ตอนที่ 637 เบื้องหลังการหายตัวไปของแอวริล
ตอนที่ 637 เบื้องหลังการหายตัวไปของแอวริล
งานเลี้ยงของฮีธฟิลด์เป็นงานเลี้ยงที่มีชีวิตชีวามาก และชาวไลอ้อนฮาร์ทเกือบทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองแบล็กไลออนต่างก็ได้มารวมตัวกันอยู่ในงานเลี้ยงแห่งนี้
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้รู้ว่าสายเลือดของเผ่าไลอ้อนฮาร์ทจะเป็นตัวกำหนดความใหญ่โตของร่างกายพวกเขา ฮีธฟิลด์ผู้ซึ่งเป็นทายาทคนโตของจอมมารโอโร่จึงมีร่างกายที่สูงใหญ่ที่สุดในบรรดาไลอ้อนฮาร์ททุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยง
แน่นอนว่าสายเลือดเหล่านี้ยังคงมีความแข็งแกร่งห่างจากโอโร่อยู่อีกมาก เพราะอดีตจอมมารที่อยู่ในโลงศพมีร่างกายสูงใหญ่มากกว่า 8 เมตรและมีน้ำหนักมากกว่า 1 ตัน เหล่าบรรดาลูกหลานของเขาจึงเปรียบเสมือนเป็นเพียงลูกสิงโตตัวน้อย ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับบรรพบุรุษของตัวเอง
ไฮน์ริชยังคงเป็นคนเงียบ ๆ ขี้อายอยู่เหมือนเดิม แต่แววตาของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะมันมีความปรารถนาในความแข็งแกร่งปรากฏขึ้นให้เห็นในแววตาคู่นั้น
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้ฮีธฟิลด์เป็นผู้มีความสุขมากที่สุด เขาจึงดื่มสังสรรค์และพูดคุยกับแขกทุกคนภายในงานอย่างสบายใจ
ไฮน์ริชเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ตระกูลของเขาโดนดูถูกมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นเมื่อลูกชายของเขาได้ตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเอง ผู้เป็นพ่ออย่างเขาย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา และถึงแม้ว่าลูกชายของเขาจะยังไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นในทันที แต่การพัฒนาไปในทิศทางที่ดีแบบนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างมากแล้ว
ในที่สุดงานเลี้ยงก็สิ้นสุดลงและถึงแม้ว่าแขกทุกคนจะกลับไปจนหมดแล้ว แต่เซี่ยเฟยยังคงอยู่ในคฤหาสน์ของฮีธฟิลด์
งานเลี้ยงในครั้งนี้ทำให้เซี่ยเฟยมีโอกาสได้พบปะผู้คนอย่างมากมายภายในช่วงเวลาเพียงข้ามคืนเดียว ชายหนุ่มจึงเริ่มมีเส้นสายความสัมพันธ์กับตระกูลไลอ้อนฮาร์ทในดินแดนของเผ่ามารบ้างแล้ว
อย่างไรก็ตามโอโร่ก็ค่อนข้างที่จะมีอารมณ์ที่แตกต่างจากแขกภายในงาน เพราะเหล่าบรรดาลูกหลานเริ่มหลงลืมตัวตนของเขาไปจนหมดแล้ว
แต่อย่างน้อยการได้กลับมาเห็นลูกหลานของตัวเองแบบนี้ มันก็ทำให้โอโร่รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ซึ่งหลังจากนี้อีกไม่นานเซี่ยเฟยก็จะช่วยให้เขากลับมาเกิดใหม่ หลังจากนั้นเขาก็คงจะต้องเก็บตัวฝึกฝนอีกหลายปีเพื่อกลับไปล้างแค้นศัตรูในอดีตของตนเอง
ซึ่งไม่ว่าจะมองยังไงการกลับไปหาครอบครัวของตัวเองในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ มันก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการที่เขาได้มาพบลูกหลานของตัวเองในวันนี้จึงทำให้เขารู้สึกพอใจมากแล้ว
หลังจากที่ส่งแขกจนหมดฮีธฟิลด์ก็พาเซี่ยเฟยเข้าไปในห้องทำงานเพียงลำพัง คล้ายกับว่าเขามีเรื่องอะไรบางอย่างจะพูดคุยกับชายหนุ่ม และเนื่องมาจากว่าเซี่ยเฟยต้องการความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายอยู่แล้วเขาจึงตามฮีธฟิลด์ไปโดยไม่มีปัญหา
ห้องทำงานของฮีธฟิลด์ไม่ใหญ่มากนัก แต่มันก็ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา เพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นทายาทสายตรงของอดีตราชาโอโร่ ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะถูกส่งตัวมายังเมืองแบล็กไลออนตามธรรมเนียมของครอบครัวแต่เขาก็ยังคงได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
หลังจากสาวใช้เข้ามาเสิร์ฟน้ำชาและจากไปด้วยความเคารพ เซี่ยเฟยกับฮีธฟิลด์ก็นั่งเคียงข้างกันพร้อมกับจิบชาที่ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันค่อนข้างมีรสชาติที่ดีเลยทีเดียว
“มีเรื่องบางอย่างที่ฉันยังสงสัยและฉันก็อยากจะพูดคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว” ฮีธฟิลด์เริ่มบทสนทนาอย่างจริงจัง
“เชิญคุณถามมาได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับวางถ้วยน้ำชาลง
“ในตอนที่คุณช่วยไฮน์ริชไว้ คุณได้พูดประโยคหนึ่งกับเขาใช่ไหม?” ฮีธฟิลด์ถามพร้อมกับจ้องมองไปที่ชายหนุ่ม
“ใช่ครับ”
“ภาษาที่คุณใช้คือภาษาของราชวงศ์ที่เก่าแก่มาก และมันไม่มีใครในกลุ่มดาวแบล็กไลออนที่รู้จักภาษานั้นแน่นอนยกเว้นทายาทสายตรงในตระกูลของฉันเอง ไม่ทราบว่าคุณรู้ภาษาราชวงศ์นั้นได้อย่างไร?”
เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดว่าคำพูดที่โอโร่ฝากเขาพูดออกไปมันจะมีความหมายมากขนาดนี้
“ครั้งหนึ่งผมมีโอกาสได้พบกับผู้อาวุโสชาวไลอ้อนฮาร์ทโดยบังเอิญ ครั้งนั้นพวกเราค่อนข้างที่จะเข้ากันได้เป็นอย่างดีเขาเลยสอนประโยคง่าย ๆ ให้กับผม 2-3 คำ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยโดยพยายามแต่งเรื่องราวไม่ให้อีกฝ่ายเกิดข้อสงสัย
“ไม่มีทาง ภาษาของราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทถือได้ว่าเป็นความลับสูงสุดในตระกูลของเรา แม้แต่สมาชิกในราชวงศ์ก็ไม่ได้ร่ำเรียนภาษานี้กันง่าย ๆ มันจึงไม่มีเหตุผลที่ผู้อาวุโสคนนั้นจะสอนภาษาราชวงศ์ให้กับคุณ” ฮีธฟิลด์กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“เราจะเอายังไงดี? ไม่ว่าผมจะอธิบายยังไงเขาก็คงจะไม่เชื่อผมแน่ ๆ” เซี่ยเฟยหันไปพูดกับโอโร่
“เอาเป็นว่าพูดตามฉันก็แล้วกัน” โอโร่กล่าว จากนั้นเขาก็พูดประโยคบางอย่างให้กับเซี่ยเฟย ก่อนที่ชายหนุ่มจะถ่ายทอดบทความนั้นเป็นภาษาราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทออกไปโดยมีใจความว่า
“แต่เดิมฉันอาศัยอยู่ในหอคอยทองคำ 383 ชั้น ฉันไม่มีชื่อ, ไม่มีนามสกุล, ไม่มีบิดามารดา, ไม่มีบุตร, ไม่มีครอบครัว ฉันมีหน้าที่แค่คอยรับใช้กษัตริย์แห่งหอคอย เมื่อราชาองค์ที่ 13 ยังไม่กลับมาเหล่าบรรดาข้าราชบริพารจึงไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ ชีวิตที่เหลือของฉันจึงทำได้เพียงแต่เตร็ดเตร่ไปมาอย่างไร้จุดหมายเท่านั้น…”
ยิ่งได้ยินคำพูดจากเซี่ยเฟย ฮีธฟิลด์ก็ยิ่งเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ราวกับว่าเขาถูกกระตุ้นด้วยอะไรสักอย่างจนทำให้ขาทั้งสองข้างของเขาสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง
“นี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสสอนผมพูดในวันนั้น พูดตามตรงผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาหมายถึงอะไร คุณพอจะแปลความประโยคเมื่อสักครู่ให้กับผมหน่อยได้ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“นี่คือข้อความลับของตระกูลไลอ้อนฮาร์ท หอคอยทองคำ 383 ชั้นนั้นหมายถึงตัวฉันเอง ส่วนประโยคที่ว่าตัวฉันไม่มีชื่อ, ไม่มีนามสกุล, ไม่มีบิดามารดา, ไม่มีบุตร, ไม่มีครอบครัวหมายความว่าเขาคือองครักษ์ของตระกูลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีครอบครัวไปตลอดชีวิต และตัวตนของพวกเขาจะต้องถูกปิดเป็นความลับเพื่อทำภารกิจสำคัญของตระกูล”
“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าคนที่คุณพบนั่นก็คือองครักษ์ของตระกูลฉันเอง และคุณกับเขาคงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาก ๆ เขาจึงสอนข้อความนี้ให้กับคุณ เอาเป็นว่าหลังจากนี้ไปฉันจะไม่ถามถึงตัวตนของคุณอีกแล้ว” ฮีธฟิลด์อธิบาย
“ลองถามเขาสิว่าตอนนี้สถานการณ์ในปัจจุบันของตระกูลเป็นยังไงบ้าง?” โอโร่ฝากถามด้วยความกังวล
เขาไม่ได้รับรู้เรื่องราวของตระกูลมานานแล้ว และในฐานะที่เขาเคยเป็นหัวหน้าครอบครัว มันก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่สนใจความเป็นอยู่ของทายาทตนเอง
“ผู้อาวุโสบอกผมว่าถ้าผมมีโอกาสได้พบกับคนของราชวงศ์ ให้ผมฝากถามถึงสถานการณ์ของราชวงศ์ให้เขาหน่อย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาไม่จัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ผมก็ทำได้เพียงแต่รับปากว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้กับเขาได้เท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าว
ฮีธฟิลด์รีบอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันของเผ่าไลอ้อนฮาร์ทให้เซี่ยเฟยฟังโดยละเอียด แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมไม่สนใจฟังเรื่องราวเหล่านี้มากนัก แต่โอโร่ฟังเรื่องราวทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ซึ่งในระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็ทำหน้าที่เป็นตัวกลางพยายามสื่อสารข้อความจากโอโร่ไปยังลูกหลานของอดีตจอมมาร
—
ณ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ปัจจุบันยานรบขนาดใหญ่ก็หลุดออกจากสถานะพรางตัว โดยรูปร่างของยานลำนี้มีขนาดไม่น้อยกว่ายานบรรทุกสินค้าในพันธมิตรมนุษย์ ตัวยานถูกออกแบบมาอย่างปราณีตและวัตถุดิบที่ใช้สร้างตัวยานต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบที่มีราคาสูงมาก
หลังจากนั้นไม่นานยานรบเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนก็ค่อย ๆ ปรากฏตรวจขึ้น ซึ่งในที่สุดมันก็มีกองยานอันแข็งแกร่งที่ประกอบไปด้วยยานรบนับหมื่นปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
กองยานที่แข็งแกร่งนี้คล้ายกับกำลังปฎิบัติภารกิจพิเศษบางอย่าง พวกเขาจึงเคลื่อนไหวอย่างเงียบงัน และปรากฏตัวขึ้นที่ไหนสักแห่งในจักรวาลที่ค่อนข้างห่างออกมาจากพื้นที่พันธมิตรมนุษย์
ต่อมาก็ท้องของยานประจัญบานก็ถูกเปิดออก ก่อนที่มันจะนำยานรบลำเล็กลำหนึ่งเก็บเข้าไปภายในตัวยาน
ในไม่ช้ากองยานขนาดใหญ่ก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง โดยการหายตัวไปจากท้องฟ้าอย่างไร้ร่องรอย
กองยานที่แข็งแกร่งระดับนี้เดินทางมาเพื่อรับยานรบลำเล็กเพียงลำเดียวแค่นี้จริง ๆ เหรอ?
แต่นี่มันคือกองยานที่สามารถทำลายภูมิภาคดาวทั้งภูมิภาคลงได้ในพริบตาเชียวนะ!
อย่างไรก็ตามผู้ที่อยู่บนยานรบลำเล็กที่เพิ่งถูกเก็บเข้าไปในยานประจัญบาน ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากคนรักคนสำคัญเพียงคนเดียวของเซี่ยเฟยหรือก็คือแอวริลนั่นเอง
เพื่อความปลอดภัยของคนที่เขารัก มันก็อย่าว่าแต่กองยานที่แข็งแกร่งกองนี้เลย เพราะถ้าหากว่าเซี่ยเฟยมียานไททันเขาก็คงจะส่งมันออกไปรับแอวริลโดยไม่ลังเล
แอวริลที่อยู่ในชุดสบาย ๆ เดินเข้ามาในยานประจัญบานด้วยความประหลาดใจ แต่เหล่าบรรดาหุ่นยนต์ทั้งสองฟากฝั่งที่กำลังรอต้อนรับเธออยู่นั้นก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย
ท่าทางของหุ่นยนต์ทุกตัวต่างก็ยืดหน้าอกยืนตัวตรงทักทายหญิงสาวอย่างขึงขัง ราวกับว่าพวกเขากำลังรอต้อนรับกษัตริย์ของตัวเอง
ตลอดการเดินทางแอวริลได้รับการดูแลจากพวกหุ่นยนต์เป็นอย่างดี ซึ่งมันก็ทำให้หญิงสาวได้ตระหนักแล้วว่าความเป็นจริงเซี่ยเฟยครอบครองพลังที่เหนือกว่าสิ่งที่เธอเคยจินตนาการเอาไว้มาก
เพียงแค่ได้เห็นกองยานคุ้มกันมันก็ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจมากพอแล้ว เพราะแม้แต่ประธานาธิบดีของพันธมิตรก็ยังไม่ได้ถูกคุ้มกันด้วยกองยานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่เธอไม่เพียงแต่จะได้รับการคุ้มกันจากกองยานขนาดใหญ่กองนี้เท่านั้น ภายในตัวยานยังเต็มไปด้วยหุ่นยนต์ที่คอยบริการเธอเป็นอย่างดีอีกด้วย
จากนั้นไม่นานวอร์สตาร์ซึ่งเป็นผู้บัญชาการหุ่นยนต์ลำดับที่ 4 กับมอร์โรว์ผู้ซึ่งเป็นผู้บัญชาการหุ่นยนต์ลำดับที่ 3 ก็เดินเข้ามาต้อนรับแอวริลด้วยความเคารพ
แม้ว่าเซียน่าจะถูกทำลายลงไปแล้ว แต่โซฟีก็เลือกที่จะแต่งตั้งกระป๋องขึ้นมาเป็นราชาของเหล่าหุ่นยนต์ ดังนั้นตำแหน่งของพวกเขาจึงยังคงเป็นผู้บัญชาการระดับที่ 3 และอันดับที่ 4 อยู่เหมือนเดิม
“สวัสดีคุณแอวริล ฉันชื่อมอร์โรว์และเขาชื่อวอร์สตาร์ พวกเราเดินทางมาที่นี่ตามคำสั่งของเซี่ยเฟยเพื่อมาต้อนรับคุณ” มอร์โรว์กล่าว โดยในปัจจุบันเขาอยู่ในร่างของหุ่นยนต์ที่ดูคล้ายกับนักวิชาการ แตกต่างจากในอดีตที่เขาอยู่ในร่างของหุ่นยนต์แมลงสาบตัวเล็ก ๆ
“สวัสดีค่ะ” แอวริลกล่าวทักทายอย่างสุภาพกลับไป ก่อนที่เธอจะเดินไปยังห้องโถงตามหุ่นยนต์ทั้งสองคน
“พวกคุณเอากองยานขนาดใหญ่แบบนี้มารับฉันคนเดียว มันจะดูไม่ยิ่งใหญ่เกินไปหน่อยเหรอ?” แอวริลกล่าวถามด้วยความเขินอาย
ระหว่างทางเธอไม่เคยมองว่าหุ่นยนต์เป็นหุ่นยนต์ แต่เธอมองว่าหุ่นยนต์เหล่านี้เป็นเหมือนกับคนคนหนึ่ง เธอจึงคอยทักทายเหล่าบรรดาหุ่นยนต์ระหว่างทางอย่างเป็นกันเอง
แน่นอนว่าเหล่าหุ่นยนต์ที่คอยเฝ้าดูแลความปลอดภัยระหว่างทางต่างก็พยักหน้าทักทายแอวริลเป็นอย่างดี และท่าทางของหญิงสาวคนนี้ก็ทำให้พวกมันรู้สึกประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอ
เหตุการณ์นี้ย่อมทำให้มอร์โรว์กับวอร์สตาร์รู้สึกซาบซึ้งเช่นเดียวกัน เพราะการที่เซี่ยเฟยไม่ได้มองพวกเขาว่าเป็นหุ่นยนต์ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาจึงไม่ได้คิดว่าแอวริลจะมีนิสัยที่ดีเช่นเดียวกันกับชายหนุ่ม
“คุณแอวริลคงจะไม่รู้สินะว่าเซี่ยเฟยออกคำสั่งมาแบบไหน ฉันกล้าบอกเลยว่าถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ ร่างของฉันคงจะโดนเขาแยกออกจากกันเป็นชิ้น ๆ แน่ ๆ” มอร์โรว์พูดติดตลก
“เซี่ยเฟยก็แค่พูดขู่ไปแบบนั้นแหละ แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่ใจดีมาก… ว่าแต่พวกคุณทุกคนคือเพื่อนของเซี่ยเฟยหมดเลยงั้นเหรอ?” แอวริลกล่าวเมื่อนึกถึงกองยานขนาดใหญ่ที่น่าตกตะลึง
“กระป๋องที่คอยรับใช้เซี่ยเฟยคือราชาของเหล่าหุ่นยนต์ ดังนั้นเมื่อกระป๋องภักดีต่อเซี่ยเฟย พวกเราก็สมควรจะต้องถูกเรียกว่าเป็นลูกน้องของเซี่ยเฟยมากกว่า” มอร์โรว์กล่าว
แอวริลรู้อยู่แล้วว่าเซี่ยเฟยทั้งแข็งแกร่งและทรงพลัง แต่เธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะได้ซุกซ่อนกองกำลังหุ่นยนต์ที่แข็งแกร่งเอาไว้แบบนี้
ทุกคนต่างก็จำเป็นจะต้องมีไพ่ตายเป็นของตัวเอง ซึ่งเซี่ยเฟยรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี และถ้าหากว่าสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ใช่เหตุการณ์ฉุกเฉิน แอวริลก็คงจะไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยเฟยกับพวกหุ่นยนต์ด้วยเหมือนกัน
“ตอนที่เซี่ยเฟยเตรียมแผนฉุกเฉินแผนนี้มาฉันก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะถูกนำมาใช้จริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังเจอกับอะไร แต่ฉันหวังว่าเขาคงจะสามารถจัดการกับสถานการณ์นั้นได้โดยเร็วที่สุด” วอร์สตาร์กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
แผนการที่กองทัพหุ่นยนต์ไปรับตัวแอวริลมากลางดึกเป็นแผนการที่เซี่ยเฟยได้เตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้ามาเป็นเวลานานแล้ว เพราะเขากังวลเรื่องความปลอดภัยของหญิงสาวอยู่เสมอ เขาจึงเตรียมแผนการแผนนี้เอาไว้ให้กับเธอโดยเฉพาะ
เมื่อเห็นแอวริลเริ่มมีสีหน้าที่กังวล มอร์โรว์ก็เผยรอยยิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้นมาว่า
“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เซี่ยเฟยยังสบายดี อีกไม่นานเขาก็คงจะติดต่อมาหาเราอย่างแน่นอน”
“อือ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องไม่เป็นอะไร” แอวริลกล่าวอย่างใจเย็น
ระหว่างนั้นกองยานของหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปในจักรวาลอันมืดมิด โดยเป้าหมายของแอวริลในครั้งนี้คือดินแดนแห่งความลับของหุ่นยนต์ ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่เซี่ยเฟยคิดว่าเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคนรักของเขา
***************
สุดยอด! พี่เฟยรอบคอบสุดๆ นี่ถ้าช้าอีกนิดเดียวแอลริลอาจไม่รอด
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 236
แสดงความคิดเห็น