บทที่ 10...2/3
หญิงสาวคนหนึ่งมองไปทั่วบริเวณที่ทำงานอยู่ ก่อนจะเดินแกมวิ่งมายังลิฟต์เพื่อลงไปหาใครคนหนึ่งที่โทรมานัด วันก่อนเธอเพิ่งเสียเงินพนันไปเป็นแสน แต่จู่ๆ ก็มีชายที่เพิ่งออกมาจากร้านสะดวกซื้อบอกเธอว่ามีงานพิเศษเงินดีให้ทำ ตอนแรกเธอกลัวเพราะไม่รู้จักกันมาก่อน แต่เขาให้เบอร์ไว้ เมื่อคืนเธอถูกทวงหนี้ หากไม่มีดอกเบี้ยให้ไปก่อนพวกมันจะมาประจานถึงที่ทำงาน หนักสุดอาจถูกทำร้ายร่างกาย การโทรหาใครสักคนที่อาจช่วยให้เธอหาเงินได้ย่อมเป็นทางออกเดียว การไปยืมเงินญาติคงไม่ได้แล้ว งวดก่อนเธอยังไม่ได้ใช้หนี้สักบาท
หญิงสาวเดินออกมาจากลิฟต์ขนของแล้วไปหลบมุมรอตามที่นัดแนะกัน รอเพียงครู่เดียวชายร่างกำยำใส่หมวกใส่แว่นก็เดินมาหาเธอเพื่อบอกในสิ่งที่อยากให้ทำ หญิงสาวฟังแล้วกล้าๆ กลัวๆ แต่การไม่มีเงินไปใช้หนี้น่ากลัวกว่า
“แค่ถูกยกเลิกแล้วเสียชื่อเสียง แค่นั้นหรือคะ” หญิงสาวถามเพื่อความแน่ใจพลางรับของในขวดสีชาใบเล็กมาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างเร่งรีบ ไม่อยากให้ใครมาเห็น
“ใช่ ถ้ามีอะไรผิดพลาด อย่าพูดถึงผมเด็ดขาด ความเสี่ยงในครั้งนี้ นายของผมจ่ายให้”
หญิงสาวรับเงินเป็นปึกในซองมาแล้วค่อยยิ้มออก งานนี้เธอมีเงินไปใช้หนี้แน่นอนแล้ว
“ขอบคุณค่ะ”
เมื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายมาเสร็จแล้วชายคนนั้นก็รีบเดินจากไป หญิงสาวรออยู่ครู่หนึ่งก็เดินกลับมาที่ลิฟต์ขนของ เงินอุ่นๆ ในซองทำให้เธอหมดความกังวลใจ คืนนี้หลังจาก ‘ทำงาน’ ที่ได้รับมอบหมายแล้ว เธอจะเอาเงินไปใช้หนี้ แล้วอาจจะเล่นเพื่อต่อเงินสักหน่อย คราวนี้เธอคงมีโชคบ้าง
ภามรับอาสาขับรถมาที่วัดด้วยตัวเอง โดยมีเมษาช่วยบอกทาง ในขณะที่โมกข์ขับรถตามมาอีกคัน ภายในวัดค่อนข้างเงียบมีเสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งที่แขวนไว้ตามกำแพงวัด เขาได้กลิ่นหอมๆ ของดอกไม้ที่เมษาบอกว่าเป็นดอกพิกุล
ชายหนุ่มเดินตามหญิงสาวไปเรื่อยๆ เด็กวัดเห็นเมษาก็เข้ามาถามไถ่ก่อนจะนำทางไปที่กุฏิของหลวงพ่อ ชายหนุ่มวางของต่างๆ แล้วพนมมือตามหญิงสาว พระรูปนี้คงรู้จักกับพ่อแม่ของเมษาจึงพูดคุยกันอยู่นานหลังจากกรวดน้ำ ภามตั้งใจฟังเพื่อที่จะได้รู้จักเมษาให้มากกว่านี้
พอออกมาจากกุฏิแล้วเมษาก็เดินไปยังที่เก็บอัฐิของพ่อแม่ ภามช่วยถือพวงมาลัยเดินมาพร้อมกับกล่องขนม เธอเตรียมทิชชูเปียกและแปรงอันเล็กๆ มาทำความสะอาดที่ป้าย แล้วแขวนพวงมาลัยทั้งสองพวงที่เตรียมมา พ่อกับแม่ของเธอจากไปหลายปีแล้ว ภามสังเกตจากป้ายหน้าที่เก็บอัฐิ ผู้หญิงตัวเล็กๆ กับน้องสาวเป็นอย่างไรบ้างนะตอนที่พ่อแม่จากไป ภามมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนโยนอาทร เมษามองแล้วก็ยิ้มบางเพราะเธอไม่ได้อ่อนแอจนผ่านช่วงเวลานั้นมาไม่ได้
“พ่อแม่ฉันจากไปเพราะอุบัติเหตุค่ะ คุณคงสงสัย พวกท่านจากไปตอนที่ฉันกำลังเรียนมหา’ลัย หลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิตของฉัน ทั้งต้องดูแลน้อง ต้องหางานพิเศษทำ จัดการเรื่องที่ดิน เรื่องบ้าน กว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ฉันก็รู้สึกตัวว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว” เมษาเล่าด้วยน้ำเสียงปกติ การสูญเสียเกิดขึ้นกับทุกครอบครัว ภามเองก็ผ่านการสูญเสียมาเช่นกันเขาถึงได้มองเธอแบบนั้น
“ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นคุณเครียดแค่ไหน กลัวแค่ไหน แต่ผมบอกคุณได้ว่าการเติบโตของคุณงดงามแล้ว” การที่เมษาเป็นเมษาที่เข้มแข็ง เขาคิดว่าคนเป็นพ่อแม่คงภูมิใจ “พ่อของผมจากไปตอนผมเรียนมัธยม แม่ต้องดูแลกิจการทุกอย่าง ทั้งงาน ญาติ หุ้นส่วน แต่แม่ของผมก็ผ่านมาได้ ผมถึงรักแม่มาก คุณเองก็คงเป็นที่รักของน้องสาวมากเหมือนกัน”
“คุณคิดถูกค่ะ” รอยยิ้มมักเกิดขึ้นทุกครั้งที่เมษาคิดถึงน้องสาว “แล้วคุณล่ะค่ะ ตอนที่ไม่สบายใจ คุณคุยกับใคร”
ภามนิ่วหน้าพยายามนึกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาระบายความในใจกับคนอื่นคือเมื่อไหร่ คำตอบคือนึกไม่ออกเลย
“ผมมักคุยกับตัวเอง ถ้าอะไรที่บอกแม่แล้ว แม่ไม่สบายใจ ผมคงไม่บอกหรอก”
เป็นคำตอบที่ไม่ผิดคาดจากที่เมษาคิดเอาไว้นัก คนที่มีความบงการ แต่ไม่ถึงกับไม่รับฟังใคร คงไม่เปิดกำแพงให้ใครเข้าไปง่ายๆ หรอก เขารักแม่มาก เธอเองก็รักน้องสาวมากเหมือนกัน
“คุณก็ดูอบอุ่นดีนะ ไม่เหมือนครั้งแรกที่เราพบกัน”
ครั้งแรกงั้นหรือ?
ภามยิ้มบางเพราะไม่ว่าครั้งแรก ครั้งที่สองและครั้งที่สาม เขาคงไม่น่าจะสร้างความประทับใจให้เมษาแล้วนึกถึงแบบยิ้มออกสักเท่าไหร่
“ไม่เคยมีใครชมผมด้วยประโยคนี้มาก่อน คุณเป็นคนแรก”
เมษาเชื่อว่าภามพูดออกมาจากใจ ที่ผ่านมาเขาคงถูกชมเรื่องการทำงาน รูปลักษณ์ หน้าตาทางสังคม แต่เธออยากให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาเป็นต่างหากที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาน่าสนใจ
ห่างออกไปโดยที่สายตาของมนุษย์มองไม่เห็นมีร่างจางๆ ร่างหนึ่งมองน้องชายด้วยรอยยิ้มสุขใจ บางครั้งเขาก็สงสัยว่าทำไมเมษาถึงช่วยให้เขาติดต่อกับน้องชายได้ อาจเพราะโชคชะตาหรือบางอย่างที่เขาเริ่มหาคำตอบ ใบหน้าของผู้ชายที่เมษาบอกว่าเป็นพ่อ ภูมิรู้สึกคุ้นหน้าและมั่นใจแน่ๆ ว่าเคยพบมาก่อน เพียงแต่การเป็นวิญญาณทำให้ความทรงจำแต่เก่าก่อนกลายเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามและใช้เวลาในการนึกให้ออก การที่เขาเคยพบพ่อของเมษามาก่อนจะเป็นจุดเชื่อมโยงให้เธอเป็นสื่อกลางระหว่างเขากับน้องชายได้อย่างไรกันนะ พลันภาพบางอย่างก็วาบเข้ามาในความทรงจำของภูมิ
เขาอยู่ด้วยในตอนที่พ่อแม่ของเมษาเกิดอุบัติเหตุ!
มันหมายความว่าอย่างไร เขาขับรถชนกระสานงากับรถยนต์ของพ่อแม่เมษาอย่างนั้นหรือ?
ภูมิพยายามนึกให้ออกมากกว่านี้ แต่ยังคงเป็นภาพที่พ่อแม่ของเมษากำลังถูกพาตัวออกมาจากรถ หลังจากต้องใช้เครื่องตัดถ่างช่วย เขาทำให้พ่อแม่ของผู้หญิงที่น้องชายกำลังรักตายใช่หรือเปล่า มันถึงกลายเป็นสายใยระหว่างเขากับเมษา
มันใช่แน่หรือ?
ภูมิมองไปที่ภาม หากสิ่งที่เขานึกออกในตอนนี้เป็นเรื่องจริง เรื่องราวระหว่างภามกับเมษาคงไม่สวยงามราบรื่นอีกแล้ว
เมษาพาภามไปให้อาหารปลาและนั่งเล่นในธรรมชาติที่เต็มไปด้วยต้นไม้อยู่ครู่หนึ่ง ภามนั่งมองความเรียบเรื่อยไม่เร่งรีบ ทำให้รู้สึกว่าหากชีวิตได้พักแบบนี้บ้างก็ดีเหมือนกัน แต่ไหนเลยจะอยู่แบบนี้ได้ตลอดไป ชายหนุ่มเดินเคียงหญิงสาวมาจนกระทั่งใกล้ถึงรถ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นท่ามกลางความสบายใจนั้น ทว่าพอได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจากปุริมที่โทรมา สายตาที่ภามมองเมษาก็กลายเป็นห่วงขึ้นมาทันที
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ภามจับไหล่บางของเมษาไว้ ไม่ว่าสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นจะมาจากเธอหรือจากอะไรก็ตาม เขาจะเคียงข้างเธอเสมอ แม้ว่าความถูกต้องย่อมมาก่อนก็ตาม
“มีแขกของโรมแรมทานขนมจากร้านเมนาที่มาส่งแล้วท้องเสียจนต้องพาไปส่งที่โรงพยาบาล คุณต้องไปชี้แจงว่าก่อนขนมจะมาถึงโรงแรมมีความผิดปกติอะไรหรือเปล่า แล้วหาสาเหตุร่วมกับคนของผม”
เมษาเม้มปากพลางพยักหน้าไม่ได้ตกใจ เรื่องของอาหารแม้จะควบคุมให้ทุกอย่างสดใหม่และสะอาด แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาต่อคนทานได้เสมอ
“คุณไปที่โรงแรมก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันขอติดต่อเพื่อนที่ทำงานด้านอาหารก่อน จะได้มีคนไปช่วยกันตรวจสอบ”
ภามแปลกใจเพราะคิดว่าเมษาคงขอให้เขาช่วย แต่เธอคิดทุกอย่างภายในครึ่งนาที โดยที่ไม่มีเขาอยู่ในนั้นเลย ทำไมเธอไม่ออกปาก
“ผมรอคุณแล้วไปด้วยกันก็ได้”
เมษาส่ายหน้าทันที “คุณจะถูกมองว่าเข้าข้างฉันได้นะคะ ถึงแม้ว่าฉันจะพิสูจน์ได้ว่ามีปัญหาบางอย่างที่อาจไม่ได้มาจากทางฉัน ฉันเองก็อยากต่อสู้ด้วยตัวเองค่ะ”
ภามค่อยรู้สึกดีขึ้นไม่ใช่เพราะเมษาไม่คิดถึงเขา เธอคิดถึงผลที่จะเกิดกับเขาและตัวเองเรียบร้อยแล้วถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น แต่ถ้าเธอเป็นแฟนของเขาก็ไม่ได้หมายความเขาจะลำเอียงสักหน่อย
“ผมไม่กลัวว่าใครจะมองว่ายังไง แต่ถ้าทำแล้วคุณสบายใจกว่า ผมก็ยอมตามใจนะ เดี๋ยวผมให้โมกข์ไปส่งคุณที่โรงแรม ขอให้ผมได้ด้วยช่วยคุณบ้างนะ แม้จะเรื่องเล็กน้อยก็ยังดี”
มือบางยื่นไปจับข้อมือหนาแล้วบีบเบาๆ ในบางครั้งกำลังใจดีๆ ก็มาจากใครคนหนึ่งที่เธอไม่เคยคิดฝัน
“ขอบคุณนะคะ”
ชายหนุ่มเข้ามาแล้วกอดไหล่บางหลวมๆ “แล้วเจอกัน”
ลมใต้ปีกที่ทำให้มั่นคงและอบอุ่นเป็นแบบนี้เอง การมีคนสักคนช่วยในยามยากลำบากเป็นเรื่องที่ดี เมษาก็หวังให้มีใครสักคนที่ทำแบบนั้นเพื่อเธอ แต่การที่ใครคนนั้นสนับสนุนในเรื่องที่เธอตัดสินใจไปแล้วต่างหาก ผู้ชายที่เธอหวังว่าจะได้พบ ตอนนี้เธอเห็นทั้งสองสิ่งนั้นในตัวภามทั้งหมด
ถ้าภูมิเป็นคนที่ขับรถชนรถพ่อแม่ของเมษา? เรื่องจริงคืออะไร แล้วใครที่แกล้งร้านขนมขอเมษาอีก มีเรื่องแล้วจริงๆ
ใจดวงนี้สื่อถึงรักลงขายเป็น E-Book ใน MEB แล้วค่ะ หมวดนิยายรัก
โดยโบว์ทำโปรโมชั่นลดเหลือ 149 บาทจาก 329 บาทเป็นเวลา 20 วัน และจะลงให้อ่านถึงบทที่ 14 นะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 157
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น