ตอนที่ 637 เบื้องหลังการหายตัวไปของแอวริล

-A A +A

ตอนที่ 637 เบื้องหลังการหายตัวไปของแอวริล

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 637 เบื้องหลังการหายตัวไปของแอวริล

งานเลี้ยงของฮีธฟิลด์เป็นงานเลี้ยงที่มีชีวิตชีวามาก และชาวไลอ้อนฮาร์ทเกือบทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองแบล็กไลออนต่างก็ได้มารวมตัวกันอยู่ในงานเลี้ยงแห่งนี้

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้รู้ว่าสายเลือดของเผ่าไลอ้อนฮาร์ทจะเป็นตัวกำหนดความใหญ่โตของร่างกายพวกเขา ฮีธฟิลด์ผู้ซึ่งเป็นทายาทคนโตของจอมมารโอโร่จึงมีร่างกายที่สูงใหญ่ที่สุดในบรรดาไลอ้อนฮาร์ททุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยง

แน่นอนว่าสายเลือดเหล่านี้ยังคงมีความแข็งแกร่งห่างจากโอโร่อยู่อีกมาก เพราะอดีตจอมมารที่อยู่ในโลงศพมีร่างกายสูงใหญ่มากกว่า 8 เมตรและมีน้ำหนักมากกว่า 1 ตัน เหล่าบรรดาลูกหลานของเขาจึงเปรียบเสมือนเป็นเพียงลูกสิงโตตัวน้อย ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับบรรพบุรุษของตัวเอง

ไฮน์ริชยังคงเป็นคนเงียบ ๆ ขี้อายอยู่เหมือนเดิม แต่แววตาของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะมันมีความปรารถนาในความแข็งแกร่งปรากฏขึ้นให้เห็นในแววตาคู่นั้น

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้ฮีธฟิลด์เป็นผู้มีความสุขมากที่สุด เขาจึงดื่มสังสรรค์และพูดคุยกับแขกทุกคนภายในงานอย่างสบายใจ

ไฮน์ริชเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ตระกูลของเขาโดนดูถูกมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นเมื่อลูกชายของเขาได้ตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเอง ผู้เป็นพ่ออย่างเขาย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา และถึงแม้ว่าลูกชายของเขาจะยังไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นในทันที แต่การพัฒนาไปในทิศทางที่ดีแบบนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างมากแล้ว

ในที่สุดงานเลี้ยงก็สิ้นสุดลงและถึงแม้ว่าแขกทุกคนจะกลับไปจนหมดแล้ว แต่เซี่ยเฟยยังคงอยู่ในคฤหาสน์ของฮีธฟิลด์

งานเลี้ยงในครั้งนี้ทำให้เซี่ยเฟยมีโอกาสได้พบปะผู้คนอย่างมากมายภายในช่วงเวลาเพียงข้ามคืนเดียว ชายหนุ่มจึงเริ่มมีเส้นสายความสัมพันธ์กับตระกูลไลอ้อนฮาร์ทในดินแดนของเผ่ามารบ้างแล้ว

อย่างไรก็ตามโอโร่ก็ค่อนข้างที่จะมีอารมณ์ที่แตกต่างจากแขกภายในงาน เพราะเหล่าบรรดาลูกหลานเริ่มหลงลืมตัวตนของเขาไปจนหมดแล้ว

แต่อย่างน้อยการได้กลับมาเห็นลูกหลานของตัวเองแบบนี้ มันก็ทำให้โอโร่รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ซึ่งหลังจากนี้อีกไม่นานเซี่ยเฟยก็จะช่วยให้เขากลับมาเกิดใหม่ หลังจากนั้นเขาก็คงจะต้องเก็บตัวฝึกฝนอีกหลายปีเพื่อกลับไปล้างแค้นศัตรูในอดีตของตนเอง

ซึ่งไม่ว่าจะมองยังไงการกลับไปหาครอบครัวของตัวเองในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ มันก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการที่เขาได้มาพบลูกหลานของตัวเองในวันนี้จึงทำให้เขารู้สึกพอใจมากแล้ว

หลังจากที่ส่งแขกจนหมดฮีธฟิลด์ก็พาเซี่ยเฟยเข้าไปในห้องทำงานเพียงลำพัง คล้ายกับว่าเขามีเรื่องอะไรบางอย่างจะพูดคุยกับชายหนุ่ม และเนื่องมาจากว่าเซี่ยเฟยต้องการความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายอยู่แล้วเขาจึงตามฮีธฟิลด์ไปโดยไม่มีปัญหา

ห้องทำงานของฮีธฟิลด์ไม่ใหญ่มากนัก แต่มันก็ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา เพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นทายาทสายตรงของอดีตราชาโอโร่ ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะถูกส่งตัวมายังเมืองแบล็กไลออนตามธรรมเนียมของครอบครัวแต่เขาก็ยังคงได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย

หลังจากสาวใช้เข้ามาเสิร์ฟน้ำชาและจากไปด้วยความเคารพ เซี่ยเฟยกับฮีธฟิลด์ก็นั่งเคียงข้างกันพร้อมกับจิบชาที่ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันค่อนข้างมีรสชาติที่ดีเลยทีเดียว

“มีเรื่องบางอย่างที่ฉันยังสงสัยและฉันก็อยากจะพูดคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว” ฮีธฟิลด์เริ่มบทสนทนาอย่างจริงจัง

“เชิญคุณถามมาได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับวางถ้วยน้ำชาลง

“ในตอนที่คุณช่วยไฮน์ริชไว้ คุณได้พูดประโยคหนึ่งกับเขาใช่ไหม?” ฮีธฟิลด์ถามพร้อมกับจ้องมองไปที่ชายหนุ่ม

“ใช่ครับ”

“ภาษาที่คุณใช้คือภาษาของราชวงศ์ที่เก่าแก่มาก และมันไม่มีใครในกลุ่มดาวแบล็กไลออนที่รู้จักภาษานั้นแน่นอนยกเว้นทายาทสายตรงในตระกูลของฉันเอง ไม่ทราบว่าคุณรู้ภาษาราชวงศ์นั้นได้อย่างไร?”

เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดว่าคำพูดที่โอโร่ฝากเขาพูดออกไปมันจะมีความหมายมากขนาดนี้ 

“ครั้งหนึ่งผมมีโอกาสได้พบกับผู้อาวุโสชาวไลอ้อนฮาร์ทโดยบังเอิญ ครั้งนั้นพวกเราค่อนข้างที่จะเข้ากันได้เป็นอย่างดีเขาเลยสอนประโยคง่าย ๆ ให้กับผม 2-3 คำ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยโดยพยายามแต่งเรื่องราวไม่ให้อีกฝ่ายเกิดข้อสงสัย

“ไม่มีทาง ภาษาของราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทถือได้ว่าเป็นความลับสูงสุดในตระกูลของเรา แม้แต่สมาชิกในราชวงศ์ก็ไม่ได้ร่ำเรียนภาษานี้กันง่าย ๆ มันจึงไม่มีเหตุผลที่ผู้อาวุโสคนนั้นจะสอนภาษาราชวงศ์ให้กับคุณ” ฮีธฟิลด์กล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“เราจะเอายังไงดี? ไม่ว่าผมจะอธิบายยังไงเขาก็คงจะไม่เชื่อผมแน่ ๆ” เซี่ยเฟยหันไปพูดกับโอโร่

“เอาเป็นว่าพูดตามฉันก็แล้วกัน” โอโร่กล่าว จากนั้นเขาก็พูดประโยคบางอย่างให้กับเซี่ยเฟย ก่อนที่ชายหนุ่มจะถ่ายทอดบทความนั้นเป็นภาษาราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทออกไปโดยมีใจความว่า

“แต่เดิมฉันอาศัยอยู่ในหอคอยทองคำ 383 ชั้น ฉันไม่มีชื่อ, ไม่มีนามสกุล, ไม่มีบิดามารดา, ไม่มีบุตร, ไม่มีครอบครัว ฉันมีหน้าที่แค่คอยรับใช้กษัตริย์แห่งหอคอย เมื่อราชาองค์ที่ 13 ยังไม่กลับมาเหล่าบรรดาข้าราชบริพารจึงไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ ชีวิตที่เหลือของฉันจึงทำได้เพียงแต่เตร็ดเตร่ไปมาอย่างไร้จุดหมายเท่านั้น…”

ยิ่งได้ยินคำพูดจากเซี่ยเฟย ฮีธฟิลด์ก็ยิ่งเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ราวกับว่าเขาถูกกระตุ้นด้วยอะไรสักอย่างจนทำให้ขาทั้งสองข้างของเขาสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง

“นี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสสอนผมพูดในวันนั้น พูดตามตรงผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาหมายถึงอะไร คุณพอจะแปลความประโยคเมื่อสักครู่ให้กับผมหน่อยได้ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

“นี่คือข้อความลับของตระกูลไลอ้อนฮาร์ท หอคอยทองคำ 383 ชั้นนั้นหมายถึงตัวฉันเอง ส่วนประโยคที่ว่าตัวฉันไม่มีชื่อ, ไม่มีนามสกุล, ไม่มีบิดามารดา, ไม่มีบุตร, ไม่มีครอบครัวหมายความว่าเขาคือองครักษ์ของตระกูลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีครอบครัวไปตลอดชีวิต และตัวตนของพวกเขาจะต้องถูกปิดเป็นความลับเพื่อทำภารกิจสำคัญของตระกูล”

“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าคนที่คุณพบนั่นก็คือองครักษ์ของตระกูลฉันเอง และคุณกับเขาคงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาก ๆ เขาจึงสอนข้อความนี้ให้กับคุณ เอาเป็นว่าหลังจากนี้ไปฉันจะไม่ถามถึงตัวตนของคุณอีกแล้ว” ฮีธฟิลด์อธิบาย

“ลองถามเขาสิว่าตอนนี้สถานการณ์ในปัจจุบันของตระกูลเป็นยังไงบ้าง?” โอโร่ฝากถามด้วยความกังวล

เขาไม่ได้รับรู้เรื่องราวของตระกูลมานานแล้ว และในฐานะที่เขาเคยเป็นหัวหน้าครอบครัว มันก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่สนใจความเป็นอยู่ของทายาทตนเอง

“ผู้อาวุโสบอกผมว่าถ้าผมมีโอกาสได้พบกับคนของราชวงศ์ ให้ผมฝากถามถึงสถานการณ์ของราชวงศ์ให้เขาหน่อย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาไม่จัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ผมก็ทำได้เพียงแต่รับปากว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้กับเขาได้เท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าว

ฮีธฟิลด์รีบอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันของเผ่าไลอ้อนฮาร์ทให้เซี่ยเฟยฟังโดยละเอียด แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมไม่สนใจฟังเรื่องราวเหล่านี้มากนัก แต่โอโร่ฟังเรื่องราวทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ซึ่งในระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็ทำหน้าที่เป็นตัวกลางพยายามสื่อสารข้อความจากโอโร่ไปยังลูกหลานของอดีตจอมมาร

ณ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

ปัจจุบันยานรบขนาดใหญ่ก็หลุดออกจากสถานะพรางตัว โดยรูปร่างของยานลำนี้มีขนาดไม่น้อยกว่ายานบรรทุกสินค้าในพันธมิตรมนุษย์ ตัวยานถูกออกแบบมาอย่างปราณีตและวัตถุดิบที่ใช้สร้างตัวยานต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบที่มีราคาสูงมาก

หลังจากนั้นไม่นานยานรบเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนก็ค่อย ๆ ปรากฏตรวจขึ้น ซึ่งในที่สุดมันก็มีกองยานอันแข็งแกร่งที่ประกอบไปด้วยยานรบนับหมื่นปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน

กองยานที่แข็งแกร่งนี้คล้ายกับกำลังปฎิบัติภารกิจพิเศษบางอย่าง พวกเขาจึงเคลื่อนไหวอย่างเงียบงัน และปรากฏตัวขึ้นที่ไหนสักแห่งในจักรวาลที่ค่อนข้างห่างออกมาจากพื้นที่พันธมิตรมนุษย์

ต่อมาก็ท้องของยานประจัญบานก็ถูกเปิดออก ก่อนที่มันจะนำยานรบลำเล็กลำหนึ่งเก็บเข้าไปภายในตัวยาน

ในไม่ช้ากองยานขนาดใหญ่ก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง โดยการหายตัวไปจากท้องฟ้าอย่างไร้ร่องรอย

กองยานที่แข็งแกร่งระดับนี้เดินทางมาเพื่อรับยานรบลำเล็กเพียงลำเดียวแค่นี้จริง ๆ เหรอ?

แต่นี่มันคือกองยานที่สามารถทำลายภูมิภาคดาวทั้งภูมิภาคลงได้ในพริบตาเชียวนะ!

อย่างไรก็ตามผู้ที่อยู่บนยานรบลำเล็กที่เพิ่งถูกเก็บเข้าไปในยานประจัญบาน ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากคนรักคนสำคัญเพียงคนเดียวของเซี่ยเฟยหรือก็คือแอวริลนั่นเอง

เพื่อความปลอดภัยของคนที่เขารัก มันก็อย่าว่าแต่กองยานที่แข็งแกร่งกองนี้เลย เพราะถ้าหากว่าเซี่ยเฟยมียานไททันเขาก็คงจะส่งมันออกไปรับแอวริลโดยไม่ลังเล

แอวริลที่อยู่ในชุดสบาย ๆ เดินเข้ามาในยานประจัญบานด้วยความประหลาดใจ แต่เหล่าบรรดาหุ่นยนต์ทั้งสองฟากฝั่งที่กำลังรอต้อนรับเธออยู่นั้นก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย

ท่าทางของหุ่นยนต์ทุกตัวต่างก็ยืดหน้าอกยืนตัวตรงทักทายหญิงสาวอย่างขึงขัง ราวกับว่าพวกเขากำลังรอต้อนรับกษัตริย์ของตัวเอง

ตลอดการเดินทางแอวริลได้รับการดูแลจากพวกหุ่นยนต์เป็นอย่างดี ซึ่งมันก็ทำให้หญิงสาวได้ตระหนักแล้วว่าความเป็นจริงเซี่ยเฟยครอบครองพลังที่เหนือกว่าสิ่งที่เธอเคยจินตนาการเอาไว้มาก

เพียงแค่ได้เห็นกองยานคุ้มกันมันก็ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจมากพอแล้ว เพราะแม้แต่ประธานาธิบดีของพันธมิตรก็ยังไม่ได้ถูกคุ้มกันด้วยกองยานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่เธอไม่เพียงแต่จะได้รับการคุ้มกันจากกองยานขนาดใหญ่กองนี้เท่านั้น ภายในตัวยานยังเต็มไปด้วยหุ่นยนต์ที่คอยบริการเธอเป็นอย่างดีอีกด้วย

จากนั้นไม่นานวอร์สตาร์ซึ่งเป็นผู้บัญชาการหุ่นยนต์ลำดับที่ 4 กับมอร์โรว์ผู้ซึ่งเป็นผู้บัญชาการหุ่นยนต์ลำดับที่ 3 ก็เดินเข้ามาต้อนรับแอวริลด้วยความเคารพ

แม้ว่าเซียน่าจะถูกทำลายลงไปแล้ว แต่โซฟีก็เลือกที่จะแต่งตั้งกระป๋องขึ้นมาเป็นราชาของเหล่าหุ่นยนต์ ดังนั้นตำแหน่งของพวกเขาจึงยังคงเป็นผู้บัญชาการระดับที่ 3 และอันดับที่ 4 อยู่เหมือนเดิม

“สวัสดีคุณแอวริล ฉันชื่อมอร์โรว์และเขาชื่อวอร์สตาร์ พวกเราเดินทางมาที่นี่ตามคำสั่งของเซี่ยเฟยเพื่อมาต้อนรับคุณ” มอร์โรว์กล่าว โดยในปัจจุบันเขาอยู่ในร่างของหุ่นยนต์ที่ดูคล้ายกับนักวิชาการ แตกต่างจากในอดีตที่เขาอยู่ในร่างของหุ่นยนต์แมลงสาบตัวเล็ก ๆ

“สวัสดีค่ะ” แอวริลกล่าวทักทายอย่างสุภาพกลับไป ก่อนที่เธอจะเดินไปยังห้องโถงตามหุ่นยนต์ทั้งสองคน

“พวกคุณเอากองยานขนาดใหญ่แบบนี้มารับฉันคนเดียว มันจะดูไม่ยิ่งใหญ่เกินไปหน่อยเหรอ?” แอวริลกล่าวถามด้วยความเขินอาย

ระหว่างทางเธอไม่เคยมองว่าหุ่นยนต์เป็นหุ่นยนต์ แต่เธอมองว่าหุ่นยนต์เหล่านี้เป็นเหมือนกับคนคนหนึ่ง เธอจึงคอยทักทายเหล่าบรรดาหุ่นยนต์ระหว่างทางอย่างเป็นกันเอง

แน่นอนว่าเหล่าหุ่นยนต์ที่คอยเฝ้าดูแลความปลอดภัยระหว่างทางต่างก็พยักหน้าทักทายแอวริลเป็นอย่างดี และท่าทางของหญิงสาวคนนี้ก็ทำให้พวกมันรู้สึกประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอ

เหตุการณ์นี้ย่อมทำให้มอร์โรว์กับวอร์สตาร์รู้สึกซาบซึ้งเช่นเดียวกัน เพราะการที่เซี่ยเฟยไม่ได้มองพวกเขาว่าเป็นหุ่นยนต์ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาจึงไม่ได้คิดว่าแอวริลจะมีนิสัยที่ดีเช่นเดียวกันกับชายหนุ่ม

“คุณแอวริลคงจะไม่รู้สินะว่าเซี่ยเฟยออกคำสั่งมาแบบไหน ฉันกล้าบอกเลยว่าถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ ร่างของฉันคงจะโดนเขาแยกออกจากกันเป็นชิ้น ๆ แน่ ๆ” มอร์โรว์พูดติดตลก

“เซี่ยเฟยก็แค่พูดขู่ไปแบบนั้นแหละ แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่ใจดีมาก… ว่าแต่พวกคุณทุกคนคือเพื่อนของเซี่ยเฟยหมดเลยงั้นเหรอ?” แอวริลกล่าวเมื่อนึกถึงกองยานขนาดใหญ่ที่น่าตกตะลึง

“กระป๋องที่คอยรับใช้เซี่ยเฟยคือราชาของเหล่าหุ่นยนต์ ดังนั้นเมื่อกระป๋องภักดีต่อเซี่ยเฟย พวกเราก็สมควรจะต้องถูกเรียกว่าเป็นลูกน้องของเซี่ยเฟยมากกว่า” มอร์โรว์กล่าว

แอวริลรู้อยู่แล้วว่าเซี่ยเฟยทั้งแข็งแกร่งและทรงพลัง แต่เธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะได้ซุกซ่อนกองกำลังหุ่นยนต์ที่แข็งแกร่งเอาไว้แบบนี้

ทุกคนต่างก็จำเป็นจะต้องมีไพ่ตายเป็นของตัวเอง ซึ่งเซี่ยเฟยรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี และถ้าหากว่าสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ใช่เหตุการณ์ฉุกเฉิน แอวริลก็คงจะไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยเฟยกับพวกหุ่นยนต์ด้วยเหมือนกัน

“ตอนที่เซี่ยเฟยเตรียมแผนฉุกเฉินแผนนี้มาฉันก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะถูกนำมาใช้จริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังเจอกับอะไร แต่ฉันหวังว่าเขาคงจะสามารถจัดการกับสถานการณ์นั้นได้โดยเร็วที่สุด” วอร์สตาร์กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

แผนการที่กองทัพหุ่นยนต์ไปรับตัวแอวริลมากลางดึกเป็นแผนการที่เซี่ยเฟยได้เตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้ามาเป็นเวลานานแล้ว เพราะเขากังวลเรื่องความปลอดภัยของหญิงสาวอยู่เสมอ เขาจึงเตรียมแผนการแผนนี้เอาไว้ให้กับเธอโดยเฉพาะ

เมื่อเห็นแอวริลเริ่มมีสีหน้าที่กังวล มอร์โรว์ก็เผยรอยยิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้นมาว่า

“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เซี่ยเฟยยังสบายดี อีกไม่นานเขาก็คงจะติดต่อมาหาเราอย่างแน่นอน”

“อือ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องไม่เป็นอะไร” แอวริลกล่าวอย่างใจเย็น

ระหว่างนั้นกองยานของหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปในจักรวาลอันมืดมิด โดยเป้าหมายของแอวริลในครั้งนี้คือดินแดนแห่งความลับของหุ่นยนต์ ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่เซี่ยเฟยคิดว่าเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคนรักของเขา

***************

สุดยอด! พี่เฟยรอบคอบสุดๆ นี่ถ้าช้าอีกนิดเดียวแอลริลอาจไม่รอด

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.