การเคลื่อนไหวของปีศาจ

-A A +A

การเคลื่อนไหวของปีศาจ

          “เช้านี้ดูจะหนักเกินไปสำหรับคุณซาคาเรียสนะครับ”   วิลเลี่ยมหัวเราะร่า   พวกเขากำลังพักกลางวันอยู่ในบ้านหลังเดิม   ซาคาเรียสดูซึมๆ เงียบผิดปกติ   ไม่มีเสียงหัวเราะ   ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าเรียบนิ่ง   ที่เป็นแบบนี้ก็ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในตอนเช้า  

          “คุณควรเริ่มพูดเกี่ยวกับผู้คุมประชาชนได้รึยังครับ?”   วิลเลี่ยมถึงกับสะอึก   หันไปมองใบหน้าอันเรียบเฉยนั้นที่กำลังจ้องมาที่ตนอย่างน่ายำเกรง   “ได้ครับๆ ถ้างั้น…เอ่อ…เริ่มจากเท้าความก่อนนะครับ”   เพราะอำนาจแห่งสายตาคู่นั้นทำให้เขารู้สึกว่าริมฝีปากมันไม่ขยับตามธรรมชาติ   วิลเลี่ยมลุกขึ้นและเดินออกจากบ้านไป   ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องอย่างงุนงง   เพียงไม่นาน   ประตูบ้านก็เปิดออกอีกครั้ง   วิลเลี่ยมกวักมือเรียกคนข้างในให้เดินออกไป   ด้านนอกโทมัสมองเห็นแต่ไกลกิ่งไม้   9   กิ่ง   ถูกปักอยู่บนพื้นหญ้าด้านนอก  

          “ก่อนอื่นผมต้องขออธิบายถึงโครงสร้างของโรงเรียนและการบริหารงานเพราะทั้ง   2   อย่างนี้เกี่ยวข้องกับผู้คุมประชาชนโดยตรงครับ”   วิลเลี่ยมกล่าว   “ภายในอาณาเขตของโรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้มีอาคารเรียนทั้งหมด   7   แห่ง   โรงอาหาร   2   แห่งและหนึ่งลานอเนกประสงค์   อาคารเรียนที่พวกเราใช้เรียนมีชื่อว่าอาคารไวเวิร์น”   โทมัสขมวดคิ้วเล็กน้อย  

          “ต่อไปก็แผนผังโรงเรียน”   วิลเลี่ยมวาดเส้นเชื่อมโยงจนกลายเป็นรูปร่างของแผนที่   “กิ่งไม้ยาวแทนอาคารเรียน 7 แห่ง กิ่งไม้สั้นแทนโรงอาหาร 2 แห่ง วงกลมแทนลานน้ำพุมังกร สี่เหลี่ยมแทนลานอเนกประสงค์ส่วนขีดแทนเส้นถนน”   โทมัสคิดตามทุกคำพูดอย่างละเอียด   “ถ้าดูจากแผนผังจะเห็นว่ามี 6 อาคารที่ตั้งขนานทางปีกซ้ายและขวา   แต่ละปีกมี 1 โรงอาหาร” 

          “ระบบการบริหารของโรงเรียนถูกแยกออกเป็น 2 ส่วนได้แก่สภาโรงเรียนและสภานักเรียนที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนโรงเรียน   เริ่มจากสภาโรงเรียนที่มีสมาชิกทั้งหมด 7 คน   หนึ่งในนั้นคือพระราชินีแห่งราชวงศ์ฟรานซิสโก้ที่ 15 ครับ”   วิลเลี่ยมกล่าว   “หน้าที่ของสภาโรงเรียนคือการบริหารทรัพยากรภายในโรงเรียนให้ได้ตามงบประมาณที่ได้รับในแต่ละปี   ส่วนสภานักเรียน   สมาชิก 4 คนเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มฟอร์เทร็ซเซส”   วิลเลี่ยมเสริม   “หน้าที่ของสภานักเรียนคือการควบคุมนักเรียนให้อยู่ในนโยบายที่ถูกสร้างขึ้นโดยสภานักเรียนจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนพวกนั้นถึงถูกเรียกอย่างติดปากว่าผู้คุมประชาชนครับ”   เสียงของวิลเลี่ยมเริ่มสั่นเครือ   มันหมายความว่ายังไง?  

          “1   ปีก่อนที่จะเกิดกลุ่มฟอร์เทร็ซเซสเป็นช่วงที่โรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้รุ่งเรืองไปด้วยรอยยิ้มและความสุขของนักเรียน   มีกลุ่มมากมายก่อตั้งขึ้นเพื่อลงสมัครชิงตำแหน่งสภานักเรียนแต่ไม่มีกลุ่มไหนเอาชนะกลุ่มที่มีประวัติเก่าแก่และยาวนานซึ่งสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นอย่างกลุ่มจัสติคได้”   เสียงของวิลเลี่ยมเริ่มแผ่วลง   “ท้ายที่สุดยุคทองของพวกเขาก็ยุติลงหลังจากการปรากฏตัวของนักเรียนปีหนึ่ง   4   คนผู้ก่อตั้งกลุ่มฟอร์เทร็ซเซสและใช้มันลงแข่งการเลือกตั้งสภานักเรียนกับกลุ่มจัสติค”   โทนเสียงนั้นแฝงด้วยความหดหู่   “จากที่ผมได้ยินมา   ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อว่ากลุ่มฟอร์เทร็ซเซสที่มีสมาชิกเพียง   4   คนจะสามารถเรียกคะแนนเสียงของนักเรียนได้อย่างล้นหลามจนทำให้กลุ่มจัสติคแพ้ราบคาบ”   สีหน้าของซาคาเรียสแสดงออกอย่างตกใจ   กลับกันที่โทมัสยังมีใบหน้าเรียบเฉย   ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร   “หลังจากการขึ้นรับตำแหน่งสภานักเรียนของพวกเขา   ทำให้เกิดการประท้วงขนาดย่อมของกลุ่มนักเรียนที่ไม่เห็นด้วยและคิดว่ากลุ่มฟอร์เทร็ซเซสเล่นตุกติกกับการเลือกตั้ง”   สิ้นเสียงกล่าวไปเพียงเท่านั้น

          เสียงผ่อนลมหายใจบ่งบอกการเริ่มใหม่ของนิทานที่ยังไม่จบดี   “ผลลัพธ์ของการประท้วงจบลงที่ผู้ประท้วงทั้งหมดถูกไล่ออกจากโรงเรียน   มีข่าวลือว่าการอนุมัติไล่นักเรียนผู้ประท้วงการเลือกตั้งเป็นมติเสียงข้างมากจากสภาโรงเรียน...”   “เดี๋ยวก่อนสิครับ”   ซาคาเรียสแย้งขึ้นทันใด   “ทำไมสภาโรงเรียนถึงต้องไล่นักเรียนที่ประท้วงออกอย่างง่ายดายแบบนั้นล่ะครับทั้งที่หนึ่งในนั้นเป็นถึงพระราชินีผู้ทรงธรรม   พระองค์ไม่มีทางเห็นด้วยกับมติที่ว่าอย่างแน่นอนครับ”   ซาคาเรียสค้านชนฝา   “เรื่องนั้นก็ใช่แต่ว่า....”   วิลเลี่ยมเขยิบตัวเข้าใกล้พวกเขาก่อนจะยื่นหน้าออกไปใกล้ที่สุด   “สมาชิกในสภาโรงเรียนไม่ได้จงรักภักดีต่อพระราชินีทุกคนนะครับ”   คิ้วที่ขมวดเล็กน้อยของโทมัส   ชัดเจนว่าเขาเริ่มจะให้ความสนใจกับวิลเลี่ยมมากขึ้นแล้ว

          “หลังจากที่การประท้วงสงบลง   สภานักเรียนออกนโยบายที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญในโรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้   ไม่ใช่ในทางที่ดีนะครับ   มันคือนโยบายว่าด้วยการแบ่งอาณาเขตโรงเรียน   แบ่งเป็น   2   ส่วน   อาณาเขตปีกขวาที่มีอาคาร   4   หลังซึ่งรวมถึงอาคารที่พวกเราใช้เรียน   โรงอาหารตะวันออกและลานกว้างอเนกประสงค์   ทั้งหมดนี้สำหรับนักเรียนหลวงหรือก็คือพวกนักเรียนที่จ่ายเงินค่าเล่าเรียน”   “อาณาเขตปีกซ้ายมีอาคารเรียน   3   หลังและโรงอาหารตะวันตก   เป็นอาณาเขตของเด็กที่มาจากครอบครัวยากจนหรือก็คือนักเรียนที่ไม่ต้องชำระเงินค่าเล่าเรียนแต่สามารถเรียนที่โรงเรียนได้เหมือนนักเรียนหลวงซึ่งถูกเรียกว่านักเรียนทุน”  

          “พวกเขาถูกนโยบายว่าด้วยเครื่องแต่งกายนักเรียนพิเศษ   โดยบังคับให้นักเรียนทุนทุกคนต้องสวมเครื่องแบบชนิดพิเศษที่ทางสภานักเรียนเป็นผู้คัดสรรให้และนโยบายว่าด้วยการไม่อนุญาตให้นักเรียนทุนเหยียบในอาณาเขตปีกขวาของโรงเรียน”   ใบหน้าเคร่งขรึมกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

          “โหดร้ายเกินไปแล้ว!!”   ซาคาเรียสอุทาน   “ผมกลับมองว่ามันคือความเมตตาจากสภานักเรียนนะครับเพราะแต่เดิมแล้วเจ้าพวกนั้นมันตั้งใจจะถอนรากถอนโคนนักเรียนทุนให้หมดไปจากโรงเรียนด้วยซ้ำไป”   วิลเลี่ยมกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์   “แล้วไม่มีกลุ่มไหนคิดจะล้มสภานักเรียนกลุ่มปัจจุบันเลยหรือครับ?”   ซาคาเรียสถามอย่างสงสัย   “ไม่มีหรอกครับ   อำนาจของกลุ่มฟอร์เทร็ซเซสได้ขยายไปทั่วอาณาเขตโรงเรียนแล้วครับ   พวกคุณเคยสังเกตผ้าคลุมโรงเรียนของแต่ละคนในห้องเรียนไหมครับ?   มันมีลายถักที่แตกต่างออกไป   5   แบบด้วยกัน   ที่พวกเราใช้คือลายถักรูปมังกรห่อปีกใช่ไหมครับ?”   ซาคาเรียสรีบสำรวจผ้าคลุมตนเองทันทีซึ่งก็เป็นจริงตามที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง 

          “นักเรียนที่ร่วมกลุ่มฟอร์เทร็ซเซสจะมีอภิสิทธิ์มากกว่านักเรียนที่ไม่เข้าร่วม   อย่างเช่นการได้รับประทานอาหารที่โรงอาหารตะวันออกหรือแม้แต่การเข้าใช้งานลานอเนกประสงค์ที่มักจะเป็นสถานที่จัดกิจกรรมของโรงเรียนครับ”   “หมายความว่าคุณวิลเลี่ยมและนักเรียนที่นั่งอยู่ในละแวกนี้คือคนที่ไม่ได้เข้าร่วมกับกลุ่มฟอร์เทร็ซเซสอย่างงั้นหรือครับ?”   ซาคาเรียสกล่าวขึ้นอย่างตกใจ   “ใช่ครับ   ในป่าก็มีนะครับ”   อยู่ๆ ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างน่าประหลาด   เพราะเสียงที่ดังอยู่เบื้องหลัง   เสียงของผืนหญ้าที่เหยียบ   โทมัสเป็นคนแรกที่หันไปมอง   มันคือกลุ่มนักเรียนปริศนาที่เขาไม่คุ้นตา   นำโดยนักเรียนชายตัวสูงผู้มีผมสีแดงดั่งกลีบกุหลาบ  

          “นี่คุณ?!!”   ปฏิกิริยาที่วิลเลี่ยมแสดงเมื่ออยู่ต่อหน้าของบุรุษรูปงามผู้นั้นกลายเป็นความสงสัยอย่างจับใจ   โทมัสมองนักเรียนคนนั้น   เครื่องแต่งกายก็ไม่ได้แตกต่างจากที่เขากำลังใส่อยู่แต่ทำไมกันนะ?   ทำไมริมฝีปากที่เรียบนิ่งถึงดูเหมือนกับว่ามันกำลังแสยะยิ้มอยู่   น่าคุกคามและน่าหวาดกลัว

          “เจอกันจนได้นะครับ   เจ้าชายฟรานซิสโก้”   แฟรงก์ลินโค้งตัวลงอย่างนอบน้อม   สายตาก่อนที่จะถูกหลบซ่อนชัดเจนว่ากำลังจ้องหน้าซาคาเรียสอยู่   และมือที่กำลังยื่นออกไปข้างหน้านั้นคงอยากจะจับมือกับซาคาเรียสที่ได้แต่จ้องมองมือนั้นอย่างกดดัน   เขาไม่รู้ว่าควรทำอะไร   ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้าหากเผลอเหลือบตาไปมองโทมัสในตอนนี้จะทำให้ความจริงที่ว่าเขาคือตัวปลอมความแตกรึไม่?   ถ้างั้นแล้วควรเล่นไปตามบรรยากาศหรือจะอยู่เฉยๆ เลียนแบบพฤติกรรมเย็นชาของโทมัสดี

          “ถ้าไม่ว่าอะไร   พวกเราขอตัวนะครับ”   ซาคาเรียสเชิดหน้าเดินผ่านกลุ่มคนที่กำลังก้มแสดงความเคารพอย่างเยือกเย็น   ตามด้วยโทมัสและวิลเลี่ยมที่แอบยิ้มอยู่ในใจกับการแสดงที่เหมือนกับเป็นตัวจริงมากๆ   “จะรีบไปไหนหรือครับ?”   เสียงที่ดังตามหลังทำเอาขาชะงักไปทันใด   “ผมไม่มีธุระอะไรกับคุณครับ”   ซาคาเรียสหันกลับมามองด้วยหางตา   เขารู้ดีว่านี่คือสิ่งที่โทมัสน่าจะทำในสถานการณ์แบบนี้   ถึงจะกล่าวออกไปอย่างไร้เยื่อใย   ใบหน้านั้นก็ยังคงไม่แสดงออกว่าสะทกสะท้านอะไรและยอมปล่อยให้พวกเขาเดินจากไปแต่โดยดี  

          “ผู้ชายคนนั้นคือใครหรือครับ?”   คำถามแรกจากซาคาเรียสหลังจากที่พวกเขากลับมาถึงห้องเรียนในยามบ่าย   คำตอบที่ได้รับจากวิลเลี่ยมคือการถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า   “เขาคนนี้แหละครับ”   เสียงผ่อนลมหายใจดังอีกครั้ง   “โรบัสต้า แฟรงก์ลิน   หัวหน้ากลุ่มฟอร์เทร็ซเซส   ชายผู้ทำลายความภาคภูมิใจของกลุ่มจัสติคของพวกเราครับ”   วิลเลี่ยมกล่าว

          ชั่วโมงเรียนวันนั้นซาคาเรียสเห็นอย่างชัดเจนว่าโทมัสมีสีหน้าผิดแปลกไปจากทุกครั้งในขณะที่นั่งฟังคำบรรยายของเดเมียนกับการจำแนกไอเทมพลังจิตในแต่ละระดับ   มีบางอย่างที่ชายคนนั้นกำลังคิดและคงเป็นกังวล   บางอย่างที่ทำให้ใบหน้าเย็นยะเยือกผันเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิด   เป็นความหงุดหงิดที่เขาไม่เคยแสดงให้ใครเห็นมาก่อน

            ´โรบัสต้า แฟรงก์ลิน´   ไม่ใช่แค่โทมัสที่กำลังคิดถึงใบหน้านั้น   เหมือน   2   จิตที่เชื่อมต่อกันอย่างผิดพลาด   ใบหน้าที่แหงนมองตะแกรงไม้เลื้อย   แสงแดดยามบ่ายที่ลอดผ่านลดสีสันบนดวงตาสีม่วงคู่นั้นจนเจือจางลง  

          “มันเป็นยังไงบ้าง?”   ซีสจ์กล่าวขึ้นอย่างหงุดหงิด   จิตใจพุ่งออกจากร่างไปไกลแล้วแต่ร่างกายมันยังคงนั่งอยู่กับที่ที่ขอบลานน้ำพุมังกรภายในสวนพฤกษชาติ   ไม่มีเสียงตอบจากอีกฝ่ายซึ่งมันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม   “เฮ้ยได้ยินไหมว๊ะ?!!”   เสียงตะคอกของซีสจ์สร้างความรำคาญให้เด็กหนุ่มผมดำที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม   “ปากเก่งเหมือนเดิมทั้งที่อยู่ในมนต์สะกดของเจ้าวินเซอร์   หมูพยศจริงๆ เลยนะ”   วินเซนต์กล่าวขึ้นลอยๆ แต่ไม่วายคำกล่าวของเขาจะไปสะกิดต่อมหัวร้อนของซีสจ์จนได้   “แกว่าไงนะ?”   ออกแรงจนสุดกำลังก็ไม่สามารถทำลายบ่วงแห่งอำนาจลึกลับของวินเซอร์ผู้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับซีสจ์ได้  

          ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย   เสียงหัวเราะดังขึ้นผ่ากลางทุกสิ่ง   มันคือเสียงหัวเราะจากแฟรงก์ลิน   “พวกแกนี่มันยังไงว๊ะ?”   แฟรงก์ลินกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข   “แกก็เลิกปากหนักแล้วพูดมาสิว่ามันเป็นยังไง?   วันนี้แกไปหามันมาไม่ใช่รึ?!!”   เสียงของซีสจ์ดังไม่แผ่ว   “ใช่แล้วมันจะทำไมรึ?”   แฟรงก์ลินตอบกลับอย่างเรียบๆ   “ให้ฉันไปหามันบ้างสิ!   ทำไมแกไปได้คนเดียว?!   หรือว่าแกจงใจสั่งให้วินเซอร์ขัดขาฉัน?”   ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด   คิดไปเอง   คิดไปเรื่อยเปื่อย   “ไร้สาระสิ้นดี”   เสียงอันล่องลอยอย่างไร้จุดหมายนั้นจุดประกายไฟให้ลุกท่วมมากขึ้น   กระนั้นแฟรงก์ลินกลับยังยิ้มออกมาได้อย่างชอบใจ   “ไร้สาระกันจริงๆ นั่นแหละ”   แฟรงก์ลินกล่าวอย่างชอบใจ   ภาพจำในวันนี้ยังคงชัดเจนในสายตา   ใบหน้าเย็นชาของเด็กหนุ่มผมดำคนนั้น   ทำไมกันนะ   ทำไมถึงดูน่าสนใจกว่าเจ้าชายฟรานซิสโก้อย่างน่าแปลกใจ

         

          ท้องฟ้าเย็นย่ำ   โทมัสเดินลงจากรถม้า   ใบหน้าบูดบึ้งขมึงตึงราวกับพายุที่กำลังโหมกระหน่ำ   องครักษ์รักษาหน้าประตูแม้จะกล่าวทักทายอย่างนอบน้อมแต่อีกฝ่ายกลับไม่ทักทายกลับเหมือนเคย   ไม่มีแม้แต่การพยักหน้ารับ   หน้าเชิดตลอดเวลาที่เดินเข้าไปภายในอย่างเงียบงัน

          ณ   ห้องบรรทมของพระราชินีฟรานซิสโก้ที่   15   แจกันดอกไอริสขาว   ผนังกำแพงสีเดียวกันตัดกับสีแดงของพรมเบื้องล่างอย่างลงตัว   สิ่งของเครื่องใช้ภายในห้องเป็นของที่พบได้ในห้องนอนของโทมัสเว้นแต่โต๊ะเครื่องแป้งใกล้กับบานหน้าต่างขนาดใหญ่   มีหญิงสาวชุดขาวยืนรายล้อมอย่างเป็นระเบียบ   สเตฟานี่ผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะเครื่องแป้ง   ผมยาวสลวยของเธอถูกสางด้วยหวีอย่างเบามือ   แต่อยู่ๆ จังหวะอันน่าฉงนใจดังขึ้น   ทำลายความสงบเงียบภายใน   ปลายนิ้วเรียวยาวที่ยกขึ้นทำมุมกับดวงตาของเธอเป็นดั่งการออกเสียงที่มิอาจได้ยิน   เหล่าผู้รับใช้สาวทั้งหมดต่างหยุดการกระทำ   ถอยห่างออกมาและก้มตัวแสดงความเคารพร่างที่กำลังลุกขึ้นเดินอย่างนอบน้อม   “ใครหรือจ๊ะ?”   เสียงที่ตอบกลับมาจากอีกฟากของประตูทำให้หัวใจของหญิงชุดดำเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ   ดั่งลางบอกเหตุบางอย่าง

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ tor

เนื้อหาน่าสนใจมากครับ

 

แต่การย่อหน้าดูงงๆ นิดหนึ่ง เพราะบางทีก็งงว่าตัวละครไหนพูด

 

ผมว่าถ้าแบ่งการบรรยายตัวละครแต่ละตัวออกให้เป็นคนละย่อหน้าจะเยี่ยมมากเลยครับ

 

เช่น

 

วินเลี่ยมรู้สึกกดดันกับอำนาจลึกลับในตัวอีกฝ่ายจนแทบพูดไม่ออก ริมฝีปากแห้งผากอย่างบอกไม่ถูก เขาฝืนข่มกลั้นความรู้สึกกดดันเอาไว้ "ผมจะอธิบายให้คุณฟังทุกอย่างเอง" เขาเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก

 

โทมัสจ้องมองอีกฝ่ายหนึ่งนิ่งๆ "ดี ผมรอฟังคุณพูดเรื่องนี้มานานแล้ว" คำพูดถูกเอ่ยจากปากเขา พร้อมกับสายตาทรงอำนาจที่จ้องมองไปยังอีกฝ่าย

 

"งั้นผมเริ่มเรยนะครับ" วินเลี่ยมเริ่มเอ่ยถึงเรื่องของผู้คุมประชาชน ขณะที่เขาเดินนำอีกฝ่ายออกไปภายนอกตัวบ้าน

 

ถ้าแบ่งย่อหน้าแบบนี้ จะทำให้คนอ่านรู้ว่า ย่อหน้าไหน ใครเป็นคนพูดอะครับ คนอ่านจะได้ไม่งง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.