่เพียงแค่ประมาณ 50 กว่าคน
“เป็นไปได้ยังไง?” ไป๋เหลิงอุทานด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“เวทมนตร์ต้องห้าม! มันจะต้องเป็นเวทมนตร์ต้องห้ามแน่ ๆ”
หลังจากตั้งสติได้ทุกคนต่างก็มองไปทางลู่หยางด้วยความตกตะลึง เพราะก่อนเซิร์ฟเวอร์เปิดให้บริการเคยมีนักข่าวถามทางทีมผู้สร้างว่าในเกมมีเวทมนตร์ต้องห้ามอยู่หรือไม่ ในตอนนั้นทีมผู้สร้างทำได้เพียงแต่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างลึกลับ ทำให้ทุกคนเชื่อว่าภายในเกมจะต้องมีเวทมนตร์ต้องห้ามอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ยังคงเป็นเพียงแค่การคาดเดา แต่ในวันนี้พวกเขาได้เห็นเวทมนตร์ต้องห้ามกับตาของตัวเองจริง ๆ
ระหว่างนั้นลู่หยางก็ยังคงท่องคาถาออกมาไม่หยุด ก่อนที่ร่างของเขาจะกลายเป็นแสงสีขาวไปปรากฏตัวท่ามกลางสมาชิกของบลัดเติสตี้ที่มีคนยืนรวมกลุ่มกันประมาณ 20 กว่าคน
เฟลมสตอร์ม!
เฟลมเบิร์ด!
เสาเพลิงพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับเสียงวิหคเพลิงที่กรีดร้องดึงสติของสามฝาแฝดตระกูลไป๋กลับคืนมา
“เฮ้ย! หัวหน้าเหลือไว้ให้พวกเราบ้างสิ” ไป๋เหลิงรีบวิ่งออกไปในทันทีเมื่อได้พบว่าลู่หยางได้สังหารศัตรูไปแล้วกว่าอีก 20 คน
ไป๋ฉือกับไป๋หูบ่นออกมาอย่างจนปัญญา ก่อนที่พวกเขาจะพุ่งเข้าไปในสนามรบด้วยเช่นกัน
ลูกน้องของเย่กู่ซิงถูกทำลายขวัญกำลังใจกันไปจนหมดแล้ว เมื่อสามฝาแฝดตระกูลไป๋เข้าร่วมสนามรบ มันก็ทำให้อัตราการเสียชีวิตของบลัดเติสตี้พุ่งขึ้นสูงมากขึ้นกว่าเดิม
อ้าปากค้างกันไปเลยดิ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 47
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น