บทที่ 8...2/3
เสียงเพลงในจังหวะมันๆ เสมือนการตอนรับผู้มาเยือนผับกลางกรุงซึ่งปรานต์มาเที่ยวอยู่บ้างสมัยที่เป็นวัยรุ่น แต่พอมาทำงานแล้วการมาเที่ยวในที่แบบนี้นับว่าสิ้นเปลืองพลังงานมากทีเดียว ชายหนุ่มเดินไปเรื่อยๆ ผ่านโถงกลางที่นักดื่มและนักเต้นกำลังวาดลีลาเพื่อไปยังห้องรับรองด้านใน ความที่เพื่อนที่เขาไม่แน่ใจนักว่าควรจัดอยู่ในโหมดหักเหลี่ยมโหดหรือแค่คู่แข่งทางธุรกิจกำลังรออยู่ที่นั่น เขายอมรับนัดวันนี้เพื่อมาเปิดหูเปิดตาว่าที่ผ่านมาตฤนต้องการอะไรกันแน่
ตฤณยิ้มกว้างเมื่อเห็นปรานต์มาตามคำชวน เขาหยิบน้ำผลไม้ให้เพื่อน เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ดื่มแอลกอฮอล์มานานแล้ว แต่ไม่รู้เหตุผลว่าเพราะอะไร แล้วพากันมานั่งในห้องที่ตอนนี้มีสาวๆ หลายคนเข้ามาช่วยร้องเพลง ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่เขามีภาพลักษณ์ที่ต้องรักษา จึงต้องมาใช้ห้อง VIP แทน หากภาพพวกนี้หลุดออกไปจะขัดกับบทสัมภาษณ์ที่เขาบอกว่าชอบเล่นกีฬาหรืออ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน
“ดีใจนะที่นายมา นึกว่าข่าวลือจะทำให้เรากลายเป็นศัตรูทางธุรกิจกันจริงๆ เสียแล้ว”
ปรานต์ยิ้มเพราะข่าวลือมักมีมูลความจริง เพียงแต่ใครที่ลือ หากเขาเป็นอะไรไป ตอนนี้คนที่ได้ประโยชน์แน่ๆ ทางธุรกิจคงไม่พ้นตฤณอยู่แล้ว แต่มันดูง่ายไป จนเขาต้องมาที่นี่ด้วยตัวเองไงล่ะ
“ในโลกธุรกิจไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่แท้จริงหรอก ไหนๆ ก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม การมาพบเพื่อนบ้างคงไม่ทำให้ข่าวลือเพิ่มขึ้นหรือลดลงกระมัง”
ตฤณหน้าเจื่อนไปเสี้ยววินาที แต่เพราะปรานต์มองอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตฤณกลับมายิ้มได้ดังเดิมอีกครั้ง
“ฉันไม่อยากให้เรื่องที่เราประมูลสัมปทานรังนกเหมือนกันกลายเป็นทำให้เกิดความบาดหมางหรอกนะปรานต์ นายมีอะไรก็คุยกับฉันตรงๆ ก็ได้”
“นายมีอะไรอยากจะบอกฉันหรือเปล่าละตฤณ” ปรานต์ทำทีดื่มน้ำผลไม้ที่ได้รับมา แต่ตามองตฤณอยู่ตลอด
ตฤณเลิกคิ้วหัวเราะร่าพลางคว้าหญิงสาวคนหนึ่งมาโอบไหล่ แล้วนั่งลงด้วยกัน
“ถ้านายไม่ถามฉันคงไม่มีอะไรจะบอก ดื่มไปคุยกันไปดีกว่า นานๆ จะได้มาเจอกันสักที”
“ฉันคงอยู่ได้สักครึ่งชั่วโมง พรุ่งนี้ฉันมีนัดสำคัญ”
คำว่านัดสำคัญทำให้ตฤณหันมามองปรานต์ ปรานต์เองก็พูดให้คิดไว้แค่นั้น ก่อนจะจงใจคุยไปเรื่องอื่น ถามว่าเขาปักใจเชื่อว่าคนที่ส่งมือปืนมาลอบยิงรวมทั้งอาจเป็นคนที่วางแผนเรื่องยาพิษเป็นตฤณก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น เราสองคนเป็นเพื่อนกันตอนเรียนมัธยมปลาย ก่อนจะแยกย้ายไปเรียนมหา’ลัย จนกระทั่งมาพบกันอีกทีก็กลายเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันไปแล้ว
พอครบครึ่งชั่วโมงตามที่ปรานต์บอกไว้เขาก็ขอตัวกลับ ตฤณเองก็ไม่ได้พยายามรั้งไว้ การชวนเขามาที่นี่ หากคิดในแง่ร้าย ตฤณคงอยากรู้ว่าปรานต์สงสัยอะไรบ้างไหม แต่ถ้าไม่คิดอะไรก็ตามประสาคนชอบดื่มชอบเที่ยว
ปรานต์เดินมาเรื่อยๆ เขาไม่ไว้ใจใครอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจะคิดเป็นอย่างแรกไว้ก่อน การไม่ประมาทย่อมทำให้ชีวิตของเขายืนยาวขึ้น ถามว่าเขาอยากได้สัมปทานรังนกต่อจากที่ทำอยู่แล้วขนาดนั้นไหม ตอบเลยว่าไม่ แต่เขาอยากรู้ว่าใครจะร้อนตัวมากกว่า ตอนที่พี่ชายตายก็ช่วงเวลานี้แหละ แต่ยังหาไม่ได้ว่าใครทำ เขาได้แต่สงสัยมาตลอด
ชานนรออยู่ด้านนอก พอเห็นปรานต์ก็รีบเดินมาหา ใจจริงเขาอยากตามเข้าไปในห้อง VIP แต่เจ้านายห้าม ช่างขัดใจการทำงานของบอดี้การ์ดได้ทุกวัน
“คุณปรานต์คิดว่าใช่คุณตฤณไหมครับ”
“บอกแล้วไงว่าแค่สงสัย คนของนนยังไม่พบอะไรที่จะโยงไปถึงตฤณในตอนนี้ไม่ใช่หรือ” ปรานต์เข้ามานั่งในรถก่อนยิ้มขัน คนของตฤณตามมาส่งเขาด้วยกระมัง แต่กลับหลบๆ ซ่อนๆ
“คนติดตามของคุณตฤณดูน่าสงสัย ผมจำได้ว่าเป็นอดีตตำรวจที่ถูกบีบให้ออกจากราชการเพราะมีเรื่องการเอื้อผลประโยชน์ให้นายทุนในทางที่ผิด” ชานนเห็นแต่แรก แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น “จะไปไหนต่อไหมครับ หรือว่ากลับบ้าน”
ปรานต์ขมวดคิ้ว ปกติชานนไม่เคยถาม “คิดว่าฉันจะไปไหนล่ะก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้วสิ”
ชานนหัวเราะชอบใจ เขาแค่ถามไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย แต่ปรานต์คงคิดไปไกลแล้ว
ปรานต์ล่ะอยากไล่ชานนออกเสียจริง ถ้าชานนไม่พูดให้เขาคิด เขาจะคิดไหมเล่า ตรงนี้ก็ใกล้กับบ้านของจอมขวัญเสียด้วย ป่านนี้เธอคงถึงบ้านแล้วกระมัง วันนี้ช่วงเช้าเธอไปโรงพยาบาล คนของเขารายงานมาแล้ว ทำให้เกิดความสงสัยทันที ไหนว่าจอมขวัญไม่รู้เรื่องอาการป่วยของคุณน้าลลิตาไง พ่อของเขาจะถูกสองแม่ลูกหลอกเสียก็ไม่รู้
วันต่อมาจอมขวัญมาถึงตึก M ก่อนเวลานัดไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดใดๆ อีก ประชาสัมพันธ์พาเธอเดินไปห้องรับรอง ซึ่งรอไม่นานก็มีชายใบหน้าใจดีดูมีอายุเดินมาหาแล้วแนะนำว่าชื่อทิน เขาเป็นเลขาของปรานต์นั่นเอง การที่ไม่เห็นเขาทำให้เธอรู้สึกโล่งใจจนยิ้มออกมาอย่างสบายใจ ปรานต์ไม่ได้น่ากลัว แต่การที่เขาทำเหมือนไม่พอใจเธอในเรื่องบางอย่าง ทำให้เธออยากเลี่ยงเขาหากไม่มีผลต่อเรื่องาน
“เชิญครับ” ทินพาจอมขวัญเข้าไปในโชว์รูม ซึ่งการเข้ามาในห้องนี้ต้องมีรหัสผ่านสำหรับกดเท่านั้น การที่ปรานต์บอกว่าทุกอย่างต้องเป็นความลับก่อนวันเปิดตัวไข่มุกคอลเลคชั่นนี้จึงไม่เกินจริงเลย
“ไม่ต้องกังวลครับ วันนี้คุณปรานต์ไปสิงคโปร์กลับตอนค่ำๆ รับรองคุณจอมขวัญทำงานอย่างสบายหูแน่นอน ข้อความหลังสุดคุณชานนฝากมาบอกครับ” ทินยิ้มบางอย่างเข้าใจ
จอมขวัญเม้มปากทำหน้าไม่ถูกว่าจะยิ้มหรือหัวเราะดี เพราะที่ทินพูดมาไม่มีอะไรผิดสักอย่าง ชานนช่างรู้ใจเธอเสียจริง
“สีหน้าของฉันบอกชัดขนาดนั้นเลยหรือคะคุณทิน”
ทินยิ้มแทนคำยอมรับ “จริงๆ แล้วคุณปรานต์ใจดี แต่การต้องดูคนมากๆ คงมาทำตามใจตัวเองหรือเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาไม่ได้หรอกครับ ต้องคนที่ใกล้ชิดเท่านั้นถึงจะเห็นมุมอ่อนโยน สักวันคุณจอมขวัญคงได้สัมผัสความรู้สึกนี้เหมือนกัน”
จอมขวัญได้แต่พยักหน้าไม่อยากขัดคอ “ขอบคุณที่บอกนะคะ แต่อีกไม่กี่วันงานของฉันก็เสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ”
“อนาคตไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะครับ” ทินยิ้มบางเพราะรู้เรื่องของเจ้านายที่เล่าออกมาให้ฟังอยู่บ้าง
สักวันน่าจะไม่มีสักวัน เพราะจบงานนี้เมื่อไหร่เธอคงไม่ได้มาเฉียดใกล้ปรานต์แน่นอน รอให้ไปทำสกู๊ปที่ฟาร์มกับงานเปิดตัวแค่นั้น แล้วที่สำคัญเธอไม่ได้อยากสัมผัสว่าปรานต์อ่อนโยนยังไงเสียหน่อย ทำไมทินพูดแปลกๆ แต่ช่างเถอะ เขาคงแค่อยากให้เธอสบายใจเวลาทำงานเท่านั้น
จอมขวัญเพิ่งเดินลงมาจากชั้นสอง วันนี้เธอกลับบ้านก่อนหนึ่งทุ่มจึงมีเวลามาช่วยแม่ดูแลร้านขนม แล้วบอกให้แม่ไปนอนพักเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน มีหลายอย่างที่เธออยากคุยกับแม่เมื่อพร้อมกว่านี้ หลังกลับจากเกาะ ตอนนั้นทุกอย่างคงจะพร้อมแล้ว ต่อให้แม่ไม่เห็นด้วย เธอก็จะทำอยู่ดี หญิงสาวถอนใจไม่ใช่เพราะกังวล แต่ยังเปี่ยมไปด้วยความหวังเมื่อมีทางออกที่น่าจะดีพอแล้ว
แต่พอเห็นว่าใครมาเยี่ยมถึงร้านพร้อมบอดี้การ์ดชุดดำที่นั่งเต็มไปสามโต๊ะ จอมขวัญก็อดที่จะมองไปนอกร้านไม่ได้ มีใครมารอปาระเบิดใส่ร้านเธอเพราะปรานต์มาที่นี่หรือเปล่านะ เขาไม่มีร้านจะนั่งแล้วหรือไง ร้านของเธอเพิ่งทาสีใหม่เมื่อสองเดือนก่อน อย่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นเลย
“รับอะไรดีคะ วันนี้มีอัลมอลทอฟฟี่ด้วยนะคะ”
“ผมเคยบอกคุณแล้วว่าไม่ชอบของหวานๆ มีอะไรที่ไม่ค่อยหวานบ้างไหม” ปรานต์ไม่ได้ตีรวน ความจริงแล้วเขาไม่ได้อยากมา แต่ว่าพ่ออยากให้เขามาดูว่า ‘เพื่อนเก่า’ สบายดีไหม พ่อโทรหาเองก็ได้ กลับไม่โทร
จอมขวัญยิ้มหวานเพราะความความหมั่นไส้ “คุณปรานต์ไม่ชอบของหวานแต่มาร้านเค้กที่เต็มไปด้วยเค้กหวานๆ ประหลาดดีนะคะ ถ้ายังไงฉันแนะนำให้ไปร้านตรงข้าม แค่ข้ามถนนไป ที่นั่นมีขนมปังแบบต่างๆ ไม่หวานมากจนถึงจืดสนิท ถ้าคุณปรานต์ต้องการค่ะ”
ชานนหลุดหัวเราะอย่างห้ามตัวเองไม่ทัน ปรานต์เลิกคิ้วแม้จะรู้สึกขำระคนขัดใจจอมขวัญอยู่บ้าง แต่เขาเองที่จงใจพูดกวนโมโห เขาแค่อยากรู้ว่าเธอคนนี้จะตอบโต้กลับมาบ้างหรือเปล่า ช่างจิกกัดได้แสบๆ คันๆ
“ผมไม่ชอบของหวานๆ แต่ไม่ได้หมายความว่ากินไม่ได้นี่นา แค่อย่าหวานจนแสบคอ ผมก็พอกินได้แล้ว ว่าไงล่ะมีบ้างไหมที่หวานพอให้รู้ว่ามีน้ำตาลในโลกนี้ก็พอน่ะ”
“จะพยายามหาให้นะคะ” อย่างไรเสียปรานต์ก็เป็นลูกค้าที่เข้ามาในร้าน เธอคงไม่กล้าไล่ตรงๆ หรอก เขาเคยบอกว่าเจอเธอบ่อยเกินไป ครั้งนี้เป็นเขาเองนะที่มาที่นี่ เธอไม่ได้เป็นฝ่ายที่พยายามไปหาเขา
“คุณน้าลลิตาอยู่ไหม”
จอมขวัญมองปรานต์ พวกเราไม่ได้สนิทกันสักหน่อย เขาจะมาหาแม่ของเธอบ่อยๆ ทำไม
“อยู่ค่ะ แต่นอนพักอยู่ในห้อง ถ้าคุณมีอะไรฝากถึงแม่ก็บอกฉันได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญ”
ตอนนี้...งั้นหรือ? จอมขวัญฟังแล้วก็ชักสงสัยว่าต่อไปเรื่องที่เขาอยากพูดจะเป็นเรื่องสำคัญใช่ไหม แม้จะอยากรู้ แต่คงไม่ถามออกไป เดี๋ยวจะถูกย้อนเสียเปล่าๆ
“คุณชานนและคนอื่นๆ รับอะไรดีคะ”
ชานนยิ้มร่า “เขียนโพยกันมาเรียบร้อยแล้วครับ พอดีพวกผมชอบของหวานๆ เลยกินกันง่าย”
ปรานต์เหล่บอดี้การ์ดตัวเอง ชานนหัวเราะชอบใจไม่ได้กลัวจะตกงานแม้แต่นิดเดียว เขาไม่ได้มาที่นี่เพราะอยากมาเสียหน่อย ทั้งพ่อกับชานนทำให้เขาขวางหูขวางตา
จอมขวัญหยิบถาดมาหาขนมเค้กให้ปรานต์ พ่อคนชอบหวานน้อย มะลิคีบเค้กตามออเดอร์อีกใบ วันนี้ลูกค้าในร้านคงรู้สึกเหมือนเข้ามาดงมาเฟีย แขกสามโต๊ะพากันใส่สูทสีดำ
“ใครน่ะพี่จอม มากันอย่างกับมาเฟีย แต่งชุดดำเหมือนในละครเลยค่ะ”
“ลูกชายของเพื่อนแม่น่ะ” จอมขวัญตอบพลางมองเค้กว่าจะเลือกอะไรอีก แต่พอมองไปที่ปรานต์ เธอคิดว่าเลือกที่มีความเปรี้ยวนิดๆ จะดีกว่า
ชานนไม่ได้มองเค้กที่ผู้ช่วยของจอมขวัญวางให้บนจานใบเล็กที่เสิร์ฟมาพร้อมกับชาหอมๆ แต่เขากลับมองไปที่ปรานต์ซึ่งกำลังมองเค้กของตัวเองซึ่งต่างจากคนอื่น
“เค้กมาแล้วค่ะ” จอมขวัญให้เสียงก่อนวานจานเค้กให้ปรานต์ “ของคุณฉันเลือก Mille crepe มาให้นะคะ หวานนิดๆ แต่ถ้ายังรู้สึกว่าหวานไปก็ราดซอสสตรอว์เบอรี่ก็ได้นะคะจะได้เปรี้ยวนิดๆ ไม่เลี่ยนค่ะ”
ปรานต์ลองตักเค้กมาชิม ก่อนจะราดซอสสตรอว์เบอร์รี่ตามคำแนะนำของจอมขวัญ พอตักมาชิมก็พยักหน้า แต่ไม่พูดอะไร จอมขวัญเลยต้องเป็นฝ่ายถามเสียเอง
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็...พอได้” ความเปรี้ยวนิดๆ ของซอสสตรอว์เบอร์รี่ ช่วยได้มากจริงๆ นับว่าจอมขวัญดูแลลูกค้าดี แม้ว่าเธอจะไม่ชอบหน้าเขาสักเท่าไหร่
จอมขวัญยิ้มโล่งอก “ยินดีมากค่ะ”
แต่โล่งอกได้แป๊บเดียว ลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาในร้านก็ทำให้หญิงสาวเกือบจะลืมตัวถอนใจยาวๆ ออกมา ร้อยวันพันปีมาวินถึงจะมาร้านของเธอสักที วันนี้ลมอะไรหอบมา แถมมาในวันนี้ที่ปรานต์อยู่พอดีเสียด้วย เดี๋ยวได้เกิดข่าวลือว่าเธอรู้จักกับแหล่งข่าว ทำให้ได้ทำข่าวของปรานต์อีกหรอก ตอนตฤณก็รอบนึงแล้ว
จอมขวัญบอกให้ข้ามถนนไปร้านที่ขนมไม่หวานทำไมไม่ไปล่ะปรานต์
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 135
แสดงความคิดเห็น