บทที่ 7: กระชากหนังหัวของนางออก
พอผู้หญิงคนนั้นมัวแต่ง่วนอยู่กับการป้องกันตัวเอง หลงหลิงเอ๋อก็ถือโอกาสนี้อุ้มหลงเหยาที่อยู่บนพื้นขึ้นมาแล้ววิ่งหนีไปหาพวกพี่ชายด้วยความตื่นกลัว
จากเหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้น เด็กทั้ง 5 พากันตกตะลึง พวกเขามองดูหูเจียวเจียวที่กำลังต่อสู้กับหญิงร่างใหญ่อย่างไม่เชื่อสายตา
หลงอวี้เม้มริมฝีปากพลางจ้องมองไปที่จิ้งจอกสาวนิ่ง
นางเคยเป็นผู้หญิงที่เป็นฝ่ายถูกรังแกและขี้ขลาดที่สุด นางไม่เคยกล้าหือกับคนนอกเลย และส่วนใหญ่นางจะทำแค่ด่ากลับไปเท่านั้น แต่วันนี้นางกลับต่อสู้กับคนอื่นเพื่อช่วยพวกเขา
นางทำตัวแปลกมากจริง ๆ ตอนนี้ท่าทางของนางไม่ต่างจากสัตว์ป่าเลยสักนิด
ส่วนหลงจงช่วยพยุงหลงเซียวที่เป็นพี่คนรองขึ้นจากพื้นพลางเยาะเย้ยการกระทำของหูเจียวเจียว “ชิ นางก็แค่เสแสร้งเท่านั้นแหละ”
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาของหลงหลิงเอ๋อนั้นแดงก่ำเปรอะเปื้อนน้ำตาอยู่ไม่ขาดสายเนื่องจากตนถูกทำร้ายร่างกาย ตอนนี้นางยังไม่ละสายตาจากผู้เป็นแม่เลย
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่แม่ใจมารก้าวเข้ามาปกป้องพวกนาง...
แม้ว่าบ้านของหูเจียวเจียวจะอยู่ไกล แต่ผู้หญิงตัวกลมคนนั้นก็บุกเข้ามาเอะอะโวยวายเสียงดังมาก ในเวลานี้จึงมีคนในเผ่ามารวมตัวกันอยู่ด้านนอกเพื่อมองดูความสนุกสนานที่กำลังเกิดขึ้น
ทว่าพอได้เห็นภาพที่กลับตาลปัตรนี้ คนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ก็พูดไม่ออกเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้นกับหูเจียวเจียว นางรังเกียจลูกของตนมาตลอดไม่ใช่รึ แล้วทำไมวันนี้นางถึงออกมาปกป้องพวกเขา?”
“แค่นั้นไม่พอ นางยังกล้าโจมตีสงฮวา ข้าคิดว่านางคงเสียสติไปแล้วแน่ ๆ!”
“ถ้าข้าได้ภรรยาที่ไม่เอาถ่านอย่างหูเจียวเจียว แถมยังหยิ่งผยอง นางก็สมควรที่จะถูกสงฮวาจัดการแล้ว...”
ชาวบ้านทั้งหลายได้แต่ซุบซิบกันเบา ๆ แต่ไม่มีใครออกหน้าไปห้ามปรามทั้งคู่เลยแม้แต่คนเดียว
ความจริงแล้วพวกเขากำลังรอดูเรื่องตลกของหูเจียวเจียวก็แค่นั้น
หูเจียวเจียวคนปัจจุบันจึงไม่แปลกใจเลยที่จะได้ยินคำติฉินนินทาจากปากคนในเผ่า
ในหนังสือ เจ้าของร่างเดิมเป็นนางร้ายปากจัดที่มีจิตใจหยาบช้า นางทำให้ภูตหลายคนในเผ่าไม่ชอบใจ แล้วก็อยากได้อิงหยวนที่เป็นพระเอกของเรื่องมาครอบครองจนตัวสั่น ทำให้ลู่เมี่ยนเอ๋อซึ่งมีออร่าของตัวเอกรำคาญในสิ่งที่นางทำ มันเลยเป็นเรื่องปกติที่นางจะถูกทุกคนในเผ่าเกลียดชัง
หากจะพูดให้ถูกก็คือ ชาวบ้านหลายคนตั้งใจมารังแกหูเจียวเจียวและลูก ๆ เพื่อระบายความโกรธแทนลู่เมี่ยนเอ๋อ
สงฮวาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น!
ที่ผ่านมาร่างเดิมเป็นคนขี้ขลาดที่มักจะรังแกแค่คนไม่มีทางสู้เท่านั้น แต่เธอไม่ใช่! ชีวิตของเธอต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเล็กทั้ง 5 แล้วคนพวกนั้นยังหมายจะเอาชีวิตเธออีก ขณะนี้เธอแทบจะอับจนหนทางแล้ว!
เมื่อหญิงสาวนึกถึงสถานะตัวเองในปัจจุบัน เธอก็หันขวับไปกระชากหัวของสงฮวาสุดกำลัง
แคว่ก!
แล้วหนังศีรษะแผ่นเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายก็ถูกฉีกออกมาอย่างแรง
เป็นผลให้สงฮวาล้มหน้าคว่ำลงจนเศษดินเข้าปาก และนางกลิ้งไปกับพื้นพลางกุมศรีษะไว้
“กรี๊ดดด หูเจียวเจียว! เจ้าอยากตายมากหรือไง...”
หูเจียวเจียวมองดูสตรีร่างใหญ่ที่นอนโอดครวญอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะหันหลังเดินกลับไปอีกทาง
“ข้าคิดว่าเจ้ามากกว่าที่รนหาที่ตาย ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องลูกของข้าอีก ข้าสัญญาว่าข้าจะถลกหนังหัวเจ้าจนล้านเลย!”
พอพูดจบหญิงสาวก็เดินเข้าไปหาลูก ๆ แต่อีกฝ่ายมองมาที่เธออย่างหวาดระแวงและไม่กล้าเข้าใกล้เธออีก
หูเจียวเจียวที่ได้เห็นเช่นนั้นรู้สึกเสียใจมาก เธอค่อย ๆ ปัดฝุ่นออกจากร่างกายของพวกเขาทีละคน จนมาถึงลูกชายทั้ง 3 ที่ถอยหนีไปก้าวหนึ่งโดยไม่ยอมให้เธอสัมผัสตัว
ผู้เป็นแม่จึงไม่เซ้าซี้หนุ่มน้อยพวกนั้นแล้วหันไปมองหลงหลิงเอ๋อ “เจ้ากลัวมากไหม ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า? ไม่ต้องกลัวนะ ต่อจากนี้ไปแม่จะปกป้องเจ้าเองและจะไม่ปล่อยให้คนอื่นมารังแกเจ้าอีก”
ปัจจุบันเด็กสาวยังคงรู้สึกหวาดกลัว ร่างกายของนางจึงสั่นอยู่ตลอดเวลา ส่วนหลงเหยาที่อยู่ในอ้อมแขนของพี่สาวก็สั่นกลัวไม่ต่างกัน ตอนนี้เขาขดตัวจนเป็นก้อนกลมพลางฝังหัวไว้ใต้หางของตัวเอง
หากมองดูดี ๆ จะเห็นเลือดสีแดงไหลซึมออกมาจากใต้เกล็ดมังกรเล็ก ๆ นั้น
ต่อมา หูเจียวเจียวย่อตัวลงกอดลูกทั้ง 2 แล้วตบหลังสาวน้อยเบา ๆ “หลิงเอ๋อ ไม่ต้องกลัวนะ แม่อยู่นี่”
เมื่อเด็กน้อย 2 คนรู้สึกถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นก็สงบลงทันที และร่างกายที่แข็งทื่อของพวกนางก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
“ท่านแม่ ท่านจะปกป้องพวกเราจริง ๆ หรือ?” หลงหลิงเอ๋อเงยหน้าขึ้นถามแม่ของตนอย่างไม่แน่ใจ
ดวงตาแดงก่ำของเด็กน้อยนั้นเต็มไปด้วยความหวังว่าจะมีใครสักคนมาคอยปกป้องนางให้ปลอดภัย
หูเจียวเจียวรู้ว่าเด็กสาวไม่ไว้ใจตนอย่างเต็มที่ และเธอก็เห็นความเคลือบแคลงสงสัยจากในสายตานั้นได้เช่นกัน
หลงหลิงเอ๋อเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้ง 5 คน นางมีความคิดที่ว่องไวและรู้วิธีหาทรัพยากรต่าง ๆ ที่ดีที่สุด ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยที่ต่อต้านแม่ของตน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการกระทำของเด็กผู้หญิงคนนี้จะจริงใจไปเสียทุกครั้ง
เมื่อหูเจียวเจียวคิดว่าหลงหลิงเอ๋อที่อายุยังน้อยต้องใช้อุบายเช่นนี้เพื่อความอยู่รอด เธอจึงตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจมากขึ้น
“แน่นอน เจ้าเป็นลูกของแม่ แม่จะปกป้องเจ้าเอง!”
ไม่ช้าก็เร็ว เธอจะเอาชนะใจเด็กพวกนี้ได้สำเร็จ!
พอหญิงสาวจินตนาการว่าลูกผอมแห้ง หน้าตามอมแมมพวกนี้ถูกเธอเลี้ยงจนกลายเป็นเด็กตัวขาว ๆ อ้วน ๆ น่ารักที่ทำตัวออดอ้อนเหมือนเด็กทารกอยู่ในอ้อมแขนของตน เธอก็ยิ่งรู้สึกถึงไฟที่ลุกโชนอยู่ในใจ
“ท่านแม่! เจ้าทำร้ายแม่ข้าทำไม! ท่านแม่เจ็บไหม!?”
ท่ามกลางฝูงชน มีเด็กชายตัวอ้วนคนหนึ่งวิ่งพร้อมกับตะโกนไปทางสงฮวา
จากนั้นสตรีร่างใหญ่ที่ความเจ็บเพิ่งบรรเทาลงก็เอื้อมมือไปแตะจุดที่เกลี้ยงเกลาบนหัวของตัวเองด้วยหัวใจที่เจ็บปวดรวดร้าว
เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงในเผ่าภูตจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างมาก และตอนนี้หูเจียวเจียวกล้ามาดึงผมของนางจนล้าน นางจึงยิ่งเกลียดอีกฝ่ายเข้ากระดูกดำ
“แม่ไม่เป็นไร” สงฮวาตอบพลางลุกขึ้นจากพื้นด้วยความอับอาย
อย่างไรก็ตาม เด็กชายร่างอ้วนกลับชี้ไปที่ด้านบนศีรษะของนางและตะโกนว่า “ท่านแม่! ทำไมหัวของท่านถึงล้านแบบนั้นล่ะ น่าเกลียดจัง!”
ใบหน้าของคนที่ถูกทักเปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองทันที
แล้วนางก็ตบหัวลูกของตัวเองดังป๊าบ “ไอ้ลูกหมา พูดบ้าอะไรของเจ้าเนี่ย!”
นั่นทำให้เด็กชายตัวกลมตกตะลึงที่ถูกแม่ตบ เขาจึงยกมือกุมศีรษะด้วยสีหน้าเหยเก “ท่านแม่… ท่านไม่ได้บอกว่าท่านจะมาล้างแค้นแทนข้าหรือ ท่านตีข้าทำไม...”
ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น
แม่ข้าอ้วน พอหัวล้านก็น่าเกลียดขึ้น…
แต่เด็กน้อยไม่กล้าพูดประโยคพวกนี้ออกมาพลางปิดปากตัวเองด้วยท่าทางเศร้าโศกเสียใจ
ขณะนั้นหูเจียวเจียวมองไปรอบ ๆ และจำได้ว่าเด็กผู้ชายร่างหนาคนนั้นคือเด็กเกเรที่โดนเธอขว้างโคลนใส่เมื่อวานนี้ เธอเลยตะคอกใส่อีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิด
“ไอ้ตัวเหม็น ยังกล้ามาเหยียบบ้านข้าอีกรึ? เมื่อวานพวกเจ้ารุมแกล้งลูกของข้าและแย่งเนื้อลูกของข้าไป ข้ายังไม่ได้ชำระบัญชีกับพวกเจ้าเลยนะ!”
เด็กชายตัวอ้วนรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่มาจากหูเจียวเจียว เขาเลยซ่อนตัวอยู่หลังก้นของผู้เป็นแม่
“ท่านแม่ นางจะตีข้า!”
ตอนนั้นเองไขมันบนใบหน้าของสงฮวาก็สั่นไหว นางจ้องมองศัตรูแบบโกรธจัด “หูเจียวเจียว! เจ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วยังกล้ามารังแกเด็กอีกรึ เจ้ามันหน้าไม่อาย!”
“เมื่อกี้เจ้าตีลูกข้า เจ้ามันก็หน้าไม่อายไม่ต่างกันหรอก” จิ้งจอกสาวมองอีกฝ่ายพลางแสยะยิ้มที่มุมปาก
“นี่เจ้า! ข้าแค่กำลังช่วยเจ้าสั่งสอนไอ้สวะพวกนั้น!” สงฮวาหน้าแดงก่ำเพราะโทสะที่พุ่งขึ้นสูง จากนั้นนางก็ลากลูกชายตัวจ้ำม่ำมาข้างหน้า ก่อนจะชี้ไปที่หน้าผากของเขา
“ไอ้ตัวเล็กพวกนั้นตีหัวลูกของข้าเมื่อวานนี้ ข้าแค่จะสั่งสอนพวกมันให้สำนึกเท่านั้น! พวกมันเป็นแค่เด็กเหลือขอ พอโตขึ้นก็เป็นได้แค่สวะไร้ประโยชน์ พวกมันสมควรรีบตาย ๆ ไปซะ!”
คำว่า ‘สวะไร้ประโยชน์’ เสียดแทงหัวใจของเด็กทั้ง 5 คนมาก
“เราไม่ใช่สวะสักหน่อย!” หลงอวี้กำหมัดแน่นพลางตะโกนเถียงอย่างไม่พอใจ
ในไม่ช้าก็เร็ว เขาจะเอาชนะพวกภูตที่รังแกพวกเขาให้จงได้! เขาจะทำให้พวกมันมาคุกเข่าขอโทษน้อง ๆ!
หลงจงกัดฟันแน่นแล้วจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเกลียดชัง “ถ้าเจ้ากล้าก็ฆ่าข้าซะเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นพอข้าโตขึ้น ข้าจะฆ่าเจ้าก่อนเป็นคนแรก!”
ตึกตัก ๆๆๆ!
เมื่อเห็นความเกลียดชังในดวงตาของลูกชายคนที่ 3 หัวใจของหูเจียวเจียวก็เต้นรัว
หลงจงเริ่มแสดงสัญญาณที่จะเข้าสู่ด้านมืดแล้ว!
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: โลกภูตไม่มีที่ยืนสำหรับคนอ่อนแอ เพราะงั้นมันต้องซัดกลับแบบนี้แหละ!
ปล.ผู้ใหญ่บางคนอาจไม่รู้ตัว แต่คำพูดพวกนี้มันฝังใจเด็กจริง ๆ นะ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 312
แสดงความคิดเห็น