บทที่ 10...1/3
สายตาของภามกวาดมองหาร่างเพรียวบางที่มักนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ แต่ก็ไม่เห็น ภายในร้านและด้านนอกเขาไม่เห็นเมษาเช่นกัน หากจะตามเข้าไปหาหญิงสาวที่หลังร้านในห้องครัวก็ดูจะเกินไป
วันก่อนเขาทำตัวน่าโมโหไปแบบนั้น ป่านนี้เธอจะคิดอย่างไรบ้าง หากเธอกำลังโกรธเขาอยู่ การง้อควรทำอย่างไร ที่ผ่านมาเขามักปล่อยให้เวลาผ่านไปจนกระทั่งความโกรธของอีกฝ่ายค่อยๆ เลือนหาย แต่สำหรับเมษา ผู้หญิงที่เย็นจนเหมือนน้ำแบบนั้น เวลาโกรธจะทำอะไรได้บ้าง พอคิดแบบนี้แล้วเขายิ่งร้อนใจอยากพบเธอแล้วอธิบายทุกอย่าง
“เมษาล่ะครับป้าพิส ผมไม่เห็นเลย”
ป้าพิสมัยหันมามองภามแล้วขมวดคิ้วใส่ “หนูเมกลับบ้านไปเตรียมของค่ะ พรุ่งนี้ครบรอบวันตายของพ่อกับแม่ แล้วคุณล่ะมาทำไม ไม่ไปอยู่กับผู้หญิงเมื่อวานหรือคะ”
ภามได้คำตอบของคิ้วที่ขมวดของป้าพิสมัยทันที การมาของวีดาคงทำให้คะแนนของเขาติดลบแน่ๆ ฉะนั้นเมษาต้องรู้แล้วว่าวีดามาเพราะอะไร
“วีไม่ใช่แฟนของผมครับ วันนั้นวีมาทำอะไรที่นี่บ้างครับป้า”
แม้จะเคืองภามอยู่ไม่น้อย แต่ป้าพิสมัยก็ไม่อยากให้เมษาเสียใจ แม้ว่าคนที่เจอกับผู้หญิงคนนั้นเป็นมีนา แต่เมษาเห็นคลิปเหตุการณ์ที่กล้องบันทึกเอาไว้หมดแล้ว
“หมิวมาเปิดคลิปให้คุณภามดูหน่อยสิ คลิปเมื่อวันก่อนน่ะ”
หมิวเดินหน้ามุ่ยมาหาภามทันที “เปิดให้ดูคลิปก็ได้ เตือนไว้เลยนะว่าอย่ามาทำให้พี่เมเสียใจ”
ภามรู้สึกเหมือนตัวเล็กลงอย่างไรอย่างนั้น ความห่วงและโกรธแทนของป้าพิสมัยกับหมิว ทำให้เขามั่นใจว่าวีดาคงไม่ได้แค่มาทักทายแน่ๆ
พอได้เห็นคลิปที่ได้ยินเสียงชัดเจน ทั้งน้ำเสียงและคำพูดเต็มไปด้วยการดูถูกของวีดา ในขณะที่น้องสาวของเมษามีวุฒิภาวะทั้งความคิดและอารมณ์ดีมากกว่าวีดามาก ชายหนุ่มถอนใจรู้สักหนักอึ้งเพราะมีเหตุผลหากเมษาจะโกรธเคืองเขาในเรื่องนี้ แม้วีดากับเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่เพราะเขาพาตัวมาใกล้ชิดเมษา วีดาถึงได้ทำแบบนั้นทั้งที่ไม่เคยมีสิทธิ์
ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณแล้วเดินไปที่รถ โมกข์รู้อยู่แล้วว่าบ้านของเมษาอยู่ที่ไหน ทว่าความร้อนใจของภามคงเดินทางเร็วกว่ารถยนต์ เขากระวนกระวายใจ จากความน้อยใจว่าเพราะอะไรเมษาถึงไม่ยอมรับความรู้สึกของเขา ทำให้ตอนนี้เขาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเมษาจึงได้รั้งรอไว้ หากเขาต้องการได้เธอมาเป็นคนที่สำคัญต่อใจ ความชัดเจนและมั่นใจย่อมเป็นสิ่งสำคัญ
เมษาได้ยินเสียงรถของใครบางคนแล่นเข้ามาจอดตรงรั้วหน้าบ้าน หญิงสาวชะเง้อมองมาจากห้องครัว ก่อนเสียงกริ่งที่รั้วจะดังขึ้น หญิงสาวเดินแกมวิ่งมาที่ประตูบานเล็ก ช่วยไม่ได้เลยยามที่เห็นใบหน้าของชายที่ฝากรอยจูบไว้จะทำให้หัวใจเธอของเต้นผิดจังหวะ ทว่าหญิงสาวยังสามารถเกลื่อนสีหน้าให้เหมือนไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นได้
“ผมมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับคุณ เปิดประตูให้ผมได้ไหม” ภามเอ่ยกำลังคิดอยู่ว่าถ้าเมษาไม่เปิดประตูให้ เขาจะปีนแทนไหมนะ
เมษาพยักหน้า ก่อนไขเปิดประตูบานเล็ก ภามก้าวเข้ามาทันที
“คุณมาที่นี่...” ได้ยังไง...
เมษายังถามไม่ทันจบด้วยซ้ำก็ถูกคว้าข้อมือให้เดินเร็วๆ ตามร่างสูงไปด้วยกัน เขาลืมไปหรือเปล่าว่าที่นี่เป็นบ้านของเธอ ภามเปิดประตูบ้านแล้วก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเลย เมษาเม้มปากที่เขาถือวิสาสะเข้ามาในบ้านทั้งที่เธอยังไม่ได้เชิญสักคำ ทว่าพอประตูปิดลงร่างเพรียวของหญิงสาวก็ถูกสวมกอดโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจากชายที่เธอไม่แน่ใจแล้วว่าเขาเป็นใครในชีวิตกันแน่
ภามถอนใจยาว ก่อนจะคลายกอดแล้วโอบร่างเพรียวบางไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับพูดเสียงไม่เบานัก
“ในสายตาของคุณ ผมไม่ใช่ผู้ชายที่พึ่งพาได้หรือไง ทำไมมีเรื่องอะไรถึงไม่โทรหาผม บอกผมสิว่าวีดามาหาคุณ คุณฟ้องผมได้เลย ผมอยากให้คุณบอก อยากให้คุณรู้ว่าผมช่วยคุณได้”
เมษาเพิ่งเข้าใจความร้อนใจระคนโมโหจากเขา แต่เธอไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาสักหน่อย ทว่าความเกรี้ยวกราดที่กลบเกลื่อนความห่วงใยของเขาทำให้เธอเป็นสุขอยู่ในใจ
“ฉันไม่อยากให้คุณไม่สบายใจนี่ค่ะ บางเรื่องฉันคิดว่าจัดการได้ คุณไม่ต้องมาเดือดร้อนใจ...”
“ผมอยากเดือดร้อนใจ ถ้ามันเป็นเรื่องของคุณ” ภามพูดแทรกขึ้นมาทันที มือทั้งสองข้างเลื่อนมาประคองไหล่บางของหญิงสาวไว้ ดวงตาของชายหนุ่มมองเธออย่างตั้งใจ “ผมอยากให้คุณฟ้อง อยากให้คุณโทรหาผมเวลาที่มีเรื่องลำบากใจ อยากให้คุณโทรหาเวลามีความสุข อยากให้คุณคิดถึงผมเป็นคนแรกเวลาที่คุณมีความทุกข์ ทำไมคุณต้องผลักไสผมด้วย”
การที่พึ่งพามาตัวเองมานานและโสดมาหลายปี ทำให้เมษาไม่แน่ใจว่าหากจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน เธอจะพบกับคำตอบเดิมๆ อีกหรือเปล่า แต่ภามทำให้เธอเริ่มอยากก้าวไปกับเขา แต่ก็กลัวไปพร้อมๆ กัน หากเขาไม่โดดเด่นขนาดนี้ เธอคงไม่ต้องกังวลอะไร
“ฉันไม่ได้ผลักใสคุณ ฉันแค่ต้องใช้เวลา”
ใบหน้าของภามขยับเข้ามาใกล้ในเสี้ยววินาที เมษาไม่มีเวลาได้คิดอะไรตอนที่เรียวปากของเขาสัมผัสริมฝีปากของเธอ ร่างของเขาขยับเดินจนกระทั่งแผ่นหลังของเธอแนบติดกับผนัง แขนเขาคล่อมร่างเธอไว้ ลมหายใจอุ่นซ่านระอุบางเบาที่แก้ม เขากดริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะเม้มกลีบปากนุ่มช้าๆ ราวกับหยั่งเชิงว่าเธอมีใจให้เขาบ้างหรือยัง ชายหนุ่มสูดความหอมจางๆ ของกลิ่นแป้งอบขนมจากแก้มนวล ทำให้ถลำใจไม่อาจฝืนที่จะบดเบียดร่างให้แนบชิด เมษาหายใจสะท้านเมื่อร่างหนาแทบจะกอดเธอไว้จนจมอก เธอฝืนไว้ไม่จูบตอบเรียวปากหนาที่แทบจะกลืนกินกลีบปากของเธอ มือบางกอดเอวของร่างสูงไว้ทั้งที่บอกตัวเองให้ผลักเขาออกไป ทว่าในเสี้ยวเล็กๆ ของหัวใจกลับบอกว่าหากทำแบบนั้น เขาจะหายไปจากชีวิตของเธอ หญิงสาวทุบเบาๆ ที่แผ่นหลังของชายหนุ่ม ทำให้เรียวปากหนาหยุดชะงัก ภามเพิ่งรู้ตัวว่าอารมณ์ของเขากระเจิดกระเจิงไปไกลแล้ว เขาไม่ได้ต้องการคืนเดียวที่มีกับเมษา แต่เขาวาดฝันไว้ว่าอยากมีเธอในทุกคืน
เรียวปากหนาขยับห่างออกมาจากความหอมละมุนที่อยากจูบวนซ้ำ ลมหายใจของเขาขาดเป็นห้วงๆ แก้มนวลของหญิงสาวช่างเย้ายวน จนเขาต้องกำมือแน่นเมื่อต้องห้ามใจไม่กดริมฝีปากแนบลงไป
“ผมรอได้ แต่ผมขอคิดค่ารอ” น้ำเสียงของชายหนุ่มต่ำกังวานเมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาไม่มีทางรอเก้อ
เมษาเงยหน้ามองใบหน้าของภาม ทว่าสายตากลับหยุดลงที่ริมฝีปากของเขา หญิงสาวหลุบตาลงเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่ร้อนราวกับไฟของชายหนุ่ม
“แล้วที่คุณกอดฉันอยู่ล่ะคะ”
ใบหน้าคร้ามเลื่อนลงมาจนริมฝีปากแทบจะจูบใบหูเล็ก
“คุณกอดผมกลับแน่นๆ ก็ได้นะ ผมให้คุณกอดได้เป็นชั่วโมงด้วยความเต็มใจ”
“คุณภาม...” เมษาหันไปดุใส่ภาม แต่เกือบกลายเป็นว่าเธอจะไปจูบเขากลับแทนเสียอย่างนั้นเลยต้องหันไปอย่างยอมแพ้
เมษาได้ยินเสียงหัวเราะบาๆ จากภาม ก่อนที่เขาจะเลื่อนใบหน้าขึ้นแล้วกอดเธอเอาไว้แทน
“ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณกลายเป็นข่าวไปด้วย แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามจะเกิดขึ้น คุณเชื่อใจผมได้ สิ่งใดที่ผมตัดสินใจจะไม่ทำร้ายคุณแน่นอน”
“ในภาพข่าวไม่มีใครรู้ว่าเป็นฉันหรอกค่ะ” เมษาบอกเสียงอุบอิบกับอกหนา
ภามคลายกอดแล้วมองใบหน้าที่แม้จะไม่ได้โดดเด่นจนดึงดูดเขาในครั้งแรก แต่เมื่อได้อยู่ใกล้ๆ ได้พูดคุย เขาถึงได้รู้ว่าเมื่อชอบใครสักคน ใครคนนั้นจะสวยขึ้นทุกวันในสายตาเสมอ
“น้อยไปสิ ป้าผมดูแว๊บเดียวก็รู้แล้ว นักข่าวกันเองอีก ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง คุณอาจเสียชื่อเสียงเพราะฉะนั้นผมเลยแก้ข่าวไปแล้ว คุณไม่ได้ไปฝากท้อง แต่คุณแค่ไม่สบายถึงต้องไปหาหมอ แล้วที่สำคัญคุณไม่ใช่ว่าที่สะใภ้ที่แม่ไม่ปลื้ม แม่ของผมปลื้มคุณจะตาย ผมบอกนักข่าวไปว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ผมกำลังคบหาอยู่ ผมไม่ได้โกหก ผมกำลังเอาตัวมาให้คุณคบหาอยู่ แต่ผมน่ะคบหาคุณอยู่ตลอดนั่นแหละ”
เมษากอดอกแล้วมองผู้ชายที่จะลองก้าวไปสู่ความสัมพันธ์ที่นานมาแล้วทำให้เธอเจ็บจนกลัวที่จะรักใครสักคน เรียวปากหนากำลังแย้มยิ้ม ดวงตาคู่นั้นมองมาจนเธอเกือบจะหลุบตาลง
“เวลาเจรจางานคุณเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวแบบนี้ไหมคะ”
ภามยิ้มกว้างเพราะคำถามตรงๆ และคิ้วที่ขมวดมุ่นของเมษา
“ผมจริงใจกับคุณนะ ไม่งั้นผมไม่อ่อยคุณทุกวิถีทางแบบนี้หรอก”
นี่เขากำลังอ่อยเธออยู่งั้นหรือ? เมษาเสเดินเข้าไปในครัวเพื่อปิดบังความเขินของตัวเองไว้ ภามเดินตาม ไม่รู้ล่ะ แม้เมษาไม่ได้ชวน เขาก็จะตามไปอ่อย
“คุณกำลังอบขนมอยู่ใช่ไหม ผมได้กลิ่นหอมๆ”
เมษาพยักหน้าพลางเปิดเตาอบแล้วสวมถุงมือผ้า ก่อนจะเลื่อนถาดขนมที่อบได้ตามเวลาแล้วออกมาวางบนโต๊ะ
“ฉันอบคุกกี้เสร็จแล้วค่ะ คุณอยากชิมไหม”
“ถ้าคุณไม่ชวน ผมคงต้องเสนอตัวเองอยู่แล้ว” เขาเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ เมษาทันที
เมษานึกภาพเวลาที่ภามอยู่กับผู้บริหารต่างๆ ในโรงแรมของเขา ทุกคนเคารพเขา การวางตัวของเขา แต่ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอในตอนนี้เหมือนหนุ่มน้อยที่เปิดเผยความรู้สึก ยิ้มและหัวเราะโดยที่ไม่ต้องสนใจว่าต้องวางตัวให้ดูน่านับถือเพราะเป็นท่านประธาน คนคนเดียวทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและร่าเริงในเวลาเดียวกันได้อย่างไร
หญิงสาวคีบคุกกี้มาใส่จานใบเล็กให้ภาม แล้วเปิดตู้เย็นเพื่อเทนมใส่แก้วมาวางให้เขาดื่มกับขนม สายตาของหญิงสาวมองริมฝีปากที่กำลังขยับยามเคียวคุกกี้เนยสด มีเสียงฮึมเบาๆ ในลำคอของเขา ก่อนคุกกี้อีกชิ้นจะถูกกินจนหมด
“อร่อยมาก หวานกำลังดี ไม่ร่วนและไม่แข็ง กำลังนุ่มลิ้น หอมกลิ่นเนยละมุนๆ”
รอยยิ้มยามที่ได้ทานของอร่อยคือรางวัลของเธอ เมษาคิดแบบนั้น สายตาที่เธอมองเขาจึงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“เดี๋ยวฉันแพ็คคุกกี้ใส่กล่องให้คุณไปฝากคุณแม่ของคุณด้วยนะคะ แทนคำขอบคุณที่คุณมาช่วยชิม”
ก่อนมาพบกับเมษา แน่นอนว่าภามผ่านการมีความรักและเลิกรา ทว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่รู้ว่าเขารักแม่มาก ฉะนั้นความอาทรห่วงใยเล็กๆ น้อยๆ กลับเหมือนต้นไม้ที่เติบโตในใจของเขาเรื่อยๆ
“ผมไปทำบุญกับคุณพรุ่งนี้ด้วยได้ไหม พอดีว่าป้าพิศบอกผมน่ะ”
“ถ้าคุณว่างจะไปด้วยก็ได้ค่ะ” ปกติแล้วในวันนี้ของทุกปี เมษามักจะไปกับมีนา แต่ปีนี้มีนาติดงาน การไปคนเดียวไม่ได้ทำให้เธอเศร้าอะไร “คุณทานอะไรมาหรือยังคะ”
นอกจากแม่ ผู้หญิงในชีวิตของเขาตอนนี้ก็มีเมษาเท่านั้นที่ถามเขาจากเรื่องแสนธรรมดา ความห่วงใยทำให้เขารู้สึกเหมือนได้อิงซบกับหมอนนุ่มๆ
“ผมอิ่มใจแล้วล่ะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมมารับนะ นี่ก็ 3 ทุ่มแล้ว ผมกลับก่อนดีกว่า”
เมษาเพิ่งรู้ว่า 3 ทุ่มแล้ว การปฏิเสธของภามคือความเกรงใจ หญิงสาวคีบขนมใส่กล่องอีกใบ ก่อนจะเดินตามภามที่ยืนรอแล้วส่งกล่องใส่ขนมที่เธอฝากไปให้แม่ของเขา ร่างสูงเดินช้าลงเพื่อให้ร่างเล็กกว่าก้าวไปเคียงกัน จนกระทั่งมาถึงรถที่โมกข์อยู่
“เอาไปทานในรถกันนะคะ”
ภามรู้แต่แรกว่าเมษาคงเตรียมขนมในกล่องอีกใบให้เขากับโมกข์ เธอใจดี แล้วเขาก็แพ้คนใจดีเสียด้วย ช่างน่าดีใจที่เมษาเป็นคนใจแข็งไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนมาจีบง่ายๆ ไม่งั้นเขาคงอกหักเพราะมาพบเธอช้าไป
ชายหนุ่มเข้ามานั่งในรถแล้วมองเมษาจากกระจกมองข้าง จนกระทั่งลับสายตา เรียวปากหนายิ้มยามที่หยิบขนมออกมาแบ่งให้โมกข์ เนยหอมละมุนก็จริง แต่ความรู้สึกของเขาที่เบิกบานอยู่ในใจละมุนยิ่งกว่า
ง้อสำเร็จแล้ว แต่เหมือนจะมีปัญหาเกิดขึ้นนะ
ใจดวงนี้สื่อถึงรักลงขายเป็น E-Book ใน MEB แล้วค่ะ หมวดนิยายรัก
โดยโบว์ทำโปรโมชั่นลดเหลือ 149 บาทจาก 329 บาทเป็นเวลา 20 วัน และจะลงให้อ่านถึงบทที่ 14 นะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 230
แสดงความคิดเห็น