บทที่ 2...1/3
คณะเยี่ยมชมทยอยลงเรือกันอย่างไม่ลำบากอะไรเพราะจากปลายสะพานไปสู่บันไดเตี้ยๆ ทอดยาวไปยังลำเรือทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะโคลงเคลงจนตกน้ำ จอมขวัญเหมือนเป็นพี่สำหรับมินตรากับปริญดา แม้ว่าอายุจะต่างกันแค่ปีเดียวก็ตาม หญิงสาวจะเพิ่งอายุครบ 25 ทำให้ใครๆ พากันเตือนให้ระวังตัวไว้เพราะส่วนใหญ่มักเกิดเรื่องตอนเบญเพส
บอดี้การ์ดของปรานต์ลงไปในเรือเมื่อเห็นเจ้านายลงไปแล้ว ศกเป็นคนสุดท้ายที่ตามเข้ามาพร้อมแผ่นพับที่จะแจกให้แขกของฟาร์มเพื่อที่เวลาอธิบายสิ่งต่างๆ จะได้เข้าใจง่ายขึ้น
“มีใครเมาเรือบ้างหรือเปล่า ผมจะได้ให้กินยาไว้ก่อนครับ” ศกถามออกไมโครโฟนพร้อมกับเตรียมยาไว้รอ
หลายคนในคณะที่รู้ตัวว่าเมาเรือเดินมารับยาไปกินกันไว้ก่อน จอมขวัญเดินมาขอยาเหมือนกันไม่ใช่เพราะเมาเรือ แต่เธอนอนไม่พอจนอาจเวียนหัวเท่านั้นเอง ปรานต์ลอบมองมินตรากับปริญดาอยู่เงียบๆ ความอยากรู้ทำให้เขายอมเสียฟอร์มเป็นฝ่ายโทรหาคฑาเผื่อว่าจะได้เบาะแสอะไรเพิ่ม
“มีอะไรล่ะปรานต์ ตอนนี้ออกเรือไปแล้วไม่ใช่เรอะ” คฑาถามอย่างรู้ทัน
ปรานต์หัวเราะขนาดพ่อเพิ่งลงจากเครื่องบินที่ดอนเมืองยังรู้เลยว่าเขาทำอะไรอยู่ คนส่งข่าวไม่ใช่ใครหรอกก็บอดี้การ์ดของเขายังไงล่ะ “คนไหนพ่อช่วยบอกผมมาเถอะ มากันตั้งหลายคนผมจะไปรู้ได้ยังไง”
“หาเองสิวะ ผู้หญิงลึกลับดูน่าสนใจดี จำได้ว่าตอนวัยรุ่นปรานต์บอกแบบนี้ไม่ใช่เรอะ”
“สวยไหมพ่อ”
“ใครล่ะ...” คฑาแกล้งไขสือก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “ก็ต้องแล้วแต่คนมองสิ ผู้ชายสิบคนจะให้มองเหมือนกันได้ยังไง หาๆ ไปเหอะน่าไม่ยากหรอก”
ปรานต์แกล้งถอนใจให้พ่อได้ยิน ถ้าง่ายขาดนั้นเขาจะปวดหัวอยู่อย่างนี้หรือ
“มีลักษณะพิเศษอะไรไหมพ่อ”
“มีตา หู จมูกเหมือนผู้หญิงทั่วไปนะ แต่โดนใจพ่อจนได้มาเป็นลูกสะใภ้อย่างนี้เรียกว่าพิเศษไหมล่ะ”
“มากเลยพ่อ ผมวางสายก่อนนะเพราะผู้หญิงที่พ่อพูดถึงหาง่ายเหลือเกิน”
คฑาหัวเราะชอบใจปรานต์ที่อยากเอาชนะ ถ้าเขาพาผู้หญิงมาให้เจ้าลูกชายน่ะหรือป่านนี้คงหายไปจากเกาะแล้ว แต่การให้ตามหาแล้วหาทางต่อรองลับหลังไม่ให้เขารู้มันน่าท้าทายกว่า สำหรับคนอื่นปรานต์อาจดูยาก แต่สำหรับพ่ออย่างเขาแล้วช่างดูง่ายเหลือเกิน อย่างน้อยตอนนี้ปรานต์ก็ติดกับที่เขาวางไว้เรียบร้อยแล้วไงล่ะ
เรือค่อยๆ แล่นออกจากฝั่งมุ่งหน้าสู่ท้องทะเลเพื่อให้คณะเยี่ยมชมได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศเย็นสบายระคนความสดชื่นของอากาศ โชคดีไม่น้อยที่วันนี้แดดร่มทำให้การเดินทางร่มรื่น หลายคนหยิบกล้องมาถ่ายรูปในมุมต่างๆ ของเรือ ศกเปิดไมโครโฟนอีกครั้งเมื่อเรือแล่นมาได้เกือบ 10 นาทีเพื่อที่จะไปกินอาหารกลางวันกันใกล้ๆ เกาะจาตุงของปรานต์ที่ยังไม่เปิดให้คนนอกได้เข้าไป
“สวัสดีทุกท่านอีกครั้งนะครับ ตอนนี้เรือกำลังพาทุกท่านออกสู่ทะเล ตรงนั้นที่เห็นลิบๆ ทางทิศตะวันตกคือหมู่เกาะสุรินทร์ ส่วนตรงโน้นที่เห็นเกาะต่างๆ เรียงกัน 9 เกาะคือหมู่เกาะสิมิรันนะครับ เผื่อมาคราวหน้าทุกท่านอยากไปเที่ยวกัน ทีนี้ก็มาที่เรื่องของเรากันต่อ”
ปรานต์ยืนพิงราวของเรืออยู่พลางมองไปทั่วๆ พอเห็นปริญดาเสียหลักเกือบจะล้มจึงรีบกระโจนไปคว้าเอวบางไว้
“โว้ๆ ระวังนะครับ อย่าไปยืนตรงนั้น เผื่อคลื่นมาแรงๆ คุณอาจตกลงไปในทะเลก็ได้”
ปริญดายิ้มเขินๆ ให้ปรานต์ “ขอบคุณค่ะ”
ปรานต์ยิ้มหวานให้พลางช่วยประคองปริญดาจนกลับมาที่เดิมที่น้องเชยคุมคิวมองเขาเหมือนกำลังล่อลวงเพื่อนของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น แต่เขาไม่เสียอารมณ์ยังคงยิ้มได้แถมยังหาเรื่องนั่งเก้าอี้แถวถัดไปเพื่อตีเนียนสองสาว
ศกรอจนเจ้านายนั่งเรียบร้อยแล้วจึงพูดต่อไปว่า “ฟาร์มเพราะเลี้ยงหอยมุกของบริษัทมินธราอยู่ทางขวามือของทุกท่านนะครับ โดยหอยมุกที่เลี้ยงในฟาร์มจะแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ Mabe (มา-เบ) เป็นมุกซีก หรือที่คนไทยเรียกว่า มุกกัลปังหา มุกประเภทที่ 2 คือ หอยมุก Akoya จัดเป็นหอยมุกที่สร้างไข่มุกขนาดเล็กที่สุดในโลก และหอยมุก South Sea คือ หอยประเภทนี้สามารถสร้างมุกได้เม็ดใหญ่ที่สุดในโลกได้เลยล่ะครับ”
“แล้วอย่างไหนมีมากกว่ากันล่ะครับ” หนึ่งในคณะเยี่ยมชมซึ่งอยู่ฝ่ายบัญชีของสำนักพิมพ์ถามขึ้น
“แบบที่สามครับ เอาไว้ถึงตอนเยี่ยมฟาร์มทุกท่านจะได้เห็นมุกเม็ดใหญ่ที่สุดตั้งแต่เปิดฟาร์มมาเลยล่ะครับ” ศกเต็มใจน้ำเสนอมากเพราะมุกเม็ดใหญ่ที่ฟาร์มเคยเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์มาแล้ว
“น่าสนใจจังเลยเนอะพี่จอม พี่ดา” มินตราสนใจขึ้นมาทันที
จอมขวัญไม่ตื่นเต้นอะไร ต่างจากปริญดาที่หันมายิ้มให้ปรานต์ ชายหนุ่มยิ้มบางอดคิดไม่ได้ว่าถ้าผู้หญิงที่พ่อหมายตาไว้คือปริญดาคงดีไม่น้อย ท่าทางหัวอ่อนแบบนี้น่าจะเจรจาได้ไม่ยาก
“ไข่มุกที่ผลิตได้จากฟาร์มเพาะเลี้ยงของเราจะได้ราคาดีกว่าไข่มุกญี่ปุ่น ที่ชาวต่างประเทศนิยมมุกจากไทยมาก เพราะเป็นมุกน้ำดี สีสวยงามและแวววาวนะครับ ถ้าทุกท่านได้เห็นไข่มุกของฟาร์มมินธราจะร้องว้าวแน่นอน” ศกเอ่ย
“แล้วถ้าเทียบกับมุกที่ฟาร์มเลี้ยงของภูเก็ตล่ะคะ” จอมขวัญยกมือขึ้นถามด้วยความสงสัย ไม่ได้มีเจตนาจะดิสเครดิตแม้แต่นิดเดียว
“ที่ภูเก็ตมาตรฐานสูงกว่าครับ แต่อีกไม่นานฟาร์มมินธราจะมีคุณภาพเท่าเทียมกับที่ภูเก็ตแน่นอน” ปรานต์ตอบเสียเองพลางเลิกคิ้วมองจอมขวัญด้วยความแปลกใจนิดๆ ที่เธอมีความรู้รอบตัวเหมือนกัน
“แล้วที่มีข่าวลือว่าคุณปรานต์จะเปิดแบรนด์เครื่องประดับจากไข่มุกเป็นเรื่องจริงไหมครับ” ชายหนุ่มที่นั่งแถวหลังซึ่งเป็นนักข่าวน้องใหม่ถามบ้าง
“จริงครับ อีก 2 เดือนแบรนด์เครื่องประดับจากฟาร์มมินธราจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ถึงตอนนั้นผมขอเชิญนักข่าวจากไทยสารไปร่วมงานด้วยนะครับ”
“ยินดีมากครับ ผมจะส่งนักข่าวไปช่วยทำข่าวแน่นอน” นพดลตอบแทนน้องๆ ทุกคนในฐานะบรรณาธิการการของไทยสาร ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ แต่มีข่าวอัพเดทแบบออนไลน์ทุกวันเช่นกัน
“เกาะใกล้ๆ ตรงนั้นชื่อว่าอะไรหรือคะ ทำไมมีดอกกุหลาบสีขาวเต็มไปหมดเลย” มินตราชี้ ทำให้ทุกคนหันไปสนใจเกาะที่อยู่ไม่ไกลนัก
“คงต้องให้นายหัวปรานต์เล่าแล้วล่ะครับเพราะที่นั่นเป็นเกาะส่วนตัวน่ะครับ” ศกตอบ
คราวนี้ทุกสายตาเลยมารวมกันที่ปรานต์เป็นจุดเดียว ถึงเขาจะทำตัวดูสบายๆ แต่การที่ไปไหนต้องมีบอดี้การ์ดติดตามทำให้นึกถึงพวกเจ้าพ่อมาเฟียขึ้นมาไม่ได้ แถมเกาะส่วนตัวก็ทำให้เกิดความสงสัยว่านอกจากเอาไว้พักอาศัยแล้วยังมีอะไรแอบแฝงอีกหรือเปล่า แต่ไม่มีใครกล้าถามแบบนั้นออกไปแน่นอน
“เกาะชื่อว่าอะไรหรือคะ” ปริญดาถาม มินตราเองก็อยากรู้เหมือนกัน
“ผมไม่เคยตั้งชื่อเกาะเสียด้วยสิครับ แต่ชาวบ้านที่เคยอาศัยมาดั้งเดิมเรียกว่าจาตุงซึ่งแปลว่าหัวใจเพราะรูปร่างของเกาะมีรูปร่างคล้ายกับหัวใจ”
“โรแมนติกจังเลยนะคะ” มินตราเริ่มเพ้อเบาๆ พร้อมกับยิ้มหวานให้ปรานต์
“เอาไว้คราวหน้าถ้าพวกคุณมากันอีกครั้ง ผมจะพาไปเที่ยวที่เกาะนะครับ ส่วนตำนานของเกาะเอาไว้คืนนี้ผมจะเล่าให้ฟัง”
“ไปที่เกาะจาตุงวันนี้เลยไม่ได้หรือคะ” มินตราคะยั้นคะยอเลยถูกปริญดาตีแขนเบาๆ
ปรานต์ยิ้มตามหน้าที่เจ้าของบ้าน “ต้องขออภัยจริงๆ ครับ ตอนนี้ที่เกาะกำลังฟุ้งไปด้วยละอองเกสรดอกไม้ สำหรับคนที่แพ้คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่”
“นั่นสิ มินก็ดันลืมไปว่าดากับพี่ๆ อีกตั้งหลายคนแพ้เกสรดอกไม้”
ศกรีบบรรยายเรื่องฟาร์มหอยมุกต่อเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจทุกคนไปจากเกาะจาตุงที่ปรานต์ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าไปที่นั่น จนเวลาผ่านไปอีกไม่นานกล่องข้าวที่สั่งมาจากร้านอาหารในเมืองก็ถูกทยอยแจกให้แขกเพื่อรับประทานอาหารระหว่างรับลมเย็นสบายๆ กลางทะเลและถ่ายรูป
“อีกสักครู่เราจะแล่นไปจอดเรือที่หลังฟาร์มนะครับ แล้วค่อยเยี่ยมชมฟาร์มกันรับรองว่าทุกท่านจะได้มุกสวยๆ กลับไปแน่นอน”
สามสาวไปรวมกับกลุ่มผู้ชายในคณะ ในขณะที่ปรานต์ยังคงสังเกตจนเริ่มเห็นความแตกต่างว่ามินตราจะช่างพูดคุยหัวเราะ ปริญดาดูเป็นผู้ตามและเงียบกว่าใคร ส่วนน้องเชยคุมคิวของเขานี่เรียกว่าเป็นผู้นำเพราะดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม รวมๆ แล้วไม่มีใครเข้าทางหรือแม้แต่กระแทกใจเขาสักคน
ความที่เรือจอดโคลงเคลงอยู่นานทำให้จอมขวัญรู้สึกเหมือนอาหารที่เพิ่งกินเข้าไปกำลังจะกลับมาที่คออีกครั้ง ทำให้เธอรีบลุกขึ้นเดินมารับลมเผื่อว่าอาการอยากอ้วกจะหายไปบ้าง แต่มันกลับไม่ช่วยเท่าไหร่แม้ว่าจะกินยาแก้เมาเรือไปแล้วก็ตาม ปรานต์ออกมารับโทรศัพท์พอดีเลยทำหน้าที่เจ้าบ้านสักหน่อย
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ หน้าตาดูซีดๆ”
“ฉันคงเมาเรือค่ะ...” เธอตอบเขาราวกับว่าใบหน้าหล่อๆ ปนเหี้ยมทำให้อาการทุกอย่างที่ทุเลาลงกลับมาแรงขึ้นไม่อาจทนต่อไปอีก “ฉันไม่ไหวแล้ว”
จอมขวัญยกมือขึ้นมาปิดปากก่อนที่จะอ้วกตรงนี้ ปรานต์ไม่รอช้าคว้ามืออีกข้างของน้องเชยแล้วพาวิ่งเร็วๆ ไปที่ห้องน้ำ ก่อนจะเปิดประตูแล้วดันร่างเพรียวให้เข้าไปพร้อมกับจัดแจงหากระดาษทิชชู่มาให้
เสียงอาเจียนสลับกับไอโขลกๆ ทำให้เขาไม่อาจดูดายได้จนถือวิสาสะเข้าไปในห้องเพื่อที่จะช่วยลูบหลังให้ สาบานได้ถ้าน้องเชยไม่เพลียเพราะอ้วกจนหมดแรงคงได้มองตาขวางใส่เขาแน่ๆ
เมื่อได้อ้วกออกมาอาการผะอืดผะอมของจอมขวัญก็ค่อยทุเลาลงไปบ้าง แต่การที่เงยหน้าแล้วเห็นปรานต์ยืนซ้อนหลังในห้องแคบๆ คงไม่ดีเท่าไหร่นัก หญิงสาวเดินโผเผเซนิดๆ ออกมาเพราะเรือยังโคลงเคลงชวนให้เวียนหัวอยู่
“อ้าว! จะเดินไปไหนล่ะคุณ จับเรือไว้แน่นๆ ก่อนดีกว่า เรือกำลังจะเข้าไปจอดแล้วเดี๋ยวหกล้ม”
คำเตือนกลายเป็นเหมือนแช่งเมื่อจอมขวัญกำลังจะหาที่นั่งท้ายเรือ เลนส์กล้องสุดรักดันหลุดจากกระเป๋าเสื้อทำให้เธอรีบคว้าไว้ แต่มือจับราวพลาดเลยถลา ปรานต์คว้าเสื้อของเธอไว้ก็ไม่ทันการเมื่อร่างเพรียวลอยละลิ่วหล่นลงสู่ท้องทะเลอย่างไม่คาดฝัน
“โอ๊ะ...?!?”
ปรานต์ยังไม่ทันคิดอะไรด้วยซ้ำตอนที่กระโดดตามจอมขวัญลงไปในทะเลด้วยความห่วงเพียงอย่างเดียว คนบนเรือหันมองเพิ่งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไอ้จอมตกน้ำ” หนุ่มๆ ในคณะตะโกนลั่น
เมื่อเนื้อคู่มาความอลเวงก็เกิดหรือเปล่านะปรานต์
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 301
แสดงความคิดเห็น